Skip to main content
เมฆสีดำเหนือฟ้าด้านตะวันออกส่งสายฝนลงมาตั้งแต่เช้าจนล่วงบ่าย แม่น้ำเป็นสีชานมเย็น เศษขยะ ขอนไม้ ท่อนไม้ และต้นไม้ลอยมากับสายน้ำ และไหลไปตามแรงเฉื่อยของกระแสน้ำ

\\/--break--\>
สายน้ำเหมือนนิ่งเงียบไหลเอื่อยช้า แต่ทว่ากลับรุนแรง เรือยนต์รับส่งคนข้ามฟากตัดเฉือนสายน้ำจนถึงจุดหมายตั้งแต่เช้าจรดเย็น


เสียงเพลงจากร้านมุมสบายริมฝั่งโขงดังขึ้นอีกครั้งหลังจมอยู่กับความเงียบในตอนเกือบตี ๓ ของคืนที่ผ่านมา ตรงถนนเลียบริมแม่น้ำโขง บางกลายช่วงเป็นลู่วิ่งสำหรับคนรักสุขภาพ บางช่วงก็เป็นมุมสำหรับถ่ายรูปของนักเดินทางพเนจร ผู้แรมรอนออกจากรวงรังที่พักพิงเก่าโบยบินมาสู่รวงรังที่พักพิงแห่งใหม่ด้วยเวลาชั่วครู่ชั่วยามของการขยับปีกบินของผีเสื้อ


ขณะนั่งมองสายน้ำหลังกลับมาจากแตะฟุตบอล ผมพบว่า วันนี้ฟ้าด้านทิศตะวันตกเป็นสีแดงสลับดำดูน่ากลัว แต่ด้านทิศตะวันออกเป็นสีฟ้างดงาม หลังพักจนหายเหนื่อย ความคิดบางอย่างจึงผุดขึ้นมา ‘เราน่าจะเขียนบอกเล่าเรื่องราวที่ได้พบเจอในช่วงนี้ให้ใครบางคนได้อ่าน' จากความคิดเช่นนี้ ผมจึงตัดสินใจวางโครงสร้างคร่าวๆ ของเรื่องที่จะเขียนจนได้ข้อสรุปว่าน่าจะเขียนบอกเล่าเรื่องราวของหมู่บ้านริมฝั่งแม่น้ำโขง


จากข้อสรุปนั้น ผมจึงมานั่งทบทวนการเดินทางที่ได้พาตัวเองไปสัมผัสกับเรื่องราว และผู้คนจากหมู่บ้านริมฝั่งโขง แต่ยังไม่รู้เหมือนกันว่าจะเริ่มจากตรงไหน เนิ่นนานหลายวันที่หน้ากระดาษบนจอคอมพิวเตอร์ว่างเปล่า


การเริ่มต้นสำหรับการทำงานเขียนสักชิ้นนั้นสำหรับผมยากพอๆ กับการทำอาหารให้อร่อยถูกปากตัวเอง และคนอื่น แต่เมื่อการครุ่นคิดผ่านไปหลายวัน จินตนาการอันหริบหรี่ก็สว่างขึ้น เมื่อได้อ่านหนังสือชื่อ THE OLD MAN AND THE SEA ของ ERNEST HEMINGWAY อันเป็นฉบับที่พิมพ์เป็นภาษาไทยเมื่อเดือนกรกฏาคม ๒๕๒๒ โดยสำนักพิมพ์โอเดียนสโตร์ สำนวนแปลของสายธาร เมื่อลองไล่เรียงถึงวันเดือนปีในการพิมพ์หนังสือเล่มนี้แล้วพบว่า ผ่านมา ๓๐ ปีแล้ว หนังสือมีอายุ ๓๐ ปี ทั้งที่กระดาษยังดี สันปกยังอยู่คงทนจะมีก็เพียงแต่เนื้อในของหนังสือมีรอยขีดเขียนอยู่บ้างหลายหน้ากระดาษ และหนังสือเล่มนี้เองที่กลายมาเป็นแรงบันดาลใจให้ผมตัดสินในเขียนงานสารคดีชิ้นยาวที่เป็นเรื่องราวของผู้เฒ่าคนหาปลา


หากเปรียบหนังสือเล่มนี้กับคนหาปลา ในช่วงระยะเวลากว่า ๓๐ ปีที่รอนแรมออกหาปลา นั่นถือว่าเป็นประสบการณ์ที่ไม่น้อยทีเดียว และ ๓๐ ปีของการวนเวียนหาปลาในแม่น้ำคงมีเรื่องเล่ามากมายหลายเรื่อง แต่เรื่องใดจะเป็นเหตุการณ์อันน่าสนใจ เรื่องนี้สิน่าขบคิด


