Skip to main content

กฤษฎา ศุภวรรธนะกุล

 

‘วัยหนุ่ม ข้าต้องการมีเพื่อนมากมาย

วัยกลางคน ข้าต้องการมีเพื่อนที่ดี

วัยชรา ข้าเพียงต้องการเป็นเพื่อนที่ดีของใครสักคน’

ประโยคเบื้องต้นหล่นลงบนโต๊ะอาหารมื้อเย็นของครอบครัวข่าว TCIJ เมื่อนานมาแล้ว คนพูดบอกว่ามันเป็นคำพูดของเม่งจื๊อ จอมปราชญ์คนหนึ่งแห่งจีนโบราณ เนื้อคำคงไม่ตรงกันเป๊ะๆ แต่ใจความไม่น่าเพี้ยนไปเท่าไร (หรือถ้าเม่งจื๊อไม่เคยพูด ก็ขออภัยมา ณ ที่นี้ ผมจำเขามาอีกที)

มันกลายเป็นประโยคที่ผมชื่นชอบโดยพลัน พร้อมกับคิดฟุ้งไปไกลว่า ไม่เก๋าจริงคงพูดประโยคแบบนี้ไม่ได้ วิธีการเลือกเฟ้นและทำความเข้าใจสิ่งนามธรรมอย่างมิตรภาพ จำเป็นต้องใช้ต้นทุนด้านเวลา ชีวิต และหลายกรณียังต้องการบาดแผลประกอบบทเรียน ถ้อยคำ 3 ประโยคของเม่งจื๊อจึงช่วยสกัดผลึกจากวันวัยของเขาออกมาและช่วยประหยัดเวลาคนรุ่นหลังให้ไม่ต้องลองผิดลองถูกกันไปในความมืด

และวิธีการมีเพื่อนและเป็นเพื่อน 3 แบบข้างต้น ย่อมมีผลต่อวิธีการใช้ชีวิตชนิดเลี่ยงไม่ได้

...............

ผมมักเปรียบเทียบความสัมพันธ์ระหว่างผู้คนเหมือนระบบสุริยะ โดยมีตัวเราเป็นดาวฤกษ์อยู่ใจกลาง แล้วผู้คนต่างๆ ก็ผลัดเปลี่ยนหมุนเวียนเข้าสู่วงโคจรของระบบสุริยะของเราด้วยแรงดึงดูดอันลี้ลับ ดาวจำนวนหนึ่งกลายเป็นดาวเคราะห์หมุนวนอยู่รอบดาวฤกษ์ ไม่จากไปไหน ต่างจัดระยะห่างกันไปตามความเข้มข้นของแรงดึงดูด บางครั้งเหมือนไกลห่าง แต่แรงดึงดูดไม่จางลง

มากกว่ามากเป็นประเภทดาวหาง พุ่งผ่านมาตามเส้นทางชีวิตที่ต้องพานพบ บ้างทอประกายแก่กันและกัน บ้างเกื้อหนุนกันและกัน บ้างชิงชังกันและกัน บ้างเสาะหาประโยชน์จากกันและกัน ก่อนจะค่อยๆ ห่างหายไปตามเวลาและวิถีโคจรของแต่ละคน ฟูมฟายไปก็เท่านั้น เพราะเราต้องไม่ลืมด้วยว่า คนแต่ละคนล้วนมีระบบสุริยะของตนเองกันทั้งสิ้น

ผมเชื่อว่า บั้นปลายแล้ว โลกทัศน์และชีวทัศน์ของเรา (หรือบางทีอาจมีชะตากรรมเข้ามาเกี่ยวข้องด้วย) จะเป็นผู้จัดวางความสัมพันธ์และสร้างแรงดึงดูดกับคนรอบข้างโดยตัวมันเอง

...............

ในเวลาของเม่งจื๊อ การพบปะผู้คนมากมายเพื่อคบหาเป็นมิตรสหายมีข้อจำกัดต่างกับยุคสมัยของเรามาก เราสามารถมีเพื่อนได้นับพันคนผ่านเฟซบุ๊ค-อย่างน้อยก็ตามตัวอักษร ‘Friends’ จนมีอยู่ช่วงหนึ่งที่ผมตกใจและกังขาว่าคนเราสามารถมีเพื่อนได้มากมายเพียงนั้นเชียวหรือ?

