Skip to main content

สายลมเริ่มพัดเปลี่ยนทิศจากเหนือลงใต้ ฤดูฝนใกล้พ้นผ่านแล้ว ฤดูหนาวกำลังเดินทางมาแทน ขณะอาทิตย์ใกล้ลับฟ้าถัดจากกระท่อมหลังสุดท้ายตรงหาดทรายไปไม่ไกล คนจำนวนมากกำลังวุ่นวายอยู่กับการเก็บเครื่องมือทำงาน หากนับตั้งแต่วันแรกถึงวันนี้ก็ล่วงเข้าไป ๔ วันแล้วที่ช่างในหมู่บ้านถูกไหว้วานให้มาช่วยกันทำเรือไฟ เพื่อให้ทันใช้ในวันออกพรรษา หลังจมอยู่กับงานมาทั้งวัน เมื่อโรงงานต่อเรือไฟปิดประตูลงในตอนเย็น โรงมหรสพริมฝั่งน้ำก็เข้ามาแทน

ทันทีที่แสงสุดท้ายลับจากฟ้า กองไฟจึงถูกจุดขึ้น สายลมพัดโชยมาครั้งใด เปลวไฟจากกองไฟก็วูบไหวไปตามแรงลม รอบกองไฟคนกลุ่มใหญ่กำลังสนุกสนานด้วยเสียงร้องลำทำเพลง นอกจากเสียงร้องเพลงแล้ว ดูเหมือนว่าเสียงแคนจะดังกลบเสียงดนตรีชนิดอื่น หลังเสียงแคนเงียบลง พ่อเฒ่าผุยก็วางแคนลงด้านข้างแล้วหันไปหยิบห่อยาเส้นจากพกข้างเอวขึ้นมาโรยลงบนใบตองกล้วยสีน้ำตาลเข้ม จากนั้นก็ใช้มือม้วนตองกล้วยเข้าหากัน หลังเสร็จพ่อเฒ่าผุยยื่นมือไปจับเอาท่อนฟืนมาจุดกับด้านปลายของบุหรี่ เปลวไฟแดงวาบขึ้นมาจากด้านปลายบุหรี่แล้วควันสีขาวหม่นก็ลอยล่องผ่านความมืดขึ้นไปยังท้องฟ้า

หลังสูดบุหรี่เข้าปอดเฮือกใหญ่ พ่อเฒ่าผุยก็ดึงบุหรี่ออกมาจากปากแล้วพูดขึ้น

กูว่าอีกไม่นานหรอก พวกมึงคงพากันลืมความเก่าความหลังกันหมด โดยเฉพาะเสียงแคน เสียงลำ แคนนี่มันไม่ได้มีไว้ให้คนรุ่นเก่าอย่างกูเป่าอย่างเดียวดอกบักหลาน คนรุ่นพวกมึงถ้าสนใจจริงก็เป่ากันได้ แต่พวกมึงนี่ไม่ได้สนใจเลยไปฟังแต่เพลงอะไรไม่รู้ แม้แต่หมอลำก็ไม่เป็นเหมือนก่อน ลำไปลำมาจะพากันลงต่ำอยู่เรื่อยๆ เอาแต่เรื่องใต้สะดือมาเป็นกลอนลำ

พอพูดจบพ่อเฒ่าผุยหยิบแคนขึ้นมาเป่าอีกครั้ง เสียงแคนเนิบช้าสลับกับรวดเร็วสนุกสนาน เสียงแคนในจังหวะเนิบช้าอ้อยอิ่งฟังแล้วช่างเศร้าสร้อยเสียเต็มประดา เหมือนว่าคนเป่าอยู่ในห้วงอารมณ์ของความเศร้า ขณะบางคนเมื่อได้ฟังพร้อมจะร้องไห้

พระจันทร์ผ่าครึ่งซีกสีเหลืองนวลกระจ่างตาอยู่บนท้องฟ้า ดาวเหนือกระพริบแสงครั้งแล้วครั้งเล่า เสียงไก่ขันดังแว่วมาจากหมู่บ้าน และอีกฝั่งของสายน้ำ ดวงดาว และดวงจันทร์คล้อยต่ำลงเรื่อยๆ เวลากลางคืนกำลังใกล้ผ่านพ้น


ทุกครั้งที่เสียงแคนเงียบลง พ่อเฒ่าผุยจะได้รับรับแก้วเหล้าที่ชายหนุ่มนั่งอยู่เบื้องหน้าส่งให้ รับมาแล้วก็ยกขึ้นจรดกับริมฝีปากก่อนจะกลืนลงคอรวดเดียวหมด น้ำในแก้วใสเหมือนตาตั๊กแตนค่อยๆ ผ่านลำคอจนหายไปอยู่ในกระเพาะ แม้ว่าจะคุ้นเคยกับรสชาติ แต่ก็ชวนให้ร้อนวูบวาบตามลำคอ หลังเหล้าไปนอนนิ่งในกระเพาะ พ่อเฒ่าผุยก็ยื่นมือไปหยิบเนื้อปลาปิ้งที่เพิ่งยกออกมาจากกองไฟใส่เข้าไปในปาก


