Skip to main content

บล็อกกาซีน ประชาไท

ถนอม ไชยวงษ์แก้ว
ฮะฮ้า ทักษิณ ชินวัตร เวลา เวลา เวลา เวลา เวลา เวลา เวลา เวลา เวลา เวลา เวลา เวลา เวลา เวลา เวลา เวลา เวลา เวลา เวลา เวลา เวลา เวลา เวลา เวลา เวลา เวลา เวลา เวลา เวลา เวลา เวลา เวลา แห่งการเสพ...
กฤนกรรณ สุวรรณกาญจน์
รวิวาร
ความรักยกเราขึ้น ติดปีกเหนือทุกข์ในปรากฏการณ์...ความรู้สึก เราคือผู้คนแห่งความรู้สึก ความเครียดเต็มสองแผ่นหลังไม่เบาบางด้วยการคิดพิจารณา จิตใจมีกำลังเมื่อ ความรักหลั่งไหลมา ความหวังเรืองรองตามติด เรื่องราวยากยิ่ง เหมือนไร้ทางออกดูเล็กน้อยลง ขอบคุณที่มีความรัก ขอบคุณที่มีคนรัก ขอบคุณที่โลกนี้มีสิ่งที่เรียกว่า รัก ฉันขอขอบคุณจากหัวใจสำหรับใครคนหนึ่งซึ่งอยู่เคียงข้างและมอบความรักกว้างใหญ่ให้แก่ฉันเสมอ รักอดทนและรอคอย รัก ขัดเคือง ไม่พอใจ หากยังรีรออยู่ เงี่ยหูฟังคำอธิบาย อดทนทำความเข้าใจ เพราะเชื่อมั่นในเนื้อแท้ บนพื้นผิวของความกราดเกรี้ยว ทะเลาะเบาะแว้ง ประโยคยืดยาวแห่งการตัดพ้อต่อว่า หรือคำบ่นเป็นชุด ๆ ความรักรู้ ทั้งหมดทั้งมวลล้วนกำเนิดจากความปั่นป่วนภายใต้ ความรักเชื่อ ในความสงบเย็นยิ่งใหญ่แห่งห้วงน้ำที่ดูเหมือนปั่นป่วนอยู่ตลอดเวลา รักไม่เคยเบื่อหน่ายที่จะดำดิ่งแหวกว่ายลงไปสืบค้น ลึกมืดใต้ห้วงสมุทร อดทน อดกลั้น ยอมผจญเมื่อคลื่นลมโหมกระแทกผิวหน้า และอย่างคุ้มค่า เมื่อเรารอดชีวิตขึ้นมาด้วยบาดแผล หรือริ้วรอยขีดข่วนเล็กน้อย รักได้พบว่า ไม่มีสิ่งใดเกิดขึ้นหรือแสดงโดยปราศจากเหตุปัจจัย เหตุปัจจัยซึ่งไม่เกินกำลังที่จะอดทนทำความเข้าใจ ให้อภัย และรักได้ลึกซึ้งยิ่งกว่าเดิม
วาดวลี
   บุ้งตัวนี้คงมีพิษร้ายมาก ฉันรู้สึกอย่างนั้น จากหนามแหลมๆ ที่พวงพุ่งออกมารอบตัวมัน และจากประสบการณ์ในวัยเด็กที่เคยเอามือไปโดนตัวบุ้ง แล้วคันคะเยอไปทั้งสัปดาห์ แถมมือยังบวม แสบๆ อีกด้วยตอนเด็กๆ แม่จึงพร่ำสอนเสมอ บุ้งหน้าตาแบบนี้มีพิษร้าย มันกินไม่ได้ จับมาเล่นไม่ได้ และสำคัญที่สุดให้หลีกเลี่ยงระวังอย่าได้สัมผัส เมื่อจำมาตลอด ดังนั้นฉันจึงระวังที่สุดที่จะเดินย่องเข้าไปขอถ่ายรูปในระยะใกล้ เจ้าบุ้งจากที่นิ่งๆ อยู่ คงรู้สึกได้ถึงคนแปลกหน้า มันยิ่งพองตัวอวดหนามให้ตั้งชูชันขึ้นมาอีก ความซุ่มซ่ามของฉันที่เอาตัวไปโดนกิ่งไม้ให้ไหวๆ เผลอทำให้มันตกใจมากกว่าเดิม พอมันขยับหันหัวมา ความตกใจทำให้ฉันรีบถอยตัวหนีกลายเป็นว่า ฉันเผลอไปเหยียบรังมดเข้า ตายทีเดียว 10 ตัวรวด ยังไม่พอ ยังเผลอเหยียบหอยทากที่นอนเล่นอยู่บนพื้นแตกดังกร๊วบ ไปอีก 1 ตัว
