Skip to main content

บ้านจ๋า

ในช่วงเวลากลางวันปา(เพื่อนของผมที่อยู่ที่นั้น)ได้ชวนผมไปกินก๋วยเตี๋ยว แต่ก่อนจะไปเราไปชวนต่าย(เป็นเพื่อนของผมอีกคน)อีกคนก่อนดีกว่า ซึ่งก่อนออกจากบ้านปาก็ได้บอกผมว่าแป๊ปนึงนะจะปิดบ้านแป๊ป ผมก็รอน่าจะประมาณ5นาทีพอปิดบ้านเสร็จเราก็ได้เดินทางไปยังบ้านของต่าย แต่หมู่บ้านนี้เป็นหมู่บ้านที่ไม่ใหญ่มากแต่ก็ไม่ได้เล็ก บ้านของชาวบ้านที่นี่ส่วนใหญ่จะไม่อยู่แบบติดๆกันมากจนเกินไป แต่มันจะมีบางช่วงของหมู่บ้านที่บ้านคนจะหายไปเลย พอเดินต่อไปสักพักก็เห็นบ้านคนผมเลยถามว่านี้เราเดินทะลุมาอีกหมู่บ้านแล้วหรือเปล่า(คือมันไกลอะ) เพื่อนผมก็ได้บอกว่ายังอยู่หมู่บ้านเดียวกันนะถ้าจะไปอีกหมู่บ้านต้องข้ามดอยไปอีกดอย ผมก็ลองคิดดูคือถ้าผมต้องมาเรียนที่นี่ผมขอมอเตอร์ไซต์สักคันเหอะคือมันมีบางช่วงของหมู่บ้านที่ห่างกัน แต่มันก็เดินได้นะแต่ถ้าต้องเดินเกินวันละ2รอบมันก็จะขี้เกียจหน่อยๆ

พอถึงบ้านของต่ายผมกับปาก็ได้นั่งพักและชวนต่ายไปกินก๋วยเตี๋ยว ต่ายมันก็บ่นว่านี้พึ่ง10โมงเองจะให้ไปกินข้าวเที่ยงแล้วเหรอ ส่วนตัวผมผมอยากไปมากเพราะผมนั้นยังไม่ได้กินข้าวเช้าเลย ผมเลยบอกต่ายว่า ไปเถอะกว่าจะเดินถึงร้านอาหารก็11โมงพอดีแหละ จากนั้นเราเลยชวนไปเรื่อยๆจนต่ายนั้นน่าจะรำคาญ ต่ายเลยบอกว่าจะไป ผมกับปาเลยนั่งรอซึ่งบ้านของต่ายนั้นก็เหมือนบ้านของปานะครับคือปิดประตูบ้านกว่าจะครบทุกบานนานมาก ผมนั้นเลยลองสังเกตดูคือบ้านหลังนึงถ้ามองจากด้านหน้าก็จะมีประตูอยู่2บานและจะมีหลังบ้านอีกประมาณ1บานแล้วประตูในบ้านอีก นี้เลยเป็นสาเหตุที่กว่าจะได้ออกบ้านแต่ละทีมันช้าสะเหลือเกิน (หิวข้าวจนจะขาดใจตายอยู่ละ)

 

