Skip to main content

เจ้าม้าศึกสีเทา ๒,๒๐๐ ซีซี ทะยานไปตามทางลูกรังสีแดงเบื้องหลังฝุ่นคลุ้งตลบ หากมีรถวิ่งตามมาคงบอกได้คำเดียวว่า ‘ขอโทษ’ ก่อนจะถึงทางแยกเสียงโทรศัพท์ของผู้ไปถึงก่อนก็บอกให้ตรงมาตามทางอย่าได้เลี้ยวซ้ายเป็นอันขาด เพราะนั่นหมายถึงการหลงทางจะเกิดขึ้น


สายลมแล้งของเดือนมีนาคมพัดมาเฉื่อยช้า ความร้อนเพิ่มขึ้นตามการเดินทางของพระอาทิตย์ ในที่สุดเจ้าม้าศึกสีเทาที่เดินทางมาไกลกว่า ๑,๒๕๐ กิโลเมตรก็มาถึงจุดหมายปลายทาง แม้อากาศจะร้อน แต่ลมจากธรรมชาติก็เย็นฉ่ำกว่าแอร์คอนดิชั่นหลายเท่า เมื่อหันหน้าออกสู่ทิศตะวันออก แก่งหินขาดใหญ่ริมฝั่งแม่น้ำก็ปรากฏต่อสายตา แม้อยากจะลงไปสัมผัสความงามของแก่งหินเบื้องหน้าเพียงใด แต่ความร้อนที่ส่องลงมากระทบกับหิน และหินได้เก็บสะสมความร้อนเอาไว้ก็ไม่เอื้อให้เยื้องย่างลงไปชื่นชม บนแผ่นหินกว้างไกลสลับซับซ้อนไร้ผู้คนปีนป่ายจึงดูเหมือนว่ายามสายสางเช่นนี้เป็นช่วงเวลาพักผ่อนของแผ่นหิน


อาจารย์เรืองประทิน เขียวสดผู้เดินท่องไปบนพื้นที่ของสามพันโบกจนรู้จักทุกซอกมุมของแก่งหินกว้างใหญ่แห่งนี้บอกว่า ‘สามพันโบก’ เป็นชื่อของหลุมที่อยู่บนแก่งหินมีมากถึงสามพันหลุม จึงได้ชื่อว่า ‘สามพันโบก’ ผู้คนทางฝั่งซ้าย และฝั่งขวาของแม่น้ำโขงบริเวณนั้นเรียกหลุมที่เกิดขึ้นบนแก่งหินว่า ‘โบก’ ลักษณะระบบนิเวศแบบโบกจะพบได้ในแม่น้ำมูลตอนปลาย และแม่น้ำโขงในเขตจังหวัดอุบลราชธานี


การเกิดขึ้นของโบกมีเรื่องเล่าสืบต่อกันมาว่า วันหนึ่งมีปู่กับหลานคู่หนึ่งพากันไปหาปลาตามแก่ง ปู่ไปตักต่องอยู่ริมฝั่งจนเที่ยงก็ไม่ได้ปลา หลานที่ไปด้วยก็หิวข้าว พอปู่รู้ว่าได้เวลากินข้าวสวย (ข้าวเที่ยง) แล้วก็วางเครื่องมือหาปลาขึ้นมาหาหลาน และพอได้รู้ว่าหลานหิวข้าว แต่ปู่ก็ไม่ได้ปลาสักตัว ปู่จึงเดินไปตามแก่งหินและเริ่มลงมือจก (ล้วง) เข้าไปตามแก่งหินเพื่อหาปูไปปิ้งให้หลานกิน การจกของปู่เป็นการล้วงไปล้วงมาจนเกิดเป็นโบก หลังอาจารย์เรื่องประทินเล่ามาถึงตรงนี้ หลายคนแอบยิ้ม และพรึมพรำว่า ดูท่าปู่จะจกปูหลายปี และหลานคงมีหลานคนจนเกิดโบกตั้งสามพันโบก