เจนจิรา สุ
สมรภูมิแห่งนี้เรารบกับอะไร ที่ผ่านมาเราถูกจองจำไว้ในกรงที่มองไม่เห็น เรามีอาหาร มีที่อยู่หลับนอน แต่เราไม่สามารถเป็นคนเต็มคนได้ เพราะเราไม่มีสิทธิ์คิดหรือแสดงความคิดเห็น ไม่สามารถรู้สึกเจ็บแค้นร้อนหนาว เราต้องทำหน้าที่อันถูกกำหนดมาจากผู้คุม ต้องทำงานหนักเพื่อสร้างความร่ำรวยให้กับนาย เพียงเพื่อส่วนแบ่งที่ถูกเจียดให้พอประทังชีวิต แล้ววันหนึ่งเราต้องการปลดแอก เราต้องการตั้งอาจักรของตนเอง มีบ้านและที่ดินที่เป็นของเราจริงๆ ได้รับค่าแรงที่เป็นธรรมจากสมองและแรงกายของตนเอง
ปรเมศวร์ กาแก้ว
แม้ผ่านวันเพ็ญเดือนสิบสองที่น้ำนองเต็มตลิ่งไปนานแล้ว แต่น้ำในคลองข้างบ้านผมยังนองปริ่มตลิ่งอยู่เช่นเดิม แถมลมมรสุมยังพัด "ฝนหยาม"(ฝนประจำฤดู) มาซัดหลังคาบ้านให้คนเหงาได้นอนฟังกล่อมใจไม่สร่างมาหลายวันแล้วแน่นอนว่าฤดูฝนหยามจะพา "น้ำพะ"(น้ำนอง) มาด้วย ทุ่งข้าวสีเขียวจมอยู่ใต้น้ำ และแน่นอนคนหาปลาทุกเพศทุกวัยจะออกมาดักปลากันอย่างสนุกสนานดั่งรอคอยมาแรมปีปีนี้ฝนโปรยปักษ์ใต้อยู่แรมเดือน ยางพาราราคาต่ำ นาข้าวเสียหาย กระนั้นเลย คนที่นี่ก็ยังพอมีความสุขพอประทังกันบ้าง "กัด"(ตาข่ายดังปลา) ถูกนำมาชะล้างและ "วาง"ลงในห้วยเดิม คัน "เบ็ดทง"(เบ็ดสำหรับปักทิ้งไว้กลางทุ่งและค่อยกลับไปตรวจตราเป็นช่วง ๆ บน "ผลา"(ชั้นวางของเหนือเตาไฟในครัวของชาวใต้ มักทำด้วยฟากไม้ไผ่) ก็ถูกนำไปปักกลางท้องนายามค่ำคืนเช่นกัน
สุมาตร ภูลายยาว
ผู้คนแห่งสาละวิน  สาละวิน ถือเป็นสายน้ำแห่งกลุ่มชาติพันธุ์อย่างแท้จริง เพราะสองฟากฝั่งลุ่มน้ำสาละวิน ตั้งแต่เทือกเขาหิมาลัยลงมาจนถึงอ่าวเมาะตะมะ ในเขตหุบเขาอันไกลโพ้นในประเทศจีนก็มีกลุ่มชาติพันธุ์อาศัยอยู่ไม่น้อยกว่า ๑๔ กลุ่ม โดยส่วนใหญ่เป็นชาวนู ลีซู และตู๋หลง เมื่อล่องตามน้ำลงมาจนถึงพรมแดนพม่า-จีน พม่า-ไทยก็มีกลุ่มชาติพันธุ์ต่างๆ อาศัยอยู่มากมายไม่ต่ำกว่า ๑๖ กลุ่ม เช่น นู ลีซู ไทยใหญ่ กะยา กะยัน กะเหรี่ยง และมอญ กลุ่มชาติพันธุ์เหล่านี้ล้วนมีภาษา ตัวอักษร วรรณคดี ศิลปวัฒนธรรม และประเพณีของตนเอง ในบรรดากลุ่มชาติพันธุ์ที่มีอยู่หลากหลายบนลุ่มน้ำแห่งนี้ กลุ่มยินตาเล ถือเป็นกลุ่มชาติพันธุ์กลุ่มเดียวที่มีจำนวนประชากรน้อยที่สุด ชาวยินตาเล อาศัยอยู่บนที่ราบริมแม่น้ำสาละวิน ในรัฐคะยาห์ทางตอนเหนือของประเทศพม่า ในปัจจุบันชาวยินตาเลมีประชากรทั้งหมดเพียงประมาณ ๑,๐๐๐ กว่าคนเท่านั้น เมื่อย้อนกลับไปดูประวัติศาสตร์ของการสร้างบ้านแปงเมืองของผู้คนในแถบถิ่นนี้แล้ว จะพบว่า บริเวณทั้งสองฝั่งแม่น้ำสาละวิน มีผู้คนจำนวนมากตั้งบ้านเรือนอยู่บริเวณนี้มาหลายร้อยปีแล้ว