ไปฟาดข้าวกันเถอะ 

ในตอนกลางคืนของวันที่10เราได้เดินเดินทางจากที่โรงเรียนไปที่ไร่ของลุง ตอนแรกเราตั้งใจว่าจะไปฟาดข้าวกันแต่พอไปถึงไร่ก็มีคนบอกว่าข้าวนั้นฝาดไปหมดแล้ว เราเลยได้ไปพัดข้าวเปลือกหรือภาษาที่นั้นเรียกว่าหวี่บือ เมื่อเราฝาดข้าวเสร็จเมล็ดข้าวที่ได้นั้นมันก้จะมีทั้งข้าวลีบและข้าวเปลือกปนกันอยู่ ซึ่งการที่เราจะแยกข้าวลีบออกจากเมล็ดข้าวก็จะใช้วิธีพัดเพื่อให้ข้าวลีบนั้นปลิวออกไป ก่อนที่เราจะพัดข้าวนั้นก็มีน้องๆที่ศูนย์การเรียนเปิดเพลงมันๆไปด้วยระหว่างการทำงาน ในตอนแรกที่ผมไปถึงไร่นั้นผมไม่ค่อยอยากจะทำเท่าไหร่เพราะผมกลัวแพ้แล้วผื่นขึ้น แต่พอเห็นคนอื่นๆทำผมก็เลยอยากทำบ้าง ผมเคยทำเกี่ยวกับการพัดข้าวมาบ้างในตอนเด็กๆแต่ก็ไม่ค่อยได้ทำในตอนโต พอเห็นโอกาศแบบนี้เลยรีบของลงไปลุยทันที ในช่วงแรกๆผมนั้นออกแรงได้เยอะเลยพัดได้แรงมาก(ในความคิดผมนะ)แต่พัดไปได้สัก5นาทีก็เริ่มจะหมดแรง เลยมีคนมาขอเปลี่ยนผมก็เลยได้พักในตอนนั้นผมรู้สึกแขนซ้ายของผมมันแข็งและมันตึงไปทั้งแขนเลย แอบคิดอยู่ในใจเราจะต้องปวดแขนแน่เลยแต่ก็ยังอยากทำต่อ  ในตอนพักที่นั้นก็จะมีข้าวเหนียวห่อใบไม้มาให้กินระหว่างพัก ซึ่งข้าวเหนียวนั้นเป็นข้าวเหนียวเปล่าที่หอมและน่ากินมาก บรรยากาศในตอนทำงานนั้นก็สนุกกันมากมีเสียงเพลงและมีและเสียงจากการให้จังหวะกัน โทเม่โท(จะโยนหรือไม่โยน) และคนที่พัดข้าวก็จะบอกว่า โท(โยน) คนโยนข้าวข้าวนั้นสำคัญมากเพราะคนผัดเขาจะไปไปทีละนิด คนที่โยนก็จะไปเอาข้าวจากกองที่ยังไม่ได้พัดโยนไปยังกองที่พัดและค่อยๆพัดไป  พอเวลาผ่านไปถึงประมาณ4ทุ่มทุกคนก็เริ่มง่วงเพราะคงเหนื่อยแล้ว ทุกคนก็จะกลับไปสู่ที่พักที่ศูนย์การเรียนแต่ระหว่างนั้นผมกำลังพัดข้าวอยู่พวกพี่ๆที่ได้เดินทางไปก็ได้มาชวนกลับไปพร้อมกัน แต่ผมนั้นก็ยังไม่กลับเพราะเห็นว่าข้าวที่ยังไม่ได้พัดเหลือนิดเดียวเลยจะอยู่ทำให้เสร็จ และผมก็ไปพัดร่วมกันกับ ลุง ครูและพี่จากศูนย์การเรียน พอหมดผมก็ดีใจมากแบบจะได้พักแล้วโว้ยเพราะตอนนั้นก็หมดแรงแล้วละก็ปวดแขนทั้ง2ข้างละด้วย แต่พอผมมองดูคนอื่นท่าทีเขาเหมือนจะยังไม่กลับก็เลยงงหน่อยๆ เลยมองดูรอบๆเฮ้ยข้าวมันยังไม่หมดละมันเหลืออีกองนึงซึ่งใหญ่กว่ากองที่ผมเห็นว่าเหลือตอนตอนที่ทุกคนกลับอีก จังหวะนี้นี้คือแบบจะเอาไงดีอยากจะกลับแล้วเพราะเหนื่อยแต่งานก็ยังไม่เสร็จ ผมก็ได้เลือกที่จะลุยให้เสร็จและช่วยได้เท่าที่กำลังที่ในตอนนั้น และแล้วมันก็เสร็จซึ่งแบบดีใจมากๆจะได้กลับไปอาบน้ำนอนแล้วตอนนั้นเวลาก็ประมาณ5ทุ่มที่ทุกอย่างเสร็จแล้วก็เดินกลับไปที่ศูนย์อาบน้ำหัวถึงหมอนแล้วก็หลับไปเลย

