วาดวลี
“บ้านพอมีที่เหลือว่างไหม” คนถามฉันเป็นชายหนุ่ม ที่นับนามว่าเป็น “เพื่อน” กัน มาได้ 4 ปีแล้ว ความจริง เขาเป็นเพื่อนของเพื่อน เมื่อรู้จักกันได้นับปี ก็ตัดสินใจได้ว่าเขาน่าจะเป็น “คนดี” พอในแบบที่ร้องขออะไร แล้วเราไม่กล้าที่จะไม่ให้ หากไม่ใช่เรื่องคอขาดบาดตาย หรือลำบากใจกันจริงๆ มาครั้งนี้ บนถ้อยคำอาวรณ์ น้ำเสียงเขาหม่นเศร้า แววตาก็หม่นเศร้า เกิดอะไรขึ้นกับเขาหรือ เช้าวันอาทิตย์ที่แสงแดดสายสาดส่องให้อบอุ่น บนฟ้ามีก้อนเมฆปุกปุยสีขาว ไหลไปมาบนพื้นสีคราม สวยยิ่งกว่าสวย แต่เขาคนนี้มีแววเหมือนคนที่เพิ่งผ่านการร้องไห้มา
กฤนกรรณ สุวรรณกาญจน์
รถไฟจะออกจากฮานอยไปซาปา สองทุ่มตรง ลงสถานีเลาไคและต่อรถตู้ อีกครึ่งวัน เรายังย่ำต็อกอยู่ในฮานอย รอเวลา จึงหอบผ้าหอบผ่อนไปจองแบมบู เกสเฮ้าส์ เอาไว้สำหรับวันที่จะกลับมา ตามแผน เราจะอยู่ที่ซาปา 2 คืน 3 วัน แล้วกลับมาฮานอย จองทัวร์ไปอ่าวฮาลอง อีก 2 คืน 3 วัน ถึงจะกลับมาพักที่ฮานอย 2 คืน ก่อนจะกลับบ้าน จองห้องที่แบมบู เกสเฮ้าส์ เอาไว้กันเหนียว ฮานอย 18.00 น. ก็เหมือนกับกรุงเทพฯ ในช่วงเวลาเร่งด่วน รถติดและคนกลับบ้าน เราอยากมั่นใจว่าจะไม่ตกรถไฟ จึงติดต่อให้ทางแบมบูจัดหารถแท็กซี่ไปส่ง ที่การันตีว่า ไม่มีชาร์ต จากคำบอกเล่าของเราที่เจอกับรถแท็กซี่ ออน ทัวร์ วนรอบเมืองในเช้าวันเดียวกัน
กฤนกรรณ สุวรรณกาญจน์
ผ่านไปครึ่งทริปส์ จากกรุงเทพฯถึงเวียดนามภาคกลาง เว้ ดานังและโฮยอาน กับการเดินทางในฐานะแบ็กแพ็คเกอร์ เรากำลังวางแผนขึ้นเหนือ ฮานอย ซาปา และหมู่เกาะกั๊ตบาในอ่าวฮาลอง ก่อนจะจบทริปส์แล้วบินกลับเมืองไทย จากสนามบินนอยไบ ในฮานอย ...
วาดวลี
๑. จะมี อะไรบ้าง ยั่งยืน ? กลางวัน กลางคืน แดด ฝน ลม หนาว มนุษย์ สมมุติ ชั่วคราว ว่าเรา ครอบครอง เพื่อ "ของเรา" ๒. ไยแย่งโอบกอดอนาคต แล้วเอ่ยกล่าวโทษวันเก่า ไยถก ไยเถียง เรื่องเงา ที่ลาลับ ล่วงกับ ดวงตะวัน
ก.ศ.
