Skip to main content

เจ้าม้าศึกสีเทา ๒,๒๐๐ ซีซี ทะยานไปตามทางลูกรังสีแดงเบื้องหลังฝุ่นคลุ้งตลบ หากมีรถวิ่งตามมาคงบอกได้คำเดียวว่า ‘ขอโทษ’ ก่อนจะถึงทางแยกเสียงโทรศัพท์ของผู้ไปถึงก่อนก็บอกให้ตรงมาตามทางอย่าได้เลี้ยวซ้ายเป็นอันขาด เพราะนั่นหมายถึงการหลงทางจะเกิดขึ้น


สายลมแล้งของเดือนมีนาคมพัดมาเฉื่อยช้า ความร้อนเพิ่มขึ้นตามการเดินทางของพระอาทิตย์ ในที่สุดเจ้าม้าศึกสีเทาที่เดินทางมาไกลกว่า ๑,๒๕๐ กิโลเมตรก็มาถึงจุดหมายปลายทาง แม้อากาศจะร้อน แต่ลมจากธรรมชาติก็เย็นฉ่ำกว่าแอร์คอนดิชั่นหลายเท่า เมื่อหันหน้าออกสู่ทิศตะวันออก แก่งหินขาดใหญ่ริมฝั่งแม่น้ำก็ปรากฏต่อสายตา แม้อยากจะลงไปสัมผัสความงามของแก่งหินเบื้องหน้าเพียงใด แต่ความร้อนที่ส่องลงมากระทบกับหิน และหินได้เก็บสะสมความร้อนเอาไว้ก็ไม่เอื้อให้เยื้องย่างลงไปชื่นชม บนแผ่นหินกว้างไกลสลับซับซ้อนไร้ผู้คนปีนป่ายจึงดูเหมือนว่ายามสายสางเช่นนี้เป็นช่วงเวลาพักผ่อนของแผ่นหิน


อาจารย์เรืองประทิน เขียวสดผู้เดินท่องไปบนพื้นที่ของสามพันโบกจนรู้จักทุกซอกมุมของแก่งหินกว้างใหญ่แห่งนี้บอกว่า ‘สามพันโบก’ เป็นชื่อของหลุมที่อยู่บนแก่งหินมีมากถึงสามพันหลุม จึงได้ชื่อว่า ‘สามพันโบก’ ผู้คนทางฝั่งซ้าย และฝั่งขวาของแม่น้ำโขงบริเวณนั้นเรียกหลุมที่เกิดขึ้นบนแก่งหินว่า ‘โบก’ ลักษณะระบบนิเวศแบบโบกจะพบได้ในแม่น้ำมูลตอนปลาย และแม่น้ำโขงในเขตจังหวัดอุบลราชธานี


การเกิดขึ้นของโบกมีเรื่องเล่าสืบต่อกันมาว่า วันหนึ่งมีปู่กับหลานคู่หนึ่งพากันไปหาปลาตามแก่ง ปู่ไปตักต่องอยู่ริมฝั่งจนเที่ยงก็ไม่ได้ปลา หลานที่ไปด้วยก็หิวข้าว พอปู่รู้ว่าได้เวลากินข้าวสวย (ข้าวเที่ยง) แล้วก็วางเครื่องมือหาปลาขึ้นมาหาหลาน และพอได้รู้ว่าหลานหิวข้าว แต่ปู่ก็ไม่ได้ปลาสักตัว ปู่จึงเดินไปตามแก่งหินและเริ่มลงมือจก (ล้วง) เข้าไปตามแก่งหินเพื่อหาปูไปปิ้งให้หลานกิน การจกของปู่เป็นการล้วงไปล้วงมาจนเกิดเป็นโบก หลังอาจารย์เรื่องประทินเล่ามาถึงตรงนี้ หลายคนแอบยิ้ม และพรึมพรำว่า ดูท่าปู่จะจกปูหลายปี และหลานคงมีหลานคนจนเกิดโบกตั้งสามพันโบก


บริเวณที่เรียกว่าสามพันโบกมีพื้นที่รวมกันทั้งหมดราว ๑๐ ตารางกิโลเมตร ในช่วงหน้าแล้งหลังน้ำลดโบกจะโผล่พ้นน้ำไปจนถึงเดือนมิถุนายน และหลังจากนั้นก็จะจมอยู่ใต้น้ำเช่นเดิม นอกจากสามพันโบกจะเป็นพื้นที่อันสวยงามในเชิงของการท่องเที่ยวแล้ว สามพันโบกยังเป็นพื้นที่เพาะพันธุ์ปลาที่อาศัยตามโบกในช่วงฤดูแล้ง พอถึงฤดูฝนที่น้ำท่วมหลาก ปลาก็จะเดินทางออกสู่แม่น้ำโขง


