Skip to main content

ในสมัยก่อนคนพื้นถิ่นแถบแม่น้ำของ หรือที่คนทั่วไปรู้จักกันว่าน้ำโขง มีการใช้เรือในแม่น้ำของเพื่อการคมนาคมและขนส่งสินค้า ซึ่งสินค้าของคนพื้นถิ่นแถบอำเภอเชียงของและเวียงแก่นก็จะมีทั้ง เกลือ ข้าว และสินค้าอื่นๆ เพื่อค้าขายและเปลี่ยนกับฝั่งลาวและคนต่างถิ่น การค้าทางน้ำในแม่น้ำของนั้นมีมานานหลายชั่วคน


นอกจากประโยชน์ในการบรรทุกสินค้าแล้ว คนท้องถิ่นยังใช้เรือในการหาปลา ซึ่งก่อนที่คนหาปลาจะหันมาใช้เรืออย่างทุกวันนี้ คนหาปลารุ่น ๗๐ ปีขึ้นไปที่หาปลาในแม่น้ำของในอดีตใช้แพไม้ไผ่เพื่อหาปลา

พ่ออุ้ยผุย บุปผา อายุ ๗๖ ปี ชาวบ้านปากอิงใต้เล่าว่า “แต่ก่อนตอนพ่อเป็นหนุ่ม เคยล่องแพไปแอ่วถึงหลวงพระบางโน่น ไป-กลับก็ ๒ เดือนขึ้น แต่ก่อนหาปลาในน้ำของนี่เรือไม่มีหรอก เรือมาทีหลัง ส่วนมากก็จะต่อแพหาปลา”


ปัจจุบันในช่วงต้นหน้าฝนในน้ำของก็ยังคงมีการล่องแพไม้ไผ่ให้เห็น แต่แพไม้ไผ่ที่ล่องมานั้นส่วนมากจะล่องเอาไม้ไผ่มาขาย มิใช่เพื่อใช้หาปลาดังแต่ก่อน


เมื่อเลิกใช้แพแล้ว เรือก็ได้เข้ามาแทนที่ แรกๆ นั้นเป็นเรือขุดหรือเรือโกน ซึ่งทำขึ้นเพื่อใช้ในการหาปลาโดยเฉพาะ ไม่ได้ใช้เป็นเรือโดยสาร ส่วนเรือพายที่เคยใช้เพื่อการโดยสารก็เปลี่ยนมาเป็นเรือยนต์แทน

คนหาปลาในแม่น้ำไม่ว่าจะเป็นแม่น้ำสายใดในโลกล้วนต้องพึ่งพาเรือแทบจะทุกคน แต่คนหาปลาในแม่น้ำของที่อำเภอเชียงของและเวียงแก่น นอกจากจะใช้เรือเป็นเครื่องมือช่วยในการหาปลาแล้ว คนหาปลายังได้ใช้เรือเป็นเครื่องมือหาปลาอีกด้วย


คนหาปลาในแม่น้ำของมีพิธีกรรมและความเชื่อต่อเรือของตัวเองอย่างเหนียวแน่น ก่อนจะนำเรือออกหาปลาในแต่ละครั้ง คนหาปลาทุกคนจะบนบานบอกกล่าวกับเรือของตัวเองด้วยปากเปล่าเสียก่อนเพื่อให้ “หมาน” เช่น บนว่าวันนี้ขอให้ได้ปลาเยอะๆ เมื่อได้ปลาเยอะดังที่บนบานไว้ก็จะเลี้ยงเรือ แต่ถ้าหาปลาไม่ได้ก็ไม่เลี้ยง การบนบานเรือนั้นคนหาปลามีความเชื่อว่าเรือของตัวเองมีสิ่งที่เคารพนับถือคอยคุ้มครองอยู่ คนหาปลาจึงเคารพยำเกรง ไม่ว่ากล่าวลบหลู่ดูหมิ่นหรือทำกิริยาที่ไม่สมควรเด็ดขาด ไม่ว่าจะ ถ่มน้ำลาย หรือเอาไม้พายเรือกระทุ้งตรงกลางลำเรือ เพราะมีความเชื่อว่าจะทำให้หาปลาไม่หมาน อีกสิ่งคนหาปลายึดถือมาตลอดคือ ถ้ามีคนที่มีคาถาอาคมบางชนิดขึ้นนั่งบนเรือไปหาปลาด้วยก็จะทำให้หาปลาไม่หมานด้วยเช่นกัน


การเลือกเรือเพื่อใช้หาปลานั้น คนหาปลาที่มีฝีมือและเป็นช่างไม้จะตัดไม้มาทำเอง ส่วนคนหาปลาที่ไม่ใช่ช่างและทำเรือไม่เป็นก็จะซื้อหรือให้ช่างทำเรือให้ โดยเจ้าของเรือจะเลือกไม้ทำเรือด้วยตัวเอง


ในการทำเรือนั้น การดู “ตาเรือ” หรือวงรอบของไม้ซึ่งอยู่ภายในตัวเนื้อไม้เป็นสิ่งสำคัญที่สุดอย่างหนึ่งสำหรับคนหาปลาที่คิดจะทำเรือ ตาเรือที่ดี ที่ทำให้หมาน ได้แก่ “ตาห้อยเงิบ” คือ ตาที่อยู่บริเวณกาบเรือที่คนหาปลาใช้ห้อยปลา “ตาสามเส้า” คือ มีตาสามตาอยู่บนพื้นเรือเหมือนก้อนเส้า “ตาซะน้ำ” คือ ตาที่อยู่ระหว่างเครื่องเรือกับคนนั่ง “ตาปลดปลา” คือตาที่อยู่ข้างเรือที่คนหาปลาปลดปลาออกจากมอง คนหาปลาเชื่อว่า ตาเรือที่ทำให้หมานต้องเป็นตาที่อยู่ด้านหัวเรือ


