บรรยากาศเทศกาลลอยกระทงที่ผ่านมาปลายเดือนพฤศจิกายนปี 50 นี้ ดิฉันอยู่ท่ามกลางการโฆษณาชวนเชื่อว่างานลอยกระทงที่ไหนยิ่งใหญ่กว่ากัน
ขณะเดียวกันก็ได้ยินการรณรงค์อยู่สองเรื่องใหญ่ๆ ที่เกี่ยวกับการลอยกระทง นั่นคือสปอตวิทยุเรื่องอย่ามีเพศสัมพันธ์กันในคืนวันเพ็ญเดือนสิบสอง มีการสัมภาษณ์ตำรวจว่าจะไปตั้งด่านสกัดคู่วัยรุ่นที่จะไปใช้บริการโรงแรมม่านรูดอย่างไร นี่เป็นการสื่อสารเรื่องหนึ่งที่กำลังจะกลายเป็นประเพณีคู่ไปกับวันลอยกระทง รวมวันอื่นๆ ด้วย อาทิ วันวาเลนไทน์ วันสงกรานต์ และการโฆษณาของเทศบาลนครเชียงใหม่ที่แต่เดิมถือเป็นแชมป์ในการจัดงานวันลอยกระทงที่เรียกความสนใจจากนักท่องเที่ยวทั่วสารทิศมาโดยตลอด แต่มาระยะหลังนี้ต้องเสียแชมป์ให้กับจังหวัดอื่นๆ ไปแล้ว เช่น สุโขทัย ปีนี้เทศบาลนครเชียงใหม่จึงออกแคมเปญว่าจะรื้อฟื้นความเชื่อ ประเพณีดั้งเดิมของเทศกาลยี่เป็ง ทางเหนือนับเดือนทางจันทรคติเร็วกว่าภาคกลางไปสองเดือน ยี่เป็ง แปลว่าวันเพ็ญเดือนสอง โดยไม่มุ่งว่าจัดงานเพื่อนักท่องเที่ยวแต่เป็นการจัดงานเพื่อคนเชียงใหม่เอง หากจะมีนักท่องเที่ยวด้วยก็ถือเป็นผลพวง
ไม่รู้ว่าคืนวันลอยกระทงมีการมีเพศสัมพันธ์กันมากกว่าทุกๆ วันหรือไม่ เพราะไม่มีใครสามารถให้ข้อมูลได้ แม้จะได้ข้อมูลจริงจากเจ้าของโรงแรมม่านรูดว่ามีคนใช้บริการมากขึ้นก็ไม่สามารถบอกได้ว่าเกี่ยวกับวันลอยกระทง เพราะคนจะมีเพศสัมพันธ์กันคงขึ้นกับหลายเหตุ หลายปัจจัย มากกว่าการเป็นเทศกาลลอยกระทง
แต่สิ่งที่น่าจะติดตามต่อมาจากวันลอยกระทงคือ การมีเพศสัมพันธ์กันครั้งนี้ก่อให้เกิดผลตามมาอย่างไร เป็นผลที่พึงพอใจหรือสามารถควบคุมได้หรือไม่ เช่น เป็นเพศสัมพันธ์ที่เกิดขึ้นบนความต้องการของคู่เพศสัมพันธ์นั้นๆ เป็นเพศสัมพันธ์ที่มีการป้องกันอย่างดีและยินยอมพร้อมใจกันทั้งสองฝ่าย หรือเกิดการติดโรค เกิดการตั้งครรภ์ที่ไม่พร้อมตามมา อย่างไหนมีมากกว่ากัน หากการตั้งครรภ์ไม่พร้อมมีมากขึ้นย่อมแสดงให้เห็นว่าศักยภาพในการดูแลเพศสัมพันธ์ของตนเองยังมีไม่มากพอ และการแคมเปญเรื่องอย่ามีเพศสัมพันธ์กันคืนลอยกระทงก็ไม่เป็นประโยชน์
