\\/--break--\>
สายน้ำเหมือนนิ่งเงียบไหลเอื่อยช้า แต่ทว่ากลับรุนแรง เรือยนต์รับส่งคนข้ามฟากตัดเฉือนสายน้ำจนถึงจุดหมายตั้งแต่เช้าจรดเย็น
เสียงเพลงจากร้านมุมสบายริมฝั่งโขงดังขึ้นอีกครั้งหลังจมอยู่กับความเงียบในตอนเกือบตี ๓ ของคืนที่ผ่านมา ตรงถนนเลียบริมแม่น้ำโขง บางกลายช่วงเป็นลู่วิ่งสำหรับคนรักสุขภาพ บางช่วงก็เป็นมุมสำหรับถ่ายรูปของนักเดินทางพเนจร ผู้แรมรอนออกจากรวงรังที่พักพิงเก่าโบยบินมาสู่รวงรังที่พักพิงแห่งใหม่ด้วยเวลาชั่วครู่ชั่วยามของการขยับปีกบินของผีเสื้อ
ขณะนั่งมองสายน้ำหลังกลับมาจากแตะฟุตบอล ผมพบว่า วันนี้ฟ้าด้านทิศตะวันตกเป็นสีแดงสลับดำดูน่ากลัว แต่ด้านทิศตะวันออกเป็นสีฟ้างดงาม หลังพักจนหายเหนื่อย ความคิดบางอย่างจึงผุดขึ้นมา ‘เราน่าจะเขียนบอกเล่าเรื่องราวที่ได้พบเจอในช่วงนี้ให้ใครบางคนได้อ่าน' จากความคิดเช่นนี้ ผมจึงตัดสินใจวางโครงสร้างคร่าวๆ ของเรื่องที่จะเขียนจนได้ข้อสรุปว่าน่าจะเขียนบอกเล่าเรื่องราวของหมู่บ้านริมฝั่งแม่น้ำโขง
จากข้อสรุปนั้น ผมจึงมานั่งทบทวนการเดินทางที่ได้พาตัวเองไปสัมผัสกับเรื่องราว และผู้คนจากหมู่บ้านริมฝั่งโขง แต่ยังไม่รู้เหมือนกันว่าจะเริ่มจากตรงไหน เนิ่นนานหลายวันที่หน้ากระดาษบนจอคอมพิวเตอร์ว่างเปล่า
การเริ่มต้นสำหรับการทำงานเขียนสักชิ้นนั้นสำหรับผมยากพอๆ กับการทำอาหารให้อร่อยถูกปากตัวเอง และคนอื่น แต่เมื่อการครุ่นคิดผ่านไปหลายวัน จินตนาการอันหริบหรี่ก็สว่างขึ้น เมื่อได้อ่านหนังสือชื่อ THE OLD MAN AND THE SEA ของ ERNEST HEMINGWAY อันเป็นฉบับที่พิมพ์เป็นภาษาไทยเมื่อเดือนกรกฏาคม ๒๕๒๒ โดยสำนักพิมพ์โอเดียนสโตร์ สำนวนแปลของสายธาร เมื่อลองไล่เรียงถึงวันเดือนปีในการพิมพ์หนังสือเล่มนี้แล้วพบว่า ผ่านมา ๓๐ ปีแล้ว หนังสือมีอายุ ๓๐ ปี ทั้งที่กระดาษยังดี สันปกยังอยู่คงทนจะมีก็เพียงแต่เนื้อในของหนังสือมีรอยขีดเขียนอยู่บ้างหลายหน้ากระดาษ และหนังสือเล่มนี้เองที่กลายมาเป็นแรงบันดาลใจให้ผมตัดสินในเขียนงานสารคดีชิ้นยาวที่เป็นเรื่องราวของผู้เฒ่าคนหาปลา
หากเปรียบหนังสือเล่มนี้กับคนหาปลา ในช่วงระยะเวลากว่า ๓๐ ปีที่รอนแรมออกหาปลา นั่นถือว่าเป็นประสบการณ์ที่ไม่น้อยทีเดียว และ ๓๐ ปีของการวนเวียนหาปลาในแม่น้ำคงมีเรื่องเล่ามากมายหลายเรื่อง แต่เรื่องใดจะเป็นเหตุการณ์อันน่าสนใจ เรื่องนี้สิน่าขบคิด