ควักไส้หนีบไม้ปิ้ง สดจริงๆ ยิ่งย่างหอมเครื่องในล้างให้พร้อม บางตัวไข่อยู่ในพุงไม้นี้ยี่สิบบาท ตัวขาขาดแถมในถุงอย่าต่อเลยน้อลุง นี่กบทุ่งจับจากนาหายากและหาเย็น กว่าจะเป็นอาหารมาแต่เช้านั่งเข่าล้า ขาเป็นเหน็บเจ็บส้นตีนหมดนี้มีแปดไม้ กินไม่ได้ไม่ต้องวีนฝรั่งยังไทยจีน กินต่างกันมันทำไมไม่กินอย่ารังเกียจ กระฟัดเฟียด “กินได้ไง!”ไปเลย ลุงรีบไป ชักหมั่นไส้คนควงมากบ กบ เจ้าข้าเอ๊ย รีบซื้อเลยตามราคาเลือดตกอกฉี่ฉ่า พล่าแกงยำน้ำลายกระเซ็นฯ
กฤนกรรณ สุวรรณกาญจน์
เราปั่นจักรยานไปเจอสตีฟที่ เดอ สลีฟปี้ เกกโก ยามเช้าในโฮยอาน เหมือนกับยามเช้าในเว้ของเวียดนามวุ่นวายด้วยเสียงบีบแตรและการค้าจากโรงแรมถึงตลาดปลาและร้านขายรองเท้า ร้านขายรูปวาดและร้านขายหมวก รวมถึง เสื้อยืดที่มีดวงดาวสีเหลืองตรงหน้าอก มีให้ได้ซื้อหาเป็นของฝากสำหรับนักท่องเที่ยวสตีฟเป็นชาวอังกฤษ จากยอร์กเชียร์ เขาออกจากบ้านเกิดมาตั้งแต่วัย 24 ปีและอยู่ในเวียดนามเข้าปีที่ 40 เปิดเกกโก บาร์พร้อมกับเป็นไกด์นำนักท่องเที่ยวทัวร์โฮยอานนอกจาก บ้านหลังเก่าในโอลด์ ทาวน์ และบรรยากาศล่องเรือชมแม่น้ำเขาแนะนำว่า ชนบทโฮยอานไม่อะไรให้ดูมาก
วาดวลี
เชียงใหม่ในวันที่ฝนซา เพื่อนที่แวะมาเยี่ยมต่อสายบอกว่ากลับถึงบางกอกเรียบร้อยดีแล้ว เสียงอึกทึกครึกโครมที่รายล้อมตัวเธอบอกฉันว่า เธอไม่ได้อยู่ลำพังขณะคุยโทรศัพท์ ฉันแซวเธอเล่นๆ ว่ากำลังอยู่ในถิ่นอโคจรหรือเปล่านะ ก็เราคุยกันแทบจะไม่ได้ยินอะไรนอกจากเสียงเพลง เสียงรถ และเสียงคนมากมายเธอหัวเราะชอบใจ แล้วตอบว่า "ใช่ ฉันอยู่ในถิ่นอะโคจร" แล้วย้อนสวนมาว่า"ก็ดีกว่าอยู่ในแดนสนธยาเหมือนเธอ"ดอกหญ้าในสวนหลังบ้าน รกร้าง แต่ก็สวยงามในความรู้สึก
ก.ศ.