หลังตั้งสติ และจดชุดความคิดทุกอย่างลงบนกระดาษ สายฝนนอกบ้านยังคงโปรยสายลงมาหนักหน่วงกว่าเดิม เสียงฝนกระทบสังกะสีหลังคาบ้านดังขึ้นเป็นลำดับ ในที่สุดความคั่งค้างในใจก็ผ่อนเบาลง เมื่อประโยคแรกบนหน้ากระดาษค่อยปรากฏตัวอักษรขึ้นทีละตัว ที่ละแถว


(บางถ้อยคำที่ยกมาจากหน้ากระดาษของสมุดบันทึก)


วันนี้นักท่องเที่ยวยังคงมีอยู่ รวมทั้งเราด้วย บางทีการเดินทางมาของเรากับนักท่องเที่ยวเหล่านั้นอาจแตกต่างกันไป บางคนมาเพื่อเห็นความงามของแม่น้ำดุจเดียวกับเรา แต่เราอาจต่างจากนักท่องเที่ยวกลุ่มนั้นอยู่บ้างตรงที่ เราพยายามบอกเล่าถึงความงามของแม่น้ำ และหาวิธีดูแลรักษาให้ความงามของแม่น้ำได้อยู่คงทน ภาระกิจเช่นนี้ บางครั้งเราไม่อาจบอกใครได้ ภาพบางภาพที่เราถ่ายจึงไม่ได้อารมณ์ของสีและแสง รวมทั้งแห้งแล้งไร้จินตนาการ แต่หากว่าภาพเหล่านี้ก็ดูแลความรู้สึกของเราได้ดี อย่างภาพของคนหาปลาที่กลับบ้านมือเปล่าในตอนเย็น เพราะไม่ได้ปลา อันเนื่องมาแต่น้ำแห้งลงเร็ว เบ็ดที่ปักไว้จึงไม่มีปลาใหญ่มากินเหยื่อ


คิดไปคิดมาก็แปลกดี แม่น้ำคงอยากบอกอะไรกับเราบ้างแล้วละ แต่เราจะฟังเสียงร่ำร้องของแม่น้ำอย่างไร วันนี้แสนน่าเบื่อหน่าย กลับจากลงพื้นที่พร้อมกับความร้อนที่แผ่กระจายไปทั่ว ต้นสักริมถนนข้างโรงเรียนเชียงคานใบร่วงเหลือแต่กิ่งก้านราวกับนางแบบนู้ด แม่น้ำก็แห้งลง แต่แปลกแม่น้ำยิ่งแห้งลง ตามริมฝั่งน้ำคนกลับมากขึ้น ทั้งเด็กและผู้ใหญ่ หรือว่า เราต่างพากันหลงรักแม่น้ำในฤดูแล้งกันหมด เราจึงดำผุดดำว่าย และหยอกล้อกับเรียวคลื่นเล็กๆ รวมทั้งผืนทรายของแม่น้ำด้วยรอยยิ้ม


ตอนนี้ใก้ลวันหยุดเขื่อนโลกเต็มทีแล้ว ปีนี้จะมีการจัดกิจกรรมอีกหรือเปล่ายังไม่รู้เลย แต่เขื่อนบนแม่น้ำโขงก็เดินหน้าสร้าง และสำรวจกันอยู่ตลอด ตกลงบ้านเราเมืองเราไม่มีไฟฟ้าใช้หรือไง ถึงได้เดินหน้าไปซื้อไฟฟ้าจากแทบทุกเขื่อนที่มีการก่อสร้าง และกำลังสำรวจจะก่อสร้าง ไฟฟ้า...ไฟฟ้า ถ้าไม่มีใช้เราจะอยู่ได้หรือเปล่า ถ้ามีใช้แล้วเราจะใช้ยังไงให้คุ้มค่าที่สุด...รู้แล้ว เราต้องเปิดหน้าต่าง ปิดแอร์ ปิดพัดลม แล้วก็ปิดไฟนอน...


