Skip to main content

เนิ่นนานหลายปีแล้วที่ผมพเนจรจากบ้านเกิด แต่หลายๆ ความรู้สึกเกี่ยวกับบ้าน ผมไม่มีทางลืมได้เด็ดขาด บางค่ำคืนที่มีโอกาสอยู่กับตัวเองเพียงลำพัง ด้วยความสงบเงียบ ภาพบ้านเกิดจะย้อนกลับมาสู่ความทรงจำ-ความทรงจำในวัยเยาว์เกี่ยวกับบ้านเกิด

\\/--break--\>
ภาพท้องทุ่งเขียวชอุ่มหลังจากสิ้นฤดูปักดำข้าวกล้า ต่อจากนั้นท้องทุ่งสีเขียวก็แปรเปลี่ยนเป็นสีทองอร่ามรอบรับหน้าหนาวที่กำลังเดินทางมาเยือน ในฤดูหนาวการวิ่งว่าวกำลังจะเริ่มขึ้น ว่าวปักเป้าตัวนั้น ผมยังจำได้ดี เพราะต้องใช้เวลาเลี้ยงควายแทนพ่ออยู่ถึงครึ่งค่อนวันจึงจะได้มา


พ่อมักมีข้อเสนอสำหรับผมเสมอเพื่อแลกเปลี่ยนกับสิ่งที่ผมต้องการอยากจะได้สิ่งใด และต้องการให้พ่อทำสิ่งนั้นให้ ผมยังจำภาพของพ่อที่เดินถือมีดขึ้นไปตรงปลายนา เพราะตรงนั้นมีป่าไผ่ขนาดใหญ่ พ่อไปตัดไม้ไผ่มาลำหนึ่ง แล้วนำมาเหลาขึ้นโครงเป็นว่าวอย่างง่ายๆ แต่ดูประณีต หลังจากได้โครงแล้ว พ่อก็จัดการติดกระดาษหนังสือพิมพ์ลงไปบนโครงว่าว กาวที่พ่อใช้ติดกระดาษหนังสือพิมพ์กับโครงว่าวไม้ไผ่คือมะตูมแก่จัดลูกหนึ่ง พ่อบอกว่ายางมะตูมแก่จัดเหนียวและทนกว่ากาว ที่สำคัญเราไม่ต้องเสียเงินซื้อกาว


เมื่อกระดาษหนังสือพิมพ์ถูกนำไปติดกับโครงไม้ไผ่เสร็จเรียบร้อย ว่าวปักเป้าขนาดไม่ใหญ่มากก็พร้อมจะเฉิดฉายอยู่เหนือท้องทุ่งสีทอง ผมรับว่าวมาจากมือของพ่อแล้วเอาเชือกที่มีอยู่มัดติดกับเชือกด้านหน้าของว่าว จากนั้นก็พาว่าววิ่งไปตามคันนา ว่าวต้องลมค่อยสูงขึ้นๆ ยามที่ว่าว อยู่บนท้องฟ้ามันจะแกว่งไปแกว่งมา เมื่อได้ลมดีแล้ว ว่าวจะไม่เหินลงพื้นดินมันจะลอยอยู่อย่างนั้น บางทีอาจถึงข้ามคืน


ในขณะที่บางวันผมเบื่อการวิ่งว่าว พ่อมักจะทำปี่ซังข้าวให้เป่า ผมจะเป่าอยู่อย่างนั้นจนบางครั้งแม่รำคาญต้องไล่ให้ไปเป่าที่อื่น


หน้าหนาวสำหรับวัยเยาว์เช่นพวกเราแล้วมันสำคัญยิ่ง เพราะบางวันแม่จะจับให้อาบน้ำ ตอนที่อาบน้ำแม่มักจะใช้ตอซังข้าวที่พอหาได้นั่นแหละมาถูไปตามตัวของผม เพื่อขจัดคราบขี้ไคล้ ด้วยผิวที่แห้งแตก เมื่อโดนถูอย่างแรงความเจ็บแสบก็เพิ่มขึ้นทวีคูณ