คุณป้าสองคนนี้ทำให้ฉันคิดถึงแม่ เมื่อตอนเด็กๆ ในฤดูร้อน แม่มักจะแต่งตัวมิดชิดประมาณนี้ ประกอบไปด้วยหมวก เสื้อแขนยาว ผ้าถุงกรอมเท้า หิ้วถุงพะรุงพะรังเพื่อปั่นจักรยานไปซื้อของในเวียง บ้านเราเรียกตัวอำเภอว่า “เวียง” เรียกคนในอำเภอว่า “คนเวียง” และเรียกตัวเองว่า “คนบ้านไกล” สมัยนั้น ระยะทางสัก 5 กิโลเมตร ให้ความรู้สึกว่าไกลสัก 50 กิโลเมตร เพราะเราต้องใช้เวลาเกือบครึ่งชั่วโมงกว่าจะปั่นไปถึง ก่อนไป ต้องใช้เวลาอีกค่อนชั่วโมงในการตัดเล็บ หวีผม ทาแป้ง แต่งตัว ฯลฯ แหม เป็นธรรมดาของการไปช็อปปิ้งนิ :-) วันไปเที่ยวตลาดนัดสันป่าตอง ฉันเห็นคุณป้าสองคนนี้หิ้วของกัน พลางปรึกษาหารือ มองทางนู้นทางนี้ ฯลฯ แต่ดูจากลักษณะไม่รู้ว่าเพิ่งมาถึงหรือกำลังจะกลับบ้านแล้ว การไปซื้อข้าวของของคนไกลบ้าน มักจะด้วยเหตุผลของการไปซื้อหาสิ่ง “ใช้สอย” หรือของ “จำเป็น” ในการดำรงชีวิต ในช่วงวัยรุ่น ฉันเคยขบคิดหัวแทบแตก หาความแตกต่างของคำว่า “การดำเนินชีวิต” กับ “การดำรงชีวิต” ยิ่งเวลาจ่ายเงินซื้ออะไรแต่ละอย่าง มักจะถามตัวเองเสมอว่า “มันจำเป็นต้องซื้อแค่ไหน” (ทำเองได้เปล่าว้า) ทุกวันนี้ เรามีซูเปอร์มาเก็ตและศูนย์สินค้ามากมายใกล้บ้าน แต่ละห้างมีแอร์เย็นฉ่ำ แต่งตัวยังไงก็ได้ จะซื้ออะไรก็ได้ ขอแค่มีเงินเท่านั้น แต่ฉันก็ยังชอบถามตัวเองอยู่ว่า “มันจำเป็นต้องซื้อแค่ไหน” (ทำเองได้เปล่าว้า) สงสัยจะยังเป็นคนบ้านไกล (รึเปล่าว้า)
กฤนกรรณ สุวรรณกาญจน์
สถานีรถไฟดานังติดแอร์คอนดิชันเย็นฉ่ำแดดร้อน ดานังเป็นเมืองท่าทางเศรษฐกิจพร้อมท่าเรือขนาดใหญ่ ยาดาเดินแหวกผู้คนออกมาทางตามชานชาลา ช่วงนั้นเป็นเวลาเที่ยงวัน เจ้าหน้าที่หยุดพักผ่อน ประตูใหญ่จากชานชาลาปิด เราแทรกตัวออกมาตามบานพับของประตูเหล็กชนิดยืดได้หดได้บริเวณก่าดานังเต็มไปด้วยรถแท็กซี่และมอเตอร์ไบค์(รับจ้าง) แท็กซี่มิเตอร์ที่เวียดนามมี 2 แบบ คือ แท็กซี่ของรัฐและแท็กซี่อิสระ สังเกตุได้จากสภาพรถและบุคลิกภาพของคนขับรถ ทันทีที่เห็นนักท่องเที่ยวอย่างเราออกมา (อย่างไม่รู้ว่าจะเริ่มไปไหนอย่างไรดี) แท็กซี่กลุ่มใหญ่ก็กรูกันเข้ามาสอบถามและเสนอราคาอย่างไม่ปรานีปราศรัย
โอ ไม้จัตวา