เชียงคาน, ฤดูแล้งร้อน, มีนา,๕๒

 

 

บล็อกของ สุมาตร ภูลายยาว

สุมาตร ภูลายยาว
    ...เสียงปืนดังลั่นเปรี้ยง-คล้ายเสียงชะนีหวน
สุมาตร ภูลายยาว
สายลมเริ่มพัดเปลี่ยนทิศจากเหนือลงใต้ ฤดูฝนใกล้พ้นผ่านแล้ว ฤดูหนาวกำลังเดินทางมาแทน ขณะอาทิตย์ใกล้ลับฟ้าถัดจากกระท่อมหลังสุดท้ายตรงหาดทรายไปไม่ไกล คนจำนวนมากกำลังวุ่นวายอยู่กับการเก็บเครื่องมือทำงาน หากนับตั้งแต่วันแรกถึงวันนี้ก็ล่วงเข้าไป ๔ วันแล้วที่ช่างในหมู่บ้านถูกไหว้วานให้มาช่วยกันทำเรือไฟ เพื่อให้ทันใช้ในวันออกพรรษา หลังจมอยู่กับงานมาทั้งวัน เมื่อโรงงานต่อเรือไฟปิดประตูลงในตอนเย็น โรงมหรสพริมฝั่งน้ำก็เข้ามาแทน
สุมาตร ภูลายยาว
แม่น้ำนิ่งงันลงชั่วการกระพริบตาของพญามังกร ชาวบ้านริมฝั่งน้ำไม่มีใครรู้ว่า พญามังกรกระพริบตากี่ครั้ง หรือด้วยอำนาจใดของพญามังกร แม่น้ำจึงหยุดไหล ทั้งที่แม่น้ำเคยไหลมาชั่วนาตาปี วันที่แม่น้ำหยุดไหล คนหาปลาร้องไห้ปานจะขาดใจ เพราะปลาจำนวนมากได้หนีหายไปจากแม่น้ำ
สุมาตร ภูลายยาว
แดดร้อนของเดือนมีนาคมแผดเผาหญ้าแห้งกรัง หน้าร้อนปีนี้ร้อนกว่าทุกปี เพราะฝนไม่ตก ยอดมะม่วงอ่อนจึงไม่ยอมแตกช่อ มะม่วงป่าเริ่มออกดอกรอฝนพรำ เพื่อให้ผลได้เติบโต ความร้อนมาพร้อมกับความแห้งแล้ง ในความแห้งแล้ง ดอกไม้ป่าหลากสีกำลังผลิบาน มีทั้งดอกสีส้ม แดง ม่วง ความแห้งแล้งดูมีชีวิตชีวาขึ้นมาบ้าง
สุมาตร ภูลายยาว
‘ย่างเข้าเดือนห้า น้ำท่าก็เริ่มขอดแล้ง’ คนแก่บางคนว่าอย่างนั้น (ถ้าผมจำไม่ผิด) คำพูดนี้ได้สะท้อนบางอย่างออกมาด้วย นั่นคือสิ่งที่ผู้คนในยุคสมัยก่อนเห็น พอถึงเดือนห้า น้ำที่เคยมีอยู่ก็แห้งขอดลงเป็นลำดับ ผู้คนในสมัยก่อนที่จะก้าวเข้าสู่สังคมเกษตรอุตสาหกรรมเช่นทุกวันนี้ทำอะไรบ้าง ในสังคมภาคกลางยุคที่ทำการเกษตรไม่ใช่อุตสาหกรรม หน้าแล้งไม่มีใครทำนา เพราะทุกคนต่างรู้ว่า หน้าแล้งแล้วนะ น้ำท่าจะมาจากไหน แต่พอยุคอุตสาหกรรมเกษตรเรืองอำนาจ หน้าแล้งผู้คนก็ยังคงทำนา เพื่อตอบสนองอุตสาหกรรมการเกษตรกันอยู่
สุมาตร ภูลายยาว
ผู้ดีตีนแดง-ขอ โทษ เท้าแดง ตะแคงเท้าเดิน เวลาเหยียบปุ่มปมของพรมผืนนุ่มนิ่มราวกับปุยเมฆ นั่นแหละเท้าของผู้ดี และโลกของผู้ดีมีแต่น้ำครำ –น้ำคำ แห่งการหลอกลวง ทั้งผู้ดีจริง และผู้ดีกลวง ขณะเดินย่ำไปบนเส้นทางสู่ร้านอาหารเลิศหรู เมนูไข่คาเวียกับบรั่นดีแก้วทรงสูงดัดจริตวางรอ ผู้ดีน้ำครำละเลียดเมรัยรสคมผ่านลำคอ และละเลียดไข่คาเวียที่มีอยู่นับจำนวนได้บนจานราคาแพงกว่าการขึ้นห้องกับปอง ของโฉน ไพรำ ผู้ดี น้ำครำมองออกไปนอกหน้าต่างสูงลิบของห้องอาหารโรงแรมเสียดฟ้า เบื้องล่างแม่น้ำไหลเอื่อยเหนื่อยปานจะขาดใจตาย ผู้ดีน้ำครำละเลียดไข่คาเวียราคาแพง เพื่อเลิศหรูมีหน้ามีตา…