ตาเรือที่ทำให้ไม่หมาน ได้แก่ “ตาจี้ง่อน” คือมีตาอยู่ข้างหลังบนพื้นเรือ เรือแบบนี้จะทำให้เจ้าของต้องเจ็บป่วยหรือหาปลาได้ไม่หมานอยู่ตลอด “ตาปั่นพื้น” ซึ่งอยู่ตรงกลางเรือก็จะทำให้เรือจะล่มได้บ่อย


คนหาปลาบ้านห้วยลึก เล่าว่า “บางคนเลื่อยไม้มาแล้วแต่มีตาหมานอยู่ทางโคนไม้ก็จะแก้เคล็ด เอาทางโคนไม้มาเป็นหัวเรือเพราะมีตาหมานอยู่ แต่ส่วนมากเวลาทำเรือจะไม่ค่อยเอาทางโคนไม้มาไว้ทางหัวเรือหรอก เรื่องดูตาเรือนี่ คนเฒ่าคนแก่สอนมาแต่พ่อแต่แม่ บ่ะเดี่ยวนี้บ่ค่อยมีไผรู้แล้ว”


การทำเรือนั้น ไม้ที่นำมาทำเรือก็มีความสำคัญมากเช่นกัน โดยนิยมเอามาทำเรือ ได้แก่ ไม้แหย่เงา และไม้ขอนต้าว หรือไม้โค่นงุ่น


ไม้แหย่เงา” คือ ไม้ที่ขึ้นอยู่ริมห้วยระหว่างห้วยสองสายที่ไหลมาบรรจบกัน ต้นไม้ที่ทอดเงาลงในน้ำนั้นเรียกว่า ไม้แหย่เงา


คนหาปลาจากบ้านห้วยลึกเล่าให้ฟังว่า “ถ้าเดินไปแล้วเห็นเงาต้นไม้อยู่ในน้ำ ก็ตัดต้นไม้นั้นลงมา ถ้าให้ดีต้องเป็นไม้ตะเคียน เพราะไม้ตะเคียนเป็นไม้ที่หนักกว่าไม้อื่น เวลาเอาลงน้ำแล้วจะลอยน้ำดี ทนแดดทนฝน และมีผีเรือที่คนหาปลาสามารถพึ่งพาอาศัยเป็นเครื่องช่วยให้หาปลาได้หมานด้วย แต่ว่าเรือลำที่ได้มาคนหาปลาต้องทำการเลี้ยงเรือให้ดี ถ้าไม่มีไม้ตะเคียนก็ใช้ ไม้แคน ไม้ซ้อ ไม้แดงน้ำ เพราะไม้พวกนี้ผีประจำต้นไม้เป็นเจ้าของอยู่ ก่อนตัดไม้ก็เซ่นไหว้ผีเจ้าที่เสียก่อน ขออนุญาตตัดไม้ ถ้าไม้ต้นไหนใหญ่ ทำเรือได้ ๓ ลำ ถ้าลำไหนเอาลงน้ำก่อนก็จะหาปลาได้เยอะกว่าหมู่”


ไม้โค่นงุ่น” หมายถึง ไม้ที่โค่นลงมาเอง โดยต้องเป็นไม้ตะเคียน ไม้แคน ไม้ซ้อ ไม้แดงน้ำ เท่านั้น คนหาปลาเชื่อว่าหากใช้ไม้เหล่านี้จะทำให้ได้ปลาใหญ่ แต่หากไม่มีจริงๆ คนหาปลาก็สามารถใช้ไม้อื่นได้


เมื่อได้เรือมาใหม่ ต้องมีการเลี้ยงเรือก่อนนำเรือลงน้ำ คนหาปลาบ้านปากอิงใต้บอกว่า

เลี้ยงเรือนี่ก็แล้วแต่ความเชื่อของแต่ละคน บางคนก็ให้ผู้หญิงเดินเข้าไปเหยียบพื้นเรือจนสุด เวลาเหยียบก็ให้ผู้หญิงพูดไปด้วยว่า เรือลำนี้ทำไมไม้มันอ่อนจัง พูดให้ปราบนางเรือ เวลาลงเรือแล้วออกไปอีกทางเลย อย่างถ้าลงทางท้ายต้องไปออกทางหัวเรือ หรือถ้าเข้าทางหัวต้องออกทางท้ายเรือ แต่บางคนก็ทำพิธีปราบนางเรือเอง ไม่ให้ผู้หญิงทำ”


ถ้าเอาเรือลงน้ำครั้งแรก ได้ปลามาคนหาปลาจะเลี้ยงเรือ เลี้ยงเสร็จแล้วก็เรียกคนอื่นๆ ในหมู่บ้านมากินด้วย เครื่องเซ่นก็มีเหล้า มีไก่”


งานวิจัยจาวบ้านที่ทำการศึกษาโดยชาวบ้านในอำเภอเชียงของและเวียงแก่น พบว่า เรือที่ใช้ในการหาปลาในอดีตจนถึงปัจจุบันส่วนมากจะเป็นเรือจิบหรือเรือโก๋น และเรือกาบ ในสมัยก่อนคนหาปลาจะใช้เรือจิบซึ่งมีขนาดเล็กหาปลาตามลำห้วยหรือลำน้ำสาขาของแม่น้ำของ แต่ปัจจุบันเรือจิบหรือเรือโก๋นนั้นมีคนใช้น้อยมาก เพราะคนหาปลานิยมใช้เรือกาบที่ติดเครื่องยนต์ที่สะดวกกว่าเรือพาย


