Skip to main content
 
 
“พี่รีบๆไปดูเถอะ ตอนนี้ยังดีอยู่ ได้ข่าวว่านายทุนเข้าไปซื้อที่ตรงนั้นไปเยอะแล้ว ไม่ช้าก็คงจะเปลี่ยนไปแน่นอน” ผู้จัดการเกสต์เฮาส์แห่งหนึ่งใน อ.ปาย บอก เมื่อถามว่า อำเภอใหม่เป็นไงบ้าง เพราะว่าดูจะไม่ไกลจากปายมากนัก และในอนาคตอาจไม่เห็นความเป็นธรรมชาติของที่นั่นแล้ว
 
อำเภอที่พูดถึงคือ อำเภอใหม่ล่าสุดของไทยเป็นอำเภอที่ 878  ชื่อ “กัลยาณิวัฒนา” ซึ่งชาวบ้านโดยทั่วไปรู้จักกันในนามของ “วัดจันทร์” หรือคนในพื้นที่ที่ส่วนใหญ่เป็นชุมชนชาวกะเหรี่ยงเรียกว่า “มือเจะคี”

ว่าด้วยเรื่องชื่อก็มีเรื่องที่น่าสนใจจะถกเถียงกันอยู่ไม่น้อย แต่ในที่นี้ขอละเอาไว้ก่อน เพราะประเด็นหลักที่จะแลกเปลี่ยนในคราวนี้เป็นคำถามเรื่องการพัฒนาที่จะเกิดขึ้นในอนาคตที่หลายๆ คนเกรงว่าจะเป็นการทำลายเสียมากกว่า

ในเชิงอุดมคติผู้คนมักอยากเห็นสิ่งต่างๆ คงอยู่อย่างที่มันเคยเป็น หลายคนเวลาที่ไปเที่ยวที่ไหนก็ตามก็มักจะชอบให้ที่นั่นคงสภาพไว้เช่นนั้น เช่นเคยเห็นว่าเมื่อ
20 ปีก่อน ที่นี่เป็นอย่างไรก็อยากให้คงไว้เช่นนั้น  ทว่า ไม่เคยมีสักเมืองเดียวเลยที่จะเป็นเช่นนั้นได้ เพราะจริงๆแล้ว การเปลี่ยนแปลงเป็นธรรมดาโลก แต่ที่เราจะทำได้คือต้องการเห็นมันเปลี่ยนไปไหนทิศทางใดมากกว่า

อ.กัลยาณิวัฒนา มีพื้นที่ของ 3 ตำบลคือ ต.บ้านจันทร์ ต.แจ่มหลวง และ ต.แม่แดด เดิมอยู่ภายใต้ อ.แม่แจ่ม จ.เชียงใหม่  สาเหตุที่มีการแยกออกมาเป็นอำเภอใหม่ก็เพราะว่าสภาพภูมิประเทศของพื้นที่นี้เป็นป่าและภูเขาสูงชัน ทุรกันดาร การคมนาคมติดต่อเพื่อขอรับบริการต่าง ๆ จากหน่วยงานของรัฐ ณ ที่ว่าการอำเภอแม่แจ่ม เป็นไปด้วยความยากลำบาก การให้บริการของเจ้าหน้าที่ไม่สามารถให้บริการได้อย่างทั่วถึงครอบคลุมทุกพื้นที่ ประกอบกับพื้นที่ดังกล่าวประสบปัญหาด้านความสงบเรียบร้อย เรื่องยาเสพติด และปัญหาด้านการลักลอบตัดไม้ทำลายป่า ตั้งนั้นจึงมีการเสนอ ครม.ให้แยกพื้นที่ดังกล่าวมาจัดตั้งเป็นอำเภอใหม่ขึ้นมา
 