สุมาตร ภูลายยาว
สายลมหนาวพัดมาพร้อมกับสายฝนที่โปรยสายลงมา ว่ากันว่านี่คือฝนหลงฤดู! กาแฟแก้วของวันเป็นคาปูชิโน่ร้อนสองแก้ว แต่ไม่ใช่ของผมเป็นของลูกค้าต่างชาติ รสชาติของกาแฟเป็นอย่างไรในเช้านี้ ผมไม่อาจรู้ เพราะไม่ได้ชิม หลังสตรีมนมสดจนร้อนได้ที่ กลิ่นกาแฟสดหอมกรุ่นโชยออกมา และพร้อมแล้วสำหรับการดื่ม-กิน
สุมาตร ภูลายยาว
เนิ่นนานหลายปีแล้วที่ผมพเนจรจากบ้านเกิด แต่หลายๆ ความรู้สึกเกี่ยวกับบ้าน ผมไม่มีทางลืมได้เด็ดขาด บางค่ำคืนที่มีโอกาสอยู่กับตัวเองเพียงลำพัง ด้วยความสงบเงียบ ภาพบ้านเกิดจะย้อนกลับมาสู่ความทรงจำ-ความทรงจำในวัยเยาว์เกี่ยวกับบ้านเกิด
สุมาตร ภูลายยาว
เวลาผ่านไปเร็ว ยามที่เราโตขึ้น เราเชื่อเช่นนั้น เพราะเราโหยหาเวลาของวัยเยาว์ เมื่อเราเติบโตขึ้นเป็นลำดับมีหลายความรู้สึกของวัยเยาว์ที่หล่นหายไปอย่างไม่อาจเรียกคืนกลับมา ราวกับสายน้ำที่ไหลไกลออกไปทุกทีๆ มิอาจหวนกลับมาเป็นสายน้ำได้เช่นเดิม แต่กลายเป็นสายฝนพรำลงมาแทน หากพูดถึงอดีตแล้ว บางด้านที่เลวร้าย เราอยากผ่านเลย แต่กลับจำได้ฝังใจ...
สุมาตร ภูลายยาว
บุนทะนอง ซมไซผล แปลโดย สุมาตร ภูลายยาว    ๑.ผลน้ำเต้าบุ่ง และวรรณคดีพื้นเมือง ถ้าจะให้พูดถึงความสัมพันธ์ไทย-ลาว ความเชื่อมโยงด้านวรรณคดีของชนชาติเผ่าพันธุ์ต่างๆ ในประเทศอนุภูมิภาคลุ่มน้ำของ สิ่งแรกที่ข้าพเจ้าคิดถึงคือ น้ำเต้าบุ่ง
สุมาตร ภูลายยาว
ดอกเกดเป็นดอกไม้ชนิดหนึ่งที่ลำต้นมีลักษณะเหมือนต้นปาล์ม เวลาออกดอก ดอกจะส่งกลิ่นหอม คนเฒ่าคนแก่จะนิยมนำไปบูชาพระและนำมาทัดหู ผมไม่รู้เหมือนกันว่าดอกไม้ชนิดนี้จะมีอยู่ทั่วไปในประเทศไทยหรือมีเฉพาะที่ภาคอีสานและประเทศลาว
สุมาตร ภูลายยาว
จากใบไม้ใบสุดท้ายถึงซิ่นไหมผืนเก่าๆ: ๒ เรื่องสั้นซีไรต์บนแผ่นดินเบื้องซ้ายแม่น้ำของ (โขง) เมื่อพูดถึงวรรณกรรมบนแผ่นดินฝั่งซ้ายแม่น้ำโขงแล้ว หลายคนคงอดที่จะพูดถึงวรรณกรรมชิ้นคลาสสิกเช่น ‘สังสินไซ’ ไม่ได้ เพราะสังสินไซเป็นวรรณกรรมพื้นบ้านที่คนทั้งสองฝั่งแม่น้ำโขงรู้จักมากที่สุดชิ้นหนึ่ง นอกจากสังสินไซแล้ว ผลงานของนักเขียนลาวหลายคนในความรับรู้ของคนไทยคงหนีไม่พ้นผลงานเขียนของท่านมหาสีลา วีระวงค์ ผู้รจนางานมหากาพย์อันยิ่งใหญ่ในนาม ‘ท้าวฮุ่งและขุนเจือง’