เงาศิลป์
ฉันมีเรื่องราวจะแลกเปลี่ยน ลองฟังดูนะ ตาเก้กับการลงทุน “คนอย่างผม ถ้าทำอะไรก็ต้องทุ่มหมดตัว” ตาเก้พูดเสียงต่ำ สีหน้ายิ้มเหยียดหน่อยๆ บ่งถึงความสาสมใจในชีวิต ขณะย่ำเดินไปบนพื้นดินทรายที่เพิ่งถูกผานไถพลิกพรวนให้กอหญ้าคว่ำหน้าลง แกกำลังจะลงทุนอีกรอบบนผืนดินนี้ ทั้งที่เจ้าหน้าที่ของโรงงานน้ำตาลฟันธงแล้วว่า “ดินเสื่อมสภาพหมดแล้ว”
ชาน่า
ท่ามกลางความหนาแน่นของผู้คน นักเดินทางโดยเครื่องบิน ขาเข้าและขาออกนอกประเทศ ณ สนามบินสุวรรณภูมิในค่ำวันหนึ่ง “หวัดดีครับชิน ยินดีที่ได้รู้จัก ได้ยินแต่ชื่อเสียงเลียงนามมานานแล้วครับ” เสียงของพี่หนึ่งทักทายเมื่อครั้นที่เราพบกันครั้งแรกที่สนามบินสุวรรณภูมิ ในวันที่ผมกำลังจะบินไปทำงานต่อที่ต่างประเทศ
โอ ไม้จัตวา
เรามาลืมเรื่องที่เราเป็นบ้า และพูดถึงกันมาทั้งปี มาฟังเพลงนี้ดีกว่าค่ะ I don’t want to talk about it. เพลงของร็อด สจ๊วต ขวัญใจตลอดกาลกับเพลงที่คนทั้งโลกร้องตามได้ โดยเฉพาะคลิ้บแนะนำอันนี้ ดูครั้งแรกรู้สึกว่าใครหว่าคงเจ๋งนะ ร้องคู่กับร็อด สจ๊วตเพลงนี้ได้ด้วย แนะนำให้ฟังเพลง และดูโชว์นี้ให้จบก่อนอ่านต่อไป
Cinemania
 พิชญ์ รัฐแฉล้ม   " องค์บาก 2 " ภาพยนตร์แนวแอ็คชั่นฟอร์มยักษ์ส่งท้ายปี 2551 นำแสดงโดย ‘จา' พนม ยีรัมย์ หรือ ‘โทนี่จา' ในวงการภาพยนต์โลก ถือฤกษ์มงคล 5 ธันวาคม เข้าฉาย ทีมผู้สร้างวางเป้าหมายไว้ ‘องค์บาก 2' จะต้องประสบความสำเร็จอย่างงดงามสวนกระแสภาวะเศรษฐกิจโลกในปัจจุบัน บัดนี้..ผ่านมาแล้วสองสัปดาห์เต็มที่ภาพยนตร์ได้ออกฉายให้แฟนๆ จา พนม ที่ชื่นชอบภาพยนตร์แนวแอ็กชั่นได้สัมผัสอย่างเต็มตา และได้รับการตอบรับจากแฟน จา พนม เป็นอย่างดีจนสามารถฉลองความสำเร็จของรายได้ที่ทะลุเป้าหมายร้อยล้านในสัปดาห์ที่ผ่านมาอย่างไรก็ตาม เป็นที่รู้ๆกัน ‘องค์บาก 2' เคยมีข่าวก่อนหน้านี้ในเรื่องทุนสร้างที่บานปลายจนกลายเป็นเรื่องขัดแย้งกันเองของ ‘เสี่ยเจียง' ผู้สนับสนุนเงิน กับ จา พนม ที่เป็นทั้งนักแสดงนำและก้าวกระโดดเข้ามากำกับเองเป็นเรื่องแรก