Skip to main content


รถตู้วิ่งไปบนถนนลาดยางมะตอยที่บางช่วงเป็นหลุมเป็นบ่อ ถนนสายนี้เป็นเส้นทางจากจังหวัดกระแจะไปอำเภอสามบอ เพราะถนนไม่ค่อยดีนัก ระยะทาง ๓๕ กิโลเมตรต้องใช้เวลาเกือบ ๑ ชั่วโมงจึงถึงจุดหมาย เมื่อรถตู้ทั้ง ๓ คันจอดสงบนิ่งลงตรงประตูหน้าวัด ผู้โดยสารในรถตู้ก็พากันทยอยลงจากรถ

เบื้องล่างของถนนเป็นแม่น้ำสายใหญ่ คนท้องถิ่นเรียกแม่น้ำสายนี้ว่า ‘โตนเลของ-แม่น้ำของ-โขง’ แม้ยังไม่สายมากนัก แต่แสงแดดก็ส่องประกายร้อนแรงเหนือสายน้ำ ฟ้ากว้างเปล่าแปนเป็นสีฟ้าไกลสุดสายตาหยั่งถึง บนสายน้ำเรือหลายลำจอดลอยลำอยู่ ใกล้กับเรือตรงโคนต้นจามจุรีมีเด็ก ๓-๔ คนนั่งอยู่ ถัดจากโคนต้นจามจุรีไปมีเรือลำหนึ่งลอยลำอยู่ บนเรือมีเด็กผู้ชายหนึ่งคน เด็กผู้หญิงตัวเล็กที่นอนนิ่งอยู่ในอ้อมอกอีกหนึ่งคน เสียงเครื่องยนต์เรือดังขึ้นไม่นาน คนขับเรือก็ค่อยๆ พาเรือลำนั้นออกจากท่าน้ำมุ่งหน้าสู่เป้าหมายปลายทาง


บางด้านของเกาะ

หากสังเกตให้ดีจะพบว่า ตรงท่าเรือมีป้ายประกาศแผ่นหนึ่งเขียนบอกเรื่องราวของปลาชนิดหนึ่งเอาไว้ ปลาชนิดนี้เป็นคนท้องถิ่นในประเทศกัมพูชาเรียกว่า ‘พซอต’ คนทั่วไปรู้จักกันในนาม ‘โลมาอิรวดี’ ส่วนคนลาวเรียก ‘ปลาข่า’ ในความเป็นจริงแล้ว ปลาโลมาที่เรารู้จักกลับไม่ใช่ปลาอย่างที่เข้าใจ เพราะนักวิชาการด้านพันธุ์ปลาได้ให้คำจำกัดความว่า ‘โลมาเป็นสัตว์ชนิดหนึ่งที่เลี้ยงลูกด้วยนม แต่อาศัยอยู่ในน้ำ และดำรงชีวิตคล้ายปลา ที่สำคัญมันออกลูกเป็นตัว คนทั่วไปจึงเข้าใจเอาว่ามันเป็นปลา โลมาอิรวดีถือว่าเป็นสัตว์ใกล้สูญพันธุ์อย่างยิ่งยวด โดยเฉพาะโลมาน้ำจืด ที่อาศัยอยู่ในน้ำจืดหลายสาย เช่นที่ทะเลสาปสงขลา แม่น้ำปางปะกง และแม่น้ำโขง ในแม่น้ำโขงนั้นโลมาถือว่าเป็นสัตว์น้ำที่ใกล้สูญพันธุ์อย่างยิ่งยวด ไม่แพ้ยักษ์ใหญ่แห่งลุ่มน้ำโขงเช่นปลาบึกเลยทีเดียว

โลมาเป็นสัตว์ที่ใช้โซนาร์ที่มีอยู่ในตัวเป็นเครื่องนำทางในการหาอาหาร และสื่อสารถึงกัน มนุษย์เราก็ไม่ได้แตกต่างจากโลมาเท่าใดนัก แม้ว่าเราจะไม่ใช้โซน่าในการสื่อสารถึงกัน แต่ในรอยยิ้มอันเปี่ยมด้วยมิตรภาพที่ส่งผ่านมาถึงกันก็นำพาสายสัมพันธ์ของผู้คนในลุ่มน้ำเดียวกันให้ส่งผ่านถึงกันได้ไม่ยากเย็น