สนสามใบที่มีความอุดมสมบูรณ์ ในป่าสนบ้านวัดจันทร์ อุทยานที่อยู่ภายใต้โครงการหลวง
 
เมื่อสองสัปดาห์ก่อน เราได้เดินทางจากปากทางเส้น ปาย- เชียงใหม่ เลี้ยวเข้าไปเพื่อจะเดินทางไปยังวัดจันทร์ ผ่านถนนอันคดเคี้ยวระยะทาง 43  กิโลเมตร ระหว่างทางมองเห็นทิวทัศน์ ป่าที่ยังคงสภาพค่อนข้างสมบูรณ์ และ ผืนนาที่เขียวขจียามหน้าฝน รวมทั้งไร่ถั่วเหลืองตามเนินเขาที่ชาวบ้านปลูกไว้ ว่ากันว่า ที่นี้คือไร่ถั่วเหลืองที่ใหญ่ที่สุดแห่งหนึ่งของไทย แต่ระหว่างทางนั้นเองเราก็พบเห็นร่อยรองของดินถล่ม และ ทางขาดเป็นช่วงๆ เนื่องจากเป็นช่วงหน้าฝน เราเห็นร่องรอยน้ำที่สูงล้นขึ้นมาท่วมสะพานจนคอสะพานขาดไปหลายแห่ง แต่ขณะเดียวกันเมื่อมองลงไปยังแม่น้ำกลับพบว่ามีน้ำเหลืออยู่ในแม่น้ำค่อนข้างน้อย เป็นเพียงสายน้ำตื้นแต่ไหลเชี่ยวมากเลยทีเดียว ว่ากันว่าการที่ต้องตัดไม้เพื่อเอาพื้นที่มาปลูกถั่วเหลืองเป็นอีกสาเหตุหนึ่งที่ทำให้ดินถล่มด้วยเช่นกัน
 
ในที่สุดก็เข้ามาถึงตัวอำเภอที่ผู้คนหวาดหวั่นกันเหลือเกินว่า ต่อไปนี้ธรรมชาติของที่นี่จะหลงเหลืออยู่หรือไม่  สิ่งที่เห็นในขณะนี้คือ ยังคงมีสภาพความเป็นธรรมชาติอยู่มาก ป่าสนสามใบที่สวยงามก็อยู่ที่นี่ เป็นแหล่งท่องเที่ยวทางธรรมชาติที่เรียกได้ว่าสมบูรณ์ยิ่ง ไม่มีตึกรามบ้านช่องมากนัก มีร้านค้าอยู่เล็กน้อย เรียกได้ว่ามีสภาพที่เรียกว่าเป็นชุมชนตาม “บ้านนอก” หรือ หมู่บ้านในชนบทโดยปกติทั่วไปในประเทศไทย  มีสิ่งที่เริ่มเปลี่ยนแปลงคือ มีการก่อสร้างเพิ่มขึ้น มีร้านค้าหรือร้านอาหารเพิ่มขึ้น
 

ธนาคารเพื่อการเกษตรและสหกรณ์ ( ธกส)  เตรียมพร้อมให้บริการ สังเกตว่าอาคารจะใช้ไม้สัก
 
แม้อาจมีคนจำนวนไม่น้อยที่ไม่ต้องการเห็นความเปลี่ยนแปลง แต่จากสภาพพื้นที่ดังกล่าวผู้คนที่อาศัยอยู่ที่นั่นมานานๆ อาจพบว่าเป็นความจำเจไปแล้วก็ได้ และก็ไม่น่าแปลกใจอะไรที่เจ้าของที่ดินแถวๆ นั้นจะตื่นเต้น ที่อยู่ๆ ก็มีคนมาให้ราคาที่ดินแก่เขาแพงๆ หรือยินดีที่จะมีความเจริญหลั่งไหลเข้ามาในชุมชน เพราะใครต่อใครก็อยากให้พื้นที่ที่ตนอยู่อาศัยมีความสะดวกสบายเหมือนที่อื่นๆ เปรียบเทียบกับตัวเราเองก็ได้ว่าทำไมเรามีสิทธิใช้อินเตอร์เน็ตความเร็วสูง แล้วหากผู้คนที่นั่นจะอยากมีบ้างก็ไม่น่าจะผิดอะไร ใช่หรือไม่
 