ยามกลางคืนที่อาการหนาว ในตอนที่เราไม่ได้นอนอยู่ที่บ้าน เพราะต้องออกไปนอนอยู่ทุ่งนา ด้วยว่าการเดินทางไป-กลับจากบ้านและนาเป็นเรื่องเสียเวลา การนอนอยู่ที่ทุ่งนา และใช้ห้างนาเป็นบ้านจึงดูสะดวกสบายกว่า ทุกครั้งเมื่อฤดูนี้มาถึง ผมพบว่าโรงเรียนกำลังปิดเทอมพอดี


ยามค่ำคืนที่อากาศหนาว พ่อจะก่อไฟให้เราผิงพร้อมๆ กับการก่อไฟไล่ยุงให้ควายที่นอนอยู่ไม่ไกลจากห้างนา ควายตัวนี้ดูเหมือนว่ามันจะเป็นสมบัติอันมีค่าที่สุดสำหรับครอบครัวเรา แต่วันหนึ่งเมื่อเสร็จสิ้นหน้านา พ่อก็ตัดสินใจขายควายไป ในตอนนั้นที่ผมรู้ข่าว ผมดีใจมาก เพราะจะได้ไม่ต้องเลี้ยงมันอีกต่อไป ผมเองไม่เข้าใจหรอกว่าทำไมพ่อตัดสินใจขายทั้งๆ ที่พ่อรักมันพอๆ กับรักผม แต่ผมได้ยินชาวบ้านคุยกันว่า พ่อขายควายซื้อรถไถนา


เมื่อได้รถไถนามา ผมดีใจมาก เพราะส่วนหนึ่งตัวผมเองไม่ต้องเลี้ยงควายอีกต่อไป แต่คนที่ไม่ดีใจกลับเป็นพ่อ เพราะบ้านเราต้องมีรายจ่ายเพิ่มขึ้นทั้งค่าซ่อมบำรุงรถ ทั้งค่าน้ำมันรถ และค่าใช้จ่ายอื่นๆ ที่ตามมา ช่วงนี้ผมเห็นพ่อกับแม่ทะเลาะกันมากขึ้น


ก่อนเสร็จสิ้นหน้านา ผมว่าเด็กบ้านนอกหลายคนคงชื่นชอบกับช่วงเวลานี้ เพราะเราจะได้กินขนม และจะได้เล่นขี่ม้าก้านกล้วย สะพานปืนก้านกล้วยไล่ยิงกันไปตามที่ต่างๆ ช่วงเวลาเช่นนี้หมายถึงงานบุญกฐินกำลังเริ่มต้นขึ้น


ม้าก้านกล้วยที่ด้านปลายหางมีใบตองกล้วยติดอยู่นิดหน่อย ส่วนปืนก้านกล้วยนั้นวัดกันที่เสียงดัง ถ้าของใครเสียงดังกว่า คนนั้นต้องได้เป็นหัวหน้า ยามนี้พวกเราเด็กๆ ไม่ต่างอะไรจากคาวบอยผู้อยู่บนหลังม้าตัวที่มีฝีเท้าดีออกเดินทางค้นหาแผ่นดินใหม่ และช่วงชิงเอามา โดยมีลานหน้าบ้านเป็นสมรภูมิรบ


เวลายิ่งผ่านไปจากตอนนั้นถึงตอนนี้ ทุกครั้งเวลาที่คิดถึงเหตุการณ์ในอดีตที่ไร น้ำตาจะเอ่อเบ้าตาทุกครั้ง บางทีเมื่อคิดถึงเหตุการณ์เหล่านั้น ผมอยากกลับบ้าน แต่บางทีผมก็ไม่อยากกลับ เพราะบ้านที่เป็นอดีตในจินตภาพของผมจากไปแล้ว ตอนนี้มีแต่บ้านที่เป็นปัจจุบันซึ่งสังคมของหมู่บ้านทุกอย่างแปรเปลี่ยนไปหมด ไม่หลงเหลือภาพฝันของวันเยาว์เอาไว้อีกแล้ว มาก้านกล้วยถูกแทนที่ด้วยรถมอเตอร์ไซค์ ปืนก้านกล้วยถูกแทนที่ด้วยปืนจริงที่ยิงกันตายจริงๆ และแว่วว่าคนในหมู่บ้านก็ใช้ปืนยิงกันตายเพิ่มขึ้น แม้แต่เพื่อนในวัยเยาว์ของผมที่เราใช้ปืนก้านกล้วยยิงใส่กันทั้งวัน แต่เขาไม่เคยตายอย่างแท้จริง แต่ตอนนี้เขาตายไปแล้วด้วยการถูกยิงจากปืนจริงอันเป็นฝีมือของเพื่อนเล่นในวัยเยาว์ที่ใช้ปืนก้านกล้วยไล่ยิงกัน