ตะวันใกล้บ่ายคล้อย ผู้คนเริ่มมาเยือนสามพันโบกจาก ๒ คนเป็น ๓-๔ และเพิ่มขึ้นเป็นลำดับ นอกจากสามพันโบกจะเป็นสถานที่ท่องเที่ยวแล้ว ใต้เงื้อมหินยังเป็นที่หลบแดดของคนหาปลาในแม่น้ำโขงบริเวณนี้อีกด้วย เมื่อมองลงไปในแม่น้ำ ภาพของคนหาปลาหลบอยู่ในเพิงพักคือแก่งหินสูงชั้นลดหลั่นกันไป ห้วงนั้นจินตนาการถึงกลุ่มคนโบราณที่ได้ประทับรอยฝ่ามือ รอยเครื่องมือหาปลา และปลาตัวใหญ่ไว้บนหน้าผาที่ได้ชื่อต่อมาว่า ‘ผาแต้ม’


ปัจจุบันคงส่องทางให้เห็นอดีต ความน่าจะเป็นในอดีตเกี่ยวกับเรื่องราวภาพเขียนบนผาแต้มอาจเป็นเรื่องราวส่วนหนึ่งของวิถีชีวิตผู้คนที่อยู่ริมฝั่งน้ำโขง ในวันที่หลบพักในเงื้อมผาสูง พวกเขาคงอยากบันทึกเรื่องราววิถีชีวิตของตัวเองเอาไว้ หากภาพวาดเหล่านั้นเป็นฝีมือของคนหาปลาแห่งเงาอดีต แน่ละคนหาปลาคนนี้คงสุนทรีย์ไม่น้อย ความสุนทรีย์คงเกิดขึ้น เพราะได้ปลาตัวใหญ่จนเก็บความตื่นเต้นเอาไว้ไม่ได้ ต้องเขียนไว้ให้คนอื่นได้ดูด้วยว่า ในอดีตพื้นที่บริเวณนี้ก็คือส่วนหนึ่งแห่งบ้านของปลา และผู้คนบนสายน้ำโขงเช่นกัน


ค่ำคืนที่แผ่นหินแห่งสามพันโบกนอนเหยียดยาวนิ่งเงียบรอการมาถึงของยามเช้า สำหรับช่างภาพแล้วการจะถ่ายรูปสามพันโบกให้สวยต้องถ่ายช่วงนี้ เพราะแสงแดดรื่อเรืองส่องกระทบก้อนหินฉายเงาแห่งความแกร่งงดงาม หากแผ่นหินของสามพันโบกเป็นหินเนื้ออ่อนบางเบาคล้ายดินโคลน เราคงเห็นรอยเท้าของเราปรากฏเป็นส่วนหนึ่งของสามพันโบกได้ไม่ยาก และบางทีรอยเท้าของเราอาจถูกกดทับด้วยรองเท้าของคนอื่นเช่นกัน เพราะสามพันโบกวันนี้ผู้คนมากขึ้นเป็นลำดับ

 

ด่านช่องเม็ก-วังเตาใต้เงาความเปลี่ยนแปลง


ล้อรถหมุนเวลา ๑๐ โมงเช้าจากห้วยวังนองโดยมีจุดหมายปลายทางที่ด่านช่องเม็ก อำเภอสิรินธร คนขับทำความเร็วพอประมาณ แต่กว่าจะไปถึงด่านช่องเม็ก-วังเตาก็เลยเที่ยงไปจวนบ่าย ที่ไปถึงช้ากว่าความน่าจะเป็น เพราะคนขับรถถูกผู้โดยสารขอร้องให้จอดรถอยู่หลายครั้ง เนื่องจากกองเห็ดข้างถนนช่างยั่วยวนความอยากเสียเต็มประดา แต่สุดท้ายก็ได้เพียงผักจากตลาดเท่านั้น