บริเวณที่เรียกว่าสามพันโบกมีพื้นที่รวมกันทั้งหมดราว ๑๐ ตารางกิโลเมตร ในช่วงหน้าแล้งหลังน้ำลดโบกจะโผล่พ้นน้ำไปจนถึงเดือนมิถุนายน และหลังจากนั้นก็จะจมอยู่ใต้น้ำเช่นเดิม นอกจากสามพันโบกจะเป็นพื้นที่อันสวยงามในเชิงของการท่องเที่ยวแล้ว สามพันโบกยังเป็นพื้นที่เพาะพันธุ์ปลาที่อาศัยตามโบกในช่วงฤดูแล้ง พอถึงฤดูฝนที่น้ำท่วมหลาก ปลาก็จะเดินทางออกสู่แม่น้ำโขง


ตะวันใกล้บ่ายคล้อย ผู้คนเริ่มมาเยือนสามพันโบกจาก ๒ คนเป็น ๓-๔ และเพิ่มขึ้นเป็นลำดับ นอกจากสามพันโบกจะเป็นสถานที่ท่องเที่ยวแล้ว ใต้เงื้อมหินยังเป็นที่หลบแดดของคนหาปลาในแม่น้ำโขงบริเวณนี้อีกด้วย เมื่อมองลงไปในแม่น้ำ ภาพของคนหาปลาหลบอยู่ในเพิงพักคือแก่งหินสูงชั้นลดหลั่นกันไป ห้วงนั้นจินตนาการถึงกลุ่มคนโบราณที่ได้ประทับรอยฝ่ามือ รอยเครื่องมือหาปลา และปลาตัวใหญ่ไว้บนหน้าผาที่ได้ชื่อต่อมาว่า ‘ผาแต้ม’


ปัจจุบันคงส่องทางให้เห็นอดีต ความน่าจะเป็นในอดีตเกี่ยวกับเรื่องราวภาพเขียนบนผาแต้มอาจเป็นเรื่องราวส่วนหนึ่งของวิถีชีวิตผู้คนที่อยู่ริมฝั่งน้ำโขง ในวันที่หลบพักในเงื้อมผาสูง พวกเขาคงอยากบันทึกเรื่องราววิถีชีวิตของตัวเองเอาไว้ หากภาพวาดเหล่านั้นเป็นฝีมือของคนหาปลาแห่งเงาอดีต แน่ละคนหาปลาคนนี้คงสุนทรีย์ไม่น้อย ความสุนทรีย์คงเกิดขึ้น เพราะได้ปลาตัวใหญ่จนเก็บความตื่นเต้นเอาไว้ไม่ได้ ต้องเขียนไว้ให้คนอื่นได้ดูด้วยว่า ในอดีตพื้นที่บริเวณนี้ก็คือส่วนหนึ่งแห่งบ้านของปลา และผู้คนบนสายน้ำโขงเช่นกัน


ค่ำคืนที่แผ่นหินแห่งสามพันโบกนอนเหยียดยาวนิ่งเงียบรอการมาถึงของยามเช้า สำหรับช่างภาพแล้วการจะถ่ายรูปสามพันโบกให้สวยต้องถ่ายช่วงนี้ เพราะแสงแดดรื่อเรืองส่องกระทบก้อนหินฉายเงาแห่งความแกร่งงดงาม หากแผ่นหินของสามพันโบกเป็นหินเนื้ออ่อนบางเบาคล้ายดินโคลน เราคงเห็นรอยเท้าของเราปรากฏเป็นส่วนหนึ่งของสามพันโบกได้ไม่ยาก และบางทีรอยเท้าของเราอาจถูกกดทับด้วยรองเท้าของคนอื่นเช่นกัน เพราะสามพันโบกวันนี้ผู้คนมากขึ้นเป็นลำดับ

 

