Skip to main content

ชาวนาชาวไร่ ฟังวิทยุ มากกว่าดูโทรทัศน์ มากกว่าดูหนัง มากกว่าอ่านหนังสือ เพราะการงานในไร่ตั้งแต่เช้าจรดค่ำ ไม่เอื้ออำนวยให้เอาสายตาและเวลาไปใช้อย่างอื่น


เสียงเพลงและ เสียงข่าว จึงดังแว่วมาตามลมตั้งแต่ริมคลองส่งน้ำด้านทิศเหนือไปจนจรดทุ่งนาติดชายป่า ด้านทิศใต้


สมัยนี้วิทยุเครื่องเล็กๆ ใช้ถ่านก้อนเดียว เครื่องละแค่ไม่กี่ร้อย ใครๆ ก็ซื้อได้

ขนาดเจ้าโหน่ง เด็กเลี้ยงวัว ยังห้อยโทรศัพท์มือถือฟังวิทยุได้ ... น่าน! เท่ห์ซะไม่มี


ฟังกันมากที่สุด ก็ต้องเป็นเพลงลูกทุ่งทั้งเก่าทั้งใหม่ รองลงมาก็สตริง ส่วนคนมีอายุก็ชอบฟังข่าว ฟังเทศน์ฟังธรรม


แล้วก็เหมือนๆ กับสื่อชนิดอื่น วิทยุ ก็ต้องมีโฆษณาหรือผู้สนับสนุนเช่นเดียวกัน

...ยาสตรีตราตะพาบน้ำ ช่วยกระชับมดลูก บำรุงเลือด บำรุงผิวพรรณ ใช้แล้วประจำเดือนมาปกติ อารมณ์ดี ผิวพรรณนวลเนียน ใครเห็นใครก็ทัก ชายเห็นชายก็หลง...”

...ปุ๋ยอินทรีย์ตราหมากระโดด เหมาะสำหรับข้าว พืชไร่ พืชสวน ผักทุกชนิด เป็นปุ๋ยเม็ด ใช้หว่าน แตกตัวเร็ว เห็นผลทันตา ข้าวเขียวทันใจ ผลไม้ออกผลทันควัน พืชผักจะโตเร็ว งอกงาม จนท่านต้องร้องว่า อู้หู! ...”

...หลี่ ไป๋ โต๊ะจีน รับจัดโต๊ะจีนทั่วราชอาณาจักร ราคาเจ็ดร้อยถึงสองพันห้าร้อยบาทต่อโต๊ะ เรามีเมนูอาหารให้ท่านเลือกมากกว่าห้าสิบชนิด สะอาด รสชาติไม่เป็นรองใคร ทำเร็ว เสิร์ฟไว ทันใจแขก ประทับใจเจ้าภาพ ต่อให้แขกมากถึงร้อยโต๊ะ เราก็บ่ยั่น...”

ฯลฯ


จะว่าไป โฆษณาวิทยุก็ฟังเพลินๆ ดี ใช้ภาษาชาวบ้าน ตรงไปตรงมา ให้ภาพเกินจริงบ้างเล็กน้อย โฆษณาบางตัวก็จะขายอย่างเดียว บางตัวก็เอาขำเข้าว่า ใครจะรักจะชอบจะเลือกใช้ผลิตภัณฑ์อะไรยี่ห้อไหน ก็แล้วแต่รสนิยมและกำลังทรัพย์


ที่แน่ๆ รายการไหนโฆษณาเยอะซ้ำๆ บ่อยๆ คนฟังก็มักจะหมุนคลื่นไปฟังสถานีอื่น


หลายบริษัท จึงนิยมใช้อีกวิธีหนึ่ง นอกจากการโฆษณาวิทยุ นั่นคือการขายตรง ส่งพนักงานขายเข้าไปประชิดถึงในหมู่บ้าน


แต่ก็อีกนั่นแหละ แต่งตัวดีๆ ใส่เสื้อเชิ้ต กางเกงสแล็ค รองเท้าหนัง ถือแฟ้ม ถือกล่องใส่สินค้า เดินมา ชาวบ้านเห็นแต่ไกลก็รู้ทันที

...มาขายของอีกแล้ว...”