พ่อเฒ่าอย่ากินเหล้ามากนัก เดียวไม่มีใครมาเป่าแคนให้พวกผมฟัง
ไม่ต้องมาแช่งกู พวกมึงอยากให้กูตายกันนักหรือไง ถ้ากูตายไปจริงๆ แล้วพวกมึงจะรู้สึก
พูดเล่นเฉยๆ พ่อเฒ่า พวกผมอยากฟังเสียงแคนอยู่เลยไม่อยากให้กินเหล้าเยอะ
สิ้นเสียงคำพูดของชายหนุ่มคนนั้น เสียงหัวเราะก็ดังขึ้น หลังเสียงหัวเราะเงียบลง พ่อเฒ่าผุยก็ถามคนที่นั่งล้อมวงรอบกองไฟว่า

มีใครรู้ไหมว่าลายแคนก่อนหน้านี้เป็นลายอะไร
พวกผมไม่ใช่หมอแคนไม่รู้หรอกพ่อเฒ่า แต่ถ้าถามเพลงสตริง เพลงเพื่อชีวิตนี่พอรู้หลังพูดจบคนหนุ่มหลายคนพากันหัวเราะ
กูคิดแล้ว พวกมึงไม่รู้เรื่องอย่างนี้หรอก เพราะพวกมึงพากันลืมโคตรเหง้า ลืมสาแหรกทางวัฒนธรรมของตัวเองไปหมด

หลังพูดจบ พ่อเฒ่าผุยนั่งนิ่ง และเพ่งมองออกไปยังความมืดข้างหน้า เหมือนกำลังครุ่นคิดเรื่องราวอะไรบางอย่าง...


หลายปีมาแล้วที่เสียงหัวเราะของคนต่างรุ่นแห่งหมู่บ้านไม่ได้ดังขึ้นตรงริมแม่น้ำแห่งนี้ เนื่องเพราะคนในหมู่บ้านต่างเร่งรีบหาอยู่หากิน ยิ่งคนหนุ่มคนสาว นับวันพวกเขายิ่งออกจากหมู่บ้านไปดิ้นรนทำมาหากินต่างถิ่นมากขึ้นทุกวัน แม้ว่าหมู่บ้านจะอยู่ไกลซอกหลีก เงินยังเป็นสิ่งสำคัญไม่น้อยไปกว่าอย่างอื่นสำหรับทุกคน


ช่วงแห่งการจากบ้าน หลายคนไม่รู้ว่าแม่น้ำใกล้หมู่บ้านที่พวกเขาเคยลงอาบ เคยหาปลา และเก็บผักริมน้ำมีอะไรเปลี่ยนแปลงบ้าง บางคนรู้แต่เพียงว่าปีที่ผ่านมาน้ำในแม่น้ำแห้งขอดลง ซ้ำร้ายในบางวัน น้ำก็ขึ้น-ลงเหมือนน้ำทะเล ปกติน้ำจะขึ้นมากในช่วงเข้าพรรษา และแห้งลงในช่วงหน้าแล้ง แต่ปีนี้น้ำในแม่น้ำกลับเปลี่ยนแปลง ทั้งที่เป็นหน้าแล้ง น้ำกลับเอ่อขึ้นมาเหมือนหน้าฝน เพราะน้ำขึ้น-ลงไม่เป็นเวลานี่เอง ในปีที่ผ่านมาคนปลูกผักตามหาดทรายต้องเผชิญกับภาวะของความเจ็บช้ำ เพราะผักที่ปลูกโดนน้ำท่วมเสียหายไปไม่ใช่น้อย


เวลาผ่านไปเนิ่นนาน ยิ่งดึกวงเหล้าริมฝั่งน้ำคนยิ่งเหลือน้อย บางคนทนง่วงไม่ไหวขอตัวกลับบ้านพักผ่อน สำหรับคนที่กลับบ้านไม่ได้ก็อาศัยนอนในเพิงพักของคนหาปลาใกล้ๆ สำหรับหลายคนที่เมามายเสียเต็มประดาจนหาทางกลับบ้านไม่เจอ เรือที่จอดอยู่ตรงท่าน้ำกลายเป็นเรือนนอนแทนบ้าน