แม้ว่าปัจจุบันเรือยนต์จะเป็นที่นิยม แต่คนหาปลาก็ยังคงให้ความเคารพและมีความเชื่อเกี่ยวกับเรื่องเรืออยู่เช่นเดิม


พิธีกรรมและความเชื่อต่อเรือจับปลาบึก


นอกจากความเชื่อเรื่องการเลือกเรือแล้ว คนหาปลาบางคนยังมีพิธีกรรมและความเชื่อที่เกี่ยวข้องกับการหาปลาด้วยเช่นกัน อาทิ คนจับปลาบึกที่บ้านหาดไคร้ อำเภอเชียงของ ก็จะมีประเพณีที่สืบต่อกันมายาวนานคือ พิธีการบวงสรวงก่อนจับปลาบึก ซึ่งจะทำในช่วงเดือน เมษายน-พฤษภาคม ฤดูกาลจับปลาบึกเริ่มขึ้นเมื่อคนหาปลาเห็นนกนางนวลตัวแรกโผบินขึ้นมาตามลำน้ำของ ด้วยความเชื่อที่ว่าปลาบึกเป็นปลาที่มีเจ้าของ มีภูตผีคุ้มครอง การจับปลาที่มีเจ้าของคนจับปลาต้องทำพิธีเลี้ยงบอกกล่าวก่อน รวมถึงต้องบวงสรวงเรือ เครื่องมือหาปลา และบอกกล่าวเจ้าที่เจ้าทางช่วยดูแลคนที่ลงเรือจับปลาบึกทุกคนให้จับปลาได้อย่างปลอดภัย ไม่มีอันตราย


ก่อนที่จะออกเรือจับปลาบึก คนหาปลาต้องหาฤกษ์ยาม ซึ่งเป็นสิ่งที่สำคัญสำหรับคนหาปลา เมื่อได้วันเวลาตามฤกษ์ยามก็จะออกไปหาปลาบึก หลังจากจับปลาบึกได้แล้วคนหาปลาก็จะเลี้ยงผีทั้งหมด ๓ ที่ คือ เลี้ยงแม่ย่านางเรือ เลี้ยงผีโพ้ง และเลี้ยงผีเจ้าที่


การเลี้ยงผีแม่ย่านางเรือ


คนหาปลาเชื่อว่าเรือหนึ่งลำมีแม่ย่านางเรืออยู่สามที่ คือ นางผมหอมอยู่หัวเรือ นางคำฟูอยู่กลางลำเรือ และนางแก้วอยู่ท้ายเรือ นางทั้ง ๓ นี้จะทำหน้าที่รักษาเรือ และช่วยในการจับปลาให้ได้ดียิ่งขึ้น

ก่อนที่จะจับปลาบึก คนหาปลาจะต้องทำพิธีเซ่นสรวงแม่ย่านาง ต้องเสี่ยงทายว่า แม่ย่านางจะรับเครื่องเซ่นชนิดใด ซึ่งมี ๓ ชนิด คือ หัวหมู ไก่แดง และไก่ขาว โดยเสี่ยงหยิบเมล็ดข้าวเปลือก ๓ ครั้งสำหรับเครื่องเซ่นหนึ่งอย่าง นับทีละคู่ หากมีเศษก็ถือว่าแม่ย่านางไม่รับ แต่หากหยิบ ๓ ครั้งแล้วนับเป็นคู่ ถือว่าแม่ย่านางจะรับเครื่องเซ่นนั้น หากเรือลำใดที่เสี่ยงทายได้ไก่ขาว ถือว่าเรือลำนั้นมีแม่ย่านางที่มีอำนาจมาก ต้องเลี้ยงด้วยเครื่องเซ่น ๑๒ โดยเครื่องเซ่นสำหรับเลี้ยงผีแม่ย่านางมี ๒ แบบ คือ เครื่อง ๔ และ เครื่อง ๑๒


เครื่อง ๔ ประกอบด้วย เทียน ๒ เล่ม ดอกไม้แดง หมากและใบพลูผูกติดกันด้วยฝ้าย รวมเป็น ๑ ชุด โดยเซ่น ๓ ชุด ที่หัวเรือ กลางเรือ และท้ายเรือ ตามจำนวนของแม่ย่านาง

ส่วนเครื่อง ๑๒ มีเครื่องเซ่นเหมือนกับเครื่อง ๔ แต่เพิ่มเป็น ๑๒ ชุด โดยเซ่นแก่แม่ย่านางตนละ ๓ ชุด รวมทั้งหมด ๓๖ ชุด


เมื่อไหว้แม่ย่านางแล้วนำไก่เป็นๆ ฟาดที่หัวเรือเรือจนไก่ตาย ทาเรือด้วยเลือดไก่ตั้งแต่หัวเรือถึงท้ายเรือ หากเป็นหมูก็นำเลือดหัวหมูทาเช่นกัน แล้วกล่าวบนบานแม่ย่านางให้โชคดีในการจับปลาบึกในปีนี้ ถ้าหากจับได้ก็จะเลี้ยงแก้บน แล้วจึงเริ่มจับปลาบึก