เซลล์แมน ถึงรู้ทั้งรู้ว่า ไม่มีใครชอบ แต่ก็ต้องยิ้มสู้เข้าไว้ ยกมือไหว้ และพูดแนะนำตัวตามสคริปต์

...สวัสดีครับ พี่ครับ ผมมีสินค้าดีๆ มาเสนอครับ พี่พอมีเวลาให้ผมสักห้านาทีมั้ยครับ? ...”


ที่นั่งฟังก็มี ที่ลุกหนีก็มาก แต่เซลล์แมนต้องหน้าหนา มีความอดทนสูง ยิ้มรับต่อทุกสภาวการณ์

ถึงจะเป็นวิธีที่ค่อนข้างโบราณ กระนั้น ก็ยังขายสินค้าได้บ้าง ภาพเซลล์แมนแต่งตัวดีที่เดินตากแดดเปรี้ยงๆ ในหมู่บ้านจึงยังมีให้เห็นอยู่


วิธีที่ยังใช้ได้ผลเสมออีกวิธีหนึ่ง คือขายตรงแบบสร้างเครือข่าย

เซลล์แมนจะเอาสินค้าเข้ามาขายให้ แล้วบอกว่า หากหาคนมาช่วยซื้อสินค้าตัวนี้ได้เท่านั้นเท่านี้คน ก็จะได้เงินคืนเท่านั้นเท่านี้บาท หรือได้ส่วนลดในการซื้อสินค้าเท่านั้นเท่านี้เปอร์เซนต์ แม้จะแตกต่างในรายละเอียด แต่สิ่งที่เหมือนๆ กันก็คือ เอาผลประโยชน์เป็นตัวล่อ


อย่างเช่น ผงซักล้างยี่ห้อ Super Extra Clean Deluxe Royal Number 5 ราคากล่องละ หนึ่งพันเจ็ดร้อยแปดสิบบาท เซลล์แมนโฆษณาว่ามีประสิทธิภาพในการซักล้างสูงมาก ใช้ทำความสะอาดในชีวิตประจำวันได้ทุกงาน ตั้งแต่ซักเสื้อผ้า ไปจนถึงล้างจาน ล้างรถ ล้างห้องน้ำ ล้างครัว ล้างเครื่องมือการเกษตร ฯลฯ กล่องหนึ่งใช้ได้นานถึงสามเดือน


หากใครซื้อสินค้าตัวนี้ ก็จะสามารถสมัครเป็นสมาชิกของบริษัทได้โดยอัตโนมัติ จากนั้นก็ถ้าหากพาเพื่อนมาสมัครเป็นสมาชิก(ด้วยการซื้อสินค้า)อีก ก็จะได้รับเปอร์เซนต์จากการขายอีก คนละแปดร้อยบาททันที


งานนี้มีคนในหมู่บ้าน สมัครเป็นสมาชิกกันยี่สิบกว่าคน แต่ละคนก็หมายมั่นปั้นมือว่าจะไปหาเพื่อนฝูงมาช่วยกันสมัครเป็นสมาชิก


เซลล์แมนรับปากว่า อีก 2-3 วันจะกลับมาใหม่พร้อมกับแบ่งเปอร์เซนต์ให้ ทว่า ผ่านไปสองเดือนแล้ว เซลล์แมนคนนั้นก็หายเงียบไป แถมพอโทรไปที่บริษัท ก็ไม่มีคนรับสาย


ต่อมา มีสินค้าตัวใหม่เข้ามาอีก เป็นปุ๋ยเข้มข้นยี่ห้อ Greatest Life Energy เซลล์แมนโฆษณาว่า ใช้แค่หนึ่งฝาต่อน้ำยี่สิบลิตร รดพืชผักได้ทุกชนิด เพียงแค่แกลลอนละ สองพันห้าร้อยบาทเท่านั้น หากใครซื้อตอนนี้ และไปหาเพื่อนมาซื้อได้อีกห้าคน จะได้เงินคืนทั้งสองพันห้าร้อยบาททันที