ด่านช่องเม็ก-วังเตาใต้เงาความเปลี่ยนแปลง


ล้อรถหมุนเวลา ๑๐ โมงเช้าจากห้วยวังนองโดยมีจุดหมายปลายทางที่ด่านช่องเม็ก อำเภอสิรินธร คนขับทำความเร็วพอประมาณ แต่กว่าจะไปถึงด่านช่องเม็ก-วังเตาก็เลยเที่ยงไปจวนบ่าย ที่ไปถึงช้ากว่าความน่าจะเป็น เพราะคนขับรถถูกผู้โดยสารขอร้องให้จอดรถอยู่หลายครั้ง เนื่องจากกองเห็ดข้างถนนช่างยั่วยวนความอยากเสียเต็มประดา แต่สุดท้ายก็ได้เพียงผักจากตลาดเท่านั้น


รถมาถึงด่านช่องเม็กราวบ่าย บริเวณด่านตรวจคนเข้าเมืองผู้คนพลุกพล่านพอสมควรแม้จะเป็นวันอาทิตย์ เมื่อคนพร้อมตรงจุดนัดหมายบริเวณด่านตรวจคนเข้าเมืองเรียบร้อย พิธีการผ่านแดนเสร็จสิ้นลง คณะเดินทางทั้งหมดก็ทยอยเดินไปตามทางเดินเล็กๆ ที่ถูกกั้นไว้โดยรั้วเหล็กมุ่งหน้าสู่ด่านตรวจคนเข้าเมืองของประเทศลาว


นี่ไม่ใช่การเดินทางข้ามพรมแดนแห่งนี้ครั้งแรก การเดินทางในรอบนี้จึงดูตื่นเต้นน้อยกว่าครั้งผ่านมา แต่มีบางอย่างที่ต้องรอบครอบมากขึ้น เช่น การเช็คค่าเงิน เช็คข้อมูลที่ถูกกรอกลงไปในเอกสารผ่านแดน และหนังสือเดินทาง การเดินทางข้ามประเทศแม้จะมีพรมแดนติดกัน สำหรับคนที่มีหนังสือเดินทางจะมีพิธีการยุ่งยากกว่าการถือหนังสือผ่านแดนชั่วคราว แต่พอผ่านพิธีการต่างๆ เหล่านี้จากด่านตรวจคนเข้าเมืองไปแล้ว คนที่มีหนังสือเดินทางสามารถที่จะอยู่ในประเทศลาวได้ยาวนานกว่า โดยระยะเวลาในการอยู่ในประเทศลาวของคนถือหนังสือผ่านแดนชั่วคราวสามารถอยู่ได้เพียง ๒ คืน ๓ วัน สำหรับคนที่มีเวลาในการเดินทางสู่ลาวใต้ไม่หลายวันมากนักสามารถทำหนังสือผ่านแดนชั่วคราวได้ตรงด่านตรวจคนเข้าเมือง


ขณะเดินข้ามด่านพรมแดนไป สิ่งที่สังเกตเห็นได้ในรอบการเดินทางเที่ยวนี้คือ ป้ายประกาศเตือนต่างๆ ทั้งป้ายห้ามนำกล้วยไม้ บุหรี่ สุรา ไพ่ โทรศัพท์มือถือ วีซีดีละเมิดลิขสิทธิ์ของแท้เข้าภายในประเทศ ป้ายประกาศเตือนเหล่านี้ทำเอาหลายคนที่ชอบฝ่าฝืนกฏระเบียบคิดหนักพอสมควร


ด่านวังเตายามบ่ายดูเงียบสงบ ผู้คนผ่านแดนน้อยลง อาจเป็นเพราะหลายคนเลือกที่จะข้ามไปในตอนเช้า เพราะถ้าข้ามไปเช้าแล้วสามารถทำธุระให้เสร็จแล้วกลับเข้ามาในตอนบ่ายได้จากนั้นก็สามารถเดินทางกลับถึงบ้านได้ในตอนเย็น


หลังกรอกเอกสารจนเสร็จแล้วยื่นเข้าไปประทับลงตราเลขที่ของหนังสือเดินทาง หลายคนก็แปลกใจเล็กน้อย เพราะค่าบริการรวมค่าทำเนียมดูเหมือนว่าจะแพงขึ้นว่าปีก่อน มิหนำซ้ำใบเสร็จก็ไม่มีให้ แต่สำหรับบางคนที่เข้าใจเรื่องราวเหล่านี้ได้ดีก็ผ่านเลยไป เมื่อทุกอย่างเสร็จสิ้นการเดินทางสู่ลาวใต้โดยมีจุดหมายอยู่ที่สี่พันดอนก็เริ่มขึ้น