รถมาถึงด่านช่องเม็กราวบ่าย บริเวณด่านตรวจคนเข้าเมืองผู้คนพลุกพล่านพอสมควรแม้จะเป็นวันอาทิตย์ เมื่อคนพร้อมตรงจุดนัดหมายบริเวณด่านตรวจคนเข้าเมืองเรียบร้อย พิธีการผ่านแดนเสร็จสิ้นลง คณะเดินทางทั้งหมดก็ทยอยเดินไปตามทางเดินเล็กๆ ที่ถูกกั้นไว้โดยรั้วเหล็กมุ่งหน้าสู่ด่านตรวจคนเข้าเมืองของประเทศลาว


นี่ไม่ใช่การเดินทางข้ามพรมแดนแห่งนี้ครั้งแรก การเดินทางในรอบนี้จึงดูตื่นเต้นน้อยกว่าครั้งผ่านมา แต่มีบางอย่างที่ต้องรอบครอบมากขึ้น เช่น การเช็คค่าเงิน เช็คข้อมูลที่ถูกกรอกลงไปในเอกสารผ่านแดน และหนังสือเดินทาง การเดินทางข้ามประเทศแม้จะมีพรมแดนติดกัน สำหรับคนที่มีหนังสือเดินทางจะมีพิธีการยุ่งยากกว่าการถือหนังสือผ่านแดนชั่วคราว แต่พอผ่านพิธีการต่างๆ เหล่านี้จากด่านตรวจคนเข้าเมืองไปแล้ว คนที่มีหนังสือเดินทางสามารถที่จะอยู่ในประเทศลาวได้ยาวนานกว่า โดยระยะเวลาในการอยู่ในประเทศลาวของคนถือหนังสือผ่านแดนชั่วคราวสามารถอยู่ได้เพียง ๒ คืน ๓ วัน สำหรับคนที่มีเวลาในการเดินทางสู่ลาวใต้ไม่หลายวันมากนักสามารถทำหนังสือผ่านแดนชั่วคราวได้ตรงด่านตรวจคนเข้าเมือง


ขณะเดินข้ามด่านพรมแดนไป สิ่งที่สังเกตเห็นได้ในรอบการเดินทางเที่ยวนี้คือ ป้ายประกาศเตือนต่างๆ ทั้งป้ายห้ามนำกล้วยไม้ บุหรี่ สุรา ไพ่ โทรศัพท์มือถือ วีซีดีละเมิดลิขสิทธิ์ของแท้เข้าภายในประเทศ ป้ายประกาศเตือนเหล่านี้ทำเอาหลายคนที่ชอบฝ่าฝืนกฏระเบียบคิดหนักพอสมควร


ด่านวังเตายามบ่ายดูเงียบสงบ ผู้คนผ่านแดนน้อยลง อาจเป็นเพราะหลายคนเลือกที่จะข้ามไปในตอนเช้า เพราะถ้าข้ามไปเช้าแล้วสามารถทำธุระให้เสร็จแล้วกลับเข้ามาในตอนบ่ายได้จากนั้นก็สามารถเดินทางกลับถึงบ้านได้ในตอนเย็น


หลังกรอกเอกสารจนเสร็จแล้วยื่นเข้าไปประทับลงตราเลขที่ของหนังสือเดินทาง หลายคนก็แปลกใจเล็กน้อย เพราะค่าบริการรวมค่าทำเนียมดูเหมือนว่าจะแพงขึ้นว่าปีก่อน มิหนำซ้ำใบเสร็จก็ไม่มีให้ แต่สำหรับบางคนที่เข้าใจเรื่องราวเหล่านี้ได้ดีก็ผ่านเลยไป เมื่อทุกอย่างเสร็จสิ้นการเดินทางสู่ลาวใต้โดยมีจุดหมายอยู่ที่สี่พันดอนก็เริ่มขึ้น

 

เรื่องเล่าบนถนนหมายเลข ๑๓ สู่ลาวใต้


รถตู้สีขาวค่อยเคลื่อนออกจากจุดจอดเพื่อมุ่งหน้าไปบนถนนหมายเลข ๑๓ เรื่องราวสองข้างทางบนถนนสายนี้ไม่ค่อยมีอะไรเปลี่ยนแปลงไปมากมายนัก บ้านเรือนที่เคยถ่ายรูปเอาไว้เมื่อช่วงเวลาเดียวกันนี้ของปีก่อนก็ยังอยู่ที่เดิม จะมีบ้างก็วิลล่าหลังใหญ่ที่เริ่มถูกปลูกสร้างมากขึ้น วิลล่าหลังใหญ่หลายหลังที่ถูกปลูกสร้างขึ้นข้างทุ่งนาสองข้างทางบ่งบอกสถานะของผู้เป็นเจ้าของได้เป็นอย่างดี โดยส่วนมากแล้ว วิลล่าเหล่านี้เป็นของคนที่เพิ่งอพยพกลับมาจากอเมริกา