โบสถ์ใส่แว่นตาดำ อันเลื่องชื่อของวัดจันทร์วัดเก่าแก่อันเป็นที่มาของชื่อชุมชนแห่งนี้
 
ทว่า สิ่งที่กำลังจะเกิดขึ้นนี้เองก็ทำให้เกิดเสียงสะท้อนว่า “สงสัยอีกหน่อยจะเหมือนปาย” โดยที่ให้ความหมายว่า “ปายน่ะเละไปแล้ว มีแต่ใครต่อใครเข้ามาเยอะไปหมด คนจากที่อื่นเข้าไปทำมาหากิน และไม่สงบเหมือนเมื่อก่อนแล้ว”
 
เราลองย้อนกลับมาดูที่ปายกันสักเล็กน้อยว่า จริงๆ แล้วปายแย่ขนาดนั้นเลยหรือ
 
เสียงสะท้อนที่ว่านั้นก็ทำเอาคนทำธุรกิจอยู่ที่ปายจำนวนหนึ่งสะเทือนใจอยู่ไม่น้อยว่า “เป็นอย่างไรหรือ เหมือนปายแล้วเสียหายตรงไหน”
 
คุณวลัยพร เรืองนิติกุล ประธานชมรมท่องเที่ยวปาย บอกว่า จริงๆ แล้ว ไม่ว่มีอะไรเปลี่ยน ปายก็มีเสน่ห์ของมันอยู่ ซึ่งก็ขึ้นอยู่กับคนชอบ “พูดง่ายๆ ว่า ใครอยากมาเที่ยวก็มา ใครชอบที่นี่ก็มา ถ้ามาแล้วไม่ชอบก็ไม่ต้องมาอีกก็ได้ แต่ถ้ามาแล้วชอบก็อยากให้มาอีกและช่วยกันทำให้น่าอยู่ ปายก็จะน่าอยู่เหมือนเดิม”
 
หลังจากที่เข้าไปที่ปายและพูดคุยกับทั้งผู้คนที่เป็นคนในพื้นที่ และได้เที่ยวชมด้วยตัวเองแล้วก็ให้คิดได้ว่า ความจริงแล้ว  “ปาย” ยังคงเป็นที่ท่องเที่ยวที่ให้ทางเลือกแก่นักเดินทางได้หลายแบบ แต่ตัวนักท่องเที่ยวนั้นต้องตั้งคำถามกับตัวเองก่อนว่าจะไปปายทำไม จะมาเที่ยวชม มาใช้ชีวิต หรือมาปลีกวิเวก
 
ถ้าจะมาเที่ยวชม เพื่อว่าตัวเองจะได้กลับไปบอกกับคนอื่นได้ว่า เคยไปปายมาแล้ว ไม่ตกเทรนด์ ก็คงไปได้ไม่ต้องคิดอะไรมาก ไปเที่ยวแล้วก็ค่อยตัดสินใจเองว่า ชอบหรือไม่ชอบ ซึ่งตรงนี้คงขึ้นอยู่กับรสนิยมของคนๆนั้นเอง แต่ถ้าจะมาใช้ชีวิตก็ต้องเลือกดูว่าจะเอาชีวิต “แบบมันๆ เมามาย” หรือเต็มที่กับชีวิตในทางโลก ถ้าเลือกแบบนี้ ในกลางเมืองปายเต็มไปด้วยผับ บาร์ และอาหารการกิน รวมทั้งสินค้านานามาจำหน่าย คนที่ไปเที่ยวเพื่อจะสร้างความบันเทิงให้กับตัวเองก็คงชอบที่ปายมีสิ่งเหล่านี้ไว้ให้ และเมื่อกลับไปแล้วก็น่าจะบอกได้ว่าชอบปาย หรือหากจะใช้ชีวิตแบบบ้านๆ ก็ลองออกไปอยู่ในชุมชนที่เขาอยู่กันจริงๆ ที่ไม่ใช่ชุมชนนักท่องเที่ยวก็ได้ แต่หากตั้งใจว่าจะไปปลีกวิเวก หรือหาที่อยู่สงบๆ ที่นั่นในช่วงที่อากาศดีๆ ก็แน่นอนก็ออกไปนอกเมือง ที่ติดภูเขาอีกมากมายที่สามารถจะให้บริการได้
 