งานนี้ มีคนหลงซื้อไปอีกหลายคน แล้วพอจะติดต่อกลับ ก็เข้าอีหรอบเดิม

เซลล์แมนหายสาบสูญ เบอร์โทรที่บริษัท โทรไปกี่ครั้งๆ ก็ไม่เคยติด

น้าเป้า ป้าจัน บ่นเสียดายตังค์อยู่ตั้งหลายวัน


ทุกครั้ง ที่เซลล์แมนประเภทนี้เข้ามา ก็มักจะแนะนำสินค้ากันที่บ้านของของ ลุงใจ เนื่องจากบ้านแกขายเคมีเกษตร แม้จะมีอยู่แค่ไม่กี่อย่างก็ตาม ลุงใจ จะเป็นเจ้าภาพจัดงาน ไปตามคนนั้นคนนี้มาฟัง จัดหาน้ำท่ามาให้ แต่พอเข้าอีหรอบเดิมบ่อยเข้า ก็ไม่ค่อยมีใครอยากไป


“...
ขี้เกียจไปฟัง กลับมาจากไร่เหนื่อยๆ ขอนั่งดูทีวีดีกว่า...” น้าจ่อย ว่า

...ก็ไปช่วยกันหน่อยซี้ แค่ไปฟัง ไม่เหนื่อยอะไรหรอก...” ลุงใจ ขยั้นขยอ


ด้วยความที่ลุงใจเป็นผู้ช่วยผู้ใหญ่บ้าน มีงานอะไรก็มักจะไปช่วย ทำให้ใครๆ เกรงใจแก สุดท้ายก็ต้องไปนั่งฟัง


สินค้ากี่ตัวต่อกี่ตัว ลุงใจเป็นต้องไปตามชาวบ้านมาฟังครั้งละไม่ต่ำกว่าสิบยี่สิบคน แล้วพอไปฟังกันเยอะๆ เข้า ก็ต้องมีคนซื้อสินค้าจนได้


...ข้าละเบื่อลุงใจจริงๆ ไม่อยากไป ก็มาตามได้ทุกที...” น้าจ่อย นั่งบ่นที่ร้านขายลูกชิ้นทอด

เอ็งเบื่อเอ็งก็ไม่ต้องไปสิ” พี่หวี ว่า

...ไม่ไปไม่ได้สิ เขาเป็นน้า...” น้าจ่อย ทำหน้าเซ็ง...พวกมาขายของนี่ก็เหมือนกัน มาบอกว่า ถ้าซื้อแล้วจะได้นั่นได้นี่ ข้าน่ะหมดไปตั้งหลายพันแล้ว ยังไม่เห็นจะได้อะไรเลย...”

...ก็ถือว่าซื้อของใช้ก็แล้วกัน” พี่หวี ปลอบ แต่น้าจ่อย ส่ายหน้า

มันแพงเกินไป ปุ๋ยน้ำแกลลอนละสองพันห้า น้ำยาทำความสะอาดกล่องละพันเจ็ด ข้ายังงงตัวเองอยู่เลยว่าซื้อมาทำไมวะ”

ข้าว่า...” พี่หวี พยายามคิดหาเหตุผล ...ลุงใจนี่ก็แปลกนะ รู้ทั้งรู้ว่า พวกนี้มาทีไรก็เหมือนเดิมทุกทีก็ยังมาตามพวกเอ็งให้ไปฟัง”

ก็นั่นน่ะสิ ข้าก็สงสัยว่าแกจะทำไปทำไม”

แกก็คงได้...” พี่หวีหัวเราะหึๆ

เปอร์เซนต์ !” น้าจ่อย หันมาต่อประโยคให้


นี่ละ...คำตอบเดียวของยุคสมัย

หากไม่ได้เงิน คนก็คงไม่ลวงหลอกคน พี่น้อง ก็คงไม่ลวงหลอกพี่น้อง
เมื่อเอาเงินเข้าล่อ สินค้า จะคุณภาพดีหรือไม่ ก็กลายเป็นเรื่องรอง