 

 

ไปตกปลาในป่ามรดกโลก

 

ในวันที่11 ตอนเช้าที่ผมอยู่ที่สะเนพ่อง ผมได้เดินไปจากที่ศูนย์การเรียนไปที่บ้านของปาพอไปถึงผมก็ได้เจอปากับลังถอนหญ้าอยู่หน้าบ้าน ก็เลยได้เดินไปคุยกับปาเราทั้ง2สองก็คุยตามประสาเพื่อนกันที่นานทีเจอกัน นั่งไปสักพักผมก็เหลือบไปเห็นเบ็ดตกปลาผมก็เลยถามปาว่า ที่นี่เขาตกปลากันด้วยเหรอ ปาก็ได้ตอบผมว่า ป้าของเขาจะออกไปตกปลาเพื่อเอาเป็นอาหารแมว พอรู้ว่าที่นี่ตกปลาด้วยผมก็อยากไปตกปลามั้งเพราะตอนเด็กๆผมชอบที่จะออกไปตกปลาที่แม่น้ำแถวบ้านคนเดียวบ่อย และก็อยากจะลองทดสอบตัวเองด้วยว่าฝีมือการตกปลาที่มีในตอนเด็กพอโตมาจะเหลืออะไรบ้าง ผมก็เลยบอกปาว่าเอางี้ไหมถ้าเราช่วยถอนหญ้าปาต้องพาเราไปตกปลาเป็นข้อแลกเปลี่ยน ปาก็ตอบตกลงที่จะพาไปตกปลาอย่างง่ายดาย ผมก็ช่วยปาถอนหญ้าแล้วปาก็พูดขึ้นว่าอยู่บ้านถอนหญ้าที่บ้านบ่อย ผมก็ตอบเลยว่าไม่ทำ ปายิ้มเล็กน้อยละพูดขึ้นว่าอยู่บ้านพี่ไม่ทำแต่มาทำที่บ้านหนูเนาะ ปกติที่นี่เวลามีแขกมาเขาจะไม่ให้แขกทำงานนะ ผมก็ตอบไปว่า เออเราไม่ใช่แขกนะเราเป็นเพื่อนกัน5555 ผมกับปาได้ใช้เวลาในการถอนหญ้าจากช่วงเช้าๆๆไปน่าจะถึงประมาณ11โมง เราก็ได้ไปกินข้าวกันที่ร้านอาหารตามสั่งร้านนึงในที่หมู่บ้าน แล้วก็ได้เดินทางไปตกปลาเราไปตกปลากันทั้งหมด5คน ผม พี่พจ ปา เสา ละน้องในศูนย์อีกคน ระหว่างทางผมก็ได้คุยเรื่องป่าของที่สะเน่พ่องกับปาถามไปถามมาผมก็พึ่งจะรู้ว่าที่นี่เป็นป่ามรดกโลก ผมก็ถามปาว่าเขาห้ามคนนอกไปหาปลาใช่มะถ้าจำไม่ผิด ปาก็ได้บอกผมว่าไม่เป็นไรหรอก ผมก็พูดต่อว่าไม่เป็นไรหรอกเดี๋ยวเราก็จะมาเป็นคนที่นี่แล้ว555 พอผมได้รู้ว่าที่นี่เป็นป่ามรดกโลกภาพจินตนาการในหัวของผมคือมันต้องมีปลาในแม่น้ำเยอะและปลามันต้องตกได้อย่างง่ายๆแน่นอนคงไม่มีปันหาอะไรเกี่ยวกับการตกปลาแน่ๆ ในใจแอบหวังว่าอยากกินปลาแม่น้ำปิ้งสักตัวเพราะปลาที่เราตกได้มาสดๆแล้วเอามาปิ้งให้สุกมันจะหอมมากๆและรสชาติของเนื้อปลาก็จะหวานถ้ากินกับพริกบ่นเกลือและบีบมะนาวลงไปอีกหน่อยจะได้รสชาติที่อร่อยลงตัวหอมและน่ากินมาก พอไปถึงแม่น้ำพวกผมก็ได้เริ่มตกปลากัน เราไปกัน5คนและเอาเบ็ตไป2อันผมกับเสาได้เริ่มตกปลาก่อนพอเริ่มตกจริงๆ มันไม่ง่ายเหมือนที่ผมคิดไว้ ตอนแรกที่เราขว้างเบ็ตลงแม่น้ำผมก็ปล่อยให้ปลามันค่อยกัดเหยื่อไปทีละนิดและเหยื่อก็หมดเป็นแบบนั้นได้สักพัก ก็มีเพื่อนๆสักคนบอกว่าปลาที่นี้ถ้ามันกัดเบ็ตก็ให้ดึงเลยเพราะว่าปลามันจะไม่กัดเหยื่อไว้เหมือนพวกปลาดุกปลานิล พอรู้อย่างนี้ผมก็เริ่มทำตามคำแนะนำพอปลากัดเบ็ตผมก็ดึงทันทีแต่ผมน่าจะดึงแรงเกินไปนิดนึงปลาเลยไม่ติดขึ้นมาเลย เพราะเวลาเราดึงเบ็ดขึ้นมานั้นความเร็วความแรงจังหวะทุกอันมันต้องเข้ากันมันถึงจะดึงปลาให้ติดขึ้นมาได้ ตกไปสักพักเสาก็ได้ปลามา1ตัวเราก็เริ่มย้ายที่กันที่ๆย้ายไปนั้นมันทั้งร้อนและไปไม่มีปลา(รู้สึกว่าจะแย่กว่าที่แรกอีก) แล้วก็ย้ายที่อีกในที่ใหม่นั้นปาก็เริ่มเก็บผักกูดผมก็เลยเลิกตกปลาละไปเก็บผักกับปาแทน ที่ปาไปเก็บผักเพราะเขาคงรู้แหละว่าตกปลาคงไม่ได้กิน555 แล้วพวกผมก็ได้เดินทางกลับ(จำนวนปลาที่ได้ทั้งหมด2ตัว)ก็ไปเจอกับป้าของปาที่ทำงานอยู่ที่สวนที่ริมแม่น้ำ และป้าของของปาระหว่างทำสวนก็จะตกปลาไปด้วยเราเลยได้ไปดู ป้าของปาตกได้เยอะมากและปลาที่ป้าของปานั้นตกได้นั้นภาษาปกาเกอญอที่บ้านผมนั้นเรียกว่าหย่าเปอลาแต่ผมไม่รู้ว่าที่นั้นหรือภาษาไทยเรียกว่าปลาอะไร มันเป็นปลาที่หาได้ยากมากแถวบ้านผมและรถชาติของมันก็อร่อยกว่าชนิดอื่นๆด้วย (สุดท้ายผมก็ได้กินแค่ผักกูดครับ)