คนหาปลาเชื่อว่าการเลี้ยงผีจับปลาบึกห้ามทำในวันพระ เพราะผีจะไม่รับ และทำให้จับปลาไม่ได้ด้วย คนหาปลาที่ต้องการบนหรือแก้บนจึงต้องไม่ทำในวันพระ


เมื่อจับปลาบึกได้ เครื่องเซ่นที่ใช้เลี้ยงผีแม่ย่างนางเรือ คือ ดอกซมพอสีแดง (ดอกหางนกยูง) ไก่ ๒ ตัว (ยังไม่ตาย) เหล้า ๑ ขวด น้ำหวาน น้ำดื่มสีแดง พวงมาลัยสีแดง สรวยเทียน ดอกไม้ ธูป เทียน ๖ คู่ ผลไม้ ขนม เสื้อแดง ซิ่นแดง สร้อย แหวน เงิน ทอง แว่น หวี แป้ง เครื่องตกแต่งนางเรือ ด้ายมัดเรือ


เมื่อเตรียมของพร้อมแล้ว คนหาปลาก็จะก่อไฟตั้งน้ำต้มไก่ นำมอง (ตาข่าย) ที่ใช้จับปลาบึก และเรือ มาจอดริมฝั่งบริเวณที่จะทำพิธี นำไก่ ๒ ตัวที่ยังไม่ตายมาฟาดตัวเรือตั้งแต่หัวจนถึงท้ายเรือ โดยให้เลือดไก่ติดอยู่กับเรือเพื่อให้แม่ย่านางเรือได้ดื่มเลือดไก่ นำไก่ตายไปถอนขน ต้มให้สุกแล้วนำมารวมกับเครื่องเซ่นที่เตรียมไว้ จากนั้นจึงนำเครื่องเซ่นทั้งหมดวางไว้กลางลำเรือ ยกเว้นเครื่องตกแต่ง เสื้อผ้า แว่น หวี วางไว้ที่หัวเรือ


เจ้าของเรือที่จับปลาบึกได้ก็จะบอกกล่าวแม่ย่านางว่า วันนี้มาเลี้ยงแม่ย่านางเรือที่ทำให้จับปลาบึกได้ ขอให้แม่ย่านางมากินของบวงสรวงที่ได้นำมาถวายเลี้ยงตอบแทนในครั้งนี้ และขอขวัญเรือกลับคืนมาอยู่กับเรือ เพราะเรือได้สะดุ้งตกใจจากการออกไปจับปลาใหญ่ที่มีเจ้าของ ให้ขวัญเรือกลับคืนมาเหมือนเดิม เจ้าของเรือจะเอาข้าวเหนียวปั้นพอคำแล้วฉีกเนื้อไก่ต้มวางติดกันเพื่อป้อนข้าว และเหล้ายา รวมถึงอาหารคาวหวานอื่นๆ เพื่อเป็นการบอกกล่าวขอบคุณและบนบานต่อเพื่อขอให้จับปลาบึกได้ตัวที่สองตัวที่สามต่อไป


เมื่อพิธีการเสร็จสิ้น เจ้าของเรือก็จะนำด้ายมาผูกไว้รอบลำเรือทั้งหมดสามจุด คือ กลางลำเรือ หัวเรือ และท้ายเรือ ตามจำนวนแม่ย่านาง


เรือผีหลอกความอุดมแห่งสายน้ำของในอดีต


เรือนอกจากเป็นเครื่องมือช่วยหาปลา แล้วยังเป็นเครื่องมือหาปลาโดยตรงอีกด้วย ดังเช่น “เรือผีหลอก” คนหาปลาในสมัยก่อนจะทาเรือด้วยสีขาว หรือใช้สังกะสีโอบรอบข้างเรือเพื่อให้มีสีขาวสะท้อนแสง แล้วนำเรือออกหาปลาในคืนวันเพ็ญ เมื่อแสงจันทร์ส่องตัวเรือ เรือจะเรืองแสงเป็นสีขาว เมื่อคนหาปลาพายเรือไป ปลาที่เห็นแสงสะท้อนก็จะกระโดดเข้ามาในเรือ


ที่บ้านปากอิงใต้ในอดีตยังหาปลาด้วยเรือผีหลอก ดังที่คนหาปลาเล่าว่า

ถ้าใช้เรือผีหลอกต้องข้ามไปที่ร่องน้ำลึกแถวบ้านดอนไข่นก ทางฝั่งลาวโน่น แต่ก่อนปลาเยอะ ปลาเห็นแสงมาบๆ ก็กระโดดใส่เรือ พายไปเรื่อยๆ ก็ได้ปลา เดี๋ยวนี้ปลามันน้อย ใช้ไม่ได้แล้ว”


เรือผีหลอกนี้เคยมีใช้เช่นเดียวกันที่แม่น้ำสงคราม น้ำสาขาของแม่น้ำของ บริเวณบ้านปากยาม อำเภอศรีสงคราม จังหวัดนครพนม โดยคนหาปลาจะใช้แผ่นสังกะสีผูกไว้ระหว่างเรือพาย ๒ ลำ และพายไปเรื่อยๆ เมื่อปลาเห็นสงสะท้อนก็กระโดดเข้าเรือ แต่ในปัจจุบันนี้ไม่มีแล้วเช่นกัน เนื่องจากปลาลดลง


