Skip to main content
หากท่วงทำนองของสายน้ำในฤดูฝนคือท่วงทำนองของเพลงร๊อคที่โหมกระหน่ำดุเดือดด้วยเสียงกระเดื่องกลองสลับกับเสียงเบสหนักๆ ปนกับเสียงร้องอันแหลมคม และสูงปรี้ดของนักร้อง สำหรับท่วงทำนองของสายน้ำในหน้าแล้งที่อยู่ในฤดูหนาว ท่วงทำนองของสายน้ำอันปกคลุมไปด้วยหมอกหนาวคงเป็นเสียงเพลงบูลล์หม่นเศร้า และในช่วงหน้าแล้ง ท่วงทำนองของสายน้ำคงเป็นท่วงทำนองของเพลงแคนอันเศร้าสร้อยอ้อยอิ่ง ชวนให้คิดถึงบรรยากาศของท้องทุ่ง และดินแตกระแหงของผืนดินอีสาน


ฤดูแต่ละฤดูที่ผ่านไป หากแม่น้ำพูดได้ น้ำคงอยากบอกอะไรกับมนุษย์ผู้ได้ชื่อว่าใช้ประโยชน์จากแม่น้ำมากที่สุด อย่างน้อยคนที่ผิดหวังพลาดหวัง แม่น้ำคงร้องเพลงสักเพลงปลอบให้คลายเศร้า และแม่น้ำคงปลอบประโลมเราให้อดทนในเวลาที่สายฝนกระหน่ำลงมาไม่ขาดสาย


ในวงรอบหนึ่งปี เราเคยระลึกถึงบุญคุณของแม่น้ำกันกี่ครั้ง หากลองนับดูแล้วก็เพียงช่วงออกพรรษา และลอยกระทงเท่านั้นที่มนุษย์เช่นเราได้ระลึกถึงบุญคุณของแม่น้ำอย่างจริงจัง แล้ววันเวลาที่เหลือนอกจากนั้นล่ะ เราระลึกถึงแม่น้ำในฤดูที่แตกต่างกันของสายน้ำในแง่มุมใด


เพื่อนของฉันบางคนมีความใฝ่ฝันแสนงาม เมื่อเขาได้เดินทางไปเยือนแม่น้ำบางสาย เพื่อนของฉันคนนั้นเก็บซ่อนความฝันแสนงามของเขาไว้ในหลอดเวลาที่มีทรายอยู่เล็กน้อย ทุกวันเขาจะเฝ้าดูเม็ดทรายที่ไหลกลับลงมาอีกด้านหนึ่งของหลอดแก้ว เพื่อรอวันเวลาเดินทางไปตามความใฝ่ฝันแสนงามเหนือดินแดนที่ได้ชื่อว่า ‘แม่น้ำแห่งความฝัน' แต่ก็นั้นแหละ ชั่วยามแห่งการเปลี่ยนผ่านของแม่น้ำขึ้นอยู่กับการเปลี่ยนผ่านของสายลมในแต่ละฤดู บางฤดูความงามของแม่น้ำอาจงามราวเนรมิต แต่ในบางฤดูความงามของแม่น้ำก็ถูกแทนที่ด้วยความเกรี้ยวกราดของสายน้ำ ในฤดูเช่นนี้เพื่อนของฉันคนเดิมเดินทางมาพบเจอเข้า เขาแอบกระซิบกับฉันแผ่วเบา คงเพราะกลัวแม่น้ำได้ยินเสียงกระซิบ

เขากระซิบกับฉันว่า ‘พอแล้วละความงามของสายน้ำ ฉันไม่อาจทัดทาน ความงามที่เดินทางมาถึงในบางฤดูของสายน้ำให้อยู่กับเรานานๆ ได้ ในฤดูที่แตกต่างของสายน้ำ ฉันคงไม่อาจซ่อนความเบื่อหน่ายที่สายน้ำไม่เป็นดั่งปรารถนาเอาไว้ได้หรอก'


แล้วเขาก็ทิ้งความใฝ่ฝันแสนงามลงแม่น้ำอย่างไม่ใยดี เหมือนกับว่าความฝันแสนงามที่เขาทิ้งไปไม่เคยเกิดขึ้นกับเขามาก่อน