หลังลงจากรถเรียบร้อย และมุ่งหน้าสู่ท่าเรือ รอยยิ้มของผู้คนนิรนามบนท่าเรือก็เปิดเผยสู่กันอย่างจริงใจ รอยยิ้มบนริมฝีปากของผู้คนหลายชาติหลายภาษาเหมือนได้ทำลายกำแพงแห่งเชื้อชาติของแต่ละผู้คนลงอย่างสิ้นเชิง

ราวก่อนเที่ยงวันเล็กน้อย เรือก็พาเราออกจากท่าเรือมุ่งหน้าสู่เกาะรองแง็ง เกาะที่มีความยาวราว ๔๐ กิโลเมตร ซึ่งใหญ่พอๆ กับดอนโขงในลาว เมื่อไปถึงการพูดคุยถึงวิถีชีวิตของผู้คนบนเกาะที่ลานวัดของหมู่บ้านก็เริ่มขึ้น

ชาวบหลายคนต่างตกใจเมื่อ เราถามถึงเรื่องเขื่อนจะที่เกิดขึ้นในพื้นที่แห่งนี้ หลายคนเป็นพะวงรอยยิ้มบนใบหน้าเริ่มหายไป จากการพูดคุยชาวบ้านบอกเล่าว่าเคยได้ยินมาเหมือนกันว่าจะมีการมาสร้างเขื่อนซัมบอ แต่ยังไม่รู้ในรายละเอียดว่าเขื่อนจะสร้างด้วยความยาว ๓๓ กิโลเมตรหรือว่าน้อยกว่านั้น แต่ที่รู้แน่นอนจากพิกัดบน GPS แล้ว เมื่อสร้างเขื่อน เกาะรองแง็งแห่งนี้จะถูกน้ำท่วม ผู้คนหลายร้อยคนต้องเดินทางอพยพไปอยู่ที่อื่น

ใช่ว่าเมื่อสร้างเขื่อนสามบอแล้วจะมีแต่คนเท่านั้นที่ต้องอพยพไปอยู่ที่อื่น โลมาที่มีอยู่ไม่มากก็จำเป็นต้องแหวกว่ายหนีหายไปหากินอยู่ที่อื่น หรือไม่พวกมันอาจถูกฆ่าตายในตอนเริ่มก่อสร้างเขื่อนแห่งนี้ก็เป็นได้


ใบหน้า และแววตาของผู้จะได้รับผลกระทบจากการสร้างเขื่อนในอนาคต

เราหลายคนเมื่อได้เห็นพื้นที่กับตาตัวเองต่างส่ายหน้า และออกความเห็นว่าไม่มีทางทำเขื่อนในบริเวณนี้ได้ เพราะแม่น้ำโขงกว้างใหญ่มาก การจะทำเขื่อนกั้นบริเวณเกาะกับเกาะที่น้ำโขงกว้างขนาดนี้ต้องใช้เงินมหาศาล แล้วคนลงทุนจะกล้าที่จะลงทุนหรือเปล่า แต่ขณะเดียวกันก็มีใครบางคนบ่นออกมาเบาๆ ว่า ทำไมจะสร้างไม่ได้ เมื่อคนที่จะสร้างเขื่อนนี้เป็นคนจีน และทุนก็มาจากจีน ขนาดแม่น้ำแยงซีกว้างใหญ่ขนาดไหน จีนยังสร้างเขื่อนกั้นมาแล้ว พวกเราได้แต่พยักหน้า และหัวเราะเมื่อเขาคนนั้นพูดจบ

หลังอาหารเที่ยงผ่านพ้น ชาวบ้านได้พาเราเดินทางไปดูโลมา การเฝ้ารอราวหนึ่งชั่วโมงโลมาก็ไม่ปรากฏตัวเหนือผิวน้ำ คนนำทางจึงตัดสินใจเอาเรือเข้าฝั่ง ขณะเรือลอยลำอยู่กลางแม่น้ำ ผมเผลอคิดไปว่า หากเขื่อนแห่งนี้ถูกสร้าง ปลาข่า-พซอต-โลมา และผู้คนบนสายน้ำแห่งนี้จะมีชะตากรรมเป็นเช่นใด