ขณะตัดภาพสายตาจากวิลล่าหลังใหญ่มาสู่ท้องนา ภาพบางภาพที่ไม่ค่อยคุ้นชินเท่าใดนักในประเทศลาวก็ปรากฏต่อสายตา รถไถนาเดินตามสีแดงส่งควันโขมงจากปลายท่อ แผดเสียงคำรามก้องดังไปทั่วท้องนาเริ่มเข้ามาทดแทนที่ควายสีดำมากเข้าไปทุกที


ในปีก่อนนาผืนเดียวกันริมถนนแห่งนี้ที่รถวิ่งเริ่มลงมือปักดำข้าวกล้าแล้ว แต่ปีนี้ฝนจากฟ้าคงกำลังเริ่มส่งน้ำลงมา นาบางแปลงจึงอยู่ในช่วงของการรอต้นกล้า และบางแปลงก็กำลังอยู่ในช่วงไถพรวน


รถทำความเร็วไม่มากนัก ส่วนหนึ่งอาจเป็นเพราะขอ้จำกัดในการใช้รถที่ถูกจำกัดความเร็วเอาไว้ด้วยป้ายกำหนดความเร็วที่ข้างถนน หลายคนเริ่มรู้สึกอึดอัด เพราะความเชื่องช้าของรถ บางคนเริ่มบ่น บางคนเริ่มขอให้เปิดเพลง บางคนที่ดื่มด่ำเมรัยตราหัวเสือสัญชาติลาวก็ง่วงหลับฟุบลงกับเบาะนั่ง เมื่อรถเข้าสู่เมืองจำปาสัก รถก็ถูกสั่งให้จอดแวะข้างทาง เพื่อให้ผู้โดยสารหิวโหยบนรถได้ลงไปปลอดปล่อยความหิวโหยของตัวเองในร้านเฝอเจ้าประจำ


บางคนเริ่มหวั่นใจถึงการเดินทางสู่เป้าหมายอาจล่าช้า เพราะรถวิ่งไม่ค่อยเร็ว แต่บางคนก็มีรอยยิ้มบนใบหน้า เพราะสังเกตุจากการพูดคุยแล้ว การเดินทางในลาวเหมือนกับเราได้ทำตัวเองให้ช้าลง ความช้าทำให้เรามีเวลาได้ครุ่นคิดอะไรหลายอย่าง ว่ากันตามความจริงแล้ว คณะเดินทางของเราชุดนี้ต่างเคยร่วมเดินทางขึ้นเหนือล่องใต้ในประเทศลาวมาด้วยกันหลายครั้ง ความเข้าใจในข้อจำกัดของแต่ละคนจึงเป็นที่รับรู้ เช่น บางคนมีข้อจำกัดในเรื่องของการไม่กินเนื้อ การเข้าร้านอาหารหรือแม้แต่การทำอาหารก็จะถูกคิดเผื่อคนที่ไม่กินเนื้อด้วย


โดยสัตย์จริงการเดินทางร่วมกับคณะเดินทางชุดนี้ มีความรื่นรมย์มากกว่าการเดินทางร่วมกับคณะเดินทางชุดอื่น เราสามารถรอคนลงที่ไปถ่ายรูป ถ่ายวิดีโอได้โดยไม่มีใครเร่งรีบ จะมีบ้างก็แต่การบอกให้หามุมกล้อง หาโลเกชั่นในการถ่ายเท่านั้น


รถจอดแวะข้างทางอีกครั้งที่ตลาดหลักซาว เพื่อให้คณะเดินทางได้ผ่อนคลายอิริยาบท และบางส่วนก็ลงไปซื้อเครื่องปรุงอาหารที่เมนูถูกคิดเอาไว้แล้ว การเดินทางสู่ลาวใต้ด้วยการเช่ารถในครั้งนี้ถือว่าคุ้มค่ากว่าครั้งก่อน เพราะคนขับรถไม่ได้เรื่องมาก มิหนำซ้ำยังดูแลผู้โดยสารเป็นอย่างดี หากเป็นรถตู้บางคันแล้ว เราคงไม่ได้มิตรภาพอันงดงามเช่นนี้