แต่ความไร้เดียงสานั้นก็ค่อยๆ บรรเทาเบาบางลง เมื่อค่อยๆ ตระหนักว่า เฟซบุ๊คอาจทำให้ใครๆ มีเพื่อนได้เป็นร้อยพัน แต่เทคโนโลยียังไม่เก่งกาจและละเอียดอ่อนพอจะเข้าใจความสัมพันธ์ของผู้คน ถึงที่สุดแล้ว ก็เป็นหน้าที่ของมนุษย์เองว่าจะจัดวางผู้คนในเฟสบุ๊คไว้ ณ ตำแหน่งแห่งหนใดในโลกของความเป็นจริง

อีกทั้งมนุษย์ก็มีสิทธิขีดเขียนความหมายของมิตรภาพได้หลากหลาย มันไม่จำเป็นต้องโรแมนติกแบบคุณธรรมน้ำมิตรเช่นในนิยายจีนกำลังภายใน ซึ่งดูจะเป็นมิตรภาพในแบบความเป็นชายเสียมากกว่า ขณะที่มิตรภาพของเด็ก คนชรา คนพิการ เกย์ ผู้ชายข้ามเพศ นักบวช ฯลฯ อาจหลากหลายรูปแบบมากกว่านั้น

...............

การเกิดขึ้นของเทคโนโลยีโซเชียล มิเดีย และสภาพแวดล้อมทางเศรษฐกิจ การเมือง สังคม วัฒนธรรมที่ผันเปลี่ยนไป ไม่มากก็น้อย มันทำให้ความหมายของ ‘เพื่อน’ ‘เพื่อนที่ดี’ และ ‘การเป็นเพื่อนที่ดี’ แตกต่างไปจากอดีต

พูดก็พูดเถอะ ยุคสมัยที่การมีอยู่ของตัวตนของเราต้องพึ่งพาผู้อื่นมากกว่าตัวเราเอง เพื่อน เพื่อนที่ดี และการเป็นเพื่อนที่ดียังหมายถึงการกดไลค์ให้แก่กัน โดยไม่จำเป็นต้องรู้เนื้อหาของสิ่งที่ไลค์

พูดก็พูดเถอะ ยุคสมัยที่การมีเพื่อนถูกเรียกขานในอีกชื่อหนึ่งว่า คอนเน็กชั่น เพื่อน เพื่อนที่ดี และการเป็นเพื่อนที่ดียังหมายถึงการนำมาซึ่งประโยชน์โภชน์ผล วันใดที่หมดประโยชน์ ก็มักถูกเฉือดเฉือนทิ่มแทงจากข้างหลังจนเลือดอาบ

พูดก็พูดเถอะ ยุคสมัยอันเปราะบางทางอารมณ์และความเชื่อเช่นนี้ เพื่อน เพื่อนที่ดี และการเป็นเพื่อนที่ดียังหมายถึงการต้องเชื่อเหมือนๆ กันในชุดคุณค่าอะไรบางอย่าง ถ้าผิดจากนี้ ต่อให้มิตรภาพที่สร้างสมมาจะยาวนานเพียงใด มันจะล้มหายตายจากอย่างเฉียบพลัน และเพื่อนก็กลายเป็นปีศาจชั่วร้ายน่าขยะแขยงได้

...........

ผมไม่มีสิทธิ์และไม่กลั่นกล้าเพียงพอจะบอกได้ว่า เพื่อน เพื่อนที่ดี และการเป็นเพื่อนที่ดี ควรเป็นอย่างไร แต่ก็มีความเชื่อส่วนตัวเล็กๆ ว่า มันมีแก่นสารบางอย่างร่วมกันและน่าจะเปลี่ยนแปลงไม่มากนัก แม้จะถูกกระทบกระทั่งจากยุคสมัย

มิตรภาพในสามช่วงเวลาของเม่งจื๊อต่างเรียกร้องบางสิ่งบางอย่างจากอีกฝ่าย เพียงแต่มิตรภาพในแบบที่สามอาจเรียกร้องเอาจากตัวเราเองมากกว่า อย่างไรก็ตาม ถ้าการเป็นเพื่อนที่ดีหมายถึงการกดไลค์ให้กันเยอะๆ การคาดหวังผลประโยชน์ การคิดและเชื่อเหมือนกัน ชื่นชมคนที่เพื่อนชื่นชม ชิงชังคนที่เพื่อนชิงชัง โดยไม่ต้องถามไถ่สาเหตุหรือสงวนพื้นที่บางส่วนของเราไว้เลย ผมเดาว่าไม่น่าจะใช่การเป็นเพื่อนที่ดีในความหมายของเม่งจื๊อ

แต่ถึงที่สุดแล้ว เราก็ทำอะไรไม่ได้หรอกครับ คนจะเกลียดกัน รักกัน นินทาว่าร้ายกัน มันก็เรื่องของเขา

ใครหลายๆ คนอาจไม่ได้มองเราเป็นเพื่อน ใครบางคนก็ไม่ได้มองเราเป็นเพื่อนที่ดี ทว่า สิ่งที่เราพอจะเหนี่ยวรั้งไว้ได้มากที่สุดคือการพยายามเป็นเพื่อนที่ดีของใครสักคน...แค่คนเดียวก็น่าจะพอ