ดังนั้น คนที่บอกว่าไม่ชอบปายอาจต้องตั้งคำถามกับตัวเองว่าจะมาปายทำไม และควรเข้าใจความจริงที่ว่า ปายเป็นแค่เมืองเล็กๆ ไม่เหมาะกับการรับนักท่องเที่ยวขนาดใหญ่ ไม่เหมาะสำหรับรถทัวร์ขนาด 80 ที่นั่ง  บทเรียนที่ปายได้รับคือ การที่บ้านเมืองขยายไปอย่างรวดเร็ว มีผู้คนหลั่งไหลเข้ามาท่องเที่ยวอย่างมากมาย สิ่งที่ตามมาคือ ขยะ น้ำเสีย หรือตึกรามอาคารที่สร้างกันอย่างตามใจ ทำให้เป็นการเติบโตอย่างไร้ทิศทาง ปัญหาเร่งด่วนของปายนั้นไม่เพียงแค่การควบคุมการก่อสร้าง แต่จะต้องวางผังเมืองให้ชัดเจนว่า การเติบโตของเมืองนั้นจะไปทางไหน แค่ไหน ต้องมีการวางแปลนสิ่งก่อสร้าง การรองรับ เช่น ระบบบำบัดน้ำเสีย ระบบกำจัดขยะที่ดีเพียงพอ เพื่อรับมือสถานการณ์ทั้งในปัจจุบันและอนาคต
 
กลับมาดู อำเภอใหม่ “กัลยาณิวัฒนา” ที่ผู้คนกำลังหวั่นวิตกว่า จะเป็นปาย 2 หรือไม่ แน่นอนว่าไม่ใช่เรื่องที่วิตกกันไปจนเกินจริงหากมองจากประสบการณ์ที่ผ่านมาในเรื่องการพัฒนาของไทย ที่มักจะเป็นไปแบบไร้ทิศทาง แต่คำถามคือ วัดจันทร์ ซึ่งกลายเป็นอำเภอใหม่ ยังจะต้องประสบกับปัญหาเช่นเดียวกันนี้ด้วยหรือ ในเมื่อบทเรียนเราก็มีให้เห็นแล้ว เราไม่คิดจะแก้ไขความผิดพลาดกันบ้างเลยหรือ
 
อันที่จริง เราอาจต้องมาพิจารณาเรื่องนี้กันอย่างเป็นรูปธรรมและแบบที่เป็นจริงอย่างที่ไม่ใช่เป็นอุดมคติว่า แม้เราอยากอนุรักษ์ทุกสิ่งให้คงเดิมไว้แค่ไหนก็ตาม แต่การเปลี่ยนแปลงย่อมต้องเกิดขึ้นแน่นอน ดังนั้น การเพียงแค่มานั่งหวาดหวั่นว่าจะมีอะไรมาเปลี่ยนแปลงหรือการพัฒนาที่เข้ามาอาจจะทำลายธรรมชาติอันงดงามของ มือเจะคี หรือวัดจันทร์ เพียงอย่างเดียวนั้นคงไม่ช่วยอะไร  สิ่งที่ควรทำในขณะนี้คือ ทั้งทางการและคนในชุมชนหรือประชาชนที่อาศัยอยู่ที่นั่นควรจะมาร่วมกันคิดว่า อยากจะเห็นชุมชนพัฒนาไปในทิศทางไหน  ทั้งนี้ ความเห็นแบบเร็วๆที่ต้องการจะนำเสนอในที่นี้ก็คือ อาจแบ่งการพัฒนาออกเป็นสองประเด็นคือในเชิงกายภาพและในเชิงจิตใจหรือนามธรรม  ทั้งนี้ วิสัยทัศน์ของทางการและคนในชุมชนที่จะมองการพัฒนานี้เป็นเรื่องสำคัญยิ่ง
 