ฝ่ายการตลาดของสหมงคลฟิล์มเองคงไม่ต้องการให้งบบานปลายไปมากกว่านี้ จึงได้ใช้เหตุการณ์ขัดแย้งเป็นแผนประชาสัมพันธ์องค์บาก 2 ไปในตัว ปรากฏว่าเป็นไปตามแผนที่วางไว้ หนังได้รับความสนใจและผู้ชมตั้งตาคอย ทีมประชาสัมพันธ์ได้ยั่วน้ำลายคอหนังแอ็คชั่นเข้าไปอีกด้วยการปล่อยฮีโร่อย่าง จา พนม ออกมาบู๊แหลกลาญผ่านหนังตัวอย่างก่อนฉายหลายเดือน ซึ่งไม่น่าแปลก เพราะบทบาทของ จา พนม ถูกวางในแนวนี้และยังไม่เคยเปลี่ยนแปลงมาก่อน ผู้ชมเองต่างก็รู้ล่วงหน้าดีอยู่ในควมตั้งใจขาย ‘จา พนม' ในฐานะ ‘พระเอกนักบู๊' ผู้ซึ่งต่อสู้อย่างบ้าคลั่งด้วยความดี พิชิตความชั่ว ผ่านปมความแค้นส่วนตัว และผู้ชมคงไม่ผิดหวังแน่หากตั้งใจไปดูศิลปะการต่อสู้แขนงต่างๆและความอัจฉริยะในด้านนี้ของเขา เพราะทั้งการใช้ส่วนต่างๆของร่างกายและอาวุธต่างๆของ จา พนม สามารถชื่นชมได้เต็มปากว่าลงตัวไร้ที่ติและเทียบชั้นดาราบู๊ชั้นนำของโลกได้ไม่ยาก ไม่ว่าจะเป็น เจ็ทลี,แจ็กกี้ ชาง,หรือสตีเวน ซีกัล ก็ตาม เพียงแต่มันก็อาจเป็นจุดเด่นที่สุดเพียงจุดเดียวของหนังและอาจจะกลบองค์ประกอบอื่นๆของความเป็นหนังไปหมด  องค์บาก 2 เป็นเรื่องราวของ "เทียน" เด็กหนุ่มซึ่งเป็นบุตรชายของขุนสีหเดโช (สันติสุข พรหมศิริ) ได้ถูกพระยาราชเสนา (ศรัณยู วงษ์กระจ่าง) ฆ่าล้างครอบครัวเพื่อความเป็นใหญ่ของตัวเอง แต่เทียนได้หนีรอดออกมาจากเงื้อมือขุนสีหเดโชได้ จนกระทั้งมาพบกับเชอนัง (สรพงษ์ ชาตรี) หัวหน้ากองโจรผาปีกครุฑที่ช่วยเทียนมาจากพวกค้าทาสและรับเป็นลูกบุญธรรม  ระหว่างอยู่กับเชอนัง เทียนได้รับการสั่งสอนวิชาแขนงต่างๆไม่ว่าจะเป็นวิชาในการต่อสู้ในรูปแบบต่างๆทั้งการต่อสู้ด้วยมือเปล่า มวยไทย มวยจีน รวมถึงการใช้เวทย์มนต์ คาถา การใช้อาวุธทั้งดาบ กระบี่กระบอง หรือแม้แต่การใช้ระเบิด โดยมีเหล่าปรมาจารย์ผู้เชี่ยวชาญในแต่ละสาขาวิชาเป็นผู้ประสาทวิชา สั่งสอนฝึกปรืจนเทียนเก่งกล้าและเป็นที่หนึ่งของกลุ่มกองโจรผาปีกครุฑ แต่ด้วยความแค้นในอดีตที่ค่อยตามหลอกหลอนเทียนตลอดเวลาทำให้เทียนจำต้องขอลาเชอนังเพื่อไปสะสางความแค้นในอดีตของตัวเองที่มีต่อพระยาราชเสนาผู้สังหารบิดามารดาตน แต่ไม่สำเร็จและได้ส่งผลร้ายแก่ตนเองในภายหลังจากภาพรวมของเรื่อง หากมาพิจารณาในด้านเนื้อหา องค์บาก 2 แตกต่างจากภาคแรกอย่างสิ้นเชิง ด้วยการพาเราย้อนยุคกลับไปในประวัติศาสตร์สมัยกรุงศรีอยุธยา