ชาวบ้านที่ยังไม่รู้ หรือ คิดฝันถึงผลประโยชน์อย่างที่เขาโฆษณาไว้สวยหรู

ย่อมหนีไม่พ้น ที่จะกลายเป็นเหยื่อ ครั้งแล้วครั้งเล่า


ความโลภ ยังใช้เป็นเครื่องล่อมนุษย์ได้ ทุกยุคทุกสมัย






บล็อกของ ฐาปนา

ฐาปนา
แกชื่อยายอิ่ม ผู้เคยเฉิดฉายในวงสังคม เพราะคัดสรรเฉพาะสามีรวย หนีออกจากบ้านไปมีผัวตั้งแต่อายุสิบสอง ผ่านมาสี่สิบกว่าปี มีผัวมากี่คน คงนับได้ยากเสียแล้ว พอยายอิ่มแก่ตัวลูกก็หนีหาย ต่างคนต่างไป ไม่มีใครเลี้ยง สุดท้าย แกคว้าตาหงอก ผู้(อ้างว่า)เป็นผู้ดีเก่ามาไว้หาเลี้ยงจนได้ สมัยสาวๆ ยายอิ่มได้มรดกจากพ่อแม่ไปเยอะ แต่ขายกินจนหมด แกมีชื่อเสียงมากด้านความคด ในข้องอในกระดูก ถึงขนาดที่ แม้แต่พี่น้องด้วยกันก็ยังโดน จนต้องตัดพี่ตัดน้องกันนั่นแหละ ในที่สุด พอแก่ตัวไม่มีที่จะอยู่ ต้องมาบีบน้ำตาขอที่จากแม่เฒ่า ซึ่งแม่เฒ่าแกก็ค่อยอยากจะให้ เพราะให้ไปมากแล้ว (แต่เอาไปขายกินหมด)…
ฐาปนา
นี่คือตลาดนัดประจำตำบล ที่เปิดมายาวนานหลายสิบปี ในละแวกใกล้เคียง 3-4 ตำบล เป็นที่รู้กันว่า ถ้า “นัดวันอาทิตย์” ก็ต้องมาที่นี่ ในระดับอำเภอ ตลาดนัดวันอาทิตย์ตอนเช้าของที่นี่ น่าจะใหญ่ที่สุด คึกคักที่สุด ลานกว้างพื้นที่หลายไร่ข้างวัด มีพ่อค้าแม่ค้ามาตั้งสินค้ากันตั้งแต่ตีสี่ตีห้า พอเริ่มสว่าง คนก็เริ่มมา หกโมงถึงเจ็ดโมงเช้า เป็นช่วงเวลาที่คนกำลังเยอะ เพราะมีของให้เลือกมาก และแดดยังไม่ร้อน ก่อนที่ตลาดจะเริ่มวายประมาณแปดโมง จอดรถที่ข้างตลาด หรือ ถ้าไม่อยากเบียดเสียดก็ไปจอดในวัด บรรยากาศคึกคักของตลาดเห็นได้แต่ไกล ซอยอาหารทะเลตรงกับทางเข้าด้านที่ตรงมาจากวัด มีคนพลุกพล่านที่สุด…
ฐาปนา
ทุกเช้า ประมาณตีสี่ครึ่ง หอกระจายข่าวกลางหมู่บ้านจะเปิดข่าวเช้า(มืด)จากสถานีวิทยุของจังหวัด เป็นสัญญาณให้ทุกบ้านตื่นนอน เตรียมตัวมาปฏิบัติภารกิจประจำวัน หุงข้าว ทำกับข้าว เตรียมใส่บาตร เตรียมตัวรอขึ้นรถไปโรงเรียน เตรียมตัวรอขึ้นรถไปทำงาน ใครไม่ตื่นก็ต้องตื่น เพราะเสียงดังจนตามเข้าไปถึงในฝัน รายการเช้ามืด เริ่มต้นด้วยเพลงปลุกใจให้ยึดมั่นในสถาบัน แล้วตามด้วยธรรมเสวนา จากเจ้าอาวาสวัดที่เป็นที่รู้จักของคนในจังหวัด ตามด้วยสาระน่ารู้เกี่ยวกับเรื่องการเกษตร การทำมาหากิน โครงการต่างๆ จากรัฐบาล และ การปฏิบัติงานของหน่วยงานในจังหวัด