การพัฒนาในเชิงกายภาพนั้น ควรต้องมามองว่า ในส่วนของผังเมืองเตรียมไว้หรือยังว่า จะให้บ้านเมืองมีรูปลักษณ์แบบไหน สิ่งก่อสร้างที่จะเกิดขึ้นต้องมีลักษณะอย่างไร และเตรียมการสำหรับการขยายตัว การเติบโตที่จะตามมาในอนาคตของเมืองหรือยัง เช่น มีระบบสาธารณูปโภคพื้นฐานต่างๆ อย่างเพียงพอ มีการจัดวางตำแหน่งให้ไม่ขัดขวางต่อความงามทางธรรมชาติและความเป็นอยู่ของผู้คนดั้งเดิม การกำจัดขยะหรือการกำจัดน้ำเสีย การรักษาความสะอาดในชุมชนควรเป็นอย่างไร การฝึกจิตสำนึกเรื่องการรักชุมชนอย่างถูกทาง หวงแหนทรัพย์สินและร่วมกันดูแลรักษาทำชุมชนให้น่าอยู่ด้วยกัน เหล่านี้ล้วนเป็นภาระและวิสัยทัศน์ที่ทางการควรจะวางไว้โดยให้ชุมชนมีส่วนร่วมในการเตรียมการรับมือกับสิ่งใหม่ที่จะเกิดขึ้นนี้
 
ส่วนในทางจิตใจหรือนามธรรม อาจต้องมีการปลูกฝังจิตสำนักในเรื่องของวินัย ความซื่อสัตย์ ไม่เห็นแก่ประโยชน์ส่วนตน และการถือเอาประโยชน์ส่วนรวมเป็นที่ตั้ง การเสียสละต่อชุมชน หรือไม่คิดแต่จะเอาเปรียบนักท่องเที่ยวหากจะมีเข้ามาในอนาคต และเนื่องจากการเกิดเป็นอำเภอขึ้นมาใหม่ ก็คงไม่แปลกอะไรที่จะมีคนจากท้องถิ่นอื่นย้ายเข้ามาอาศัยอยู่ หรือเข้ามาทำมาหากินในพื้นที่แห่งนี้ อันเป็นลักษณะปกติทั่วไปของบ้านเมืองที่มีเสรีภาพในการย้ายถิ่น ทว่า ประเด็นที่สำคัญก็คือ ทำอย่างไรถึงจะให้คนในพื้นที่เดิมและคนที่เข้ามาอยู่ใหม่สามารถอยู่ร่วมกันได้อย่างมีความสุข และพร้อมที่จะร่วมมือกันสร้างสรรค์เมืองที่มาอยู่ร่วมกันให้เป็นเมืองที่น่าอยู่ทั้งกับคนในพื้นที่และผู้มาเยือน
 
หากได้นำประเด็นเหล่านี้มาพิจารณานับเป็นเรื่องสำคัญที่จะบอกว่า ที่สุดแล้ว อำเภอใหม่ล่าสุดลำดับที่ 878 นั้นจะเดินไปทางปาย หรือ ทางไหน

 

