คุณคะ คุณเคยมีประสบการณ์แปลก ๆ ที่อธิบายไม่ได้ เช่นเห็นสิ่งที่คนอื่นมองไม่เห็น ได้ยินสิ่งที่คนอื่นไม่ได้ยิน หรือได้กลิ่นที่คนอื่นไม่ได้กลิ่นบ้างไหมคะ?
เปล่าค่ะ ฉันไม่ได้กำลังจะมาชวนคุณเล่าเรื่องผี (ถึงแม้ว่าจริง ๆ แล้วฉันจะชอบฟังมากก็ตาม) แต่กำลังจะชวนคุณคุยเรื่องสมองและการทำงานของมันค่ะ
เกริ่นอย่างคร่าว ๆ สำหรับท่านที่ไม่ได้เรียนสายวิทย์ สมองเป็นอวัยวะศูนย์กลางของระบบประสาท ทำหน้าที่รับกระแสประสาทที่ส่งมาจากเซลล์รับสัมผัสที่ตา หู จมูก ลิ้น และผิวกาย นำมาแปลผลเป็นความรู้สึกต่าง ๆ ไม่ว่าเจ็บ ร้อน รสชาติ เสียง หรือภาพที่มองเห็น
ยกตัวอย่างการมองเห็น เมื่อเราลืมตาขึ้น เซลล์รับภาพของเราได้รับสัญญาณจากแสงและสีของสิ่งที่อยู่เบื้องหน้า มันจะเปลี่ยนสิ่งที่มองเห็นนั้นให้กลายเป็นกระแสประสาท ซึ่งมีลักษณะคล้ายกระแสไฟฟ้า ไหลเป็นระลอกไปตามเซลล์ประสาท ส่งต่อกันจากเซลล์สู่เซลล์ เรื่อยไปจนกว่าจะถึงสมอง และสมองจะเปลี่ยนกระแสประสาทนั้นออกมาให้เป็นภาพ ก่อนที่จะนำไปประมวลผลว่าภาพนั้นคือภาพอะไรให้จิตสำนึกของเราได้รับรู้ต่อไป
แน่นอน ถ้ามีความผิดพลาดเกิดขึ้นในขั้นตอนใดขั้นตอนหนึ่ง ไม่ว่าจะเป็นการส่งกระแสประสาท หรือการแปลผลของสมอง ภาพที่คุณมองเห็นก็จะแตกต่างไปจากภาพที่คนอื่นมองเห็น อันที่จริงแล้ว ไม่มีใครรู้อย่างเป็นรูปธรรมว่าภาพของสิ่งของสิ่งเดียวกันที่คนสองคนมองเห็น เป็นภาพเดียวกันจริงหรือไม่ ภาพที่คุณมองเห็น เป็นสิ่งที่มีเพียงคุณกับสมองของคุณเท่านั้นที่รับรู้ คุณไม่สามารถแบ่งปันมันกับคนอื่น มันเป็นความลับของคุณ ความลับที่เกิดขึ้นมาภายในตัวคุณ และเป็นของคุณเท่านั้น
แต่ใน Top Secret ความลับของคุณจะไม่ใช่ความลับอีกต่อไป เมื่อวิทยาการเจริญก้าวหน้า และเครื่อง MRI Scanner เข้ามามีบทบาทในการสืบสวนสอบสวน...หากคุณถูกโจรถูกฆ่าตายอย่างเป็นปริศนาในสถานที่ซึ่งปราศจากพยานบุคคลหรือกล้องวงจรปิด มีคนพบศพของคุณภายในสิบชั่วโมงหลังเกิดเหตุ และสมองของคุณไม่ได้รับความเสียหาย พวกเขาจะนำสมองของคุณเข้าเครื่อง MRI Scanner ปล่อยกระแสไฟฟ้าสม่ำเสมอแบบเดียวกันกับตอนที่ยังมีชีวิตอยู่ใส่สมองของคุณ จากนั้น สมองของคุณก็จะเริ่มฉายทุกสิ่งทุกอย่างที่คุณมองเห็นภายในระยะเวลาห้าปีออกมาบนหน้าจอมอนิเตอร์...