เรือและความสัมพันธ์ของชุมชนสองฝั่งของ


นอกจากเป็นเครื่องมือหาปลาสำหรับคนหาปลาแล้ว เรือยังเข้ามาเกี่ยวข้องในพิธีกรรมความเชื่อร่วมกันของชุมชนอีกด้วย เช่น ชุมชนบ้านห้วยลึก อำเภอเวียงแก่น จังหวัดเชียงราย ซึ่งอยู่ใกล้กับฝั่งลาว ในช่วงออกพรรษา ชาวบ้านในชุมชนทั้ง ๒ ฝั่งน้ำจะไหลเรือไฟร่วมกัน เพื่อเป็นพุทธบูชา หากปีใดวันออกพรรษาไม่ตรงกัน ก็จะจัดงานคนละวัน แต่ชาวบ้านก็ข้ามน้ำของไปร่วมงานบุญของอีกฝั่งด้วย


ในงาน นอกจากการไหลเรือไฟแล้ว เรือหาปลาบางลำยังได้มาสร้างความสนุกสนานให้กับชุมชนด้วย เช่น การแข่งเรือในแม่น้ำของ ซึ่งมีทั้งแข่งเรือยาว และแข่งเรือหาปลา ซึ่งหลายชุมชนจัดขึ้นร่วมกัน


เมื่อเรือใหญ่มา เรือเล็กถึงคราต้องล่าถอย


ในห้วงระยะ ๒ ปีที่ผ่านมาเรือเล็กของคนหาปลาในแม่น้ำของบางคนก็ต้องจอดเรือทิ้งไว้เฉยๆ โดยเฉพาะในแถบอำเภอเชียงแสน เพราะแม่น้ำของอันอุดมสมบูรณ์ที่หลายชีวิตเคยพึ่งพาได้กลายเป็นเพียงเส้นทางขนส่งสินค้าจากจีน เมืองเชียงแสนอันเก่าแก่กลายเป็นท่าเรือสินค้า รองรับเรือจีนขนาดใหญ่ บรรทุกน้ำหนักระวางไม่ต่ำกว่า ๑๕๐ ตัน และปัจจุบันเรือจีนขนาดบรรทุกระวาง ๓๐๐ ตันจากเมืองท่าทางตอนบนของแม่น้ำของได้มาเยือนเชียงแสนแล้ว


เมื่อเรือใหญ่มา คนหาปลาก็ต้องรีบพายเรือลำน้อยเข้าฝั่งหลบคลื่นใหญ่ หากไม่หลบเรือก็จะโดนคลื่นน้ำจากเรือใหญ่ซัดให้ล่มได้ คนหาปลาจึงเลือกที่จะจอดเรือทิ้งไว้ริมฝั่งมากกว่าที่จะเอาเรือออกไปเสี่ยงภัย

คนหาปลาอาวุโสจากเชียงแสน เล่าว่า “เรือล่มไปสองครั้งแล้ว เรือจีนมา คลื่นใหญ่พัดเรือเฮาล่ม ตอนนี้บ่จับปลาแล้ว เรือใหญ่เยอะ จับได้น้อย บ่คุ้มค่าน้ำมัน”


แม้ว่าปัจจุบันเรือจีนขนาดใหญ่จะล่องน้ำของลงได้มาถึงเพียงเชียงแสน แต่เรือใหญ่เหล่านี้ ก็ได้ส่งผลกระทบอย่างหนักกับคนที่หาปลาตามลำน้ำของ ดังกรณีของ อุ้ยเสาร์ ระวังศรี นักวิจัยจาวบ้านประเด็นปลาและเครื่องมือหาปลา จากอำเภอเชียงของ อุ้ยเสาร์เล่าว่า “แต่ก่อนอุ้ยเคยเอาเรือขนาดสิบกว่าศอกขึ้นไปหาปลาไกลถึงเขตพม่า อุ้ยมีเพื่อนที่เป็นพ่อหลวงบ้านอยู่ทางพม่า ไปหาปลาทางพม่าล่องลงมาอาทิตย์หนึ่งได้ปลาเกือบเต็มลำเรือ แต่ตอนนี้บ่กล้าเอาเรือขึ้นไปหาปลาด้านบนแล้ว แค่เขตเชียงแสนก็บ่ไป กลัวคลื่นเรือใหญ่ของจีนมันซัดเรือเฮาล่ม”


เรือหาปลาพื้นบ้านหลายลำปัจจุบันจึงกลายเป็นเพียงตำนานบทเล็กๆ ของคนหาปลาที่กำลังจะเลือนหายไป ไม่มีใครบอกได้ว่าในอนาคต ความเชื่อที่คนหาปลามีต่อเรือของตัวเองจะยังมีอยู่หรือไม่ พิธีกรรมต่างๆ ของคนหาปลาก็อาจสูญหายไปในไม่ช้านี้เช่นกัน


ตราบใดที่การพัฒนายังให้ความสำคัญแก่ความเจริญทางวัตถุและเศรษฐกิจ มากกว่าคุณค่าของความเชื่อในชุมชนที่มิอาจประเมินค่าทางเศรษฐกิจได้ ชุมชนหาปลาที่พึ่งพาแม่น้ำและธรรมชาติด้วยความเคารพก็คงต้องล่มสลายไป เรือที่เคยออกหาปลาก็อาจกลายเป็นกระถางปลูกต้นหอม กระเทียม เรือที่มีตาหมานที่เคยเลี้ยงชีวิตคนหาปลาตลอดมาก็อาจกลายเป็นเชื้อไฟมอดไหม้เป็นเพียงเถ้าถ่านในที่สุด