บล็อกของ สุมาตร ภูลายยาว

สุมาตร ภูลายยาว
    ...เสียงปืนดังลั่นเปรี้ยง-คล้ายเสียงชะนีหวน
สุมาตร ภูลายยาว
สายลมเริ่มพัดเปลี่ยนทิศจากเหนือลงใต้ ฤดูฝนใกล้พ้นผ่านแล้ว ฤดูหนาวกำลังเดินทางมาแทน ขณะอาทิตย์ใกล้ลับฟ้าถัดจากกระท่อมหลังสุดท้ายตรงหาดทรายไปไม่ไกล คนจำนวนมากกำลังวุ่นวายอยู่กับการเก็บเครื่องมือทำงาน หากนับตั้งแต่วันแรกถึงวันนี้ก็ล่วงเข้าไป ๔ วันแล้วที่ช่างในหมู่บ้านถูกไหว้วานให้มาช่วยกันทำเรือไฟ เพื่อให้ทันใช้ในวันออกพรรษา หลังจมอยู่กับงานมาทั้งวัน เมื่อโรงงานต่อเรือไฟปิดประตูลงในตอนเย็น โรงมหรสพริมฝั่งน้ำก็เข้ามาแทน
สุมาตร ภูลายยาว
แม่น้ำนิ่งงันลงชั่วการกระพริบตาของพญามังกร ชาวบ้านริมฝั่งน้ำไม่มีใครรู้ว่า พญามังกรกระพริบตากี่ครั้ง หรือด้วยอำนาจใดของพญามังกร แม่น้ำจึงหยุดไหล ทั้งที่แม่น้ำเคยไหลมาชั่วนาตาปี วันที่แม่น้ำหยุดไหล คนหาปลาร้องไห้ปานจะขาดใจ เพราะปลาจำนวนมากได้หนีหายไปจากแม่น้ำ
สุมาตร ภูลายยาว
แดดร้อนของเดือนมีนาคมแผดเผาหญ้าแห้งกรัง หน้าร้อนปีนี้ร้อนกว่าทุกปี เพราะฝนไม่ตก ยอดมะม่วงอ่อนจึงไม่ยอมแตกช่อ มะม่วงป่าเริ่มออกดอกรอฝนพรำ เพื่อให้ผลได้เติบโต ความร้อนมาพร้อมกับความแห้งแล้ง ในความแห้งแล้ง ดอกไม้ป่าหลากสีกำลังผลิบาน มีทั้งดอกสีส้ม แดง ม่วง ความแห้งแล้งดูมีชีวิตชีวาขึ้นมาบ้าง
สุมาตร ภูลายยาว
‘ย่างเข้าเดือนห้า น้ำท่าก็เริ่มขอดแล้ง’ คนแก่บางคนว่าอย่างนั้น (ถ้าผมจำไม่ผิด) คำพูดนี้ได้สะท้อนบางอย่างออกมาด้วย นั่นคือสิ่งที่ผู้คนในยุคสมัยก่อนเห็น พอถึงเดือนห้า น้ำที่เคยมีอยู่ก็แห้งขอดลงเป็นลำดับ ผู้คนในสมัยก่อนที่จะก้าวเข้าสู่สังคมเกษตรอุตสาหกรรมเช่นทุกวันนี้ทำอะไรบ้าง ในสังคมภาคกลางยุคที่ทำการเกษตรไม่ใช่อุตสาหกรรม หน้าแล้งไม่มีใครทำนา เพราะทุกคนต่างรู้ว่า หน้าแล้งแล้วนะ น้ำท่าจะมาจากไหน แต่พอยุคอุตสาหกรรมเกษตรเรืองอำนาจ หน้าแล้งผู้คนก็ยังคงทำนา เพื่อตอบสนองอุตสาหกรรมการเกษตรกันอยู่
สุมาตร ภูลายยาว
ผู้ดีตีนแดง-ขอ โทษ เท้าแดง ตะแคงเท้าเดิน เวลาเหยียบปุ่มปมของพรมผืนนุ่มนิ่มราวกับปุยเมฆ นั่นแหละเท้าของผู้ดี และโลกของผู้ดีมีแต่น้ำครำ –น้ำคำ แห่งการหลอกลวง ทั้งผู้ดีจริง และผู้ดีกลวง ขณะเดินย่ำไปบนเส้นทางสู่ร้านอาหารเลิศหรู เมนูไข่คาเวียกับบรั่นดีแก้วทรงสูงดัดจริตวางรอ ผู้ดีน้ำครำละเลียดเมรัยรสคมผ่านลำคอ และละเลียดไข่คาเวียที่มีอยู่นับจำนวนได้บนจานราคาแพงกว่าการขึ้นห้องกับปอง ของโฉน ไพรำ ผู้ดี น้ำครำมองออกไปนอกหน้าต่างสูงลิบของห้องอาหารโรงแรมเสียดฟ้า เบื้องล่างแม่น้ำไหลเอื่อยเหนื่อยปานจะขาดใจตาย ผู้ดีน้ำครำละเลียดไข่คาเวียราคาแพง เพื่อเลิศหรูมีหน้ามีตา…