พระจันทร์คล้อยต่ำลงเรื่อยๆ เสียงไก่ขันตอนค่อนแจ้งดังแว่วมา พ่อเฒ่าผุยจับแคนขึ้นมาเป่าอีกครั้ง ท่วงทำนองของลายแคนนี้พวกหมอลำเรียกว่า
ลายแคนล่องของ อันหมายถึงการลำลา หากว่าหมอแคนคนเป่าแคนลายนี้เมื่อใดก็หมายความว่า การแสดงทั้งหมดใกล้เสร็จสิ้นลงแล้ว 

ไม่มีใครรู้แน่ชัดว่า แคนถือกำเนิดขึ้นมาครั้งแรกในโลกเมื่อใด และลายแคนแต่ละลายก็ไม่มีใครรู้แน่ชัดว่าเกิดขึ้นมาจากแรงบันดาลใจอันใด แต่ลายแคนแต่ละลายได้รับการสืบสานจากคนรุ่นต่อรุ่น


เรื่องราวการสืบสายลายแคน พ่อเฒ่าผุยเคยบอกว่า ถ้าคนใดจะเรียนเป่าแคน คนนั้นต้องมีขันตั้ง--ยกครูเสียก่อน ค่ายกครูสำหรับครูบางคนก็แพง แต่สำหรับบางคนเพียงเหล้าขาวหนึ่งขวดก็เกินพอ ค่ายกครูมีไว้พอเป็นพิธี แต่นัยยะสำคัญอยู่ตรงที่ว่า อาจารย์กับลูกศิษย์จะทำข้อตกลงกันเบื้องต้นว่า ถ้าต้องการอยากเป่าแคนเป็นต้องตั้งใจเรียน ถ้าไม่ตั้งใจเรียนอาจารย์จะไม่สอน เพราะการสืบสายลายแคน คนจริงเท่านั้นถึงจะสืบทอด และสืบสานกันต่อไปได้


ลายแคนแต่ละลายมีที่มาต่างกัน คุณลักษณะของเส้นเสียงจึงต่างกันไปด้วย การนำลายแคนแต่ละลายมาใช้จึงเป็นไปตามลำดับอย่างมีขนบแบบแผน อย่างลายแคนลมพัดพร้าวนั้นแสดงออกถึงความม่วนซื่นสนุกสนาน ถ้าเป่าไปจีบสาวแล้วจะสนุกสนานกว่าเป่าให้พวกผู้ชายด้วยกันฟังหลายเท่า ยิ่งในช่วงมีงานบุญ เหล่าบรรดาหมอแคนจึงไม่พลาดที่จะหอบหิ้วเอาแคนของตัวเองทั้งแคน ๗ แคน  ๘ ออกมาเป่าบรรเลงให้คนได้เสพอรรถรสแห่งเสียงของแคนตัวเอง


สายน้ำหลั่งไหลไปเช่นใด ฤดูกาลก็ผ่านไปเช่นนั้น เมื่อมีวันเข้าพรรษา ก็มีวันออกพรรษา และช่วงวันออกพรรษาใกล้เดินทางมาถึง พระหนุ่มบางรูปหัวใจเต้นตึกตัก เพราะวันลาสิกขาใกล้เดินทางมาถึง บางรูปที่บวชก่อนเบียดยิ่งตื่นเต้นเข้าไปใหญ่ เพราะหลังลาสิกขาแล้วจะได้เบียดในช่วงหน้าหนาวพอดี 


เสียงค้อน
กระทบไม้ และเสียงคนพูดคุยถามไถ่หาสิ่งของดังมาจากสันดอนทรายตรงริมฝั่งน้ำอยู่เป็นระยะ ช่วงนี้งานไหลเรือไฟใกล้เข้ามาเท่าใด ทุกคนต้องลงมือลงแรงกันอย่างรีบเร่ง เพื่อช่วยกันสร้างเรือไฟ เพราะเรือไฟที่จะไหลในช่วงวันออกพรรษาต้องทำให้เสร็จก่อนวันงาน ยิ่งปีนี้จะมีการประกวดยิ่งต้องเร่งทำให้เสร็จเร็วขึ้นกว่าเดิม ข่าวว่าปีนี้ผู้คนจากทั่วสารทิศจะหลั่งไหลมาดูการประกวดไหลเรือไฟ และมาชมปรากฏการณ์บั้งไฟพญานาคที่ริมฝั่งน้ำจะมากกว่าปีที่ผ่านมา เรือไฟที่เคยทำแบบธรรมดาตามประเพณี ในปีนี้ต้องแต่งดาให้สวยงามกว่าเดิม

พ่อเฒ่าผุยเป็นคนหนึ่งที่ได้รับการคัดเลือกจากคนในหมู่บ้านให้เป็นนักแสดงร่วมขบวนแห่เรือไฟ หน้าที่ของแกคือเป่าแคนให้จังหวะกับเหล่านางรำตลอดค่ำคืนแห่งการไหลเรือไฟ 