บล็อกของ กฤษฎา ศุภวรรธนะกุล

กฤษฎา ศุภวรรธนะกุล
ขณะที่เขียนอยู่นี้ #ประเทศกูมี มียอดวิวเกือบ 7 ล้านแล้ว ผมนี่ฟังหลายรอบมาก พร้อมโยกเยกไปตามจังหวะและซึมซับเนื้อหาเข้าไปในหัวใจ
กฤษฎา ศุภวรรธนะกุล
ตั้งแต่วัยรุ่นที่พอจะรับรู้ความเป็นไปของสังคมบ้าง ผมพบเจอ ‘วิธีคิด’ ในการใช้ชีวิตประมาณห้าหกชนิด ตั้งแต่สโลว์ไลฟ์ สโลว์ฟู้ด การกลับไปใช้ชีวิตเป็นชาวนา มินิมัลลิสม์ ฮุกกะ และล่าสุดที่ออกมาไล่เรี่ยกันคือลุกกะและอิคิไก แล้วยังมีการเผยแพร่ลัทธิความฝันแบบเข้มข้นของสื่อมวลชน สินค้า บริการ จนถึงโค้ช นัก
กฤษฎา ศุภวรรธนะกุล
 กฤษฎา ศุภวรรธนะกุล 
กฤษฎา ศุภวรรธนะกุล
กฤษฎา ศุภวรรธนะกุล วันนี้มีเหตุให้ไปร่วมวงแลกเปลี่ยน ถกเถียง ประเด็นการไม่นับถือศาสนา มีหลายบทสนทนาที่น่าสนใจเลยคิดว่าน่าจะนำมาแบ่งปันและถกเถียงกันต่อ
กฤษฎา ศุภวรรธนะกุล
กฤษฎา ศุภวรรธนะกุลในหนังสือ 'SUM 40 เรื่องเล่าหลังความตาย' ของ David Eagleman มีอยู่ตอนหนึ่งกล่าวถึงสรวงสวรรค์ที่ดวงวิญญาณของบุคคลผู้มีชื่อเสียงในประวัติศาสตร์ยังคงว่ายเวียนอยู่บนสรวงสวรรค์แห่งนั้น
กฤษฎา ศุภวรรธนะกุล
กฤษฎา ศุภวรรธนะกุล รับงานเลี้ยงชีพชิ้นเล็กๆ มาชิ้นหนึ่ง เนื้องานคือการสัมภาษณ์เรื่องราวชีวิตบุคคล นำมาร้อยเรียงบอกกล่าวสู่คนอ่าน ปรากฏว่าบทสนทนาที่ดำเนินไป ชักพาให้เกิดความคิดคำนึงอันหลากหลาย ณ ส่วนใดส่วนหนึ่งของสมองและหัวใจ
กฤษฎา ศุภวรรธนะกุล
กฤษฎา ศุภวรรธนะกุล ‘วัยหนุ่ม ข้าต้องการมีเพื่อนมากมายวัยกลางคน ข้าต้องการมีเพื่อนที่ดีวัยชรา ข้าเพียงต้องการเป็นเพื่อนที่ดีของใครสักคน’
กฤษฎา ศุภวรรธนะกุล
 กฤษฎา ศุภวรรธนะกุล"ถึงผมจะไม่เห็นด้วยกับสิ่งที่คุณพูด แต่ผมจะปกป้องสิทธิในการพูดของคุณด้วยชีวิต" วอลแตร์“จินตนาการสำคัญกว่าความรู้” อัลเบิร์ต ไอสไตน์
กฤษฎา ศุภวรรธนะกุล
กฤษฎา ศุภวรรธนะกุล TCIJเป็นอีกครั้งที่วัดธรรมกายออกมาธุดงค์กลางนคร แล้วก็ถูกสวดยับไปตามระเบียบ ซึ่งคงห้ามปรามกันไม่ได้
กฤษฎา ศุภวรรธนะกุล
 กฤษฎา ศุภวรรธนะกุลพนักงานบริการหญิงหรือ Sex Worker นางหนึ่งเดินจับจ่ายซื้อหากับชาวต่างประเทศ เธอพูดกับลูกค้าของเธอว่าI shop. You pay.
กฤษฎา ศุภวรรธนะกุล
กฤษฎา ศุภวรรธนะกุล TCIJมนุษย์ล้วนตั้งจุดหมายปลายทางของตนเองและพยายามฟันฝ่าไปให้ถึง โดยส่วนใหญ่ล้มลุกคลุกคลาน บ้างล้มแรงเสียจนไร้แรงยืนอีกครั้ง เป็นสัดส่วนน้อยกว่ามากที่ถึงจุดหมายปลายทาง นี่คงเป็นเหตุผลทำให้ ‘ความฝัน’ เป็นสิ่งสูงค่าในสายตามนุษย์ยุคปัจจุบัน
กฤษฎา ศุภวรรธนะกุล
กฤษฎา ศุภวรรธนะกุล TCIJ