บล็อกของ สุทธิดา มะลิแก้ว

สุทธิดา มะลิแก้ว
กลายเป็นเรื่องฮือฮาสำหรับการฉลองสงกรานต์ในปีนี้ (2554) เมื่อมีคนนำคลิปของเด็กสาวขึ้นเต้นโชว์เปลือยอกในการฉลองสงกรานต์ย่านสีลมที่มีผู้คนชมและเชียร์กันอย่างเมามันมาเผยแพร่กันอย่างแพร่หลายผ่านทางสังคมออนไลน์ รวมทั้งนักข่าวทุกสำนักก็ให้ความสนใจและนำเสนอกันอย่ากว้างขวาง มีการวิพากษ์วิจารณ์กันอย่างมากมายว่า นี่เป็นการกระทำที่ไม่เหมาะสมหรือการกระทำที่ทำลายวัฒนธรรม บางคนถึงขั้นกล่าวหาเด็กสาวเหล่านี้ว่าเป็นโรคจิตด้วยซ้ำ
สุทธิดา มะลิแก้ว
    ญี่ปุ่น นับเป็นประเทศที่มีพัฒนาการอย่างมากในเรื่องของเทคโนโลยีที่ทันสมัย และเป็นประเทศที่มีความเจริญก้าวหน้าในทางวัตถุอย่างรวดเร็ว มีรถไฟหัวกระสุนที่มีความเร็วสูง มีตึกสูงๆที่สามารถรองรับแผ่นดินไหวได้ หรือแม้แต่โรงปฎิกรณ์ปรมาณูนั้นก็ยืนยันว่ามีระบบความปลอดภัยเป็นเยี่ยม นอกจากนั้นยังเป็นประเทศที่มีประชากรที่มีระเบียบวินัยและคุณภาพที่พร้อมรับมือกับภัยร้ายๆได้อย่างดี ทว่า สุดท้ายแล้วเมื่อธรรมชาติพิโรธอย่างหนัก ประเทศระดับญี่ปุ่นเองก็ยังยากที่จะรับมือ ประสาอะไรกับประเทศที่ไร้ระเบียบและขาดการเตรียมการอีกหลายประเทศ เห็นภาพภัยพิบัติที่เกิดขึ้นกับญี่ปุ่นแล้ว…
สุทธิดา มะลิแก้ว
  เป็นเวลานานหลายสิบปีที่พื้นที่รอบปราสาทพระวิหาร 4.6 ตารางกิโลเมตรซึ่งยังไม่มีการปักปันเขตแดนที่ชัดเจนนั้นไม่ได้ถูกให้ความสนใจ ประชาชนที่อาศัยอยู่ที่นั่น แม้ต่างตอบตัวเองได้ว่าตัวเองเป็นพลเมืองของชาติใดหากต้องติดต่อกับทางราชการแต่ก็อยู่ร่วมกันด้วยดี ถ้อยทีถ้อยอาศัยต่อกันและทำมาหากินร่วมกันมายาวนาน การเดินข้ามไปข้ามมาในบริเวณนั้นก็มิได้เป็นปัญหา มิได้คิดว่าใครจะเข้ามารุกล้ำดินแดนใคร และในการใช้ชีวิตนั้นสามารถอยู่ร่วมกันได้อย่างเป็นสุข ทว่า บัดนี้มาเกิดกรณีพิพาทอันเนื่องมาจากการอ้างสิทธิ์บนพื้นที่นี้เกิดขึ้นจากรัฐบาลทั้งสองประเทศและยังไม่อาจแน่ใจว่าข้อพิพาทนี้จะยุติลงได้เมื่อใด…
สุทธิดา มะลิแก้ว
    “พี่รีบๆไปดูเถอะ ตอนนี้ยังดีอยู่ ได้ข่าวว่านายทุนเข้าไปซื้อที่ตรงนั้นไปเยอะแล้ว ไม่ช้าก็คงจะเปลี่ยนไปแน่นอน” ผู้จัดการเกสต์เฮาส์แห่งหนึ่งใน อ.ปาย บอก เมื่อถามว่า อำเภอใหม่เป็นไงบ้าง เพราะว่าดูจะไม่ไกลจากปายมากนัก และในอนาคตอาจไม่เห็นความเป็นธรรมชาติของที่นั่นแล้ว  