ผมออกเดินทางจากบ้านมาหลายปีแล้ว และยังพยายามบอกกับตัวเองเสมอว่า ผมเป็นคนพเนจรที่ยังคิดถึงบ้านอยู่ตลอดเวลา แต่ในความคิดถึงนั้น ผมมิอาจกลับบ้านได้อีกแล้ว แม้ถนนทุกสายต่างนำคนพเนจรคืนสู่บ้าน ใช่ว่าผมจะไม่ยอมรับการเปลี่ยนแปลงของบ้านเกิดจนไม่อยากเดินทางกลับไป แต่ทุกครั้งที่เดินทางไปบนถนนสายใหม่ ผมพบว่ามันเป็นถนนสายเดิมที่แปรเปลี่ยนจากทางลูกรังเป็นถนนลาดยาง และมีรถวิ่งมากขึ้นทุกวัน ผู้คนก็มากขึ้น ทั้งรถทั้งคนต่างพากันเดินทางสู่จุดหมายปลายทางของตัวเอง และบนถนนบางเส้น ผมยังคงนั่งนิ่งอยู่บนรถสักคัน


ถนนทุกสายแม้จะมีปลายทางต่างกัน แต่มีจุดเริ่มต้นที่เดียวกันคือ บ้านเกิดและเช่นกัน ถนนทุกสายล้วนนำคนพเนจรผู้เร่ร่อนแรมทางคืนสู่บ้านเกิด แต่หากว่าคนพเนจรเหล่านั้น เขายินดีเดินทางย่ำกลับไปบนเส้นทางเดิมหรือเปล่า คำตอบอยู่ที่ตัวคุณเอง...

 

 