 

เรื่องเล่าบนถนนหมายเลข ๑๓ สู่ลาวใต้


รถตู้สีขาวค่อยเคลื่อนออกจากจุดจอดเพื่อมุ่งหน้าไปบนถนนหมายเลข ๑๓ เรื่องราวสองข้างทางบนถนนสายนี้ไม่ค่อยมีอะไรเปลี่ยนแปลงไปมากมายนัก บ้านเรือนที่เคยถ่ายรูปเอาไว้เมื่อช่วงเวลาเดียวกันนี้ของปีก่อนก็ยังอยู่ที่เดิม จะมีบ้างก็วิลล่าหลังใหญ่ที่เริ่มถูกปลูกสร้างมากขึ้น วิลล่าหลังใหญ่หลายหลังที่ถูกปลูกสร้างขึ้นข้างทุ่งนาสองข้างทางบ่งบอกสถานะของผู้เป็นเจ้าของได้เป็นอย่างดี โดยส่วนมากแล้ว วิลล่าเหล่านี้เป็นของคนที่เพิ่งอพยพกลับมาจากอเมริกา


ขณะตัดภาพสายตาจากวิลล่าหลังใหญ่มาสู่ท้องนา ภาพบางภาพที่ไม่ค่อยคุ้นชินเท่าใดนักในประเทศลาวก็ปรากฏต่อสายตา รถไถนาเดินตามสีแดงส่งควันโขมงจากปลายท่อ แผดเสียงคำรามก้องดังไปทั่วท้องนาเริ่มเข้ามาทดแทนที่ควายสีดำมากเข้าไปทุกที


ในปีก่อนนาผืนเดียวกันริมถนนแห่งนี้ที่รถวิ่งเริ่มลงมือปักดำข้าวกล้าแล้ว แต่ปีนี้ฝนจากฟ้าคงกำลังเริ่มส่งน้ำลงมา นาบางแปลงจึงอยู่ในช่วงของการรอต้นกล้า และบางแปลงก็กำลังอยู่ในช่วงไถพรวน


รถทำความเร็วไม่มากนัก ส่วนหนึ่งอาจเป็นเพราะขอ้จำกัดในการใช้รถที่ถูกจำกัดความเร็วเอาไว้ด้วยป้ายกำหนดความเร็วที่ข้างถนน หลายคนเริ่มรู้สึกอึดอัด เพราะความเชื่องช้าของรถ บางคนเริ่มบ่น บางคนเริ่มขอให้เปิดเพลง บางคนที่ดื่มด่ำเมรัยตราหัวเสือสัญชาติลาวก็ง่วงหลับฟุบลงกับเบาะนั่ง เมื่อรถเข้าสู่เมืองจำปาสัก รถก็ถูกสั่งให้จอดแวะข้างทาง เพื่อให้ผู้โดยสารหิวโหยบนรถได้ลงไปปลอดปล่อยความหิวโหยของตัวเองในร้านเฝอเจ้าประจำ


บางคนเริ่มหวั่นใจถึงการเดินทางสู่เป้าหมายอาจล่าช้า เพราะรถวิ่งไม่ค่อยเร็ว แต่บางคนก็มีรอยยิ้มบนใบหน้า เพราะสังเกตุจากการพูดคุยแล้ว การเดินทางในลาวเหมือนกับเราได้ทำตัวเองให้ช้าลง ความช้าทำให้เรามีเวลาได้ครุ่นคิดอะไรหลายอย่าง ว่ากันตามความจริงแล้ว คณะเดินทางของเราชุดนี้ต่างเคยร่วมเดินทางขึ้นเหนือล่องใต้ในประเทศลาวมาด้วยกันหลายครั้ง ความเข้าใจในข้อจำกัดของแต่ละคนจึงเป็นที่รับรู้ เช่น บางคนมีข้อจำกัดในเรื่องของการไม่กินเนื้อ การเข้าร้านอาหารหรือแม้แต่การทำอาหารก็จะถูกคิดเผื่อคนที่ไม่กินเนื้อด้วย