ตลาดหลักซาวในยามบ่ายเริ่มวายบ้างแล้ว ผู้คนน้อยลง แต่มีแม่ค้าขายสินค้ากันอยู่ตามปกติ ว่ากันว่าตลาดแห่งนี้เป็นอีกหนึ่งแห่งที่มีอาหารป่าหลายประเภทวางขายให้เลือกซื้อ แม้ว่าทางหน่วยงานราชการจะเข้มงวดกวดขันก็ตามที จึงไม่แปลกนักเมื่อเราไปเดินตลาด เราจะได้เห็นกระจงนอนนิ่งอยู่ข้างเนื้อเก้งหรือเนื้อหมูป่า นอกจากสินค้าเหล่านี้แล้ว สินค้าที่สำคัญอีกอย่างหนึ่งของลาวใต้ในตลาดแห่งนี้คือปลา ปลาที่ถูกนำมาวางขายมีหลายชนิดมีหลายขนาด ว่ากันว่าสำหรับคนที่ไม่บริโภคเนื้อปลาการมาเที่ยวลาวใต้อาจไม่ใช่ปลายทางของความสุข แต่สำหรับคนที่บริโภคเนื้อปลา การมาลาวใต้คงสุขใจไม่น้อย เพราะปลาที่หลากหลายชนิด ราคาไม่แพงจะถูกนำไปแปรรูปเป็นอาหารอันแสนอร่อยจนลืมไม่ลง เนื่องจากตระหนักในข้อนี้ บางคนในคณะเดินทางของเราจึงแอบซื้อวาซาบิกระป๋องติดกระเป๋าข้ามประเทศเข้ามากินกับเนื้อปลาแม่น้ำโขงด้วย


หลับๆ ตื่นๆ ไปบนรถราว ๓ ชั่วโมง รถก็มาถึงบ้านนากะสัง หมู่บ้านอันเป็นทั้งตลาดค้าส่งปลา ของกินของใช้อื่นๆ และเป็นท่าเรือสำหรับนักท่องเที่ยวผู้ต้องการเดินทางไปสู่ดอนเดช ดอนคอน แสงแดดหลังฝนตกเมื่อวานร้อนจนคนศรีษะล้านไม่กล้าเดินผ่าน ทำเอาพวกเราหลายคนเหงื่อไหลย้อยอาบใบหน้า


หลังลงรถได้ไม่นาน เรือที่นัดหมายให้มารับก็มาถึง เรียกว่าพอลงรถก็ขึ้นเรือ เวลาพักเหนื่อยคือเวลาที่นั่งอยู่บนเรือนั่นเอง เมื่อลงมาถึงเรือหลายคนกล่าว ‘สบายดี’ ทักทายเจ้าของเรือสองสามีภรรยา ก่อนจะขนสัมภาระทุกอย่างขึ้นเรือ เมื่อสัมภาระถูกจัดวางเรียบร้อย เรือก็ค่อยๆ เบนหัวออกจากท่าเรือบ้านนากะสัง โดยมีเป้าหมายอยู่ที่บ้านเอื้อยพรอันเป็นบ้านพักริมแม่น้ำโขงที่ดอนคอน ก่อนแม่น้ำโขงจะไหลลงสมพะมิด


เฮือนของเอื้อยพรนอกจากจะเปิดเป็นบ้านพักแล้ว ยังเป็นจุดรับซื้อปลาที่ใหญ่ที่สุดในดอนคอน ตอนเช้าเราจึงเห็นปลาจำนวนมากกองอยู่บนเสื่อ และในถังน้ำแข็ง ปลาเหล่านี้จะถูกส่งต่อไปที่บ้านนากะสังในช่วงสายของวัน

 

 

 

 