เมื่อได้รับหน้าที่ พ่อเฒ่าผุยก็กลับมานั่งพิจารณาแคนหลายเต้าของตัวเอง แต่ดูไปดูมาแกกลับรู้สึกว่าแม้จะมีแคนอยู่มากเพียงใด แต่ยังไม่มีเต้าไหนเสียงดีพอออกงานได้ ในห้วงเวลานั้นแกก็คิดถึงแคนเสียงดีของเสี่ยวเก่าผู้อยู่แขวงคำม่วน แล้วหมายกำหนดการเดินทางไปแขวงคำม่วนก็ปรากฏขึ้นในห้วงคำนึง


ยามบ่ายของวัน ขณะหลายคนกำลังสาละวนอยู่กับการทำเรือไฟ ไม่ไกลจากท่าน้ำแห่ง   นั้น คนหาปลา ๓
-๔ คนกำลังไหลมองอยู่ ไม่นานนักคนหาปลากลุ่มนั้นก็กลับเข้าฝั่งพร้อมกับปลาตัวใหญ่ ทุกคนต่างวางมือจากการทำงาน และเดินมามุงดู
พวกเราจะทำอะไรกับปลาตัวนี้ดีจะต้มหรือว่าลาบ ช่างบางคนเอ่ยขึ้นเมื่อเพ่งมองปลาใหญ่ชั่วครู่
จะทำอะไรกินก็ได้ทั้งนั้น แต่ปลาชนิดนี้คนเฒ่าคนแก่สมัยก่อนบอกไว้ว่าห้ามไม่ให้กินตับของมัน โดยเฉพาะคนป่วยนี้กินไม่ได้เด็ดขาด ตับมันมีพิษพ่อเฒ่าผุยออกความเห็น
ปลาอะไรนี่พ่อเฒ่า เหมือนปลาเทโพเลยเด็กหนุ่มวัยไม่เต็ม ๑๘ เอ่ยถาม
ปลาเลิม

เมื่อการมุงดูปลาใหญ่ผ่านไปไม่นาน ปลาตัวนั้นก็ถูกนำไปชำแหละทำอาหารแบ่งปันกันกิน อาหารการกินในวันนี้ถือว่าสมบูรณ์กว่าวันอื่นๆ มีทั้งต้มยำปลา ลาบปลา ห่อหมก รวมทั้งหลามใส่กระบอกไม้ไผ่ ทุกชิ้นส่วนของปลาถูกนำมาทำอาหารจนหมด ยกเว้นตับ เพราะความเชื่อที่ว่าตับของปลาเลิมนี้มีพิษ ตับจึงถูกขุดหลุมฝังอย่างดี


ตะวันคล้อยต่ำลงไปเรื่อยๆ เครื่องมือทำงานหลายชิ้นถูกเก็บเข้าที่อีกครั้ง เวลาแห่งการงานอันเต็มไปด้วยความเหนื่อยล้าแต่เปี่ยมด้วยความสุขเสร็จสิ้นลงอีกวัน หลังทุกคนวางมือจากงาน วงเหล้าวงเดิมถูกตั้งขึ้นมาเช่นเดิม แล้วเรื่องเล่าเกี่ยวกับปลาเลิมก็ถูกนำกลับมาเล่าอีกครั้ง


ปลานี้กูไม่เห็นนานแล้ว คิดว่ามันสูญพันธุ์ไปแล้ว แต่วันนี้ก็ได้เห็น นอกจากจะได้เห็นยังได้กินด้วย สมัยก่อนปลาเลิมนี่ไม่ใช่หาง่ายๆ กว่าจะได้ก็เสียเหงื่อพอสมควร เพราะต้องใช้เบ็ดดวงใหญ่เอาไม้ไผ่ ๓-๔ ลำเป็นคันเบ็ดจึงจะเอาปลาเลิมอยู่ เหยื่อเบ็ดนี่ใช้ลูกปลาก่าตัวเกือบ ๒ กิโลเป็นอย่างต่ำพ่อเฒ่าคำมี คนหาปลาวัยไม้ใกล้ฝั่งเอ่ยขึ้น

เมื่อทุกคนอิ่มหนำสำราญกับอาหารมื้อเย็น มหรสพริมฝั่งน้ำก็เริ่มขึ้นพร้อมกับการเดินทางมาของเสียงแคน เสียงพิณ เสียงลำ เหล้าขาวต้มกลั่นหอมกรุ่นถูกรินแจกจ่ายกันเช่นเดิม แม้ว่าลมหนาวของปลายฤดูฝนจะพัดมาเพียงใด แต่ความหนาวเย็นก็ถูกดับลงด้วยความร้อนจากกองไฟที่ส่องสว่างอยู่ตลอดเวลา