สุมาตร ภูลายยาว
สายลมหนาวพัดมาพร้อมกับสายฝนที่โปรยสายลงมา ว่ากันว่านี่คือฝนหลงฤดู! กาแฟแก้วของวันเป็นคาปูชิโน่ร้อนสองแก้ว แต่ไม่ใช่ของผมเป็นของลูกค้าต่างชาติ รสชาติของกาแฟเป็นอย่างไรในเช้านี้ ผมไม่อาจรู้ เพราะไม่ได้ชิม หลังสตรีมนมสดจนร้อนได้ที่ กลิ่นกาแฟสดหอมกรุ่นโชยออกมา และพร้อมแล้วสำหรับการดื่ม-กิน
สุมาตร ภูลายยาว
เนิ่นนานหลายปีแล้วที่ผมพเนจรจากบ้านเกิด แต่หลายๆ ความรู้สึกเกี่ยวกับบ้าน ผมไม่มีทางลืมได้เด็ดขาด บางค่ำคืนที่มีโอกาสอยู่กับตัวเองเพียงลำพัง ด้วยความสงบเงียบ ภาพบ้านเกิดจะย้อนกลับมาสู่ความทรงจำ-ความทรงจำในวัยเยาว์เกี่ยวกับบ้านเกิด
สุมาตร ภูลายยาว
เวลาผ่านไปเร็ว ยามที่เราโตขึ้น เราเชื่อเช่นนั้น เพราะเราโหยหาเวลาของวัยเยาว์ เมื่อเราเติบโตขึ้นเป็นลำดับมีหลายความรู้สึกของวัยเยาว์ที่หล่นหายไปอย่างไม่อาจเรียกคืนกลับมา ราวกับสายน้ำที่ไหลไกลออกไปทุกทีๆ มิอาจหวนกลับมาเป็นสายน้ำได้เช่นเดิม แต่กลายเป็นสายฝนพรำลงมาแทน หากพูดถึงอดีตแล้ว บางด้านที่เลวร้าย เราอยากผ่านเลย แต่กลับจำได้ฝังใจ...
สุมาตร ภูลายยาว
บุนทะนอง ซมไซผล แปลโดย สุมาตร ภูลายยาว    ๑.ผลน้ำเต้าบุ่ง และวรรณคดีพื้นเมือง ถ้าจะให้พูดถึงความสัมพันธ์ไทย-ลาว ความเชื่อมโยงด้านวรรณคดีของชนชาติเผ่าพันธุ์ต่างๆ ในประเทศอนุภูมิภาคลุ่มน้ำของ สิ่งแรกที่ข้าพเจ้าคิดถึงคือ น้ำเต้าบุ่ง
สุมาตร ภูลายยาว
ดอกเกดเป็นดอกไม้ชนิดหนึ่งที่ลำต้นมีลักษณะเหมือนต้นปาล์ม เวลาออกดอก ดอกจะส่งกลิ่นหอม คนเฒ่าคนแก่จะนิยมนำไปบูชาพระและนำมาทัดหู ผมไม่รู้เหมือนกันว่าดอกไม้ชนิดนี้จะมีอยู่ทั่วไปในประเทศไทยหรือมีเฉพาะที่ภาคอีสานและประเทศลาว
สุมาตร ภูลายยาว
จากใบไม้ใบสุดท้ายถึงซิ่นไหมผืนเก่าๆ: ๒ เรื่องสั้นซีไรต์บนแผ่นดินเบื้องซ้ายแม่น้ำของ (โขง) เมื่อพูดถึงวรรณกรรมบนแผ่นดินฝั่งซ้ายแม่น้ำโขงแล้ว หลายคนคงอดที่จะพูดถึงวรรณกรรมชิ้นคลาสสิกเช่น ‘สังสินไซ’ ไม่ได้ เพราะสังสินไซเป็นวรรณกรรมพื้นบ้านที่คนทั้งสองฝั่งแม่น้ำโขงรู้จักมากที่สุดชิ้นหนึ่ง นอกจากสังสินไซแล้ว ผลงานของนักเขียนลาวหลายคนในความรับรู้ของคนไทยคงหนีไม่พ้นผลงานเขียนของท่านมหาสีลา วีระวงค์ ผู้รจนางานมหากาพย์อันยิ่งใหญ่ในนาม ‘ท้าวฮุ่งและขุนเจือง’