โดยสัตย์จริงการเดินทางร่วมกับคณะเดินทางชุดนี้ มีความรื่นรมย์มากกว่าการเดินทางร่วมกับคณะเดินทางชุดอื่น เราสามารถรอคนลงที่ไปถ่ายรูป ถ่ายวิดีโอได้โดยไม่มีใครเร่งรีบ จะมีบ้างก็แต่การบอกให้หามุมกล้อง หาโลเกชั่นในการถ่ายเท่านั้น


รถจอดแวะข้างทางอีกครั้งที่ตลาดหลักซาว เพื่อให้คณะเดินทางได้ผ่อนคลายอิริยาบท และบางส่วนก็ลงไปซื้อเครื่องปรุงอาหารที่เมนูถูกคิดเอาไว้แล้ว การเดินทางสู่ลาวใต้ด้วยการเช่ารถในครั้งนี้ถือว่าคุ้มค่ากว่าครั้งก่อน เพราะคนขับรถไม่ได้เรื่องมาก มิหนำซ้ำยังดูแลผู้โดยสารเป็นอย่างดี หากเป็นรถตู้บางคันแล้ว เราคงไม่ได้มิตรภาพอันงดงามเช่นนี้


ตลาดหลักซาวในยามบ่ายเริ่มวายบ้างแล้ว ผู้คนน้อยลง แต่มีแม่ค้าขายสินค้ากันอยู่ตามปกติ ว่ากันว่าตลาดแห่งนี้เป็นอีกหนึ่งแห่งที่มีอาหารป่าหลายประเภทวางขายให้เลือกซื้อ แม้ว่าทางหน่วยงานราชการจะเข้มงวดกวดขันก็ตามที จึงไม่แปลกนักเมื่อเราไปเดินตลาด เราจะได้เห็นกระจงนอนนิ่งอยู่ข้างเนื้อเก้งหรือเนื้อหมูป่า นอกจากสินค้าเหล่านี้แล้ว สินค้าที่สำคัญอีกอย่างหนึ่งของลาวใต้ในตลาดแห่งนี้คือปลา ปลาที่ถูกนำมาวางขายมีหลายชนิดมีหลายขนาด ว่ากันว่าสำหรับคนที่ไม่บริโภคเนื้อปลาการมาเที่ยวลาวใต้อาจไม่ใช่ปลายทางของความสุข แต่สำหรับคนที่บริโภคเนื้อปลา การมาลาวใต้คงสุขใจไม่น้อย เพราะปลาที่หลากหลายชนิด ราคาไม่แพงจะถูกนำไปแปรรูปเป็นอาหารอันแสนอร่อยจนลืมไม่ลง เนื่องจากตระหนักในข้อนี้ บางคนในคณะเดินทางของเราจึงแอบซื้อวาซาบิกระป๋องติดกระเป๋าข้ามประเทศเข้ามากินกับเนื้อปลาแม่น้ำโขงด้วย


หลับๆ ตื่นๆ ไปบนรถราว ๓ ชั่วโมง รถก็มาถึงบ้านนากะสัง หมู่บ้านอันเป็นทั้งตลาดค้าส่งปลา ของกินของใช้อื่นๆ และเป็นท่าเรือสำหรับนักท่องเที่ยวผู้ต้องการเดินทางไปสู่ดอนเดช ดอนคอน แสงแดดหลังฝนตกเมื่อวานร้อนจนคนศรีษะล้านไม่กล้าเดินผ่าน ทำเอาพวกเราหลายคนเหงื่อไหลย้อยอาบใบหน้า