พ่อเฒ่าผมได้ยินคนบ้านใต้บอกว่า ปีนี้เขาได้แคนเสียงดีมา เขาจะเอาแคนมาประชันกับพ่อเฒ่า--พ่อเฒ่าคิดว่ายังไง
เรื่องแคนนี่แข่งกันไม่ได้หรอก เพราะไม่มีใครตัดสินว่าใครเป่าแคนได้ดีกว่าใคร แต่กูยืนยันว่าปีนี้พวกมึง และเหล่านางรำได้สนุกสนานกันเต็มที่แน่
พ่อเฒ่าผุยพูดจบแกก็หยิบแคนขึ้นมาเป่าอีกครั้ง เสียงแคนเริ่มขึ้นในจังหวะเนิบช้า และรุนแรงรวดเร็วขึ้นตามลำดับ เหมือนกระแสน้ำยามหน้าฝนที่พุ่งไปกระทบกับฝั่ง และแก่งหินกลางลำน้ำ


พ่อเฒ่า เขาว่าสุดยอดของลายแคนคือ ลายสุดสายแนนใช่หรือเปล่าเด็กหนุ่มช่างสงสัยเอ่ยถาม
ก็คงเป็นอย่างนั้นแหละ แต่กูว่าว่าลายแคนสุดสายแนนนั้น คนเป่าแคนเป่าได้ทุกคน แต่ถ้าเป็นลายแคนทางบ้านเรา มันต้องเป็นลายแบบผู้ไทหรือที่เขาเรียกว่า ลายแคนทางลาว หมอแคนบ้านเราเป่าได้ดีกว่าหมอคนบ้านอื่นทีเดียว
พ่อเฒ่าผุยบอกกับทุกคนด้วยรอยยิ้มบนใบหน้า

ดวงจันทร์ใกล้วันเพ็ญลอยเด่นอยู่บนท้องฟ้า เสียงแคนสลับเสียงพิณ เสียงลำยังคงสร้างความสนุกสนานให้กับคนที่อยู่ริมน้ำแห่งนั้น แต่ในความสนุกสนานไม่มีใครรู้ได้ว่าในใจของพ่อเฒ่าผุยคิดอะไรอยู่ 

เสี่ยวเอย เฮาคึดว่ามื้ออื่นโตคงสิเอาแคนเสียงดีจากเมืองท่าแขกมาส่งเฮาทันเด้อ
พ่อเฒ่าผุยเอ่ยออกมาเบาๆ พร้อมกับหันหน้าไปมองพระธาตุศรีโคตรตะบองที่อยู่ทางฝั่งซ้ายพระธาตุพนม ก่อนจะหยิบแคนขึ้นมาเป่าในจังหวะเศร้าสร้อยอ้อยอิ่งอีกครั้ง...

 

 

 