ฐาปนา
เช้าตรู่ของวันอากาศดีเสียงตามสายประกาศให้สมาชิกสหกรณ์การเกษตร เข้าประชุมโดยพร้อมเพรียงกันตอนบ่ายโมงตรง ณ ศาลาของหมู่บ้านพอบ่ายโมงครึ่ง สมาชิกสหกรณ์ฯ ก็มากันพร้อมหน้าเจ้าหน้าที่สหกรณ์มากันสามคน คนที่ดูอาวุโสกว่าใคร พูดมากกว่าใคร และเรียกเสียงหัวเราะได้มากกว่าใคร เป็นหัวหน้าชาวบ้านที่เข้าร่วมประชุมได้รับกระดาษคนละหนึ่งแผ่น ปากกาคนละหนึ่งด้าม อ่านดู ก็เห็นว่าเป็นแบบฟอร์มสำรวจเรื่อง “ความพอเพียงในครัวเรือน”
ฐาปนา
ที่นี่อยู่ไม่ห่างจากทะเล ป่าและเขาก็อยู่ไม่ไกล มีคลองส่งน้ำจากเขื่อนผ่านพื้นที่อย่างทั่วถึง ทำนาได้ปีละสองครั้ง ด้านป่าบนติดเขื่อน เขาปลูกทุเรียน เงาะ มังคุด ลองกอง ได้ผลที่มีรสชาติไม่น้อยไปกว่าทางภาคใต้หรือทางภาคตะวันออก แต่ชาวบ้านส่วนใหญ่ ถนัดปลูกผัก เพราะเก็บขายได้ตลอดทั้งปี แต่ละวันจะมีรถสิบล้อขนผักผลไม้ วันละหลายสิบคันวิ่งจากตำบลต่างๆ ในอำเภอ มุ่งหน้าสู่กรุงเทพฯ พระประแดง สมุทรปราการ ตลาดไท ตลาดสี่มุมเมือง ฯลฯ พร้อมด้วยผลิตผลทางการเกษตรสารพัดอย่าง ตั้งแต่ของจำเป็นในครัวอย่าง ข่า ตะไคร้ ใบมะกรูด มะนาว พริก หอม กระเทียม ไปจนถึงผักเจ้าประจำบนแผงผักทั้ง กะเพราะ โหระพา สะระแหน่ บวบ…
ฐาปนา
ดั้งเดิม ก่อนที่แต่ละบ้านจะมีเอกสารกรรมสิทธิ์ในบ้านและที่ดินของตัวเอง บ้านส่วนใหญ่ไม่มีสิ่งที่เรียกว่า “รั้ว” อย่างเป็นทางการ เพราะแต่ละบ้านในละแวกก็ล้วนพี่น้อง หรือนับไปนับมาก็ญาติกันทั้งนั้น อาจปลูกต้นไม้เป็นแนวให้บอกได้ว่าเป็นแดนใคร แต่จะถึงขั้นปักเสาขึงลวดหนาม หรือก่อกำแพงล้อมนั้นน้อยราย เพราะถือเป็นเรื่องสิ้นเปลืองเงิน เขตบ้านใครก็บ้านมัน ถึงไม่มีเอกสารสิทธิ์ ถึงไม่มีรั้วรอบขอบชิด ก็ไม่ก้าวก่ายกันอยู่แล้ว เมื่อยุคสมัยเปลี่ยนไป ไม่ใช่เรื่องแปลก ที่ใครคนหนึ่งเกิดอยากทำเอกสารสิทธิ์ที่ดินของตน จากที่เคยชี้นิ้วบอกว่านี่เขตใคร การออกเอกสารสิทธิ์…
ฐาปนา
