Skip to main content

จะแกคนเลี้ยงวัวผู้ไม่เคยขุ่นมัวในหัวใจ 

ผมจำได้ว่าพบชายคนนี้ครั้งแรกเมื่อเข้าไปบ้านสองพี่น้อง เขาดูแปลกกว่าคนอื่นในหมู่บ้าน เพราะเขาเป็นผู้ชายคนเดียวในหมู่บ้านที่ไว้ผมยาว เค้าโครงใบหน้าของเขาราวกับถอดแบบออกมาจากหัวหน้าชนเผ่าของอินเดียนแดง


จากครั้งแรกที่พบกัน มิตรภาพก็เดินทาง และพัฒนาความสัมพันธ์ขึ้นเรื่อยๆ แต่ครั้งล่าสุดที่พบกัน ผมจำได้ลางๆ ว่าน่าจะเป็นหน้าหนาวของปีก่อน แม้ว่าจะไม่ค่อยได้เจอกัน ผมยังพอได้ยินข่าวคราวของชายผมยาวคนเดียวแห่งหมู่บ้านอยู่บ้าง ข่าวล่าสุดของเขาคือ คนเลี้ยงวัวผู้สันโดษ


คนในหมู่บ้านเรียกชายผมยาวคนนี้ว่า 'จะแก'


ความทรงจำลางๆ เกี่ยวกับชายผู้นี้ที่คนในหมู่บ้านเคยเล่าให้ฟัง เขาเป็นคนแปลก ไม่ยอมเข้ามานอนในหมู่บ้าน แต่เลือกที่จะนอนอยู่กับไร่ มีหมา และความเดียวดายอีกทั้งความเมามายเป็นเพื่อน


ทุกครั้งที่เขากลับจากไร่ และเดินทางเข้าเมืองจะแกมักจะแวะมาหาพวกเราที่สำนักงานกลุ่มรักษ์เชียงของ บ่อยครั้งที่จะแกไม่เคยได้มามือเปล่า เขามักจะมีอาหารป่าจำพวกหมูป่าหรือไม่ก็หน่อไม้มาฝาก แต่ก็ไม่เชิงเอามาฝากเสียทีเดียว เพราะตอนเดินทางกลับจะแกก็จะได้ข้าวสารประมาณครึ่งถังนำกลับบ้านเสมอ

 


จะแกชายหนุ่มผมยาวคนเดียวแห่งหมู่บ้านสองพี่น้อง

 

ในยามที่มาสำนักงานจะแกจะไม่เคยเยีดเยีนนคนอื่นในเรื่องที่หลับที่นอน เพราะจะแกจะมีที่นอนประจำ และเป้นคนนอนที่ไหนก็ได้ ในช่วงฤดูหนาวที่จะแกเดินทางลงมาสำนักงาน เราจะได้เห็นจะแกนอนขดตัวอยู่ในผ้าห่มข้างเตาไฟ จะแกเป็นคนพูดน้อย บางคนอาจมองว่าเขาหลุด แต่ความจริงแล้วจะแกไม่ได้เป็นเช่นนั้น แม้ในยามเมามายจะแกก็ไม่เคยรบกวนใคร นานๆ ครั้งเขาจะขอแบ่งบุหรี่จากคนที่ดูดบุหรี่หรือขอเหล้าสักแก้ว เพื่อดับความอยากในใจ จะแกขอแค่นั้นจริงๆ


ชีวิตจะแกดูเป็นปิรศนาพอสมควรสำหรับผม แต่ทุกครั้งที่เจอกัน จะแกมันมีเรื่องสนุกสนานมาเล่าให้ฟังหรือไม่จะมีบ้างบางทีที่เรื่องราวของจะแกจะถูกเล่าโดยคนคุ้นเคย จะแกไม่เคยโกรธใครในสำนักงาน ยามที่คนในสำนักงานกลุ่มรักษ์เชียงของวุ่นวายอยู่กับงาน จะแกจะรู้ว่ามุมของตัวเองอยู่ตรงไหน


