วันแรงงาน จัดขึ้นเพื่อ ให้แรงงานหยุดงานมารวมตัวกันเพื่อเรียกร้องสิทธิต่อนายจ้าง และรัฐ
แต่สิ่งที่เห็น คือ มีคนต้องทำงานในวันนี้เต็มไปหมด
คนที่ไม่ได้ทำงาน ก็ถือเอาเวลานี้ไปโรงพยาบาลเพื่อซ่อมแซมร่างกายที่สึกหรอจากการทำงาน หรือพาครอบครัว/ตัวเองไปพักผ่อน
วันแรงงาน เพื่อผู้ใช้แรงงาน จึงพ่ายแพ้ต่อ การกิน เที่ยว และรักษาสุขภาพ ไปโดยปริยาย
คำถามสำคัญ ในวันแรงงาน แรงงานต้องการอะไร
ค่าจ้างเพิ่มขึ้นใช่ไหม?
คำตอบที่ได้ คือ ถ้าไม่ควบคุมราคาสินค้า ก็แย่เหมือนเดิม
ตายยิ่งกว่า ถ้ารัฐประกาศล่วงหน้าว่าจะขึ้นค่าแรงขั้นต่ำ เพราะสินค้าขยับราคาขึ้นไปรอท่าแล้ว
388 บาทต่อวัน จึงจะพอหายใจพ้นน้ำ แต่ได้จริงแค่ 300 แล้วอยู่ได้อย่างไร?
ตอบง่ายๆ ก็ โอที ไง
โอที จึงเป็น อาวุธสำคัญที่นายจ้างใช้ควบคุมคนงาน ใครหืออือ ไม่ต้องไล่ ไม่ต้องแกล้ง แค่ไม่ให้ทำโอที ก็พอ
โอทีกินเวลาที่เหลือในชีวิตของแรงงานไปทั้งหมด การพบปะ พูดคุยกัน ทำกิจกรรม หรือหาทางรวมตัวเรียกร้องสวัสดิการและความปลอดภัยเพิ่มเติมจึงยาก
เลิกงานปุ๊ย ก็กลับบ้านหลับเป็นตาย แล้วรีบตื่นขึ้นมาสู้ชีวิตใหม่ในวันรุ่งขึ้น
ปัญหาของแรงงานทั้งหมดจึงถอดออกมาง่ายๆ ได้ 3 อย่าง คือ
1. เงินไม่พอ เพราะ
2. สินค้าราคาแพงขึ้น
3. ไม่มีเวลาไปคิด วิเคราะห์ รวมตัว จัดตั้ง เรียกร้องสิทธิกับรัฐ หรือนายจ้าง
ใครคือต้นเหตุของ 3 สาเหตุนั้น
1. ใครให้เงินไม่พอ
2. ใครทำให้สินค้าราคาแพง
3. ใครดูดเวลาในชีวิตแรงงานไป
พบคำตอบว่า
1. นายจ้าง/บรรษัทกดค่าแรงให้ต่ำสุด หากหืออือ ย้ายฐานการผลิต
2. นายจ้าง/บรรษัทผูกขาดตลาดและการผลิตสินค้า/บริการ
3. เมื่อไม่พอใช้ คนก็ยิ่งต้องทำงานหลายอย่าง หลายกะ ให้บรรษัท/นายจ้าง เวลาให้เพื่อนแรงงาน สังคม ครอบครัว และตัวเอง จึงหายไป
โดยมี "รัฐ" ยืนทำตาปริบๆ เห็นปัญหา แต่ไม่รู้ทำไมว่าไม่ยอมแก้ไข แต่พร่ำพูดเสมอไปว่า จะแก้อะไร แค่ดึงดูดการลงทุนให้ได้ก็เหนื่อยแล้ว
หากคิดว่าปัญหาของแรงงานเป็นเรื่องใหญ่ เห็นจะไม่พ้น ต้องเข้าไปยึดอำนาจรัฐ เพื่อไปกำกับ "บรรษัท" ให้ได้
หวังจะให้ พรรคนายทุนเก่า นายทุนใหม่ มาแก้ให้คงจะไม่ไหวอีกแล้ว มองหาเพื่อนแรงงานนอกที่ทำงานกันเถิด
หรือ พรรคใด อยากจะชนะการเลือกตั้งครั้งต่อไป ควรมาขายนโยบายแก้ไขปัญหาแรงงานโดยตรงกันได้แล้ว หรือไม่กล้าเพราะว่ายังรับเงินอุดหนุนจากเจ้าสัวกันอยู่
อย่าลืมว่า ผู้มีสิทธิเลือกตั้งส่วนใหญ่ คือ ผู้ใช้แรงงาน