ดำเนินเรื่องด้วยการแย่งชิงราชสมบัติและความวุ่นวายขายปลาช่อนในหมู่ชนชั้นนำที่กลายมาเป็นเหตุแห่งความแค้นของเทียน (จา พนม) และใช้เป็นปมที่ผูกเรื่องในการสร้างพัฒนาการการเจริญเติบโตและพรสวรรค์ด้วยใจรักทางการต่อสู้เป็นจุดเริ่ม แต่ปมที่วางไว้แบบนี้อาจไม่ได้แตกต่างอะไรจากหนังบู๊แอ็คชั่นในฮอลลีวู้ดทั่วไปที่ประกอบเหตุการณ์ต่างๆขึ้นมาเพื่อสร้างวีรบุรุษให้โดดเด่นและแตกต่างจากมนุษย์มนา เช่น ภาพยนตร์เรื่อง I'am legend ที่ใช้ปมเรื่องจากความโหดร้ายสู่การสร้างวีรบุรุษ เทียนเกิดมาพร้อมพรสวรรค์ควบคู่กับคำทำนายที่ติดตัวเสมือนถูกสาบมาตั้งแต่เกิด เมื่อเติบโตขึ้นในสภาพแวดล้อมที่มีบรรดานายทหารผู้ซื่อสัตย์จงรักภักดีต่อเหนือหัว เป็นแรงบันดาลใจทำให้เทียน(อยาก)เรียนรู้และต้องการเป็นผู้เก่งกล้า โดยเฉพาะพ่อนับว่าเป็น Ideal ที่สำคัญของเทียน เมื่อเทียนได้เติบโตเป็นเด็กหนุ่ม ท่ามกลางความวุ่นวายของการแย่งชิงอำนาจและการทำลายครอบครัวอันเป็นที่รักจนหมดสิ้นไปต่อหน้าต่อตา มันจึงกลายเป็นปมทีบ่มเพาะความแค้นอยู่ในจิตใจของเด็กน้อยคนหนึ่งที่รอวันสะสาง ซึ่งพล๊อตเรื่องแบบนี้ทำให้เรานึกถึงทฤษฏีวิวัฒนาการของชาร์ล ดาร์วินเรื่อง ‘การคัดเลือกโดยธรรมชาติ' ผู้ที่เก่งเท่านั้นที่สามารถอยู่รอดได้ วิธีคิดแบบนี้มันได้ฝังไปอยู่ในตัวและในหัวของเทียนอย่างเป็นธรรมชาติ ทั้งที่ในวัยเด็ก เทียนไม่ได้เรียนรู้เรื่องการต่อสู้เลย แต่เมื่อบริบทที่รายรอบเปลี่ยน เทียนสู้จนสามารถเอาชนะจระเข้ได้ และสามารถใช้ชีวิตอยู่ที่ชุมชนโจรได้อย่างเป็นที่ยอมรับ หนังอาจแฝงความหมายที่ว่าผู้ชนะเท่านั้นที่สามารถอยู่ในสังคมได้อยู่ในที และผู้ชนะนั้นยังหมายถึงการเป็นผู้สืบอำนาจเปลี่ยนผ่านจากผู้นำเดิมที่ให้การสนับสนุนอยู่เบื้องหลัง   ‘องค์บาก 2' กับการดำเนินเรื่องเช่นนี้จึงกลับกลายการผลิตซ้ำแล้วซ้ำเล่าภาพและบทแบบเดิมๆของจา พนม การแสดงแบบเดิมๆอาจกลายเป็นตัวทำลายภาพลักษณ์ของจา พนม เองในอนาคต หากหนังยังไม่สามารถเป็นตัวสร้างอัตลักษณ์อย่างที่ตั้งใจไว้แต่แรก สุดท้ายคนอาจจะเบื่อถ้าเห็นอะไรที่ซ้ำไปซ้ำมา ด้วยบทบู๊เป็นหลักเนื้อหางเป็นรองแบบเดิมๆ เหมือนหนังฮ่องกงที่เคยครองตลาดในบ้านเรามาก่อน แต่ปัจจุบัน หนังไม่จำเป็นต้องโชว์บู๊หนักหน่วง แต่ใช้เนื้อหาและการผูกเรื่องก็ทำให้หนังน่าสนใจที่สามารถสร้างนักแสดงให้ดูลุ่มลึก ทรงเสน่ห์ได้ เช่น Infernal Affairs เป็นต้น อีกประการหนึ่ง ความผิดพลาดที่สุดขององค์บาก 