 

.

.

.

.

.

.

.

.

 ในระหว่างทางผมนี้สงสารพี่พจ(พี่ที่มาด้วยกัน)มากเพราะคือแบบพี่เขาก็ไม่เคยรู้จกใครมาก่อนต่างจากผมที่มีเพื่อนอยู่ที่่นั้นหลายตอนตกปลาก็เลยมัวแต่คุยกับเพื่อนจนลืมพี่พจไปเลย5555 ผมขอโทษครับพี่ที่บางทีลืมพี่ไป

 

 

 

ภาพจาก https://web.facebook.com/1116799105038920/photos/a.1116840495034781/1116840375034793/?type=1&theater

บล็อกของ Storytellers

Storytellers
ปรากฏการณ์การพิทักษ์ความดีงามแห่งรัฐ คำว่า “ความดีงามแห่งรัฐ” คือ สิ่งที่รัฐมองว่าดีงามและควรค่าแก่การรักษา
Storytellers
หากเราลัดเลาะรอบกรุงรัตนโกสินทร์ สิ่งที่เห็นล้วนเต็มไปด้วยวัดวาอาราม ย่านที่เต็มไปด้วยความดีงามที่ควรแค่แก่การอนุรักษ์นำมาซึ่ง “แผนแม่บทเพื่อการอนุรักษ์และพัฒนากรุงรัตนโกสินทร์”
Storytellers
“Raising and caring for children is more like tending a garden :it involves “a lot of exhausted digging and wallowing in manure” to create a safe,nurturing space in which innovation, adaptability and resilience can thrive.”
Storytellers
หลังจากครุ่นคิดมาทั้งคืน ถึงพื้นที่การเรียนรู้ มุกได้เลือกไปที่ ชุมชนไทดำ จังหวัดสุราษฎร์ธานีค่ะ มีหลายเหตุผลมากมายในการเลือกเดินทางครั้งนี้ นั่นก็คือ อยากที่จะไปเรียนรู้ถึงวัฒนธรรม พิธีกรรม รวมถึงวิถีชีวิตต่าง ๆของคนไทดำ ว่ามีความแตกต่างกับชีวิตประจำวันของเราอย่างไร และสิ่งที่สำคัญที่สุดที่ทำให้
Storytellers
- ฉันเริ่มการสรุป สาธยาย เพ้อเจ้อ และพรรณา ณ วันที่12 ธันวาคม 2561 (12/12) เวลา 18.36 -
Storytellers
คำเตือนการพยายามร้อยเรียงเรื่องราวมันคงจะชัดเจนจนสับสนมากอ่านประโยคเดียวงงไหมคะ?ไม่ต้องพยายามเข้าใจอะไรให้มันง่ายหรอกค่ะ เดี๋ยวมันไม่สนุก ไปกันแบบงงๆกับคนงงๆดีกว่า .Pre-ช่วงประมาณกลางเดือนตุลาคม 2561
Storytellers
ตอน : การจัดการที่อยู่
Storytellers
การนำเสนอ ตั้งใจว่าจะทำเป็น จดหมาย 3 ฉบับที่เขียนในสเนพ่อง เพราะว่าในสเนพ่อง ไม่มีสัญญาณโทรศัพท์และอินเตอร์เน็ท จึงทำให้การพูดคุยสื่อสารกันด้วยจดหมายน่าจะเข้ากับการนำเสนอการเดินทางในครั้งนี้มากที่สุดค่ะ มีจดหมายฉบับที่ส้มโอเขียนให้ครูเฟริ์นและได้มอบให้ครูเฟริ์นจริงในวันสุดท้ายก่อนออกจากสเนพ่
Storytellers
หลังจากที่นอนคิดเกือบทั้งคืนว่าเราจะเก็บกระเป๋าไปพื้นที่เรียนรู้ที่ไหนดี(จากยี่สิบกว่าตัวเลือกที่ทางโครงการ storytellers in journey มีให้) เราก็ได้คำตอบสุดท้ายแล้ว พรุ่งนี้โมจะไปเสน่พ่อง!
Storytellers
           คุณเคยเห็นเวลาที่รถติดหล่มไหม มันคงใช้เวลาอยู่นานเลยนะกว่าจะหลุดพ้นจากหล่มนั้นมาได้ คงต้องใช้ทั้งเวลาทั้งแรงและปัจจัยอีกหลายๆอย่างมากมายในการหลุดออกมา การจากลาจากใครสักคนก็เหมือนกัน ความรู้สึกของการจากลามันก็เหมือนรถที่ติดหล่มที่เมื่อติดลงไปแล้วก็ทำให้ความ
Storytellers
          พบเพื่อลา มาเพื่อจาก ผมลุกจากที่นอนออกมาทำธุระส่วนตัวก็เห็นน้องๆกำลังแต่งตัวถือหนังสือเตรียมตัวกันมาเรียน มันคงเป็นการตื่นมาเรียนที่แต่ละคนดูสดชื่นไม่เหมือนกับตัวเองสมัยเด็กๆที่โรงเรียนไม่ต่างอะไรจากกรงขังที่ตีกรอบสี่เหลี่ยมให้กับเราแต่สำหรับที่นี่โรงเรียนเหมือน