ขณะที่เขียนอยู่นี้ #ประเทศกูมี มียอดวิวเกือบ 7 ล้านแล้ว ผมนี่ฟังหลายรอบมาก พร้อมโยกเยกไปตามจังหวะและซึมซับเนื้อหาเข้าไปในหัวใจ
พอดีมีโอกาสเข้าไปอยู่ในวงสนทนาที่ถกเถียงกันว่า เนื้อหาในเพลงผิดกฎหมายหรือไม่ ผิดข้อเท็จจริงหรือไม่ ปืนที่ใช้ยิงเสือดำเป็นไรเฟิลหรือลูกซอง ตุลาการมีบ้านพักบนอุทยานหรือที่ราชพัสดุ ไม่ได้พูดชื่อประเทศจะฟ้องได้หรือเปล่า คนแชร์จะติดตะรางหรือไม่
ให้ตายเถอะ ผมไม่เข้าใจว่าจะเถียงเรื่องข้อเท็จจริงเหล่านี้ไปเพื่ออะไร?
เอาล่ะ มันอาจเป็นการแสดงความเป็นห่วงบ่วงใยกลุ่มศิลปิน RAP AGAINST DICTATORSHIP ไม่ต้องการเห็นกลุ่มศิลปินนี้ต้องโดนเล่นงานด้วยกฎหมายและอำนาจรัฐบาลทหาร แต่ผมว่ามันเท่ากับเรากำลังตกร่องที่รัฐขุดหลุมไว้ ผมไม่สนใจว่าผิดหรือถูกกฎหมาย ดังนั้น การพยายามหาข้อเท็จจริงหรือจับผิดเนื้อเพลงจึงเป็นความเบาหวิวเหลือทนของรัฐบาลทหาร
ผมคิดว่าสิ่งที่เราต้องจับให้ดีและยึดให้มั่นคือเสรีภาพในการแสดงออก และในกรณีนี้คือเสรีภาพในการแสดงออกผ่านงานศิลปะ
คนที่เคยดูหนังเรื่อง V for Vendetta น่าจะจำคำพูดของ V ได้---นักการเมือง (ผมนับรวมทหารที่ยึดอำนาจเข้าไปด้วย เพราะพวกเขาก็คือนักการเมือง) ใช้คำโกหกเพื่อปกปิดความจริง ศิลปินใช้คำโกหกเพื่อเปิดเผยความจริง
เราต่างรู้ว่า พ.ร.บ.คอมพิวเตอร์คือเครื่องมือปิดปากประชาชนของรัฐ พ.ต.อ.ศิริวัฒน์ ดีพอ ผกก.กก.3 บก.ปอท. ในฐานะรองโฆษกกองบังคับการปราบปรามการกระทำความผิดเกี่ยวกับอาชญากรรมทางเทคโนโลยี (บก.ปอท.) บอกว่าเพลงนี้อาจผิดมาตรา 14(2) และสำหรับผู้ที่แชร์ก็จะมีความผิดตามมาตรา 14 (5) มีอัตราโทษเช่นเดียวกันกับผู้โพสต์คือจำคุก 5 ปี ปรับไม่เกิน 100,000 บาท
เพลงนี้ส่งผลต่อความมั่นคงของประเทศและการลงทุน ถ้าประเทศแห่งหนึ่งจะสั่นคลอนและการลงทุนจะสั่นสะเทือนจากเพลงแร็ปเพลงเดียว นั่นแสดงว่าประเทศนั้นต้องเปราะบางมากๆ หรือไม่มันก็โงนเงนจนจวนเจียนจะพังครืนอยู่แล้วล่ะครับ ไม่ต้องรอให้ใครแต่งเพลงหรอก
การเถียงว่าอะไรจริง ไม่จริงในเพลง ในทางหนึ่งมันคือการยอมรับกฎหมายปิดปาก ยอมรับว่ารัฐบาลทหารมีสิทธิใช้อำนาจพร่ำเพรื่อ และมันแสดงออกถึงความหวาดกลัวที่จุกปากเราไม่ให้พูด ลองนึกถึงเพลงเพื่อชีวิตสิครับ มหาลัยมหาหลอก, แม่สาย, ไถ่เธอคืนมา หรืออยู่กับยาย จะคิดว่าจริงหรือไม่จริงนั่นเป็นสิทธิส่วนบุคคล แต่มันคือการใช้ศิลปะเพื่อบอกเล่าเรื่องราวตามที่ศิลปินตีความจากประสบการณ์ที่ตนเห็นในสังคม
ผมไม่ได้กล้าหาญอะไรหรอก กลัวเหมือนๆ กับทุกคนที่อาจโดนรัฐบาลที่ไม่ชอบธรรม ใช้อำนาจที่ไม่ชอบธรรมเล่นงาน แต่เราก็รู้ๆ กันอยู่ ถ้ารัฐบาลทหารจะจัดการใคร สุดท้ายก็ตั้งข้อหาฟ้องจนได้นั่นแหละ ผมเองก็เป็นคนหนึ่งที่แชร์เพลงนี้เพราะชอบท่วงทำนองและเนื้อหา การชอบเพลงเพลงหนึ่งแล้วแชร์มีโทษจำคุก 5 ปีและปรับ 100,000 บาทเชียวหรือ ผมคงมีเพื่อนร่วมคดีนับแสนคนทีเดียว
คนที่ชอบก็ชอบไป คนที่ไม่ชอบก็ด่าให้สาแก่ใจหรือแต่งเพลง เขียนบทกวีมาตอบโต้ แต่ไม่ใช่หน้าที่ของรัฐบาลนี้หรือรัฐบาลไหนๆ จะปิดปากคนไม่ให้พูดในสิ่งที่คิดและเชื่อ
ผมคิดว่ากลุ่มศิลปินคงรับรู้ความเสี่ยงในระดับหนึ่งแล้วก่อนจะตัดสินใจเผยแพร่ผลงาน อย่าไปหาข้อเท็จจริงหรือจับผิดเนื้อเพลงเลย มันการคือรวบตึงความคิดของศิลปินออกมาเป็นเพลง ไม่ใช่เลคเชอร์ประวัติศาสตร์ การเมือง หรือสังคม
ไม่อย่างนั้นเราอาจกลายเป็นส่วนหนึ่งของแขนงกิ่งให้กับกฎหมายและอำนาจที่ไม่ชอบธรรม
เราต้องยืนยันเสรีภาพในการแสดงออก
เพราะมันคือสิ่งที่รัฐบาลที่ไม่ชอบธรรมหวาดกลัว