พ่อเฒ่าคำจ้อย ธรรมวงค์ หนึ่งในนักวิจัยจาวบ้านกล่าวว่า “ถ้าไม่มีคนหาปลาสืบทอดความรู้เหล่านี้แล้ว พอพ่ออุ้ยที่มีความรู้ตายไปหนึ่งคนก็เท่ากับว่าความรู้ที่มีอยู่กับพ่ออุ้ยคนนั้นก็ตายจากไปด้วย ก็เหมือนเรือหาปลานั้นแหละ พอเก่าแล้วเขาก็ทิ้งให้ตากแดด ตากฝนไปจนผุพังไม่มีคนสนใจ”


บล็อกของ สุมาตร ภูลายยาว

สุมาตร ภูลายยาว
  ผมได้รู้ข่าวว่าไฟฟ้าที่บ้านดับก็ตอนอยู่บนดอยบ้านห้วยคุ ข่าวสารที่ส่งมาบอกเพียงว่า หลังจากผมและเธอออกจากบ้านมาได้ ๒ วันหลอดไฟที่อยู่ข้างนอกก็ดับลง ทั้งที่มันเพิ่งได้รับการติดตั้ง คนส่งสารยังบอกอีกว่า เขาได้ไปดูที่มิเตอร์ไฟฟ้าของบ้านแล้วปรากฏว่า สายไฟที่ต่อกับมิเตอร์ถูกดึงออกด้วยมือนิรนาม เมื่อสนทนากันอยู่นานสองนาน คนส่งสารผู้ใจดีก็บอกหมายเลขโทรศัพท์ของการไฟฟ้า หลังผู้แจ้งสารหมดสิ้นหน้าที่ ต่อไปจากนี้คงเป็นหน้าที่ของผมที่ต้องดำเนินการต่อ ผมและเธอเรามองหน้ากัน ต่างคนต่างตั้งคำถามในใจ เกิดอะไรขึ้นกับบ้านที่เราเช่าอยู่มาเกือบครึ่งปี? ผมถามเธอก่อนหลังความเงียบมาเยือนเราสองคนได้ไม่นาน"นั่นสิ…
สุมาตร ภูลายยาว
บนเทือกเขาสูงอันไกลโพ้นในดินแดนที่ได้รับการกล่าวขานว่าเป็นหลังคาโลก บนเทือกเขาสูงกว่า ๕,๐๐๐ ฟุตจากระดับน้ำทะเลถูกปกคลุมด้วยหิมะเย็นจัด หลังการปกคลุมของหิมะ หลายร้อยหลายพันปี เมื่อความร้อนชื้นของอากาศมาเยือน หิมะจึงถูกหลอมละลายจนก่อเกิดเป็นต้นธารของแม่น้ำอันยิ่งใหญ่สายหนึ่งของโลก ในตอนบน แม่น้ำสีเขียวมรกตอันเกิดจากการละลายของหิมะสายนี้อุดมไปด้วยความหนาวเย็น แม่น้ำได้ไหลจากต้นกำเนิดบนที่สูงลงสู่ด้านต่ำตามกฏแรงโน้นถ่วงของโลกผ่านซอกหุบเขาอันสลับซับซ้อน ผ่านผืนแผ่นดินอันอุดมไปด้วยความแตกต่างทางสังคม วัฒนธรรม และลัทธิการเมืองการปกครอง ทุกพื้นที่ที่แม่น้ำไหลผ่าน…
สุมาตร ภูลายยาว
[๑]เมษายน ๒๕๔๗...แสงแดดใกล้ลับขอบฟ้า คนหาปลาบางกลุ่มกำลังเตรียมตัวเอาเรือเข้าฝั่ง เพื่อกลับคืนสู่บ้านผ่อนคลายความเมื่อยล้าจากการหาปลามาตลอดทั้งวัน การหาปลาเป็นกิจวัตรปกติของคนริมฝั่งแม่น้ำโขงมาเนิ่นนาน แต่ในยามเย็นวันนี้ไม่เป็นเหมือนยามเย็นของวันอื่นๆ ที่ผ่านมา ช่วงนี้ริมฝั่งแม่น้ำโขงคึกคักเป็นพิเศษ เพราะข่าวการเดินทางมาของปลาบึก ปลาใหญ่ที่คนหาปลาขนานนามให้ว่า ‘ปลาเทพเจ้าแห่งลำน้ำโขง’ พี่รงค์ จินะราช คนหาปลาบ้านหาดไคร้ได้เอาเรือออกไปไหลมองในแม่น้ำโขงบริเวณดอนแวงตามปกติ มองที่ไหลไปตามกระแสน้ำเป็นมองขนาดเล็ก พอมองไหลไปปะทะกับสิ่งมีชีวิตใต้น้ำ ชั่วพริบตานั้นฟองอากาศขนาดใหญ่ก็เกิดขึ้นบนผิวน้ำ…
สุมาตร ภูลายยาว
เสียงผู้คนส่งเสียงเชียร์เรือยาวในแม่น้ำดังไปทั่วริมฝั่ง งานแข่งเรือเริ่มขึ้นในวันสาขารล่อง--ประมาณวันที่ ๑๔ เมษายน เบื้องล่างเหนือสายน้ำ เรือ ๒ ลำกำลังขับเคี่ยวกันอย่างหนัก ไม่นานนักเรือที่มีฝีพายใส่เสื้อสีแดงก็ทะยานเข้าเส้นชัยหลังเรือลำนั้นเข้าเส้นชัยแล้ว การแข่งเรือรอบคัดเลือกจึงสิ้นสุดลง พรุ่งนี้จะเป็นวันตัดสินว่า เรือของคุ้มบ้านไหน จะได้ลอยลำเฉิดฉายเข้าเส้นชัย เสียงเพลงเฉลิมฉลองทั้งปราชัย และมีชัยดังมาเป็นระยะ เมื่อผู้คนเริ่มทยอยกลับบ้าน ชายชราก็ลุกจากเสื่อที่ปูนั่ง และเดินออกมาจากริมน้ำคืนสู่บ้าน ก่อนจะเดินมาถึงบันไดทางขึ้นวัด ชายชราก็ก็หยุดคุยกับใครบางคนตรงเชิงบันได“เด็กบ้านเรามันไม่สู้…