บล็อกของ สุมาตร ภูลายยาว

สุมาตร ภูลายยาว
หากท่วงทำนองของสายน้ำในฤดูฝนคือท่วงทำนองของเพลงร๊อคที่โหมกระหน่ำดุเดือดด้วยเสียงกระเดื่องกลองสลับกับเสียงเบสหนักๆ ปนกับเสียงร้องอันแหลมคม และสูงปรี้ดของนักร้อง สำหรับท่วงทำนองของสายน้ำในหน้าแล้งที่อยู่ในฤดูหนาว ท่วงทำนองของสายน้ำอันปกคลุมไปด้วยหมอกหนาวคงเป็นเสียงเพลงบูลล์หม่นเศร้า และในช่วงหน้าแล้ง ท่วงทำนองของสายน้ำคงเป็นท่วงทำนองของเพลงแคนอันเศร้าสร้อยอ้อยอิ่ง ชวนให้คิดถึงบรรยากาศของท้องทุ่ง และดินแตกระแหงของผืนดินอีสาน ฤดูแต่ละฤดูที่ผ่านไป หากแม่น้ำพูดได้ น้ำคงอยากบอกอะไรกับมนุษย์ผู้ได้ชื่อว่าใช้ประโยชน์จากแม่น้ำมากที่สุด อย่างน้อยคนที่ผิดหวังพลาดหวัง…
สุมาตร ภูลายยาว
ในชีวิตผมถือว่า สองปีที่ผ่านมา ผมโชคดีไม่น้อยที่มีโอกาสได้ไปยังสถานที่ที่ตัวเองไม่คาดคิดว่าจะได้ไป สถานที่ที่ว่านั่นคือ ‘สันเขื่อน’ และจุดสำรวจที่จะมีการสร้างเขื่อนบนแม่น้ำโขงในตอนล่าง ไล่ตั้งแต่ปากแบ่ง หลวงพระบาง ไซยะบุรี ปากลาย ปากชม และบ้านกุ่ม จำนวนพื้นที่ที่กล่าวมาทั้งหมดแถบทุกพื้นที่ได้มีการสำรวจศึกษาความเป็นไปได้ของพื้นที่ในการก่อสร้างเขื่อนหมดแล้วการไปในแต่ละครั้ง บางทีก็ต้องทำตัวให้กลมกลืนกับพื้นที่โดยการปลอมตัวเป็นนักท่องเที่ยวผู้อยากรู้อยากเห็น และที่สำคัญต้องตีสนิทกับคนท้องถิ่น เพื่อจะได้เดินทางไปสู่เป้าหมายง่ายขึ้น ในจำนวนพื้นที่ที่กล่าวมาทั้งหมด หากไม่นับรวมปากชมแล้ว…
สุมาตร ภูลายยาว
-ห้องพัก ๒๐๑, เฮือนพักเพียงจัน,หลวงพระบาง- สายฝนที่โปรยสายลงมาอย่างหนักตั้งแต่ตอนกลางคืนหายไปเมื่อตอนเช้าตรู่ ฟ้ากลับมาเป็นสีฟ้าใสอีกครั้ง หลังจากผู้คนของเมืองตื่นจากหลับใหลในอ้อมกอดของบ้านพักอบอุ่น ความเคลื่อนไหวจึงปรากฏ ถนนแต่ละสายผู้คนเริ่มพลุกพล่านโดยเฉพาะส่วนที่เป็นตลาด หลายครั้งที่มาถึงเมืองนี้ในการดำรงอยู่ของเมืองยังคงมีเรื่องราวให้น่าค้นหาในมุมมองอันหลากหลายมากขึ้น การมาถึงเมืองนี้ในแต่ละช่วงเวลาที่แตกต่างกันย่อมมีเรื่องเล่าแตกต่างกันออกไปด้วย การมาหลวงพระบางในครั้งนี้ก็เช่นกัน เรามาถึงในตอนเกือบ ๓ ทุ่ม สายฝนยังตกลงมา…
สุมาตร ภูลายยาว
ลมหนาวพัดข้ามยอดเขามา ตอซังข้าวลู่ลงแนบพื้นดิน น้ำในแม่น้ำหมันแห้งขอดลงตามฤดูกาล ถัดจากแม่น้ำขึ้นไปเป็นภูเขา แม่น้ำหมันมีต้นกำเนิดจากภูโลมโลอันเป็นเทือกเขาของเทืือกเขาเพชรบูรณ์ สายน้ำเล็กๆ ที่เป็นเส้นเลือดใหญ่ของคนอำเภอด่านซ้ายไหลเอื่อยช้าคล้ายคนเพิ่งหายจากการป่วยไข้ แม่น้ำหมันช่วงที่ไหลผ่านอำเภอด่านซ้ายไปจนถึงบ้านปากหมัน ตรงที่แม่น้ำหมันเดินทางไปบรรจบกับแม่น้ำเหืองมีความยาวทั้งสิ้น ๖๖ กิโลเมตร ตลอดริมสองฝั่งแม่น้ำจะมีต้นไผ่จำนวนมากขึ้นอยู่เป็นระยะ ต้นไผ่-แม่น้ำหมัน-คนริมฝั่งน้ำมีความสำคัญต่อกันจนแยกขาดจากกันไม่ได้
สุมาตร ภูลายยาว