วัยเยาว์ของเธอ ขณะที่หัวใจครึ่งหนึ่งเปี่ยมด้วยความฝันและความหวัง ทะเยอทะยานปรารถนา แต่หัวใจอีกครึ่งกลับอ่อนไหว บอบช้ำง่าย ทั้งยังอ่อนด้อยต่อโลกแห่งเหตุผล อนาคตเลือนลางอยู่ในความฝันยามหลับ และวนเวียนอยู่ในความคิดยามตื่น เธอร่ำร้องหาบางสิ่งบางอย่างที่เธอไม่อาจบอกได้ มองไม่เห็น ไม่รู้จุดเริ่มต้น ไม่รู้จุดสิ้นสุด พลังสร้างสรรค์ของเธอฟุ้งกระจาย ไร้ทิศทาง เมื่อคำว่า ความพร้อม อยู่ห่างจากความเข้าใจ เธอจึงได้แต่ก่นโทษตนเองอยู่เป็นนิจ เธอร่อนเร่ไปในเมืองของผู้อื่น จากเมืองสู่เมือง แลกความเพียรกับเงินเลี้ยงชีพ ยิ้มแย้มให้คำดูหมิ่นเพื่อจะได้เห็นเกียรติของตนเสื่อมค่าลง
ฐาปนา
(มะพร้าวกะทิ)ตอนอายุสิบขวบ ผมค้นพบว่าโลกนี้มีผลไม้ประหลาดที่เรียกว่า “มะพร้าวกะทิ” เมื่อพ่อซื้อมันมาจากตลาดฟังดูน่าหัวเราะ เหมือนชาวเมืองมาคอนโดค้นพบว่าโลกนี้มีน้ำแข็ง ในนวนิยายมหัศจรรย์เรื่องหนึ่งร้อยปีแห่งความโดดเดี่ยวแต่นี่คือเรื่องจริงในวัยเด็กของผมอาจเป็นเพราะมันไม่ใช่ของที่หาได้ง่ายๆ ในท้องถิ่นที่ผมอยู่ ไม่ใช่ของที่หากินได้ทั่วไป จึงได้มีราคาสูงถึงลูกละ 50 บาท ซึ่งแน่ละ สำหรับยี่สิบปีก่อน ถือว่า แพงมาก แล้วเมื่อแพงขนาดนี้ ก็ย่อมไม่ใช่ของที่จะซื้อกันบ่อยๆผมจำความตื่นเต้นในการเจอหน้าครั้งแรกได้ดี มะพร้าวอะไรกัน มีเนื้อเต็มลูก ไม่แข็งแต่นิ่มๆ หยุ่นๆ รสชาติก็ลื่นๆ มันๆ…
ฐาปนา
แกชื่อยายหอม เป็นคนอำเภอท่ายาง จังหวัดเพชรบุรีแม่ของแกมีเชื้อลาวพวน พ่อของแกเป็นผู้ใหญ่บ้านคนแรกของหมู่บ้าน แต่เดิมแกอยู่ตำบลอื่น แล้วย้ายมาอยู่ที่นี่ แกเป็นคนรุ่นแรกที่มาหักร้างถางพงทำไร่ทำนาหมู่บ้านยุคบุกเบิก มองไปทางไหนก็มีแต่ป่า สัตว์ป่าชุกชุม เข้าป่าเจอเสือ หรือเสือแอบเข้ามากินวัวในหมู่บ้าน เป็นเหตุการณ์ประจำวัน คอกวัวสมัยนั้น ต้องกั้นเป็นฝาจึงพอกันเสือได้ ชาวบ้านกินเนื้อเก้ง เนื้อกวาง เนื้อไก่ป่า บ่อยกว่าเนื้อหมู หนองน้ำเต็มไปด้วยปลาตัวโตๆ ตะพาบตัวเท่ากระด้ง เรื่องผีสางนางไม้อยู่แนบชิดชุมชนมากกว่าเรื่องวัดเรื่องพระแกเคยเล่าให้ฟังว่า สมัยสงครามโลกครั้งที่สอง ตอนนั้นแกยังเป็นสาว…