ตั้งแต่รูปพรรณสันฐานของคนร้าย อาวุธที่ใช้ วิธีการที่คุณถูกฆ่า เลยไปจนถึงภาพต่าง ๆ ในชีวิตประจำวันของคุณ ไม่ว่าคุณจะเป็นภาพที่คุณอยากให้เห็นหรือไม่...ภาพอาหารแต่ละมื้อที่คุณกิน ภาพผู้คนที่คุณพบ ภาพสถานที่ต่าง ๆ ที่คุณเคยผ่าน ภาพตอนที่คุณเข้าห้องน้ำ และแม้แต่ภาพตอนที่คุณอยู่บนเตียงนอน
Top Secret เป็นผลงานของอาจารย์ Shimizu Reiko ซึ่งตีพิมพ์เป็นภาษาญี่ปุ่นครั้งแรกเมื่อปี 2001 และถูกนำมาจัดทำเป็นรูปแบบภาษาไทยโดยบงกชคอมิคส์ในชื่อ ผ่าแผนลวง ล่าปริศนาค่ะ
แม้ว่าจะมีเนื้อหาเกี่ยวกับการสืบสวนสอบสวน แต่ประเด็นที่แท้จริงของ Top Secret ดูจะอยู่ที่ความซับซ้อนของสมองในแง่มุมต่าง ๆ กันมากกว่า
ในเล่ม 1 นั้น Top Secret ประกอบด้วยสองบทใหญ่ ๆ บทแรกจะเกี่ยวกับคดีฆาตกรรมประธานาธิบดีที่ได้ชื่อว่าใจซื่อมือสะอาดที่สุดในประวัติศาสตร์ จอห์น B รีด เป็นบทนำซึ่งจะนำคุณไปรู้จักกับเครื่อง MRI Scanner และการทำงานของมัน ส่วนบทที่สอง จะเปิดตัวเหล่าตัวละครเอกจากหน่วยนิติเวชที่ 9 ซึ่งทำหน้าที่โดยตรงเกี่ยวกับการตรวจสอบภาพจากสมอง รวมทั้งเรื่องราวความซับซ้อนของสมองที่มากมายเกินกว่าที่คุณจะคาดคิด
คุณเคยคิดบ้างไหมคะว่าคนเรามีความลับอยู่มากมาย ไม่ใช่แค่ความลับที่เป็นข้อเท็จจริงเท่านั้น แต่ยังหมายถึงเรื่องเล็ก ๆ น้อย ๆ อย่างการวางสายตาอีกด้วย…หากคุณเป็นผู้ชาย เชื่อได้ว่าคุณจะต้องเคยแอบมองต้นขาหรือเนินอกของสาว ๆ หรือหากคุณเป็นผู้หญิง ก็คงต้องมีบ้างละที่คุณแอบมองชายหนุ่มหน้าตาดี...ในขณะที่การพูดหรือการกระทำถูกกำหนดไว้ภายใต้กรอบของกฎหมายหรือศีลธรรม การมองกลับเป็นพื้นที่อิสระที่มีขอบเขตแห่งศีลธรรมเบาบางที่สุดรองจากจินตนาการ เพราะไม่มีใครสามารถห้ามไม่ให้ใครแอบมองอะไรที่เขาอยากจะมอง และไม่สามารถล่วงรู้ได้ว่าเขากำลังมองอะไร ในแง่มุมแบบไหน มันเป็นเขตหวงห้ามของแต่ละคน เป็นพื้นที่ส่วนตัว ซึ่งคุณอาจไม่ตระหนักถึงความสำคัญของมัน จนกว่าจะถึงวันที่คุณได้รับรู้ว่ามันอาจถูกละเมิดได้ในวันหนึ่งข้างหน้า หลังจากที่คุณตายไปแล้ว เหมือนอย่างกรณีของ จอห์น B รีด ผู้ปกป้องเขตหวงห้ามของเขาเอาไว้ด้วยชีวิต