บล็อกของ สุมาตร ภูลายยาว

สุมาตร ภูลายยาว
วารสารวรรณศิลป์บนแผ่นดินลาว ลมหนาวและความร้อนแล้งโชยผ่านยอดขุนเขาด้านทิศตะวันตกแห่งเมืองหลวงของราชอาณาจักรล้านนามาแผ่วๆ แล้วฤดูกาลแห่งความเหน็บหนาวก็เดินทางมาอีกครั้งพร้อมกับลมสายลมนั้น
สุมาตร ภูลายยาว
สี่พันดอน: บ้านของคนและปลา เมื่อเอ่ยถึงสี่พันดอนเชื่อว่าหลายคนที่เคยไปเยือนคงจินตนาการถึงได้ แต่สำหรับคนที่ไม่เคยไปเยือนคงงุนงงไม่น้อยว่าหมายถึงอะไร คำว่า ‘สี่พันดอน’ เป็นชื่อเรียกเกาะ ดอนต่างๆ ที่เกิดขึ้นในแม่น้ำโขงในเขตเมืองโขง แขวงจำปาสัก ภาคใต้ของประเทศลาว ดินแดนแห่งนี้ได้ถูกเรียกขานว่า สี่พันดอน เพราะเต็มไปด้วยเกาะน้อยใหญ่ที่มีจำนวนมากมายเรียงรายอยู่ในแม่น้ำโขงที่มีความกว้างกว่า ๑๔ กิโลเมตร เกาะต่างๆ เริ่มขึ้นที่เมืองโขงและยาวลงไปจนถึงชายแดนลาว-กัมพูชาที่บ้านเวินคามกับเมืองสตรึงเตร็ง ในจำนวนเกาะที่มีอยู่มากมาย เกาะใหญ่ที่สุดชื่อ ‘ดอนโขง’ คำว่า ‘ดอน’…
สุมาตร ภูลายยาว
เจ้าม้าศึกสีเทา ๒,๒๐๐ ซีซี ทะยานไปตามทางลูกรังสีแดงเบื้องหลังฝุ่นคลุ้งตลบ หากมีรถวิ่งตามมาคงบอกได้คำเดียวว่า ‘ขอโทษ’ ก่อนจะถึงทางแยกเสียงโทรศัพท์ของผู้ไปถึงก่อนก็บอกให้ตรงมาตามทางอย่าได้เลี้ยวซ้ายเป็นอันขาด เพราะนั่นหมายถึงการหลงทางจะเกิดขึ้น
สุมาตร ภูลายยาว
การเดินทางเที่ยวนี้มีผู้หญิงนำ เช้านี้เป็นอีกวันที่ตื่นเช้ากว่าวันอื่น แต่หากว่าเมื่อเทียบกับชาวบ้านทั่วไปแล้ว ถือว่ายังสาย โดยเฉพาะกับพ่อค้าแม่ค้าการตื่นนอนตอน ๖ โมงเช้านั้นถือว่าสายมากแล้ว เช้านี้กว่าจะเปิดเปลือกตาตื่นช่างหนักหนาสาหัส ราวกับว่าเปือกตาทั้งสองข้างถูกปิดทับไว้ด้วยเทปกาวชั้นดี หลังล้างหน้าแปรงฟันเสร็จ สมองยังคงงุนงง อาจเป็นเพราะช่วงนี้พักผ่อนไม่ค่อยพอ รวมทั้งมีเรื่องหลายเรื่องให้ได้คิด แต่เพราะงานที่ทำจึงต้องบังคับตัวเองให้ลุกจากที่นอน
สุมาตร ภูลายยาว
จะแกคนเลี้ยงวัวผู้ไม่เคยขุ่นมัวในหัวใจ ผมจำได้ว่าพบชายคนนี้ครั้งแรกเมื่อเข้าไปบ้านสองพี่น้อง เขาดูแปลกกว่าคนอื่นในหมู่บ้าน เพราะเขาเป็นผู้ชายคนเดียวในหมู่บ้านที่ไว้ผมยาว เค้าโครงใบหน้าของเขาราวกับถอดแบบออกมาจากหัวหน้าชนเผ่าของอินเดียนแดง
สุมาตร ภูลายยาว
การงานของชีวิตที่ตกค้าง ฝนเทลงมาอีกวันแล้ว...เสียงสังกะสีดังราวกับมีก้อนหินนับล้านร่วงลงมาใส่ เย็นวันนี้มีเรื่องราวให้ขบคิดมากมาย กลับมาจากการประชุมที่เคร่งเครียด อันนับว่าเป็นการงานส่วนหนึ่งของชีวิต เล่นเอาเหนื่อยสายตัวแทบขาด แล้วยังมีงานอะไรที่ยังไม่ได้ทำอีกไหมนี่
สุมาตร ภูลายยาว
บันทึกในค่ำคืนที่เปลี่ยนผ่านกับนิทรรศการที่ไม่ได้จัด สายฝนของเดือนกันยายนโปรยสายลงมาทั้งวัน เราออกเดินทางจากเชียงของมาแต่ตอนเช้าด้วยรถคันเล็ก บนกระบะทางตอนท้ายบรรทุกเอกสารต่างๆ รวมทั้งนิทรรศการมาเต็ม รถต้องจดหลายครั้ง เพื่อห่มผ้ายางกันฝนให้ของบนกระบะรถ เราผ่านมากว่าครึ่งทาง ฝนยังไม่มีทีท่าว่าจะหยุดตก ซ้ำร้ายยังตกลงมาหนักกว่าเดิม รถวิ่งทำความเร็วได้ไม่มากนัก ทั้งที่ความเป็นจริงแม้ฝนจะไม่ตก มันก็ไม่เคยวิ่งได้เร็วกว่าที่วิ่งอยู่เท่าใดนัก
สุมาตร ภูลายยาว
เมฆสีดำเหนือฟ้าด้านตะวันออกส่งสายฝนลงมาตั้งแต่เช้าจนล่วงบ่าย แม่น้ำเป็นสีชานมเย็น เศษขยะ ขอนไม้ ท่อนไม้ และต้นไม้ลอยมากับสายน้ำ และไหลไปตามแรงเฉื่อยของกระแสน้ำ
สุมาตร ภูลายยาว
เช้านี้เหมือนกับทุกเช้าในช่วงนี้พ่อท่อน ยาแก้วเดินทอดน่องในสวนบนดอนทรายริมฝั่งแม่น้ำโขงเพื่อดูแปลงมะเขือราว ๔ ไร่ ในใจพ่อท่อนเองไม่อยากเก็บมะเขือในตอนนี้แม้ว่าจะถึงช่วงเวลาในการเก็บแล้ว สาเหตุที่ทำให้พ่อท่อนไม่อยากเก็บมะเขือในตอนนี้ เพราะราคามะเขือต่ำกว่าปีที่ผ่านมา ปีนี้มะเขือหนึ่งหมื่น (๑๒ กิโลกรัม) ขายส่งจากสวนได้เงิน ๑๒ บาท
สุมาตร ภูลายยาว