ฐาปนา
ในวัยหนุ่มสาว ขณะที่จิตใจยังถูกครอบงำด้วยความโรแมนติกเช่นเดียวกับหลายคน ผมฝันถึงบ้านที่มองเห็นภูเขา ฟ้ากว้าง ได้เฝ้ามองหมู่เมฆเคลื่อนคล้อย อาบกายด้วยแสงอัสดงทุกวัน หรือ บ้านที่อยู่ริมทะเล เห็นเส้นขอบฟ้าไร้จุดสิ้นสุด ไกวเปลตามลมเห่ ต้นมะพร้าวโยกเอน นอนฟังเสียงคลื่นกล่อมชั่วกาลทว่าในบริบทของชีวิต ผู้ที่สามารถมีบ้านอย่างที่ฝันมีไม่มากเลย ทั้งเมื่อมีแล้วก็ยังต้องใช้เวลาอีกนับสิบปี กว่าจะแต่งเติมภาพฝันจนเสร็จจริง คนที่ให้ค่ากับความฝันสูงยิ่งทั้งไม่ยอมให้ความยากลำบากในชีวิตจริงมาบั่นทอนเท่านั้น จึงจะมีสิทธิ์ได้รับที่พำนักของหัวใจชั่วชีวิตเงื่อนไขของแต่ละคนไม่เท่ากัน…
ฐาปนา
เสียงจักจั่นกรีดปีกจากป่าเชิงดอย ฝ่าไอแดดร้อนมาถึงเคหะสถานเงียบงัน รถกระบะบรรทุกหนุ่มสาวร่างเปียกปอนยืนล้อมถังน้ำใบใหญ่แล่นผ่านไปหญิงชราถือสายยางเดินออกมาหน้าบ้าน ฉีดน้ำใส่พื้นถนน ไอน้ำระเหยขึ้นเด็กๆ หิ้วถังพลาสติก ขัน ปืนฉีดน้ำ มองสองข้างทางอย่างมีความหวังร้านขายน้ำปั่น น้ำแข็งไส ขายดีจนต้องสั่งน้ำแข็งเพิ่มในช่วงบ่ายเจ้าของโรงทำน้ำแข็ง หน้าบาน แต่ลูกจ้างหน้าเหี่ยว เพราะข้าวสารขึ้นราคาลิตรละหลายบาทแต่ค่าแรงเท่าเดิม    ดวงอาทิตย์กลับมาอยู่ใกล้ชิดโลก เหมือนคนรักที่ได้เจอกันแค่ปีละครั้งมวลอากาศอบอ้าวเข้าเกาะกุมผิว ยึดทุกรูขุมขน เหงื่อเค็มถูกขับซึมเสื้อ เหนอะหนะ…
ฐาปนา
“...ทว่าการเคลื่อนย้ายกระบวนทัศน์ครั้งนี้ต้องอาศัยปัญญามหาศาล ความกล้าหาญมหึมา และความมุ่งมั่นเหลือคณา เพราะความกลัวจะจู่โจมถึงแกนกลางของแนวคิดนี้ และป่าวร้องว่าผิดพลาด ความกลัวจะกัดกินเข้าไปยังแก่นแห่งสัจธรรมล้ำเลิศและแปลงให้เป็นเรื่องเท็จเทียม ความกลัวจะบิดเบือน และทำลาย ฉะนั้นความกลัวจะเป็นศัตรูตัวฉกาจที่สุด ทว่าเธอไม่อาจมีและไม่อาจสร้างสังคมที่ปรารถนาและใฝ่ฝันมาช้านานจนกว่าจะเห็นปัญญาและกระจ่างชัดถึงปรมัตถ์สัจจ์ที่ว่า สิ่งที่เธอทำแก่ผู้อื่นเธอก็ได้ทำแก่ตัวเอง สิ่งที่ไม่ได้ทำให้ผู้อื่น เธอก็ไม่ได้ทำให้ตัวเอง ว่าความเจ็บปวดของผู้อื่น ก็คือความเจ็บปวดของตัวเธอ…