หลังได้รับมอบหมายให้เป็นหนึ่งในคณะกรรมการตัดสินภาพวาดของเด็กๆ ที่ประกอบไปด้วยเด็กจากช่วงชั้นต่างๆ ตั้งแต่ชั้นประถมศึกษาปีที่ ๑ ถึงชั้นประถมศึกษาปีที่ ๖ ของโรงเรียนบ้านคกเว้า ตำบลหาดคำภีร์ อำเภอปากชม จังหวัดเลย ข้าพเจ้าเองแบ่งรับแบ่งสู้ในตอนแรก เพราะโดยส่วนตัวแล้วการเป็นกรรมการประเภทนี้มีเงื่อนไขหลายอย่าง สำคัญกรรมการควรมีความรู้ทางศิลปะมาบ้าง เพื่อให้ผลการตัดสินออกมาดูน่าเชื่อถือ แต่สวนทางกันอย่างสิ้นเชิง ข้าพเจ้าไม่มีความรู้ทางศิลปะเอาเสียเลย อย่างมากก็พอรู้ว่ารูปไหนสวยไม่สวย ซ้ำร้ายเรื่องของทฤษฏีสีแล้ว ข้าพเจ้าไม่รู้เอาเสียเลย แม้จะเคยลองวาดรูปอยู่บ้าง แต่ก็งูๆ ปลาๆ…
สุมาตร ภูลายยาว
โศกนาฏกรรมสองฝั่งน้ำ มีเรื่องเล่าเกี่ยวกับสายน้ำเรื่องหนึ่งที่ผู้เฒ่าปกากะญอ มักเล่าให้ลูกหลานฟังอยู่เสมอ เรื่องเล่าเรื่องนี้มีอยู่ว่า ‘นานมาแล้วมีเจ้าเมืององค์หนึ่งจะตึกแค-กั้นน้ำ เพื่อจับปลาในแม่น้ำสาละวิน ให้ลูกที่อยากกิน ปลาตัวนี้ใหญ่มาก ส่วนหัวของปลาอยู่โจโหละกุย-วังน้ำใหญ่อยู่ในเขตสาละวินตอนกลาง ลำตัวของปลายาวลงไปตามลำน้ำ ส่วนหางอยู่ที่แจแปนทีลอซู แต่ก็มีเรื่องที่ทำให้ชาวบ้านชาวเมืองตกอกตกใจ เพราะหากว่าเลือดหรือน้ำมันจากปลาตัวนี้ไหลลงพื้นดินเมื่อใด แผ่นดินก็จะลุกเป็นไฟ เมื่อชาวบ้านทราบข่าวก็เกิดความกังวลว่า เมื่อน้ำท่วมบ้านแล้วไม่รู้ว่าจะหนีไปอยู่ที่ไหน…
สุมาตร ภูลายยาว
การพัฒนาบนคราบน้ำตาคนชายขอบ ในอดีตอันยาวไกลของแม่น้ำสายนี้เคยไหลอย่างอิสระมาตลอด แต่แม่น้ำนานาชาติสายสำคัญแห่งนี้อาจมิได้ไหลอย่างอิสระต่อไปอีกแล้ว เพราะปัจจุบันแม่น้ำสายนี้ได้ถูกผลักดันให้เข้าไปอยู่ในแผนพัฒนาต่างๆ แผนพัฒนาที่สำคัญ คือแผนพัฒนาพลังงานไฟฟ้า โดยเฉพาะกับประเทศไทย แม่น้ำสาละวินกลายเป็นแม่น้ำยุทธศาสตร์สำคัญสายหนึ่งที่น้ำในแม่น้ำจะถูกนำมาแปรเป็นกระแสไฟฟ้า ภายใต้วาทะกรรมของนักพัฒนาที่ว่า ‘พื้นที่ชายขอบของประเทศมีคนอยู่น้อย และผู้ที่ได้รับผลกระทบย่อมมีส่วนน้อยเช่นกัน’
สุมาตร ภูลายยาว
ผู้คนแห่งสาละวิน  สาละวิน ถือเป็นสายน้ำแห่งกลุ่มชาติพันธุ์อย่างแท้จริง เพราะสองฟากฝั่งลุ่มน้ำสาละวิน ตั้งแต่เทือกเขาหิมาลัยลงมาจนถึงอ่าวเมาะตะมะ ในเขตหุบเขาอันไกลโพ้นในประเทศจีนก็มีกลุ่มชาติพันธุ์อาศัยอยู่ไม่น้อยกว่า ๑๔ กลุ่ม โดยส่วนใหญ่เป็นชาวนู ลีซู และตู๋หลง เมื่อล่องตามน้ำลงมาจนถึงพรมแดนพม่า-จีน พม่า-ไทยก็มีกลุ่มชาติพันธุ์ต่างๆ อาศัยอยู่มากมายไม่ต่ำกว่า ๑๖ กลุ่ม เช่น นู ลีซู ไทยใหญ่ กะยา กะยัน กะเหรี่ยง และมอญ กลุ่มชาติพันธุ์เหล่านี้ล้วนมีภาษา ตัวอักษร วรรณคดี ศิลปวัฒนธรรม และประเพณีของตนเอง ในบรรดากลุ่มชาติพันธุ์ที่มีอยู่หลากหลายบนลุ่มน้ำแห่งนี้ กลุ่มยินตาเล…
สุมาตร ภูลายยาว