สุทธิดา มะลิแก้ว
“การย้ายถิ่นไม่ได้เป็นแค่เพียงส่วนหนึ่งของธรรมชาติทางประวัติศาสตร์แต่เป็นมิติของการพัฒนาที่เป็นไปอย่างต่อเนื่องและเป็นปัจจุบัน” ตอนหนึ่งในรายงานการพัฒนามนุษย์ปี 2552 (Human Development Report 2009) จัดทำขึ้นโดยโครงการการพัฒนาแห่งสหประชาชาติ (United Nation Development Programme –UNDP) ที่เพิ่งจะเปิดตัวไปเมื่อไม่นานมานี้
สุทธิดา มะลิแก้ว
เมื่อไม่นานมานี้มีข่าวว่า อินโดนีเซียมีความไม่พอใจมาเลเซียเป็นอย่างยิ่งที่มาเลเซียนำเพลง ราซา ซายัง เอห์ ( Rasa Sayang Eh) มาเป็นเพลงประกอบโฆษณาการท่องเที่ยว โดยระบุว่าเพลงนั้นเป็นเพลงของอินโดนีเซียและบอกว่าเนื้อเพลงที่ร้องนั้นเป็นภาษาท้องถิ่นของเกาะอัมบน
สุทธิดา มะลิแก้ว
ไม่ว่าการตัดสินคดีของอองซาน  ซูจีจะปรากฎออกมาเยี่ยงใดก็ตาม  มินท์ เมี้ยต รู้ดีว่า คงไม่ได้เป็นไปตามตัวบทกฎหมายใดๆหรอก แต่คำตัดสินนั้นจะขึ้นอยู่กับว่าผู้นำรัฐบาลทหารพม่าต้องการให้ออกมาเช่นไร ตัวเขาเองนั้นรู้ซึ้งในเรื่องนี้ดีเพราะเคยมีโอกาสได้เข้าไปสู่กระบวนการนี้มาก่อนหน้านี้แล้ว และเขารู้ดีว่า ชะตากรรมของชาวพม่านั้นอาจเปลี่ยนแปลงได้ง่ายยิ่งกว่าพลิกฝ่ามือเสียอีก หากคนๆ นั้นบังเอิญไปทำอะไรขวางหูขวางตารัฐบาลเข้า เช่นเดียวกับตัวเขาและภรรยาที่เป็นวิศวกรอยู่ดีๆ ก็ต้องมากลายเป็นนักโทษ และสุดท้ายต้องมาลงเอยด้วยการเป็นแรงงานข้ามชาติอยู่ในประเทศไทย 
สุทธิดา มะลิแก้ว
ดูเหมือนเหตุการณ์จะประจวบเหมาะมากที่จู่ๆ ชายชาวอเมริกันคนหนึ่งได้เข้าไปบ้านพักของนางออง ซานซูจีจี ผู้นำพรรคสันนิบาติแห่งชาติเพื่อประชาธิปไตย (NLD) ในช่วงที่นางจะหมดวาระการถูกกักบริเวณเพียงไม่กี่วัน และหากนางอองซาน ซูจีถูกตัดสินจำคุกก็เท่ากับว่านางและพรรคฝ่ายค้ายนั้นอาจไม่มีโอกาสเข้ามามีส่วนร่วมกับแผน แผนปรองดองแห่งชาติเพื่อประชาธิปไตย (Road Map for Democracy) เป็นแน่แท้ซึ่งเรื่องนี้ชาวโลกต่างให้ความสนใจว่า จริงๆ แล้วพม่ามีความจริงใจที่จะดำเนินการให้เกิดประชาธิปไตยมากน้อยแค่ไหน
สุทธิดา มะลิแก้ว