ฉันเองเคยหลงรักแม่น้ำทุกๆ สายที่เดินทางไปพบ แต่ความรักที่มีต่อสายน้ำได้จำแนกผ่านฤดูแต่ละฤดูที่ได้ไปเยือน บางฤดูฉันพบว่า แม่น้ำบางสายมีความน่ารักเฉพาะที่ โดยเฉพาะในจุดที่แม่น้ำเชี่ยวกรากขณะเราอยู่บนเรือเหนือสายน้ำเชี่ยว ฉันพบว่าแม่น้ำช่วงที่ทำให้ความรู้สึกหวาดกลัวเดินทางมาเยือนหัวใจดวงน้อยๆ ของฉันไม่น่ารักเอาเสียเลย แต่หากว่าในช่วงที่แม่น้ำไหลนิ่งเฉย ฉันพบว่า แม่น้ำช่างว่านอนสอนง่าย และเป็นอย่างที่เราอยากให้เป็นเหลือเกิน แต่เชื่อไหมถ้อยคำที่ฉันพูดถึง มันอาจแปรเปลี่ยนไปได้เพียงการขยับเดินด้วยขาข้างใดข้างหนึ่งของมดแดงบนช่อมะม่วง สายน้ำที่เรียบเฉยบางทีอาจไม่เป็นเช่นนั้น เพราะเบื้องล่างที่เกาะกุมความลึกล้ำเอาไว้ เราไม่มีโอกาสเดินทางไปสัมผัสอย่างแท้จริง เบื้องล่างของแม่น้ำจึงน่ากลัวพอๆ กับตรงจุดที่แม่น้ำเชี่ยวกราก


มีกวีบางคนเคยพรรณนาเอาไว้ว่า หากคุณอยากฟังเสียงของสายน้ำจงเป็นหนึ่งกับสายน้ำ และปล่อยใจให้ล่องลอยไปกับเสียงน้ำไหล นิ่งฟังเสียงเพรียกของสายน้ำ แล้วเราจะเข้าใจสายน้ำ แต่ฉันว่ากวีกล่าวเกินไป เพราะฉันไม่ค่อยเห็นกวีคนใดลงเล่นน้ำ เมื่อพวกเขาเดินทางไปเจอแม่น้ำที่สวยงาม กลับกัน พวกเขาเอาแต่นั่งดื่มสุราชื่นชมความงามของสายน้ำ และเดินทางไปด้วยเรือจินตนาการเสียมากกว่าการดำผุดดำว่ายในแม่น้ำเหมือนคนอื่นๆ


ในฤดูที่แตกต่างของสายน้ำได้ให้หลายสิ่งหลายอย่างกับเรามากมาย โดยเฉพาะกับกลุ่มคนที่มีวิถีชีวิตแนบแน่นอยู่กับแม่น้ำ ในวันที่สายน้ำเริ่มเอ่อ และท่วมท้น คนหาปลาจะเปลี่ยนเครื่องมือหาปลา เพื่อจับปลาไปขาย คนขับเรือก็ขับเรือได้ง่ายขึ้นในช่วงที่น้ำเต็มฝั่ง แต่หากว่าผู้คนที่ไม่ค่อยได้ใช้ชีวิตอยู่ร่วมกับแม่น้ำ และเดินทางไปเยือนแม่น้ำในชั่วครั้งชั่วคราว พวกเขากลับอยากให้แม่น้ำเป็นอยู่อย่างฤดูที่พวกเขาเดินทางไปถึง และบอกว่าฤดูนี้แม่น้ำงดงามที่สุด


นอกจากฤดูที่แตกต่างของสายน้ำจะบอกกล่าวถึงการเปลี่ยนผ่านของสายน้ำแล้ว ยังได้บ่งบอกบางสิ่งบางอย่างด้วย เช่น เมื่อเดือนห้าหน้าแล้งเดินทางมาถึง แม่น้ำแห้งขอดลง ลมแรงที่เป็นลมร้อน และพายุในฤดูร้อนก็จะเดินทางมาเยือน เพื่อพัดช่อของยอดมะม่วงที่กำลังแตกช่อ


บ่อยครั้งที่ตระเวนไปตามแม่น้ำสายต่างๆ ฉันพบว่า ในฤดูที่แตกต่างของสายน้ำ ชีวิตของฉันก็ต่างกันออกไปไม่ต่างอะไรกับสายน้ำ

 

 

