แดดร้อนของเดือนมีนาคมแผดเผาหญ้าแห้งกรัง หน้าร้อนปีนี้ร้อนกว่าทุกปี เพราะฝนไม่ตก ยอดมะม่วงอ่อนจึงไม่ยอมแตกช่อ มะม่วงป่าเริ่มออกดอกรอฝนพรำ เพื่อให้ผลได้เติบโต ความร้อนมาพร้อมกับความแห้งแล้ง ในความแห้งแล้ง ดอกไม้ป่าหลากสีกำลังผลิบาน มีทั้งดอกสีส้ม แดง ม่วง ความแห้งแล้งดูมีชีวิตชีวาขึ้นมาบ้าง
ใช่ว่าอากาศจะร้อนเพียงอย่างเดียว ทิศทางการเมืองก็กำลังเริ่มร้อนขึ้นเป็นลำดับ และเมื่อเดือนมีนาคมมาถึง วันหยุดยาวของเด็กๆ ก็ใกล้เข้ามา
ผมจำได้ลางๆ ว่าเมื่อวันนี้ของปีก่อนตัวเองอยู่ที่ไหนสักแห่งริมฝั่งแม่น้ำสายหนึ่ง เพื่อร่วมรำลึกถึงวันหยุดเขื่อนโลก ทำไมต้องมีวันนี้ คำตอบที่แสนง่ายคือ ใน ๓๖๕ วันน่าจะมี ๑ วันที่เราจะได้พูดถึงเรื่องราวเกี่ยวกับเขื่อน และผลกระทบจากเขื่อน วันหยุดเขื่อนโลกถูกก่อตั้งขึ้นมาจากกลุ่มผู้ได้รับผลกระทบจากการสร้างเขื่อน จึงสมควรอย่างยิ่งว่า เราน่าจะได้ระลึกถึงผู้คนเหล่านั้น ที่เสียสละให้เราได้มีไฟฟ้าใช้ แม้บางครั้ง พวกเขาเองต้องพลัดที่นา คาที่อยู่ก็ตามที
ท่ามกลางสถานการณ์ทางการเมืองในประเทศที่ร้อนระอุ สถานการณ์การเมืองระหว่างประเทศอนุภูมิภาคลุ่มน้ำโขงก็ร้อนขึ้นเป็นลำดับเช่นกัน การเมืองที่กำลังกล่าวถึง ไม่ใช่ระบอบการปกครอง แต่เป็นการเมืองเรื่องสิ่งแวดล้อม
การเมืองเรื่องแม่น้ำโขงแห้ง!!...
หลังจากจีนเริ่มสร้างเขื่อนแห่งแรกบนแม่น้ำโขง ประเทศท้ายน้ำก็เริ่มประสบปัญหาต่างๆ ทั้งปลาหาได้น้อยลง อันเนื่องมาแต่ความเปลี่ยนแปลงของระดับน้ำที่ไม่คงที่ เพราะแม่น้ำโขงขึ้นลงราวกับน้ำทะเล เมื่อ ๔ ปีที่ผ่านมา องค์กรพัฒนาเอกชนหลายองค์กรได้เฝ้าติดตามสถานการณ์เรื่องผลกระทบข้ามพรมแดนที่เกิดขึ้นกับแม่น้ำโขง และมีการรณรงค์กันอย่างแพร่หลาย เพื่อให้ผู้คนได้ตระหนักถึงผลกระทบที่กำลังเกิดขึ้นกับแม่น้ำโขง แต่การรณรงค์บางครั้งก็มีเสียงตอบรับจากสังคม แต่บางครั้งราวกับเป่าปุยนุ่นในลมแรง
มีนาคมปีนี้ ผู้คนเริ่มตระหนักถึงปัญหาที่เกิดขึ้นกับแม่น้ำโขงอย่างกว้างขวาง ส่วนหนึ่งน่าจะมาจาก แม่น้ำแห้งลงมากกว่าปกติในรอบหลายสิบปี ผู้คนจึงเห็นว่าเป็นปัญหาร่วมกันที่ต้องช่วยแก้ไข ดูเหมือนว่ารัฐบาลก็เริ่มจะเอาจริงในเรื่องของการแก้ไขปัญหานี้ แต่สุดท้ายการพูดคุยหรือแม้แต่เชิญประเทศต้นน้ำคือ จีน เข้าร่วมประชุมเพื่อหาแนวทางการแก้ไขปัญหา ตัวแทนจากจีนยังแบ่งรับแบ่งสู้ในเรื่อง
จีนยังไม่เคยยอมรับว่า เขื่อนบนแม่น้ำโขงในประเทศจีนสร้างผลกระทบกับแม่น้ำโขง และประเทศท้ายน้ำ (หรือว่าทางการจีนยอมรับ แต่แอบเอาหูไปนาเอาตาไปไร่ เพราะไม่ยอมตกเป็นจำเลยในเรื่องนี้) แต่จีนแอบป้องปากบอกว่าจะปล่อยน้ำจากเขื่อน ๒-๓ วัน เพื่อให้เรือสินค้าสัญชาติจีนที่ตกค้างอยู่ท่าเรือเชียงแสนเดินทางกับประเทศได้ หลังจากนั้นแม่น้ำโขงก็จะเป็นเช่นเดิมคือ น้ำแห้งลง และแห้งลง ไม่แน่ว่าในปีนี้ เราอาจได้เห็นชาวบ้านริมฝั่งโขงเดินข้ามแม่น้ำไปเยี่ยมยามมิตรสหายอีกฟากฝั่งของแม่น้ำก็เป็นได้
ในวันที่แม่น้ำโขงแห้งลงใช่ว่าผลกระทบต่างๆ จะเกิดกับแม่น้ำเพียงอย่างเดียว ผลกระทบยังได้ส่งมายังผู้คนริมฝั่งน้ำด้วย การทำมาหากินของผู้คนที่ขึ้นอยู่กับแม่น้ำก็ย่อมได้รับผลกระทบตามไปด้วย โดยเฉพาะคนวิ่งเรือโดยสาร เรือบรรทุก ตลอดจนคนทำการเกษตรริมฝั่งโขง
แม่น้ำแห้งลงไม่ใช่ความเป็นไปตามธรรมชาติ แต่เป็นความแห้งของใจคนล้วนๆ คนผู้มองเห็นผลประโยชน์ของตนเองแต่ฝ่ายเดียว....
วันหยุดเขื่อนโลกเวียนมาอีกปีหนึ่งแล้ว ถึงเวลาหรือยังที่เราจะร่วมกันหาทางแก้ไขปัญหาผลกระทบที่เกิดจากการสร้างเขื่อนอย่างจริงจัง และเป็นระบบ ไม่ใช่แก้เป็นครั้งคราว และเราในฐานะประเทศท้ายน้ำต้องร่วมมือกันอย่างจริงจัง เพื่อจะบอกกับประเทศต้นน้ำว่า หยุดสร้างเขื่อนบนแม่น้ำอีกต่อไป ปล่อยให้แม่น้ำได้ไหลอย่างอิสระ เพื่อการดำรงอยู่ร่วมกันอย่างสันติ ...เราเตือนคุณแล้ว!!!