หลังตั้งสติ และจดชุดความคิดทุกอย่างลงบนกระดาษ สายฝนนอกบ้านยังคงโปรยสายลงมาหนักหน่วงกว่าเดิม เสียงฝนกระทบสังกะสีหลังคาบ้านดังขึ้นเป็นลำดับ ในที่สุดความคั่งค้างในใจก็ผ่อนเบาลง เมื่อประโยคแรกบนหน้ากระดาษค่อยปรากฏตัวอักษรขึ้นทีละตัว ที่ละแถว
(บางถ้อยคำที่ยกมาจากหน้ากระดาษของสมุดบันทึก)
วันนี้นักท่องเที่ยวยังคงมีอยู่ รวมทั้งเราด้วย บางทีการเดินทางมาของเรากับนักท่องเที่ยวเหล่านั้นอาจแตกต่างกันไป บางคนมาเพื่อเห็นความงามของแม่น้ำดุจเดียวกับเรา แต่เราอาจต่างจากนักท่องเที่ยวกลุ่มนั้นอยู่บ้างตรงที่ เราพยายามบอกเล่าถึงความงามของแม่น้ำ และหาวิธีดูแลรักษาให้ความงามของแม่น้ำได้อยู่คงทน ภาระกิจเช่นนี้ บางครั้งเราไม่อาจบอกใครได้ ภาพบางภาพที่เราถ่ายจึงไม่ได้อารมณ์ของสีและแสง รวมทั้งแห้งแล้งไร้จินตนาการ แต่หากว่าภาพเหล่านี้ก็ดูแลความรู้สึกของเราได้ดี อย่างภาพของคนหาปลาที่กลับบ้านมือเปล่าในตอนเย็น เพราะไม่ได้ปลา อันเนื่องมาแต่น้ำแห้งลงเร็ว เบ็ดที่ปักไว้จึงไม่มีปลาใหญ่มากินเหยื่อ
คิดไปคิดมาก็แปลกดี แม่น้ำคงอยากบอกอะไรกับเราบ้างแล้วละ แต่เราจะฟังเสียงร่ำร้องของแม่น้ำอย่างไร วันนี้แสนน่าเบื่อหน่าย กลับจากลงพื้นที่พร้อมกับความร้อนที่แผ่กระจายไปทั่ว ต้นสักริมถนนข้างโรงเรียนเชียงคานใบร่วงเหลือแต่กิ่งก้านราวกับนางแบบนู้ด แม่น้ำก็แห้งลง แต่แปลกแม่น้ำยิ่งแห้งลง ตามริมฝั่งน้ำคนกลับมากขึ้น ทั้งเด็กและผู้ใหญ่ หรือว่า เราต่างพากันหลงรักแม่น้ำในฤดูแล้งกันหมด เราจึงดำผุดดำว่าย และหยอกล้อกับเรียวคลื่นเล็กๆ รวมทั้งผืนทรายของแม่น้ำด้วยรอยยิ้ม
ตอนนี้ใก้ลวันหยุดเขื่อนโลกเต็มทีแล้ว ปีนี้จะมีการจัดกิจกรรมอีกหรือเปล่ายังไม่รู้เลย แต่เขื่อนบนแม่น้ำโขงก็เดินหน้าสร้าง และสำรวจกันอยู่ตลอด ตกลงบ้านเราเมืองเราไม่มีไฟฟ้าใช้หรือไง ถึงได้เดินหน้าไปซื้อไฟฟ้าจากแทบทุกเขื่อนที่มีการก่อสร้าง และกำลังสำรวจจะก่อสร้าง ไฟฟ้า...ไฟฟ้า ถ้าไม่มีใช้เราจะอยู่ได้หรือเปล่า ถ้ามีใช้แล้วเราจะใช้ยังไงให้คุ้มค่าที่สุด...รู้แล้ว เราต้องเปิดหน้าต่าง ปิดแอร์ ปิดพัดลม แล้วก็ปิดไฟนอน...
เชียงคาน, ฤดูแล้งร้อน, มีนา,๕๒