บล็อกของ สุมาตร ภูลายยาว

สุมาตร ภูลายยาว
    ...เสียงปืนดังลั่นเปรี้ยง-คล้ายเสียงชะนีหวน
สุมาตร ภูลายยาว
สายลมเริ่มพัดเปลี่ยนทิศจากเหนือลงใต้ ฤดูฝนใกล้พ้นผ่านแล้ว ฤดูหนาวกำลังเดินทางมาแทน ขณะอาทิตย์ใกล้ลับฟ้าถัดจากกระท่อมหลังสุดท้ายตรงหาดทรายไปไม่ไกล คนจำนวนมากกำลังวุ่นวายอยู่กับการเก็บเครื่องมือทำงาน หากนับตั้งแต่วันแรกถึงวันนี้ก็ล่วงเข้าไป ๔ วันแล้วที่ช่างในหมู่บ้านถูกไหว้วานให้มาช่วยกันทำเรือไฟ เพื่อให้ทันใช้ในวันออกพรรษา หลังจมอยู่กับงานมาทั้งวัน เมื่อโรงงานต่อเรือไฟปิดประตูลงในตอนเย็น โรงมหรสพริมฝั่งน้ำก็เข้ามาแทน
สุมาตร ภูลายยาว
แม่น้ำนิ่งงันลงชั่วการกระพริบตาของพญามังกร ชาวบ้านริมฝั่งน้ำไม่มีใครรู้ว่า พญามังกรกระพริบตากี่ครั้ง หรือด้วยอำนาจใดของพญามังกร แม่น้ำจึงหยุดไหล ทั้งที่แม่น้ำเคยไหลมาชั่วนาตาปี วันที่แม่น้ำหยุดไหล คนหาปลาร้องไห้ปานจะขาดใจ เพราะปลาจำนวนมากได้หนีหายไปจากแม่น้ำ
สุมาตร ภูลายยาว
แดดร้อนของเดือนมีนาคมแผดเผาหญ้าแห้งกรัง หน้าร้อนปีนี้ร้อนกว่าทุกปี เพราะฝนไม่ตก ยอดมะม่วงอ่อนจึงไม่ยอมแตกช่อ มะม่วงป่าเริ่มออกดอกรอฝนพรำ เพื่อให้ผลได้เติบโต ความร้อนมาพร้อมกับความแห้งแล้ง ในความแห้งแล้ง ดอกไม้ป่าหลากสีกำลังผลิบาน มีทั้งดอกสีส้ม แดง ม่วง ความแห้งแล้งดูมีชีวิตชีวาขึ้นมาบ้าง
สุมาตร ภูลายยาว
‘ย่างเข้าเดือนห้า น้ำท่าก็เริ่มขอดแล้ง’ คนแก่บางคนว่าอย่างนั้น (ถ้าผมจำไม่ผิด) คำพูดนี้ได้สะท้อนบางอย่างออกมาด้วย นั่นคือสิ่งที่ผู้คนในยุคสมัยก่อนเห็น พอถึงเดือนห้า น้ำที่เคยมีอยู่ก็แห้งขอดลงเป็นลำดับ ผู้คนในสมัยก่อนที่จะก้าวเข้าสู่สังคมเกษตรอุตสาหกรรมเช่นทุกวันนี้ทำอะไรบ้าง ในสังคมภาคกลางยุคที่ทำการเกษตรไม่ใช่อุตสาหกรรม หน้าแล้งไม่มีใครทำนา เพราะทุกคนต่างรู้ว่า หน้าแล้งแล้วนะ น้ำท่าจะมาจากไหน แต่พอยุคอุตสาหกรรมเกษตรเรืองอำนาจ หน้าแล้งผู้คนก็ยังคงทำนา เพื่อตอบสนองอุตสาหกรรมการเกษตรกันอยู่
สุมาตร ภูลายยาว
ผู้ดีตีนแดง-ขอ โทษ เท้าแดง ตะแคงเท้าเดิน เวลาเหยียบปุ่มปมของพรมผืนนุ่มนิ่มราวกับปุยเมฆ นั่นแหละเท้าของผู้ดี และโลกของผู้ดีมีแต่น้ำครำ –น้ำคำ แห่งการหลอกลวง ทั้งผู้ดีจริง และผู้ดีกลวง ขณะเดินย่ำไปบนเส้นทางสู่ร้านอาหารเลิศหรู เมนูไข่คาเวียกับบรั่นดีแก้วทรงสูงดัดจริตวางรอ ผู้ดีน้ำครำละเลียดเมรัยรสคมผ่านลำคอ และละเลียดไข่คาเวียที่มีอยู่นับจำนวนได้บนจานราคาแพงกว่าการขึ้นห้องกับปอง ของโฉน ไพรำ ผู้ดี น้ำครำมองออกไปนอกหน้าต่างสูงลิบของห้องอาหารโรงแรมเสียดฟ้า เบื้องล่างแม่น้ำไหลเอื่อยเหนื่อยปานจะขาดใจตาย ผู้ดีน้ำครำละเลียดไข่คาเวียราคาแพง เพื่อเลิศหรูมีหน้ามีตา…
