บัติ-ใจ-สู้ สามคำที่อยากแนะนำตัวเองให้ทุกคนได้รู้จัก “บัติ” มาจากชื่อจริงชื่อ สมบัติ แก้วเนื้ออ่อน “ใจ” มาจากสิ่งที่เริ่มทำในชีวิตส่วนใหญ่มักเริ่มต้นมาจากความรู้สึกที่เกิดขึ้นผ่านใจ ถ้าใจอยากทำ ยังไงก็จะทำต่อไปจนสำเร็จให้ได้ ส่วนคำว่า “สู้” เป็นคำที่ชอบให้กำลังใจตัวเองอยู่บ่อยๆ และเป็นคนหนึ่งที่ชอบพูดให้กำลังใจตัวเองและกอดตัวเองในยามที่เหนื่อยหรือหมดแรง แต่ก่อนนอนส่วนใหญ่ก็จะกอดตัวเองและปลอบตัวเองเสมอว่า “วันนี้ทำดีแล้วนะ ได้เวลาพักผ่อนแล้ว ตื่นเช้าจะได้มีแรงสู้ต่อ”
บัติ เป็นคนไม่ชอบใช้ฐานหัว คือไม่ชอบฐานคิด ชอบการเดินทาง ชอบคิดระหว่างเดินทาง ฟังเสียงหัวใจเพื่อรับรู้ความรู้สึกข้างในตัวเองเป็นหลัก แล้วหาวิธีเรียนรู้เพื่อตอบสนองให้ตรงกับสิ่งที่คิดว่าข้างในของเรากำลังต้องการ “Storytellers in Journey” จึงตอบโจทย์ตัวเองมากๆ ในตอนนั้น เพราะช่วงเวลา ณ ขณะนั้นชีวิตเหมือนกำลังขาดไฟมาก คือเรารู้นะว่าลึกๆ แล้วเราต้องการไร ต่อให้เรามีงานที่ต้องทำเป็นประจำ ตอบโจทย์ชีวิตที่ได้มีงานที่ตนเองอยากทำและมีให้ทำเรื่อยๆ แต่ถึงอย่างนั้นตอนนั้น ระยะเวลาและสิ่งต่างๆ ที่มันเริ่มวนซ้ำๆ ในชีวิตประจำวันมันก็เริ่มทำให้เราเบื่อ Storytellers in Journey จึงเป็นอะไรที่ใช่มากที่เข้ามาในตอนนั้น มันพาให้เราติดเครื่องมือใหม่ให้ตัวเอง แล้วก็พาเราออกไปยังโลกแหล่งเรียนรู้ที่เราต้องการ โลกที่ในแผนที่ประเทศไทยนี้คุณอยากไปเรียนรู้ที่ไหนบอกมา แต่แค่บอกช่วยสื่อสารให้ผู้อื่นรับรู้ด้วยหน่อยว่าคุณได้เรียนรู้อะไรแล้วคุณก็ไปได้ คุ้มไหมล่ะชีวิตนี้ เอาเป็นว่าเรามาออกเดินทางไปพร้อมกันเลยดีกว่า
บัติเดินทางจากสทิงพระ ไปกรุงเทพมหานครโดยนั่งรถทัวร์ ไปร่วมกิจกรรม Storytellers in Journey ณ เรือนร้อยฉนำ วันแรกดีใจและโคตรตื่นเต้นมากๆ ที่จะได้เจอเพื่อนใหม่ คิดในใจว่าเราคงอายุ24 ปีแล้ว น่าจะเยอะสุดในรุ่น เพราะเค้ารับสมัครอายุ 18-25 ปี แต่เปล่าเลยมีคนรุ่นเดียวกับเรามาร่วมด้วย แต่ส่วนใหญ่ก็จะเป็นรุ่นน้อง วันแรกเราลงทำความรู้จักผ่านกระบวนการต่างๆ เช่น ทำการศึกษาที่เราต้องการให้เกิดขึ้น แล้วก็แลกเปลี่ยนกันผ่านกลุ่มต่างๆ เรียนรู้เรื่องศึกษากับ การเรียนรู้มันต่างกันอย่างไร และพอช่วงเย็นๆถึงค่ำหน่วยก็เรียนเกี่ยวกับการเขียนเรื่องราว เล่าเรื่องราวในชุมชน ส่วนตัวหลักๆ การเรียนรู้ที่ได้จากจุดนี้คือ 1. มองเห็นและตระถึงความสำคัญทั้งการเรียนรู้และการศึกษามีล้วนมีความสำคัญที่แตกต่างกัน แต่จะขาดสิ่งใดสิ่งหนึ่งนั้นไม่ได้ 2. การเขียนบทความหรือเขียนเล่าเรื่องที่ดีอย่าลืมใส่ความรู้สึกที่เชื่อมโยงกับคนเขียนลงไป ซึ่งด้วยกระบวนมันก็พาเราๆ ผู้เข้าร่วมได้รู้จักสนิทสนมกันมากขึ้น มากพอที่จะปรึกษาถึงแผนการวันต่อไปที่จะลงพื้นที่เรียนรู้จริงว่าแต่ละคนจะไปที่ไหนกันบ้างเผื่อจะได้เดินทางไปด้วยกัน
วันที่สองแห่งการเรียนรู้ในค่าย Storytellers in Journey ณ เรือนฉนำ กทม. เช้านี้ทุกคนเผยความในใจสถานที่ที่จะได้ลงแลกเปลี่ยนเรียนรู้ จุดประสงค์หรือความต้องการที่จะไปที่นั่น ซึ่งบัติได้เลือกแหล่งเรียนรู้คือ สวนไฟฝัน กลุ่มไม้ขีดไฟ จังหวัดนครราชสีมา เพราะนอกจากมันใกล้เพราะมีเวลาน้อยในการเรียนรู้ส่วนตัวต้องรีบกลับสงขลาไปจัดการเคลียร์งานตนเองด้วย แต่ทั้งนี้ สวนไฟฝัน กลุ่มไม้ขีดไฟก็เป็นสิ่งที่ไฟในตัวบัติตามหาเพราะ หนึ่งในเป้าหมายของการมา Storytellers in Journey ของบัติคือ อยากได้พลัง แรงบันดาลใจ ตัวอย่างการขับเคลื่อนของคนหนึ่งที่เข้าไปทำงานกับเด็กในชุมชน เค้าเป็นยังไง ใช้อะไรบ้าง จึงตัดสินใจไป ณ ที่แห่งนี้
ออกเดินทางมาแล้วกับรถตู้ กทม. เพื่อไปลง ตลาดปากช่อง ตอนนั่งรถตู้มาคิดถึงเพื่อนๆในค่ายมากๆ คิดถึงทุกอย่างที่เกิดขึ้น เพียงแค่ไม่กี่ชั่วโมงที่เราได้อยู่ร่วมกันในค่าย ในก็ทำให้เราคิดถึงกันได้ ซึ่งบัติคิดว่ามันเป็นเสน่ห์ของการเรียนรู้แบบนี้นะ การมีคนกลุ่มหนึ่ง มาเรียนรู้ด้วยดัน เปิดใจคุยกัน รับฟังแชร์ปัญหาร่วมกัน นี่แหละคือโลกแห่งการเรียนรู้ที่แท้จริง และการเรียนรู้ที่แท้จริงมันถึงจะเกิดขึ้น ต้องสร้างบรรยากาศความปลอดภัยให้ได้แบบนี้เลย และเป็นอีกหนึ่งเหตุผลที่ทำให้ตัวบัติชอบมาเรียนรู้ในค่ายบ่อยๆ รถตู้ขับมาเรื่อยๆ จนถึงปลายทางคือตลาดปากช่อง มีปัญหานิดหน่อยคือคนที่จะมารับเขารอเราอยู่ให้เราต้องรีบหาทางไปเจอ แต่พี่คนขับรถตู้ใจดีขับพาเราไปส่งถึงที่หมาย จนได้เจอคนมารับ “ขอบคุณครับพี่” “สวัสดีครับพี่” บัติขอบคุณคนขับรถตู้ที่มาส่งแทนการเอ่ยลา และสวัสดีพี่คนใหม่ที่มารับแทนการพบเจอ มีพบก็ต้องมีจาก มีจากก็ต้องมีเจอ ตั้งแต่โตขึ้นมาเริ่มคุ้นชินกับคำๆนี้มากขึ้นเรื่อยๆ จนพักหลังไม่เศร้าแล้ว แต่จะเปลี่ยนเป็นรอยยิ้มอิ่มใจทุกครั้งที่ต้องจากลา เพราะได้ทำหน้าที่ระหว่างที่ได้อยู่ด้วยกันอย่างเป็นที่แล้ว การจากลาก็เป็นพียงคำทักทายคำหนึ่งที่เพียงต้องใช้เวลารอคอยเพื่อมาพบกันใหม่ รถพามาจนถึงที่หมายปลายทาง สวัสดีสวนไฟฝัน กลุ่มไม้ขีดไฟ มือแล้วกินข้าว เข้านอนกันเถอะ
สวัสดีตอนเช้า วันนี้ตื่นเร็วจัง สถานที่ใหม่ ชีวิตใหม่ ก็ตื่นเร็วเป็นธรรมดา การเดินทางมันดีอย่างนี้นี่เอง ได้พาเราออกจาก Pattern เดิมๆ ของเรา เมื่อเราเจอโลกใหม่ ความรู้สึกใหม่ ประสาทสัมผัสในร่างกายทั้งหมดมันก็ยังไม่คุ้นชิน มันจึงกระตุ้นตัวเองให้ทำหน้าที่ได้ดียิ่งขึ้น แท้จริงแล้วนั้นตื่นมาก็เพราะเจ้าบ้านบอกว่าจะให้มาช่วยทำกับข้าวในตอนเราก็เท่านั้น เอาเป็นว่าก็ตื่นมาแล้วนะไปต่อล่ะกัน ชีวิต ณ ที่ใหม่มันสนุกมากเหลือเกิน เราต้องแนะนำตัวให้กับคนที่เราไม่รู้จัก ซึ่งเค้าก็เป็นคนใหม่สำหรับเรา และแต่ละครั้งที่เราแนะนำตัวเราออกไป ว่าเราเป็นใคร ชื่ออะไร มาจากไหน มาทำอะไร ต่างๆนานา มันก็เหมือนกับว่าเราได้ทบทวนตัวเราเองไปด้วยในตัวนะว่าเรารู้จักตัวเองในแบบไหน หรือจำตัวเองในแบบไหน ทุกคำที่เราแนะนำตัวของเราออกไปมันก็บ่งบอกถึงความเป็นตัวเอง และที่สำคัญเราอยากให้ใครคนนั้นที่กำลังฟังเราจำหรือรู้จักเราในมุมไหนล่ะ ก็ลองแนะนำไปดูสิ แต่ยังไม่ต้องรีบหรอกอันนี้ขอแนะนำ ค่อยๆ เรียนรู้ทำความรู้จักกันไป บางอย่างในการทำความรู้จักกันคำพูดอาจอธิบายไม่ได้ ต้องอาศัยการกระทำ ว่าล่ะพี่ดูแลที่นี่ก็ถามเราว่า เราถ่ายรูปเป็นไหม เดี๋ยวจะลองให้ถ่ายงานให้ ตอนนั้นในใจถึงถ่ายไม่เป็นแต่ใครจะบอกล่ะว่าถ่ายไม่เป็น อดเรียนรู้กันพอดี จึงบอกไปว่า ถ่ายพอได้ครับ แต่แนะนำเพิ่มเติมหน่อยน่าจะดีครับผม พูดจบ เราก็เดิมมาเตรียมของถ่ายรู้ พี่เค้าก็แนะนำถ่ายให้ดูเป็นตัวอย่าง เราก็ศึกษาลองดู ได้แสง ได้โฟกัส จับกล้องได้ตามต้องการก็ถ่ายสบายบรื๋อจนเสร็จสรรพ