รถตู้วิ่งไปบนถนนลาดยางมะตอยที่บางช่วงเป็นหลุมเป็นบ่อ ถนนสายนี้เป็นเส้นทางจากจังหวัดกระแจะไปอำเภอสามบอ เพราะถนนไม่ค่อยดีนัก ระยะทาง ๓๕ กิโลเมตรต้องใช้เวลาเกือบ ๑ ชั่วโมงจึงถึงจุดหมาย เมื่อรถตู้ทั้ง ๓ คันจอดสงบนิ่งลงตรงประตูหน้าวัด ผู้โดยสารในรถตู้ก็พากันทยอยลงจากรถ เบื้องล่างของถนนเป็นแม่น้ำสายใหญ่ คนท้องถิ่นเรียกแม่น้ำสายนี้ว่า ‘โตนเลของ-แม่น้ำของ-โขง’ แม้ยังไม่สายมากนัก แต่แสงแดดก็ส่องประกายร้อนแรงเหนือสายน้ำ ฟ้ากว้างเปล่าแปนเป็นสีฟ้าไกลสุดสายตาหยั่งถึง บนสายน้ำเรือหลายลำจอดลอยลำอยู่ ใกล้กับเรือตรงโคนต้นจามจุรีมีเด็ก ๓-๔ คนนั่งอยู่ ถัดจากโคนต้นจามจุรีไปมีเรือลำหนึ่งลอยลำอยู่…
สุมาตร ภูลายยาว
จากพื้นที่ต้นน้ำจนถึงปลายน้ำที่แม่น้ำโขงไหลผ่าน ผู้คนสองฝั่งได้ใช้ประโยชน์จากแม่น้ำที่มีความยาว ๔,๙๐๔ กิโลเมตรสายนี้ไม่ต่ำกว่า ๑๐๐ ล้าน ลักษณะการใช้ประโยชน์ก็แตกต่างกันออกไปตามแต่สภาพของพื้นที่ ในช่วงที่ไหลผ่านประเทศไทยตั้งแต่จังหวัดเชียงรายจนถึงจังหวัดอุบลราชธานี ก็มีผู้คนไม่จำนวนไม่น้อยได้ใช้ประโยชน์ในด้านแตกต่างกันออกไป ผู้ใหญ่ใช้หาปลา และใช้พื้นที่ตามหาดทรายที่โผล่พ้นน้ำ และริมฝั่งทำการเกษตร เด็กๆ ใช้เป็นห้องเรียนสำหรับฝึกหาปลา และว่ายน้ำ
สุมาตร ภูลายยาว
  ผาชันเป็นหมู่บ้านอีกแห่งหนึ่งที่อยู่ริมแม่น้ำโขงอยู่ในเขตอำเภอโพธิ์ไทร จังหวัดอุบลราชธานี หมู่บ้านแห่งนี้มีเรื่องราวน่าสนใจหลายอย่าง เริ่มแรกเดิมทีก่อนเดินทางไปถึง ผมจินตนาการถึงหมู่บ้านแห่งนี้ในรูปแบบต่างๆ และพอเดินทางไปถึงบ้านผาชันเป็นครั้งแรก ซึ่งอยู่ในหน้าฝน ผมก็พบว่า ในฤดูฝนหมู่บ้านแห่งนี้กลายเป็นเกาะขนาดย่อมๆ ชาวบ้านบอกว่า "ในฤดูฝน น้ำจากห้วยจะไหลจนท่วมสะพาน และถนนที่เข้าสู่หมู่บ้าน การเดินทางเข้าหมู่บ้านต้องใช้เรือข้ามลำห้วยแล้วไปต่อรถ" ร่องรอยของคำพูดปรากฏให้เห็นเมื่อผมเดินทางเข้าสู่หมู่บ้าน รถข้ามสะพานที่น้ำในลำห้วยเริ่มปริ่มอยู่ใต้สะพาน…