หลังลงรถได้ไม่นาน เรือที่นัดหมายให้มารับก็มาถึง เรียกว่าพอลงรถก็ขึ้นเรือ เวลาพักเหนื่อยคือเวลาที่นั่งอยู่บนเรือนั่นเอง เมื่อลงมาถึงเรือหลายคนกล่าว ‘สบายดี’ ทักทายเจ้าของเรือสองสามีภรรยา ก่อนจะขนสัมภาระทุกอย่างขึ้นเรือ เมื่อสัมภาระถูกจัดวางเรียบร้อย เรือก็ค่อยๆ เบนหัวออกจากท่าเรือบ้านนากะสัง โดยมีเป้าหมายอยู่ที่บ้านเอื้อยพรอันเป็นบ้านพักริมแม่น้ำโขงที่ดอนคอน ก่อนแม่น้ำโขงจะไหลลงสมพะมิด


เฮือนของเอื้อยพรนอกจากจะเปิดเป็นบ้านพักแล้ว ยังเป็นจุดรับซื้อปลาที่ใหญ่ที่สุดในดอนคอน ตอนเช้าเราจึงเห็นปลาจำนวนมากกองอยู่บนเสื่อ และในถังน้ำแข็ง ปลาเหล่านี้จะถูกส่งต่อไปที่บ้านนากะสังในช่วงสายของวัน

 

 

 

 