เช่นกันบรรยากาศงานลอยกระทงที่เชียงใหม่ก็ใช้เวลายาวนานต่อเนื่องกัน 3 วัน 3 คืน ตั้งแต่คืนวันศุกร์ถึงคืนวันอาทิตย์ ยามค่ำคืนท้องฟ้าในเมืองเชียงใหม่เต็มไปโดยโคมลอยเป็นดวงไฟระยิบระยับ ประเมินว่าน่าจะเป็นหมื่นโคมที่ลอยกัน ต่างคนต่างซื้อไปลอยกันราคาใบละ 20-50 บาท ในขณะที่งานแห่กระทงก็ยังจัดกันเหมือนเดิมคือกระทงเล็ก กระทงใหญ่ ซึ่งทั้งสองวันนี้ก็ต้องใช้เงินและวัสดุสิ้นเปลืองไปจำนวนไม่น้อย หากกระทงใหญ่หนึ่งกระทงใช้งบสองแสนบาท ปีนี้มีจำนวนกระทงใหญ่ 25 กระทงก็ใช้เงินไปแล้ว 5 ล้านบาท เสร็จแล้วก็รื้อทิ้งปีหน้าก็ลงทุนทำใหม่ เป็นอย่างนี้มาไม่น้อยกว่า 20 ปีมาแล้วในเชียงใหม่
ทั้งนี้ ทางเทศบาลเองก็ลงทุนประดับเมืองด้วยโคมกระดาษนับหมื่นโคม ปีนี้ต้องทำสองรอบเพราะถูกพายุฝนทำลายไปก่อนวันเทศกาล ต้องซ่อมแซมใหม่หมด จากหมื่นโคมกลายเป็นสองหมื่นโคม ก็ใช้เงินไปอีกเป็นล้านในการตกแต่งประดับเมือง ทั้งนี้ วัดต่างๆ ในเขตคูเมืองเชียงใหม่ก็จัดตกแต่งและจัดงานขึ้นเพื่อให้ประชาชนไปใช้เวลาในเทศกาลลอยกระทงในวัดบ้าง อย่างไรก็ตาม เมื่อผ่านพ้นเทศกาลนี้ไป เมืองเชียงใหม่หลงเหลืออะไร คนรุ่นใหม่เข้าใจวิถีชีวิต วิถีประเพณีเกี่ยวกับยี่เป็งอย่างไร และซึมซาบ ว่าจะปรับปรุงประยุกต์ความเชื่อของประเพณีให้เข้ากับชีวิตตนเอง ชีวิตของเมือง อย่างไร จะลดความฟุ่มเฟือย การบริโภควัสดุต่างๆ ที่ล้นเกินไปเรื่อยๆ จนส่งผลต่อมลภาวะของเมืองเชียงใหม่เพียงใด เงินที่นักท่องเที่ยวและคนเชียงใหม่เองใช้หมุนเวียนกันในวันลอยกระทงหลายสิบล้านบาทนั้น ส่งผลต่อคุณภาพชีวิตคนเชียงใหม่ คนรับจ้างทำโคมกระดาษ โคมไฟ ตุง กระทง มากน้อยเพียงใด หรือเพียงอาศัยชื่อเทศกาลเพื่อหารายได้ให้คนที่ทำธุรกิจท่องเที่ยว โรงแรม ร้านอาหาร ทำทัวร์กันเท่านั้น
เทศกาลลอยกระทงที่เชียงใหม่ผ่านไปพร้อมกับงานวันวิชาการของมหาวิทยาลัยเชียงใหม่ ที่เลือกจัดวันเวลาเดียวกับเทศกาลลอยกระทง แต่บรรยากาศไม่คึกคักมากนักแม้จะมีนายกรัฐมนตรีมาเปิดงาน และหัวข้อหลักของงานวิชาการปีนี้คือ วิถีวิจัย สู่สังคมร่มรื่นและเป็นสุข เน้นเรื่องภาวะโลกร้อน ภาวะพลังงาน มลภาวะด้านอากาศ หมอกควัน ที่เกิดกับเมืองเชียงใหม่ แต่ก็เหมือนต่างคนต่างจัด และไม่สอดรับกัน น่าเสียดายที่เทศบาลนครเชียงใหม่กับมหาวิทยาลัยเชียงใหม่ไม่ได้ร่วมกันคิด ร่วมกันทำ เพื่อสร้างความกล้าใหม่ๆ ต่อการจัดงานยี่เป็งให้ได้ทั้งคุณค่า ได้ความรู้ ได้ความสุข โดยไม่ฟุ่มเฟือยเกินไปแต่อาจมีเสน่ห์มากขึ้นสำหรับนักท่องเที่ยวก็ได้ ใครจะรู้