สุมาตร ภูลายยาว
ตะวันสายแดดส่องฟ้า เรือหาปลากับชายชรากำลังเดินทางออกจากท่า เพื่อหาปลาอีกครั้ง ในแสงแดดยามสาย ชายชรากำลังสลัดคราบไคร้ที่เกาะติดเบ็ดออก เพื่อทำความสะอาดให้มันกลับมาพร้อมใช้งานอีกครั้งสายน้ำลดระดับลงอีกครั้งหลังโถมถั่งในหน้าฝน สายน้ำเชี่ยวกรากกลับกลายเป็นแผ่วเบา และลดความเกรี้ยวกราดลง วันนี้ไม่แตกต่างจากหลายวันในช่วงเริ่มต้นฤดูหนาว ชายชรายังคงดำเนินชีวิตไปตามปกติในครรลองของคนกับเรือเหนือสายน้ำอันกล่าวได้ว่าคือสายชีวิตของชายชราด้วยสายลมแห่งเดือนมกราคมพัดมาเยือกเย็น ริมฝั่งน้ำตรงกระท่อมหาปลา ชายชรานั่งเงียบงันอยู่ข้างกองไฟ ๒ วันมาแล้วยังหาปลาไม่ได้ ช่วงนี้จึงมีเพียงกุ้งติดฟดริมฝั่งน้ำเท่านั้น…
สุมาตร ภูลายยาว
หลังจากวันแรกจนถึงวันนี้ ผมลองนับเดือน นับปีดูแล้ว ผมมาอยู่เมืองชายแดนริมแม่น้ำแห่งนี้ ล่วงเข้าไป ๕ ปีแล้ว ใน ๕ ปีของการใช้ชีวิต แน่ล่ะย่อมแตกต่างจาก ๗๖ ปีของชายชราอย่างสิ้นเชิง แต่สิ่งที่ผมได้เห็นไม่ต่างกับชายชราเลยแม้แต่น้อยแม้จะนานกี่ชั่วอายุคน ผู้คนริมฝั่งน้ำยังคงพึ่งพาแม่น้ำสายนี้ในด้านต่างๆ อยู่เช่นเดิม คนหาปลายังคงหาปลา แม้ว่าจะได้ปลาน้อยลงก็ตามที คนขับเรือรับจ้างก็ยังคงขับเรืออยู่เช่นเดิม แม้ว่าจะมีข่าวการเกิดขึ้นของสะพานข้ามแม่น้ำก็ตามที คนแบกของตรงท่าเรือก็ยังคงทำหน้าที่แข็งขันกว่าเดิม แม้จะแบกของได้น้อยลง…
สุมาตร ภูลายยาว
ในยามเย็น หลังแสงตะเกียงสว่างขึ้น ความสว่างของแสงไฟตะเกียงก็ตัดกับท้องฟ้ามืดครึ้มไร้ดวงดาวแต้มขอบฟ้า ดูเหมือนว่ายามนี้สายฝนต้นฤดูมาถึงแล้ว ในที่ไกลออกไปฟ้าแลบแปลบปลาบ ทุกครั้งที่ฟ้าแลบ ความสว่างที่เกิดขึ้นเพียงสั้นๆ ทำให้ฟ้าสีดำดูน่ากลัว ไม่นานนักหลังฟ้าร้องเข้ามาใกล้ สายฝนปานฟ้ารั่วก็โถมถั่งลงมายามนี้ปลาหลายชนิดอพยพขึ้นเหนือ เพื่อวางไข่ จะเหลือเพียงปลาบางชนิดเท่านั้นอพยพขึ้นมาช่วงน้ำลด ในช่วงนี้ คนหาปลาไหลมองก็จะเริ่มยุติการหาปลาลง เพราะน้ำในแม่น้ำเป็นน้ำใหญ่หาปลาลำบาก ช่วงน้ำใหญ่นี่เองถือว่าธรรมชาติได้จัดการมนุษย์…
สุมาตร ภูลายยาว
หลังกลับมาถึงบ้าน ผมหวนคิดถึงเรื่องราวต่างๆ ที่แกเล่าให้ฟัง ห้วงอารมณ์นั้น ผมคิดถึงหนังสือเล่มหนึ่ง หนังสือเล่มนี้เล่าถึงการรอนแรมออกทะเล เพื่อตกปลาของชายแก่คนหนึ่ง การเดินทางออกทะเลของชายชราในหนังสืออาจแตกต่างกับการเดินทางออกสู่แม่น้ำของชายชราแห่งโลกของความจริงอยู่บ้าง แต่ในวิถีของชายเฒ่าทั้งสองคน มีเรื่องราวทั้งเหมือน ทั้งแตกต่างรวมอยู่ด้วยกัน การเดินทางไปสู่วิถีของการเป็นนักล่าของชายทั้งสองอาจจะไม่ต่างกันมากนักในการกระทำ แต่เป้าหมายในการออกเรือ เพื่อเป็นนักล่าของชายทั้งสองอาจแตกต่างกัน คนหนึ่งออกเรือไปล่าเพื่อความสุขตามคิดความเชื่อของตัวเอง แต่อีกคนหนึ่ง…