หลวงน้ำทา เป็นเมืองเล็ก ๆ ตั้งอยู่ทางตอนเหนือของประเทศลาว อยู่ในเขตแขวงบ่อแก้ว มีพื้นที่ติดประเทศจีน ผู้คนพูดภาษาลาว มีหน้าตายิ้มแย้มแจ่มใสและเป็นมิตร ฉันรู้สึกสบายใจเมื่อออกจากแผ่นดินไทยมาได้ ทิวทัศน์สองข้างทางมีทัศนียภาพที่อาจไม่แปลกตา แต่ก็ให้ความรู้สึกแปลกถิ่นทำให้ลืมความวุ่นวายในชีวิต และบ้านเมืองเราไปได้ โดยเฉพาะแววตาและรอยยิ้มอันบริสุทธิ์ของผู้คนนั้น ราวกับเป็นสิ่งชำระล้างความยุ่งเหยิงของเชือกที่พันอยู่ในหัวใจ คลายมันออก จนกลายเป็นหัวใจที่ว่างเปล่า คุยกับพี่ที่ไปด้วยกันว่าเราย้ายมาอยู่ลาวกันไหม ทำไมเรารู้สึกมีความสุขแบบนี้ เป็นความโล่ง แม้ว่าจะมีข่าวสารส่งมาทาง sms บ้าง เพราะโลกวันนี้ระยะทางไม่เป็นอุปสรรคต่อการสื่อสารอีกต่อไป ฉันซื้อเบอร์โทรศัพท์อีกเบอร์หนึ่งมาใช้ เพื่อจำกัดเบอร์โทรเข้า เนื่องจากค่ารับสายนาทีละ 33 บาท มีเศษอีกนิดหน่อย miss call ก็ถือว่าเป็นการรับสาย มนุษย์ผู้ประสานสิบทิศอย่างข้อยคงต้องจ่ายเงินอื้อหากยังใช้หมายเลขเดิม น้องผู้เดินทางไปต่างประเทศบ่อย แนะนำให้ใช้วิธีนี้ คือซื้อเบอร์ใหม่แล้วบอกแต่คนที่จำเป็นต้องบอกเท่านั้น เผื่อมีเรื่องฉุกเฉิน ค่าโทรกลับเมืองไทยนาทีละ 24 บาท ส่ง sms ครั้งละ 12 บาท (อันนี้ Dtac เจ้า) ส่วนระบบ One 2 Call นั้น รับ sms ได้อย่างเดียว True ก็ใช้ได้เช่นกัน
ก.ศ.
ฉันชอบภาพเตาอั้งโล่สองตัวนี้มาก ประสาคนช่างจินตนาการ ฉันเห็นมันเป็นเพื่อนชีวิตคู่หนึ่งที่อยู่กันมานานยาวอาจเป็นชายกับหญิง หญิงกับหญิง หรือชายกับชาย นั่นไม่ใช่ประเด็นแต่เป็นการผ่านร้อน ผ่านไฟ ผ่านหนาวด้วยในบางฤดู ดีไม่ดีคงผ่านฝน ผ่านมือคนหลายมืออยู่นี่เป็นเตาที่ใช้ได้ทั้งไม้ฟืนและถ่านตอนเด็กๆ ที่บ้านเราก็เคยใช้เตาแบบนี้ ทุกเช้า แม่จะเริ่มต้นใช้มันด้วยการนึ่งข้าว แกงผัก ปิ้งเนื้อ ในช่องเล็กๆ ที่เป็นจุดกักขี้เถ้า บางวันก็จะมีห่อใบตองยัดเข้าไปเราใส่อะไรได้ตั้งเยอะแน่ะ ในห่อใบตอง แหนมหมูทำเอง, ปลาร้าทำเอง, พริกกับหอมกระเทียม, มะเขือเทศลูกเล็กๆ ฯลฯ อาหารจากช่องขี้เถ้านี้มักจะมีกลิ่นหอมเป็นพิเศษ เวลาใช้ไม้เขี่ยออกมาก็จะเสี่ยงมากด้วยกับความร้อนที่อมระอุแต่นั่นล่ะ ความสนุกและสีสันของวัยเยาว์ปัจจุบันนี้ ชีวิตฉันห่างไกลจากเตาแบบนี้มาก เป็นความไม่สะดวกหลายๆ ประการหากจะกลับไปใช้สิ่งของบางอย่าง แม้จะชอบมันมากก็ตาม (อย่างไร้เหตุผล)ฉันบอกเพื่อนว่า นอกจากจะเป็นคนแก่ (ชอบรำลึกอดีตไง) มากๆ แล้ว ฉันยังเป็นคนติดข้องกับความทรงจำ ความรัก ความคิดถึง ความผูกพันแม้ทั้งหมดนั้น จะดูเป็นเรื่อง...เด็กๆ...ก็เถอะ.