บล็อกของ สุมาตร ภูลายยาว

สุมาตร ภูลายยาว
วารสารวรรณศิลป์บนแผ่นดินลาว ลมหนาวและความร้อนแล้งโชยผ่านยอดขุนเขาด้านทิศตะวันตกแห่งเมืองหลวงของราชอาณาจักรล้านนามาแผ่วๆ แล้วฤดูกาลแห่งความเหน็บหนาวก็เดินทางมาอีกครั้งพร้อมกับลมสายลมนั้น
สุมาตร ภูลายยาว
สี่พันดอน: บ้านของคนและปลา เมื่อเอ่ยถึงสี่พันดอนเชื่อว่าหลายคนที่เคยไปเยือนคงจินตนาการถึงได้ แต่สำหรับคนที่ไม่เคยไปเยือนคงงุนงงไม่น้อยว่าหมายถึงอะไร คำว่า ‘สี่พันดอน’ เป็นชื่อเรียกเกาะ ดอนต่างๆ ที่เกิดขึ้นในแม่น้ำโขงในเขตเมืองโขง แขวงจำปาสัก ภาคใต้ของประเทศลาว ดินแดนแห่งนี้ได้ถูกเรียกขานว่า สี่พันดอน เพราะเต็มไปด้วยเกาะน้อยใหญ่ที่มีจำนวนมากมายเรียงรายอยู่ในแม่น้ำโขงที่มีความกว้างกว่า ๑๔ กิโลเมตร เกาะต่างๆ เริ่มขึ้นที่เมืองโขงและยาวลงไปจนถึงชายแดนลาว-กัมพูชาที่บ้านเวินคามกับเมืองสตรึงเตร็ง ในจำนวนเกาะที่มีอยู่มากมาย เกาะใหญ่ที่สุดชื่อ ‘ดอนโขง’ คำว่า ‘ดอน’…
สุมาตร ภูลายยาว
เจ้าม้าศึกสีเทา ๒,๒๐๐ ซีซี ทะยานไปตามทางลูกรังสีแดงเบื้องหลังฝุ่นคลุ้งตลบ หากมีรถวิ่งตามมาคงบอกได้คำเดียวว่า ‘ขอโทษ’ ก่อนจะถึงทางแยกเสียงโทรศัพท์ของผู้ไปถึงก่อนก็บอกให้ตรงมาตามทางอย่าได้เลี้ยวซ้ายเป็นอันขาด เพราะนั่นหมายถึงการหลงทางจะเกิดขึ้น
สุมาตร ภูลายยาว
การเดินทางเที่ยวนี้มีผู้หญิงนำ เช้านี้เป็นอีกวันที่ตื่นเช้ากว่าวันอื่น แต่หากว่าเมื่อเทียบกับชาวบ้านทั่วไปแล้ว ถือว่ายังสาย โดยเฉพาะกับพ่อค้าแม่ค้าการตื่นนอนตอน ๖ โมงเช้านั้นถือว่าสายมากแล้ว เช้านี้กว่าจะเปิดเปลือกตาตื่นช่างหนักหนาสาหัส ราวกับว่าเปือกตาทั้งสองข้างถูกปิดทับไว้ด้วยเทปกาวชั้นดี หลังล้างหน้าแปรงฟันเสร็จ สมองยังคงงุนงง อาจเป็นเพราะช่วงนี้พักผ่อนไม่ค่อยพอ รวมทั้งมีเรื่องหลายเรื่องให้ได้คิด แต่เพราะงานที่ทำจึงต้องบังคับตัวเองให้ลุกจากที่นอน
สุมาตร ภูลายยาว
จะแกคนเลี้ยงวัวผู้ไม่เคยขุ่นมัวในหัวใจ ผมจำได้ว่าพบชายคนนี้ครั้งแรกเมื่อเข้าไปบ้านสองพี่น้อง เขาดูแปลกกว่าคนอื่นในหมู่บ้าน เพราะเขาเป็นผู้ชายคนเดียวในหมู่บ้านที่ไว้ผมยาว เค้าโครงใบหน้าของเขาราวกับถอดแบบออกมาจากหัวหน้าชนเผ่าของอินเดียนแดง
สุมาตร ภูลายยาว
การงานของชีวิตที่ตกค้าง ฝนเทลงมาอีกวันแล้ว...เสียงสังกะสีดังราวกับมีก้อนหินนับล้านร่วงลงมาใส่ เย็นวันนี้มีเรื่องราวให้ขบคิดมากมาย กลับมาจากการประชุมที่เคร่งเครียด อันนับว่าเป็นการงานส่วนหนึ่งของชีวิต เล่นเอาเหนื่อยสายตัวแทบขาด แล้วยังมีงานอะไรที่ยังไม่ได้ทำอีกไหมนี่
สุมาตร ภูลายยาว
บันทึกในค่ำคืนที่เปลี่ยนผ่านกับนิทรรศการที่ไม่ได้จัด สายฝนของเดือนกันยายนโปรยสายลงมาทั้งวัน เราออกเดินทางจากเชียงของมาแต่ตอนเช้าด้วยรถคันเล็ก บนกระบะทางตอนท้ายบรรทุกเอกสารต่างๆ รวมทั้งนิทรรศการมาเต็ม รถต้องจดหลายครั้ง เพื่อห่มผ้ายางกันฝนให้ของบนกระบะรถ เราผ่านมากว่าครึ่งทาง ฝนยังไม่มีทีท่าว่าจะหยุดตก ซ้ำร้ายยังตกลงมาหนักกว่าเดิม รถวิ่งทำความเร็วได้ไม่มากนัก ทั้งที่ความเป็นจริงแม้ฝนจะไม่ตก มันก็ไม่เคยวิ่งได้เร็วกว่าที่วิ่งอยู่เท่าใดนัก
สุมาตร ภูลายยาว
เมฆสีดำเหนือฟ้าด้านตะวันออกส่งสายฝนลงมาตั้งแต่เช้าจนล่วงบ่าย แม่น้ำเป็นสีชานมเย็น เศษขยะ ขอนไม้ ท่อนไม้ และต้นไม้ลอยมากับสายน้ำ และไหลไปตามแรงเฉื่อยของกระแสน้ำ
สุมาตร ภูลายยาว
เช้านี้เหมือนกับทุกเช้าในช่วงนี้พ่อท่อน ยาแก้วเดินทอดน่องในสวนบนดอนทรายริมฝั่งแม่น้ำโขงเพื่อดูแปลงมะเขือราว ๔ ไร่ ในใจพ่อท่อนเองไม่อยากเก็บมะเขือในตอนนี้แม้ว่าจะถึงช่วงเวลาในการเก็บแล้ว สาเหตุที่ทำให้พ่อท่อนไม่อยากเก็บมะเขือในตอนนี้ เพราะราคามะเขือต่ำกว่าปีที่ผ่านมา ปีนี้มะเขือหนึ่งหมื่น (๑๒ กิโลกรัม) ขายส่งจากสวนได้เงิน ๑๒ บาท
สุมาตร ภูลายยาว