สุมาตร ภูลายยาว
แสงแดดยามบ่ายคลี่ม่านกระจายโอบไล้ยอดไม้ แรงลมพัดยอดไม้เอนไหว ดอกไม้ป่าสีขาวของฤดูฝนกำลังร่วงหล่นลงพื้นดิน แม้ว่าดอกไม้จะจากไป แต่ธรรมชาติก็ได้มอบความเขียวชะอุ่มของผืนป่ามาทดแทนเช่นกันยามบ่ายขณะหลายคนยังวุ่นอยู่กับงาน ผมเดินเตร็ดเตร่ตามถนนมาถึงหน้าบ้านหลังหนึ่ง หลังอ่านป้ายก็รู้ว่าบ้านหลังนี้เป็นบ้านของชายชรา ผมมองหาเจ้าของบ้านอยู่นอกรั้วในใจยังหวั่นอยู่ว่าจะได้พบเจ้าของบ้านหรือเปล่า เมื่อมองดูอยู่ครู่หนึ่ง ผมก็เห็นชายชราผู้เป็นเจ้าของบ้านกำลังก้มๆ เงยๆ อยู่กับกองไม้ไผ่ข้างห้องครัวผมร้องเรียกชายชราอยู่นอกรั้ว เมื่อได้ยินเสียงเรียก แกก็เงยหน้าขึ้นมาดู และเรียกผมเข้ามาในบ้าน…
สุมาตร ภูลายยาว
หลังกลับมาจากเมืองริมแม่น้ำในครั้งนั้น ไม่นานผมก็เดินทางมาเมืองริมแม่น้ำอีกครั้งพร้อมกับความทรงจำเมื่อ ๒ เดือนก่อน...ความทรงจำเมื่อ ๒ เดือนก่อนเกิดขึ้นบนแม่น้ำสายนี้ ผมจำได้ว่าช่วงนั้นเป็นฤดูฝน น้ำปริ่มฝั่งหมุนวนน่ากลัว ผมได้พบชายชราอีกครั้งหลังจากไม่ได้พบกันนาน ชายชรานั่งอยู่บนเรืออีกลำหนึ่ง ซึ่งวิ่งสวนทางกับเรือที่ผมโดยสารมา เมือเรือวิ่งสวนทางก็ได้ยินเสียงทักทายของคนขับเรือทั้งสอง แม้ว่าจะฟังสำเนียงการสนทนาไม่รู้เรื่องทั้งหมด แต่ก็พอจับใจความได้ว่าคนขับเรือทั้งสองคุยกันเรื่องอะไร บนนาวาชีวิตกลางสายน้ำของชะตากรรม…
สุมาตร ภูลายยาว
สายโขงยังตัดไม่ขาด สายสวาทตัดขาดอย่างไรตัดบัวก็ยังไว้ใย ตัดน้ำใจยังมีเมตตาค่อยอิง ค่อยอาศัยกัน เอาไว้รักกันในวันข้างหน้ามาเถิด มาเถิดแก้วตา รำวงดีกว่าร่าเริงหัวใจ รำวงดีว่าร่าเริงหัวใจ....เสียงเพลงแหบพร่าลอยตามสายลมไกลออกไป จนเงียบหายไปกับโค้งขอบฟ้ากลางคืน นานครั้งชายชราจะร้องเพลง แต่บทเพลงที่ชอบร้องสม่ำเสมอคือเพลงนี้ ค่ำคืนนี้อากาศหนาวเย็นลง ชายชราจึงก่อกองไฟ เพื่อผ่อนเบาความหนาว เนิ่นนานที่กองไฟสว่างไสว แต่เมื่อฟืนที่กองสุมไว้ในตอนเย็นใกล้หมด แสงไฟก็สลัวลง เปลวไฟมีอยู่น้อยนิดเหมือนจะมอดดับลงทุกครั้งยามสายลมพัดเข้ามา พอสายลมพัดผ่านไป แสงไฟก็สว่างขึ้นมา หลังแสงไฟสว่าง…
สุมาตร ภูลายยาว
ภาพของชายชราวัย ๗๕ ปี กำลังก้มๆ เงยๆ อยู่บริเวณระเบียงกระท่อมแจ่มชัดขึ้นเมื่อเข้าไปใกล้ กุ้งสีชมพูขนาดนิ้วก้อยหลายสิบตัวนอนนิ่งอยู่ในจานเบื้องหน้าของชายชรา ถัดจากจานกุ้งไปเป็นถ้วยน้ำพริกปลาร้าที่กินเหลือจากเมื่อวานรายการอาหารที่กล่าวมาทั้งหมดคืออาหารมื้อเย็นสำหรับชายชรา     ลูกแมวสองตัว ตัวหนึ่งสีน้ำตาล ตัวหนึ่งสีขาว หมอบคลอเคลียอยู่ด้านข้าง นานครั้งมันจะเดินมาหยอกล้อเล่นกัน พอหยอกล้อกันจนหนำใจมันก็กลับไปนอนนิ่งอยู่ที่เดิม บนท้องฟ้าอาทิตย์อัสดงลงไปไม่นานนัก ท้องฟ้าที่เคยกระจ่างเป็นสีฟ้าเริ่มกลายเป็นสีดำหลังจากอิ่มหนำสำราญ…