1   ในระหว่างที่เห็นการนำเสนอข่าวอย่างครึกโครมเรื่องเด็กชายเคอิโงะ ลูกครึ่งญี่ปุ่นที่ออกมาตามหาพ่อ ก็คิดต่อทันทีว่า ไม่นานก็จะมีเด็กแบบเดียวกับเคอิโงะออกกันมาอีกแน่ๆ เพราะรู้ดีว่าเด็กแบบนี้ไม่ได้มีคนเดียวในประเทศไทยและยังคิดต่ออีกว่า หลังจากสื่อสามารถทำเรื่องชีวิตเด็กคนหนึ่งให้ฮือฮาได้แล้ว เรื่องของเด็กคนอื่นก็ไม่น่าสนใจอีกต่อไป แล้วทั้งรัฐและเอกชนที่โหมกระหน่ำความช่วยเหลืออย่างเช่นกรณีเคอิโงะก็จะหายไปด้วย
สุทธิดา มะลิแก้ว
ท่ามกลางเปลวแดดที่แผดเผาจนผิวไหม้เกรียมแทบจะกลายเป็นเนื้อแดดเดียว  แม้จะสี่โมงเย็นแล้วก็ยังไม่มีวี่แววว่าแสงแดดในบ้านเราจะยอมอ่อนแรงลงเลย  ยังคงสาดแสงอย่างเกรี้ยวกราดทำให้คนที่กำลังเดินอยู่นั่นแหละอ่อนแรงลงไปก่อน และแล้วก็ตั้งใจจะเรียกแท๊กซี่ (อีกแล้ว) แต่ก็ต้องยอมทนอีกนิดข้ามสะพานลอยไปเรียกรถอีกฝั่งหนึ่งดีกว่า เพื่อความสะดวกให้กับแท๊กซี่ไม่ต้องกลับรถ
สุทธิดา มะลิแก้ว
ตอนที่ 1 สุข-ทุกข์อยู่บนท้องถนนเห็นจะต้องยอมรับเสียทีว่า ตัวเองนั้นเป็นที่ใช้รถเปลืองมากๆ ส่วนใหญ่ถ้าวันไหนต้องออกจากบ้านก็คงจะใช้อย่างน้อย 2 คันทีเดียว ทั้งหมดนี้ไม่ได้อวดโอ้แต่ประการใด เพียงแต่ว่า พาหนะหลักในการเดินทางของผู้เขียนเวลาที่อยู่กรุงเทพฯ นั้นก็คือแท็กซี่ แม้จะใช้รถไฟฟ้าหรือใต้ดินบ้างก็ยังต้องนั่งแท๊กซี่ไปที่สถานีรถไฟฟ้าหรือใต้ดินอยู่ดี   ตลอดระยะเวลากว่า 10 ปีมานี้จึงได้พบเรื่องราวหลากหลายในระหว่างการนั่งรถแท๊กซี่ และผ่านบทสนทนากับคนขับแท๊กซี่ที่ผู้เขียนได้ใช้บริการไม่ว่าสีไหนก็ตาม (อันนี้หมายถึงสีของรถแท๊กซี่ไม่เกี่ยวกับสีในอุดมการณ์ของคนขับ)…
สุทธิดา มะลิแก้ว
"It's your responsibility" หรือ "คุณนั่นแหละต้องรับผิดชอบ" เป็นคำพูดที่ ดร.สุรินทร์ พิศสุวรรณ เลขาธิการอาเซียนพูดย้ำหลายครั้งต่อหน้าผู้เข้าร่วมประชุมประมาณ 1 พันคนเมื่อบ่ายวันที่ 22 กุมภาพันธ์ ที่ห้องประชุมมหิตลาธิเบศร์ จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย ในเวทีมหกรรมภาคประชาชนอาเซียนครั้งที่ 4 ที่จัดขึ้นระหว่างวันที่ 20 -22 กุมภาพันธ์ที่ผ่านมา  สุรินทร์ พิศสุวรรณ กล่าวย้ำด้วยความภาคภูมิใจถึงการมีกฎบัตรอาเซียน โดยบอกว่าเป็นสิ่งสำคัญที่จะทำให้อาเซียนสามารถก้าวไปข้างหน้า เพราะถือเป็นกฎหมายสูงสุดที่ประเทศสมาชิกจะต้องปฎิบัติตาม การมีกฎบัตรจะทำให้อาเซียนมีฐานะเป็นนิติบุคคล และสิ่งที่ ดร.สุรินทร์…