บล็อกของ สุมาตร ภูลายยาว

สุมาตร ภูลายยาว
    ...เสียงปืนดังลั่นเปรี้ยง-คล้ายเสียงชะนีหวน
สุมาตร ภูลายยาว
สายลมเริ่มพัดเปลี่ยนทิศจากเหนือลงใต้ ฤดูฝนใกล้พ้นผ่านแล้ว ฤดูหนาวกำลังเดินทางมาแทน ขณะอาทิตย์ใกล้ลับฟ้าถัดจากกระท่อมหลังสุดท้ายตรงหาดทรายไปไม่ไกล คนจำนวนมากกำลังวุ่นวายอยู่กับการเก็บเครื่องมือทำงาน หากนับตั้งแต่วันแรกถึงวันนี้ก็ล่วงเข้าไป ๔ วันแล้วที่ช่างในหมู่บ้านถูกไหว้วานให้มาช่วยกันทำเรือไฟ เพื่อให้ทันใช้ในวันออกพรรษา หลังจมอยู่กับงานมาทั้งวัน เมื่อโรงงานต่อเรือไฟปิดประตูลงในตอนเย็น โรงมหรสพริมฝั่งน้ำก็เข้ามาแทน
สุมาตร ภูลายยาว
แม่น้ำนิ่งงันลงชั่วการกระพริบตาของพญามังกร ชาวบ้านริมฝั่งน้ำไม่มีใครรู้ว่า พญามังกรกระพริบตากี่ครั้ง หรือด้วยอำนาจใดของพญามังกร แม่น้ำจึงหยุดไหล ทั้งที่แม่น้ำเคยไหลมาชั่วนาตาปี วันที่แม่น้ำหยุดไหล คนหาปลาร้องไห้ปานจะขาดใจ เพราะปลาจำนวนมากได้หนีหายไปจากแม่น้ำ
สุมาตร ภูลายยาว
แดดร้อนของเดือนมีนาคมแผดเผาหญ้าแห้งกรัง หน้าร้อนปีนี้ร้อนกว่าทุกปี เพราะฝนไม่ตก ยอดมะม่วงอ่อนจึงไม่ยอมแตกช่อ มะม่วงป่าเริ่มออกดอกรอฝนพรำ เพื่อให้ผลได้เติบโต ความร้อนมาพร้อมกับความแห้งแล้ง ในความแห้งแล้ง ดอกไม้ป่าหลากสีกำลังผลิบาน มีทั้งดอกสีส้ม แดง ม่วง ความแห้งแล้งดูมีชีวิตชีวาขึ้นมาบ้าง
สุมาตร ภูลายยาว
‘ย่างเข้าเดือนห้า น้ำท่าก็เริ่มขอดแล้ง’ คนแก่บางคนว่าอย่างนั้น (ถ้าผมจำไม่ผิด) คำพูดนี้ได้สะท้อนบางอย่างออกมาด้วย นั่นคือสิ่งที่ผู้คนในยุคสมัยก่อนเห็น พอถึงเดือนห้า น้ำที่เคยมีอยู่ก็แห้งขอดลงเป็นลำดับ ผู้คนในสมัยก่อนที่จะก้าวเข้าสู่สังคมเกษตรอุตสาหกรรมเช่นทุกวันนี้ทำอะไรบ้าง ในสังคมภาคกลางยุคที่ทำการเกษตรไม่ใช่อุตสาหกรรม หน้าแล้งไม่มีใครทำนา เพราะทุกคนต่างรู้ว่า หน้าแล้งแล้วนะ น้ำท่าจะมาจากไหน แต่พอยุคอุตสาหกรรมเกษตรเรืองอำนาจ หน้าแล้งผู้คนก็ยังคงทำนา เพื่อตอบสนองอุตสาหกรรมการเกษตรกันอยู่
สุมาตร ภูลายยาว
ผู้ดีตีนแดง-ขอ โทษ เท้าแดง ตะแคงเท้าเดิน เวลาเหยียบปุ่มปมของพรมผืนนุ่มนิ่มราวกับปุยเมฆ นั่นแหละเท้าของผู้ดี และโลกของผู้ดีมีแต่น้ำครำ –น้ำคำ แห่งการหลอกลวง ทั้งผู้ดีจริง และผู้ดีกลวง ขณะเดินย่ำไปบนเส้นทางสู่ร้านอาหารเลิศหรู เมนูไข่คาเวียกับบรั่นดีแก้วทรงสูงดัดจริตวางรอ ผู้ดีน้ำครำละเลียดเมรัยรสคมผ่านลำคอ และละเลียดไข่คาเวียที่มีอยู่นับจำนวนได้บนจานราคาแพงกว่าการขึ้นห้องกับปอง ของโฉน ไพรำ ผู้ดี น้ำครำมองออกไปนอกหน้าต่างสูงลิบของห้องอาหารโรงแรมเสียดฟ้า เบื้องล่างแม่น้ำไหลเอื่อยเหนื่อยปานจะขาดใจตาย ผู้ดีน้ำครำละเลียดไข่คาเวียราคาแพง เพื่อเลิศหรูมีหน้ามีตา…