บางคนอาจจะกลัวจะแกอยู่บ้างเมื่อพบกันครั้งแรก แต่พอคุ้นเคยกันแล้วทุกคนก็ยิ้มเสมอเมื่อพบหน้าของจะแก ขณะเวลาของความสัมพันธ์ของจะแกกับผมเดินทางผ่านไปตามเวลาของมัน ผมก็ได้ข่าวว่า จะแกอยู่ในอาการป่วยที่ชีวิตกกำลังต่อสู้ เพื่อการอยู่รอดของตัวเอง ความป่วยไข้ของจะแกนั้นถือว่าอาจไม่หนักหนาสาหัสมาก หากมีการรักษาที่ถูกวิธี และทันท่วงที แต่จะแกเลือกที่จะอยู่กับฝูงของเขาในป่า


ผลพวงจากการป่วยไข้ทำให้จะแกไม่อาจต้านทานได้อีกต่อไป ในที่สุดวินาทีแห่งชีวิตที่คล้ายเปลวเทียนสว่างไสวก็ค่อยๆ ดับมืดลงในที่สุด


"จะแกเสียแล้วฝังพรุ่งนี้" ข้อความในกล่องจดหมายเข้าที่มาพร้อมกับเบอร์โทรศัพท์ของคนคุ้นเคยทำให้ผมต้องกล่าวอะไรถึงจะแกในหน้าหนึ่งของสมุดบันทึก เพราะอะไรผมถึงต้องกล่าวถึงจะแก ในเหตุผลส่วนตัว จะแกไม่ใช่คนมีชื่อเสียง ไม่ใช่คนร่ำรวย แต่จะแกดำรงสถานะเพียงชายผมยาวผู้รักสันโดษอยู่ในป่า และเลี้ยงวัวฝูงหนึ่ง สาเหตุที่ผมต้องเขียนถึงจะแก เพราะวิถีแห่งการดำรงอยู่ของจะแกกับผม มันคือวิถีทางแห่งความสัมพันธ์ของผู้คนที่ได้เรียกตัวเองว่ามนุษย์


วันนี้ถือว่าเป็นอีกวันหนึ่งที่ความเศร้าลงเรือจากแม่น้ำโขงที่เชียงของเดินทางมากบอกข่าวไกลถึงเชียงคาน หลังรู้ข่าวนี้ ผมแหงนหน้ามองฟ้า และพบว่าฟ้าที่เชียงคานวันนี้มืดคล้ายฝนจะตก แม้ว่าฝนบนฟ้าอาจจะตกหรือไม่ตกก็ได้ แต่เม็ดฝนในดวงตาของผมก็ท่วมท้นจนถอยกลับไปสู่ก้นบึ้งแห่งหัวใจ...

 

๖ สิงหาคม ๒๕๕๒

ร้านมุมสบาย,เชียงคาน,

แด่...การเดินทางสู่ผืนดินของร่างไร้ชีวิตที่ชื่อว่าจะแก

 

 