รถตู้วิ่งไปบนถนนลาดยางมะตอยที่บางช่วงเป็นหลุมเป็นบ่อ ถนนสายนี้เป็นเส้นทางจากจังหวัดกระแจะไปอำเภอสามบอ เพราะถนนไม่ค่อยดีนัก ระยะทาง ๓๕ กิโลเมตรต้องใช้เวลาเกือบ ๑ ชั่วโมงจึงถึงจุดหมาย เมื่อรถตู้ทั้ง ๓ คันจอดสงบนิ่งลงตรงประตูหน้าวัด ผู้โดยสารในรถตู้ก็พากันทยอยลงจากรถ เบื้องล่างของถนนเป็นแม่น้ำสายใหญ่ คนท้องถิ่นเรียกแม่น้ำสายนี้ว่า ‘โตนเลของ-แม่น้ำของ-โขง’ แม้ยังไม่สายมากนัก แต่แสงแดดก็ส่องประกายร้อนแรงเหนือสายน้ำ ฟ้ากว้างเปล่าแปนเป็นสีฟ้าไกลสุดสายตาหยั่งถึง บนสายน้ำเรือหลายลำจอดลอยลำอยู่ ใกล้กับเรือตรงโคนต้นจามจุรีมีเด็ก ๓-๔ คนนั่งอยู่ ถัดจากโคนต้นจามจุรีไปมีเรือลำหนึ่งลอยลำอยู่…
สุมาตร ภูลายยาว
จากพื้นที่ต้นน้ำจนถึงปลายน้ำที่แม่น้ำโขงไหลผ่าน ผู้คนสองฝั่งได้ใช้ประโยชน์จากแม่น้ำที่มีความยาว ๔,๙๐๔ กิโลเมตรสายนี้ไม่ต่ำกว่า ๑๐๐ ล้าน ลักษณะการใช้ประโยชน์ก็แตกต่างกันออกไปตามแต่สภาพของพื้นที่ ในช่วงที่ไหลผ่านประเทศไทยตั้งแต่จังหวัดเชียงรายจนถึงจังหวัดอุบลราชธานี ก็มีผู้คนไม่จำนวนไม่น้อยได้ใช้ประโยชน์ในด้านแตกต่างกันออกไป ผู้ใหญ่ใช้หาปลา และใช้พื้นที่ตามหาดทรายที่โผล่พ้นน้ำ และริมฝั่งทำการเกษตร เด็กๆ ใช้เป็นห้องเรียนสำหรับฝึกหาปลา และว่ายน้ำ
สุมาตร ภูลายยาว
  ผาชันเป็นหมู่บ้านอีกแห่งหนึ่งที่อยู่ริมแม่น้ำโขงอยู่ในเขตอำเภอโพธิ์ไทร จังหวัดอุบลราชธานี หมู่บ้านแห่งนี้มีเรื่องราวน่าสนใจหลายอย่าง เริ่มแรกเดิมทีก่อนเดินทางไปถึง ผมจินตนาการถึงหมู่บ้านแห่งนี้ในรูปแบบต่างๆ และพอเดินทางไปถึงบ้านผาชันเป็นครั้งแรก ซึ่งอยู่ในหน้าฝน ผมก็พบว่า ในฤดูฝนหมู่บ้านแห่งนี้กลายเป็นเกาะขนาดย่อมๆ ชาวบ้านบอกว่า "ในฤดูฝน น้ำจากห้วยจะไหลจนท่วมสะพาน และถนนที่เข้าสู่หมู่บ้าน การเดินทางเข้าหมู่บ้านต้องใช้เรือข้ามลำห้วยแล้วไปต่อรถ" ร่องรอยของคำพูดปรากฏให้เห็นเมื่อผมเดินทางเข้าสู่หมู่บ้าน รถข้ามสะพานที่น้ำในลำห้วยเริ่มปริ่มอยู่ใต้สะพาน…