สาละวินบนนิยามของความหลากหลาย สาละวิน บนเส้นทางงานวิจัยชาวบ้าน งานวิจัยนี้เป็นการศึกษาครอบคลุมพื้นที่ลุ่มน้ำสาละวิน ตลอดแนวพรมแดนไทย-พม่า โดยได้มีการศึกษาข้อมูลพื้นฐานในประเด็นพันธุ์ปลา เครื่องมือหาปลาพื้นบ้าน การทำเกษตร พรรณพืชในป่า และสังคมวัฒนธรรมของชาวปกาะกญอ เพื่อนำมาอธิบายความสลับซับซ้อนของระบบนิเวศและความหลากหลายทางชีวภาพในลุ่มน้ำสาละวิน และวิถีชีวิต เศรษฐกิจ สังคมวัฒนธรรมของชุมชนที่ตั้งอยู่บนฐานของระบบนิเวศดังกล่าว ตลอดจนพิธีกรรม และความเชื่อของชุมชนในการอนุรักษ์ทรัพยากรธรรมชาติ ผลการศึกษาพบว่า แม่น้ำสาละวิน ตลอดพรมแดนไทย-พม่า มีระบบนิเวศที่สลับซับซ้อน อาทิ แก่ง วังน้ำ หาดทราย…
สุมาตร ภูลายยาว
ระบบนิเวศลุ่มน้ำสาละวิน ระบบนิเวศลุ่มน้ำสาละวิน ถือว่า มีความสำคัญต่อภูมิภาคนี้เป็นอย่างมาก เนื่องจากแม่น้ำสาละวินเป็นแม่น้ำนานาชาติสายสุดท้ายในภูมิภาคนี้ที่ยังไม่ได้ถูกล่ามโซ่ด้วยเขื่อน นักนิเวศวิทยาได้จัดให้แม่น้ำสาละวินเป็นศูนย์กลางของการกระจายพันธุ์ไม้สักของโลก พื้นที่ลุ่มน้ำสาละวิน เป็นพื้นที่ที่มีความหลากหลายทางชีวภาพสูง มีระบบนิเวศสลับซับซ้อนเนื่องจากเป็นพื้นที่ต่อเนื่องระหว่างเขตชีวภูมิศาสตร์ย่อยอินโดจีนกับพื้นที่ต่อเนื่องจากชีวภูมิศาสตร์สิโนหิมาลายันหรือเขตชีวภูมิศาสตร์ย่อยอินเดีย แต่ก็เป็นที่น่าเสียดายว่า เกือบครึ่งศตวรรษที่ผ่านมา การศึกษาระบบนิเวศวิทยาของแม่น้ำสาละวิน มีอยู่น้อยมาก…
สุมาตร ภูลายยาว
หลังสงครามโลกครั้งที่ ๒ สหราชอาณาจักรได้คืนอิสรภาพให้กับพม่า ภายหลังพม่าได้รับอิสรภาพ ในปี ๒๔๙๐ นายพลอู่อองซาน ผู้นำพม่าในขณะนั้นก็ถูกสังหารเสียชีวิต การล้มเหลวลงอย่างสิ้นเชิงของสัญญาปางโหลง จึงเกิดขึ้น เมื่อคำมั่นในสัญญาปางโหลงไม่เป็นผล ชนกลุ่มน้อยกลุ่มต่างๆ จึงได้จับอาวุธลุกขึ้นสู้กับรัฐบาลทหารพม่า เพื่อแยกตัวเป็นรัฐอิสระและปกครองตนเอง ฝั่งตะวันตกของแม่น้ำสาละวิน จึงเกิดกองกำลังปลดปล่อยขึ้นหลายกลุ่ม เขตรอยต่อพรมแดนไทย-พม่าริมฝั่งแม่น้ำสาละวิน ด้านตะวันตก เป็นดินแดนที่กล่าวได้ว่า กฎหมายอาจไม่มีความสำคัญ ทุกชีวิตที่ยังมีลมหายใจ จึงอยู่ภายใต้กฎของปืน และความเหลื่อมล้ำในการดำเนินชีวิต…
สุมาตร ภูลายยาว
พ่อตู้เริญได้เล่านิทานเรื่องนี้ให้ผมฟังขณะเรานั่งหย่อนอารมณ์ในบ้านของแก เพื่อรอฝนหายจากฟ้า เดือนตุลาคมแล้ว ฝนยังมิจากจางเลย ลมหนาวมิมีทีท่าว่าจะพัดมา สายฝนเทลงมาจั่กๆ พ่อตู้เริญต้องเล่านิทานเรื่องนี้ด้วยเสียงดัง เพื่อจะให้ผมได้ยินถนัด ผมกดเครื่องบันทึกเสียงเพื่อบันทึกเสียงการเล่านิทานของพ่อตู้เอาไว้ เพราะคิดว่าจะเก็บเอามาเล่าต่อให้คนอื่นได้ฟังด้วย พ่อตู้เริญเล่าว่า... นานมาแล้ว ยุคสมัยก่อนการเกิดขึ้นของพุทธศาสนา องค์อินทร์ผู้เป็นนายของทุกสิ่ง และทรงสร้างทุกสิ่งในจักรวาลได้นั่งตรวจยามสามตา เพื่อตรวจดูทุกสรรพสัตว์ใตอานัติของตนเอง แล้วในญาณนั้นก็ปรากฏการเกิดขึ้นของพระพุทธศาสนา…