ผ่านมาช่วงบ่าย ละวางจากงานถ่ายภาพ พรุ่งนี้กลุ่มไม้ขีดไฟมีงานต่อ จัดกระบวนการละครที่สมุทรสาคร มีโชคเรามีทักษะเพราะเป็นนักศึกษาเรียนเอกการละครได้ลงแหล่งเรียนรู้ไปเรียนต่อกับพี่ๆกลุ่มไม้ขีดไฟ การเรียนรู้มันเรียนได้ตลอดชีวิตจริงๆ ถึงจบชีวิตก็ยังเรียนรู้ไม่หมด ว่าแล้วออกเดินทางโดยรถยนต์ส่วนตัวของพี่เชอร์กลุ่มไม้ขีดไฟ จรลีสวัสดีสมุทรสาคร มาถึงที่พักสวยหรูใกล้คลองดำเนินสะดวกมิใช่นอนเมื่อมาทำงานเพื่อการเรียนรู้มาถึงดึกแค่ไหน ฝนจะตกหนักแค่ไหนเราก็ต้องมานั่งวางแผนกระบวนการในทีมร่วมกันเพื่องานที่ดีจะยื่นมือให้ถึงแด่ผู้ร่วมในเช้าพรุ่งนี้ คุยๆแล้วก็คุยๆๆ แล้วก็ขโมยๆความรู้แล้วก็คุยๆๆ
ถึงรุ่งเช้าได้เวลาโชว์ของจัดกระบวนการละครให้แก่ผู้เข้าร่วม ส่วนตัวเองได้เรียนรู้อะไรเยอะมากจากการทำกระบวนการครั้งนี้ เหมือนพาตัวเองมาแสนไกล จากใต้ขึ้นอีสานเพื่อมาเลื่อนจิ๊กซอร์ส่วนที่ยังต่อสลับตำเหน่งให้มาเข้าที่ มองเห็นกระบวนการละครที่รวดเร็ว ง่าย ทันใจ แยบยล สนุก มีทางเลือกให้หลายทาง มองกระบวนการชัดเจนขึ้น และยังมีเวลาว่างสอดส่องเรียนรู้การทำงานกับเด็กในชุมชน การก่อตั้งกลุ่มไม้ขีดไฟ และความเป็นมาต่างๆ ของกลุ่ม ซึ่งกลับมาโชคดีเด็กๆ นัดพี่เชอร์พี่ที่ดูแลน้องๆในชุมชนให้ไปรับเพื่อพาไปงานใกล้ๆ ชุมชน เราก็ขอติดรถไปด้วย ไหนๆก็มาเรียนรู้แล้วจะไปไหนไปกัน จำได้ว่าคืนนั้นสนุกมากๆ จำเด็กได้ชัดมากๆ เค้าทักทายเราแบบโครตน่ารักเหมือนสนิทสนมกันมาเมื่อชาติปางก่อน ชวนเราเที่ยวงานในชุมชน คุยเล่าเรื่องราวต่างๆ ให้เราฟัง นี่สินะเด็กน้อย สดใสน่ารักเช่นนี้นี่เอง
ขอบคุณชุมชนที่ยังรักษาความเป็นเด็กน้อยสดใสน่ารักในตัวเขา
ความรู้สึกจากการเดินทางครั้งนี้ ฉันรู้สึกประทับใจมาก ชอบกระบวนการที่ให้ผู้สนใจเป็นผู้กรอกใบสมัครตั้งแต่ต้นมันทำให้เราเหมือนต้องเตรียมตัวและรับรู้ว่า การเรียนรู้ในครั้งนี้คุณต้องจัดการตัวเอง และตลอดการเดินทางของฉันมันเกิดขึ้นเช่นนั้น สิ่งหนึ่งที่ฉันมองเห็น คือ การเรียนรู้ที่แท้จริงมันจะเกิดและอยู่ในเนื้อในตัวตลอดไป แม้กระทั่งบางสิ่งที่คำพูดไม่สามารถอธิบายมันออกมา แต่เชื่อเถอะว่ามันอยู่ในนั้น และนี้แหละคือการเรียนรู้ของฉัน
รักนะ Storytellers in Journey