บล็อกของ สุมาตร ภูลายยาว

สุมาตร ภูลายยาว
    ...เสียงปืนดังลั่นเปรี้ยง-คล้ายเสียงชะนีหวน
สุมาตร ภูลายยาว
สายลมเริ่มพัดเปลี่ยนทิศจากเหนือลงใต้ ฤดูฝนใกล้พ้นผ่านแล้ว ฤดูหนาวกำลังเดินทางมาแทน ขณะอาทิตย์ใกล้ลับฟ้าถัดจากกระท่อมหลังสุดท้ายตรงหาดทรายไปไม่ไกล คนจำนวนมากกำลังวุ่นวายอยู่กับการเก็บเครื่องมือทำงาน หากนับตั้งแต่วันแรกถึงวันนี้ก็ล่วงเข้าไป ๔ วันแล้วที่ช่างในหมู่บ้านถูกไหว้วานให้มาช่วยกันทำเรือไฟ เพื่อให้ทันใช้ในวันออกพรรษา หลังจมอยู่กับงานมาทั้งวัน เมื่อโรงงานต่อเรือไฟปิดประตูลงในตอนเย็น โรงมหรสพริมฝั่งน้ำก็เข้ามาแทน
สุมาตร ภูลายยาว
แม่น้ำนิ่งงันลงชั่วการกระพริบตาของพญามังกร ชาวบ้านริมฝั่งน้ำไม่มีใครรู้ว่า พญามังกรกระพริบตากี่ครั้ง หรือด้วยอำนาจใดของพญามังกร แม่น้ำจึงหยุดไหล ทั้งที่แม่น้ำเคยไหลมาชั่วนาตาปี วันที่แม่น้ำหยุดไหล คนหาปลาร้องไห้ปานจะขาดใจ เพราะปลาจำนวนมากได้หนีหายไปจากแม่น้ำ
สุมาตร ภูลายยาว
แดดร้อนของเดือนมีนาคมแผดเผาหญ้าแห้งกรัง หน้าร้อนปีนี้ร้อนกว่าทุกปี เพราะฝนไม่ตก ยอดมะม่วงอ่อนจึงไม่ยอมแตกช่อ มะม่วงป่าเริ่มออกดอกรอฝนพรำ เพื่อให้ผลได้เติบโต ความร้อนมาพร้อมกับความแห้งแล้ง ในความแห้งแล้ง ดอกไม้ป่าหลากสีกำลังผลิบาน มีทั้งดอกสีส้ม แดง ม่วง ความแห้งแล้งดูมีชีวิตชีวาขึ้นมาบ้าง
สุมาตร ภูลายยาว
‘ย่างเข้าเดือนห้า น้ำท่าก็เริ่มขอดแล้ง’ คนแก่บางคนว่าอย่างนั้น (ถ้าผมจำไม่ผิด) คำพูดนี้ได้สะท้อนบางอย่างออกมาด้วย นั่นคือสิ่งที่ผู้คนในยุคสมัยก่อนเห็น พอถึงเดือนห้า น้ำที่เคยมีอยู่ก็แห้งขอดลงเป็นลำดับ ผู้คนในสมัยก่อนที่จะก้าวเข้าสู่สังคมเกษตรอุตสาหกรรมเช่นทุกวันนี้ทำอะไรบ้าง ในสังคมภาคกลางยุคที่ทำการเกษตรไม่ใช่อุตสาหกรรม หน้าแล้งไม่มีใครทำนา เพราะทุกคนต่างรู้ว่า หน้าแล้งแล้วนะ น้ำท่าจะมาจากไหน แต่พอยุคอุตสาหกรรมเกษตรเรืองอำนาจ หน้าแล้งผู้คนก็ยังคงทำนา เพื่อตอบสนองอุตสาหกรรมการเกษตรกันอยู่
สุมาตร ภูลายยาว
ผู้ดีตีนแดง-ขอ โทษ เท้าแดง ตะแคงเท้าเดิน เวลาเหยียบปุ่มปมของพรมผืนนุ่มนิ่มราวกับปุยเมฆ นั่นแหละเท้าของผู้ดี และโลกของผู้ดีมีแต่น้ำครำ –น้ำคำ แห่งการหลอกลวง ทั้งผู้ดีจริง และผู้ดีกลวง ขณะเดินย่ำไปบนเส้นทางสู่ร้านอาหารเลิศหรู เมนูไข่คาเวียกับบรั่นดีแก้วทรงสูงดัดจริตวางรอ ผู้ดีน้ำครำละเลียดเมรัยรสคมผ่านลำคอ และละเลียดไข่คาเวียที่มีอยู่นับจำนวนได้บนจานราคาแพงกว่าการขึ้นห้องกับปอง ของโฉน ไพรำ ผู้ดี น้ำครำมองออกไปนอกหน้าต่างสูงลิบของห้องอาหารโรงแรมเสียดฟ้า เบื้องล่างแม่น้ำไหลเอื่อยเหนื่อยปานจะขาดใจตาย ผู้ดีน้ำครำละเลียดไข่คาเวียราคาแพง เพื่อเลิศหรูมีหน้ามีตา…