สุมาตร ภูลายยาว
สายลมหนาวพัดมาพร้อมกับสายฝนที่โปรยสายลงมา ว่ากันว่านี่คือฝนหลงฤดู! กาแฟแก้วของวันเป็นคาปูชิโน่ร้อนสองแก้ว แต่ไม่ใช่ของผมเป็นของลูกค้าต่างชาติ รสชาติของกาแฟเป็นอย่างไรในเช้านี้ ผมไม่อาจรู้ เพราะไม่ได้ชิม หลังสตรีมนมสดจนร้อนได้ที่ กลิ่นกาแฟสดหอมกรุ่นโชยออกมา และพร้อมแล้วสำหรับการดื่ม-กิน
สุมาตร ภูลายยาว
เนิ่นนานหลายปีแล้วที่ผมพเนจรจากบ้านเกิด แต่หลายๆ ความรู้สึกเกี่ยวกับบ้าน ผมไม่มีทางลืมได้เด็ดขาด บางค่ำคืนที่มีโอกาสอยู่กับตัวเองเพียงลำพัง ด้วยความสงบเงียบ ภาพบ้านเกิดจะย้อนกลับมาสู่ความทรงจำ-ความทรงจำในวัยเยาว์เกี่ยวกับบ้านเกิด
สุมาตร ภูลายยาว
เวลาผ่านไปเร็ว ยามที่เราโตขึ้น เราเชื่อเช่นนั้น เพราะเราโหยหาเวลาของวัยเยาว์ เมื่อเราเติบโตขึ้นเป็นลำดับมีหลายความรู้สึกของวัยเยาว์ที่หล่นหายไปอย่างไม่อาจเรียกคืนกลับมา ราวกับสายน้ำที่ไหลไกลออกไปทุกทีๆ มิอาจหวนกลับมาเป็นสายน้ำได้เช่นเดิม แต่กลายเป็นสายฝนพรำลงมาแทน หากพูดถึงอดีตแล้ว บางด้านที่เลวร้าย เราอยากผ่านเลย แต่กลับจำได้ฝังใจ...
สุมาตร ภูลายยาว
บุนทะนอง ซมไซผล แปลโดย สุมาตร ภูลายยาว    ๑.ผลน้ำเต้าบุ่ง และวรรณคดีพื้นเมือง ถ้าจะให้พูดถึงความสัมพันธ์ไทย-ลาว ความเชื่อมโยงด้านวรรณคดีของชนชาติเผ่าพันธุ์ต่างๆ ในประเทศอนุภูมิภาคลุ่มน้ำของ สิ่งแรกที่ข้าพเจ้าคิดถึงคือ น้ำเต้าบุ่ง
สุมาตร ภูลายยาว
ดอกเกดเป็นดอกไม้ชนิดหนึ่งที่ลำต้นมีลักษณะเหมือนต้นปาล์ม เวลาออกดอก ดอกจะส่งกลิ่นหอม คนเฒ่าคนแก่จะนิยมนำไปบูชาพระและนำมาทัดหู ผมไม่รู้เหมือนกันว่าดอกไม้ชนิดนี้จะมีอยู่ทั่วไปในประเทศไทยหรือมีเฉพาะที่ภาคอีสานและประเทศลาว
สุมาตร ภูลายยาว
จากใบไม้ใบสุดท้ายถึงซิ่นไหมผืนเก่าๆ: ๒ เรื่องสั้นซีไรต์บนแผ่นดินเบื้องซ้ายแม่น้ำของ (โขง) เมื่อพูดถึงวรรณกรรมบนแผ่นดินฝั่งซ้ายแม่น้ำโขงแล้ว หลายคนคงอดที่จะพูดถึงวรรณกรรมชิ้นคลาสสิกเช่น ‘สังสินไซ’ ไม่ได้ เพราะสังสินไซเป็นวรรณกรรมพื้นบ้านที่คนทั้งสองฝั่งแม่น้ำโขงรู้จักมากที่สุดชิ้นหนึ่ง นอกจากสังสินไซแล้ว ผลงานของนักเขียนลาวหลายคนในความรับรู้ของคนไทยคงหนีไม่พ้นผลงานเขียนของท่านมหาสีลา วีระวงค์ ผู้รจนางานมหากาพย์อันยิ่งใหญ่ในนาม ‘ท้าวฮุ่งและขุนเจือง’