สุมาตร ภูลายยาว
สายลมหนาวพัดมาพร้อมกับสายฝนที่โปรยสายลงมา ว่ากันว่านี่คือฝนหลงฤดู! กาแฟแก้วของวันเป็นคาปูชิโน่ร้อนสองแก้ว แต่ไม่ใช่ของผมเป็นของลูกค้าต่างชาติ รสชาติของกาแฟเป็นอย่างไรในเช้านี้ ผมไม่อาจรู้ เพราะไม่ได้ชิม หลังสตรีมนมสดจนร้อนได้ที่ กลิ่นกาแฟสดหอมกรุ่นโชยออกมา และพร้อมแล้วสำหรับการดื่ม-กิน
สุมาตร ภูลายยาว
เนิ่นนานหลายปีแล้วที่ผมพเนจรจากบ้านเกิด แต่หลายๆ ความรู้สึกเกี่ยวกับบ้าน ผมไม่มีทางลืมได้เด็ดขาด บางค่ำคืนที่มีโอกาสอยู่กับตัวเองเพียงลำพัง ด้วยความสงบเงียบ ภาพบ้านเกิดจะย้อนกลับมาสู่ความทรงจำ-ความทรงจำในวัยเยาว์เกี่ยวกับบ้านเกิด
สุมาตร ภูลายยาว
เวลาผ่านไปเร็ว ยามที่เราโตขึ้น เราเชื่อเช่นนั้น เพราะเราโหยหาเวลาของวัยเยาว์ เมื่อเราเติบโตขึ้นเป็นลำดับมีหลายความรู้สึกของวัยเยาว์ที่หล่นหายไปอย่างไม่อาจเรียกคืนกลับมา ราวกับสายน้ำที่ไหลไกลออกไปทุกทีๆ มิอาจหวนกลับมาเป็นสายน้ำได้เช่นเดิม แต่กลายเป็นสายฝนพรำลงมาแทน หากพูดถึงอดีตแล้ว บางด้านที่เลวร้าย เราอยากผ่านเลย แต่กลับจำได้ฝังใจ...
สุมาตร ภูลายยาว
บุนทะนอง ซมไซผล แปลโดย สุมาตร ภูลายยาว    ๑.ผลน้ำเต้าบุ่ง และวรรณคดีพื้นเมือง ถ้าจะให้พูดถึงความสัมพันธ์ไทย-ลาว ความเชื่อมโยงด้านวรรณคดีของชนชาติเผ่าพันธุ์ต่างๆ ในประเทศอนุภูมิภาคลุ่มน้ำของ สิ่งแรกที่ข้าพเจ้าคิดถึงคือ น้ำเต้าบุ่ง
สุมาตร ภูลายยาว
ดอกเกดเป็นดอกไม้ชนิดหนึ่งที่ลำต้นมีลักษณะเหมือนต้นปาล์ม เวลาออกดอก ดอกจะส่งกลิ่นหอม คนเฒ่าคนแก่จะนิยมนำไปบูชาพระและนำมาทัดหู ผมไม่รู้เหมือนกันว่าดอกไม้ชนิดนี้จะมีอยู่ทั่วไปในประเทศไทยหรือมีเฉพาะที่ภาคอีสานและประเทศลาว
สุมาตร ภูลายยาว
จากใบไม้ใบสุดท้ายถึงซิ่นไหมผืนเก่าๆ: ๒ เรื่องสั้นซีไรต์บนแผ่นดินเบื้องซ้ายแม่น้ำของ (โขง) เมื่อพูดถึงวรรณกรรมบนแผ่นดินฝั่งซ้ายแม่น้ำโขงแล้ว หลายคนคงอดที่จะพูดถึงวรรณกรรมชิ้นคลาสสิกเช่น ‘สังสินไซ’ ไม่ได้ เพราะสังสินไซเป็นวรรณกรรมพื้นบ้านที่คนทั้งสองฝั่งแม่น้ำโขงรู้จักมากที่สุดชิ้นหนึ่ง นอกจากสังสินไซแล้ว ผลงานของนักเขียนลาวหลายคนในความรับรู้ของคนไทยคงหนีไม่พ้นผลงานเขียนของท่านมหาสีลา วีระวงค์ ผู้รจนางานมหากาพย์อันยิ่งใหญ่ในนาม ‘ท้าวฮุ่งและขุนเจือง’