สุมาตร ภูลายยาว
สายลมหนาวพัดมาพร้อมกับสายฝนที่โปรยสายลงมา ว่ากันว่านี่คือฝนหลงฤดู! กาแฟแก้วของวันเป็นคาปูชิโน่ร้อนสองแก้ว แต่ไม่ใช่ของผมเป็นของลูกค้าต่างชาติ รสชาติของกาแฟเป็นอย่างไรในเช้านี้ ผมไม่อาจรู้ เพราะไม่ได้ชิม หลังสตรีมนมสดจนร้อนได้ที่ กลิ่นกาแฟสดหอมกรุ่นโชยออกมา และพร้อมแล้วสำหรับการดื่ม-กิน
สุมาตร ภูลายยาว
เนิ่นนานหลายปีแล้วที่ผมพเนจรจากบ้านเกิด แต่หลายๆ ความรู้สึกเกี่ยวกับบ้าน ผมไม่มีทางลืมได้เด็ดขาด บางค่ำคืนที่มีโอกาสอยู่กับตัวเองเพียงลำพัง ด้วยความสงบเงียบ ภาพบ้านเกิดจะย้อนกลับมาสู่ความทรงจำ-ความทรงจำในวัยเยาว์เกี่ยวกับบ้านเกิด
สุมาตร ภูลายยาว
เวลาผ่านไปเร็ว ยามที่เราโตขึ้น เราเชื่อเช่นนั้น เพราะเราโหยหาเวลาของวัยเยาว์ เมื่อเราเติบโตขึ้นเป็นลำดับมีหลายความรู้สึกของวัยเยาว์ที่หล่นหายไปอย่างไม่อาจเรียกคืนกลับมา ราวกับสายน้ำที่ไหลไกลออกไปทุกทีๆ มิอาจหวนกลับมาเป็นสายน้ำได้เช่นเดิม แต่กลายเป็นสายฝนพรำลงมาแทน หากพูดถึงอดีตแล้ว บางด้านที่เลวร้าย เราอยากผ่านเลย แต่กลับจำได้ฝังใจ...
สุมาตร ภูลายยาว
บุนทะนอง ซมไซผล แปลโดย สุมาตร ภูลายยาว    ๑.ผลน้ำเต้าบุ่ง และวรรณคดีพื้นเมือง ถ้าจะให้พูดถึงความสัมพันธ์ไทย-ลาว ความเชื่อมโยงด้านวรรณคดีของชนชาติเผ่าพันธุ์ต่างๆ ในประเทศอนุภูมิภาคลุ่มน้ำของ สิ่งแรกที่ข้าพเจ้าคิดถึงคือ น้ำเต้าบุ่ง
สุมาตร ภูลายยาว
ดอกเกดเป็นดอกไม้ชนิดหนึ่งที่ลำต้นมีลักษณะเหมือนต้นปาล์ม เวลาออกดอก ดอกจะส่งกลิ่นหอม คนเฒ่าคนแก่จะนิยมนำไปบูชาพระและนำมาทัดหู ผมไม่รู้เหมือนกันว่าดอกไม้ชนิดนี้จะมีอยู่ทั่วไปในประเทศไทยหรือมีเฉพาะที่ภาคอีสานและประเทศลาว
สุมาตร ภูลายยาว
จากใบไม้ใบสุดท้ายถึงซิ่นไหมผืนเก่าๆ: ๒ เรื่องสั้นซีไรต์บนแผ่นดินเบื้องซ้ายแม่น้ำของ (โขง) เมื่อพูดถึงวรรณกรรมบนแผ่นดินฝั่งซ้ายแม่น้ำโขงแล้ว หลายคนคงอดที่จะพูดถึงวรรณกรรมชิ้นคลาสสิกเช่น ‘สังสินไซ’ ไม่ได้ เพราะสังสินไซเป็นวรรณกรรมพื้นบ้านที่คนทั้งสองฝั่งแม่น้ำโขงรู้จักมากที่สุดชิ้นหนึ่ง นอกจากสังสินไซแล้ว ผลงานของนักเขียนลาวหลายคนในความรับรู้ของคนไทยคงหนีไม่พ้นผลงานเขียนของท่านมหาสีลา วีระวงค์ ผู้รจนางานมหากาพย์อันยิ่งใหญ่ในนาม ‘ท้าวฮุ่งและขุนเจือง’