2 อาจอยู่ที่ความโลภโมโทสันของผู้ผลิตที่หวังกอบโกยเงินจากดาราแบบจา พนม แบบต่อเนื่องเกินไปก็เป็นได้ เพราะหนังได้สร้างเสียงครางระงมเนื่องจากผู้ชมที่มากเกือบแน่นโรงต้องมารู้สึกอารมณ์ค้างกับการจบที่ไม่สุดและอาจจะต้องมีองค์บาก 3 มาเป็นภาคต่อ ที่สำคัญ หนังเองได้สร้างคำถามกับผู้ชมไปเสียแล้วว่าองค์บาก 2 และองค์บากแรกเกี่ยวข้องกันอย่างไร หรือแค่นำชื่อมาโฆษณาเฉยๆ เพราะต่อไปนี้ผู้ชมคงจะรู้สึกตุ๊มๆต่อมๆที่จะได้ดูภาคต่อแต่อาจเป็นภาคต่อที่เป็นคนละเรื่องเดียวกันอีกตามเคยก็ได้หมายเหตุ: ผู้เขียนเป็นนักศึกษาฝึกงาน www.prachatai.com
หัวไม้ story
โดย ทีมข่าวการเมือง   000 “ติดใจทฤษฎีแมลงสาบ กลัวว่าพรรคคู่แข่งจะว่า แต่ดูแล้วตอนนี้รัฐบาลชุดนี้ทำตัวเหมือนแมลงสาบเหมือนกัน ในแง่ชอบความสกปรก ความมืด ที่สำคัญคือขยายตัวได้เร็วมาก ปีกว่าๆ ก็แพร่พันธุ์ได้มากมาย ตนคิดว่าหลักการปฏิรูปที่แท้จริงคือทุกคนต้องเข้าใจในสิทธิเสรีภาพ หากนักการเมืองคิดถึงแต่อำนาจก็ไม่มีทางปฏิรูปได้สำเร็จ เพราะการปฏิรูปต้องผ่องถ่ายอำนาจ ไม่ใช่ใช้อำนาจได้ตามใจและกลัวว่าจะมีการตรวจสอบได้ตามขอบเขตที่กฎหมายกำหนด” อภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ, รองหัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์7 เมษายน 2545 000 “เราได้รับการเลือกตั้งมาจากประชาชน ให้ถือกระป๋องไบกอนเขียวปราบแมลงสาบที่ชอบทำอะไรในมุมมืด ให้แตกออกจากรัง ประชาชนจะได้เห็นว่าทุกมุมมืดมีสิ่งที่ไม่ดี รัฐบาลได้เข้าไปรื้อเพื่อสกัดไม่ให้สัตว์พวกนี้มาเกาะกินประเทศ ในทางกลับกันแมลงสาบเท่านั้นถึงจะเข้าใจพวกสัตว์ ที่เป็นแมลงสาบด้วยกันดี และรู้ว่ามีพฤติกรรมอย่างไรและชอบอยู่แบบไหน ฝ่ายค้านในปัจจุบันเหมือนแมลงสาบที่กำลังแตกรัง เนื่องจากถูกไล่ฆ่า จะเห็นได้ว่าข้อวิจารณ์ต่างๆ ไม่มีข้อเสนอแนะ หรือนโยบายใหม่ๆ ให้ประชาชน” สุรนันท์ เวชชาชีวะ, โฆษกพรรคไทยรักไทย8 เมษายน 2545   (ภาพซ้าย) ศ.ดร.กนก วงษ์ตระหง่าน (คนซ้าย) ร่วมกับนายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ หัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์ และทีมงานพรรคฯหาเสียงเมื่อวันที่ 21 ธันวาคม 2550 ณ สวนเบญจสิริ กรุงเทพฯ ที่มา: http://www.drkanok.net (ภาพขวา) นายสุรนันท์ เวชชาชีวะ อดีตโฆษกพรรคไทยรักไทย ที่มา: วิกิพีเดีย

แท็กล่าสุด

แท็กยอดนิยม