เมื่ออ่านบทนำจบแล้ว คุณอาจจะ ‘กลัว’ การ ‘มอง’ ไปเลยก็ได้
เรื่องราวของการ ‘มอง’ จะยิ่งเข้มข้นขึ้นในบทที่สอง ซึ่งเป็นบทแรกที่แท้จริงของ Top Secret เมื่ออาโอกิ อิคโค เจ้าหน้าที่น้องใหม่ใสกิ๊งประจำหน่วยนิติเวชที่ 9 ของสถาบันวิจัยค้นคว้าด้านวิทยาการตำรวจแห่งชาตินำเราไปรู้จักกับสมองที่ ‘วิปลาศ’
คุณเคยจินตนาการบ้างไหมคะว่า ภาพที่ฆาตกรฆ่าหั่นศพบรรจุเอาไว้ในสมองจะเป็นภาพแบบไหน ภาพสุดท้ายที่เหยือฆาตกรฆ่าต่อเนื่องมองเห็นจะเป็นภาพอะไร หรือภาพหลอนจากสมองของคนที่เสพยาหรือถูกสะกดจิตให้คุ้มคลั่งจนทนความหวาดกลัวไม่ได้และต้องฆ่าตัวตายจะเป็นอย่างไร
หน้าที่ของหน่วยนิติเวชที่ 9 คือการดูภาพเหล่านี้ และคัดกรองว่าสิ่งไหนเป็นของจริง และสิ่งไหนเป็นเพียงภาพหลอนจากจินตนาการวิปลาศของผู้ตาย เพื่อนำไปใช้ให้เป็นประโยชน์ต่อรูปคดีต่อไปค่ะ
ประเด็นที่ฉันคิดว่าน่าสนใจมากอย่างหนึ่งของเรื่องนี้ก็คือ คนที่ได้ดูภาพจากสมองของคนอีกคนหนึ่ง มีแนวโน้มจะได้รับสืบทอดความรู้สึกนึกคิดของเขามาด้วย...เนื่องจากภาพที่ฉายออกมาจากสมอง ไม่ใช่แค่ภาพที่ถูกแสงตกกระทบสะท้อนเข้าตาแล้วนำมาแปลผลเป็นภาพเหมือนภาพจากจอโทรทัศน์ทั่วไป แต่มันได้แฝงความรู้สึกของเจ้าของสมองที่มีต่อภาพนั้นเข้าไปด้วย คุณเองก็คงเคยรู้สึกว่าคนที่คุณชอบน่ารักกว่าคนอื่น หรือสัตว์ที่คุณเกลียดดูเหมือนจะตัวใหญ่มีขายุ่บยั่บกว่าความเป็นจริงเสมอใช่ไหมคะ?
ในทำนองเดียวกัน หากคุณได้มองสมองของเด็กวัยรุ่นที่ชอบดารานักร้อง คุณก็จะได้เห็นดารานักร้องที่คุณเคยคิดว่าหน้าตาธรรมดา ๆ เปล่งประกายหล่อเหลาผิดหูผิดตา รวมทั้งได้เห็นมุมมองต่าง ๆ ที่คุณไม่เคยใส่ใจที่จะมองมาก่อน และเป็นไปได้ว่า หลังจากที่คุณได้เห็นภาพที่เปี่ยมด้วยฉันทาคติจากสมองของคนที่ชื่นชอบคารานักร้องคนนั้นแล้ว คุณก็อาจจะตั้งต้นชอบดารานักร้องคนนั้นบ้างตั้งแต่นั้นเป็นต้นไป
แล้วทีนี้ลองจินตนาการถึงคนที่ได้มองภาพจากสมองของฆาตกรฆ่าหั่นศพ ซึ่งไม่ได้มองเห็นแค่ศพกับอวัยวะภายในที่กองอิเหละเขละขละเท่านั้น แต่ยังมองเห็นความหฤหรรษ์ที่เข้มข้นจนแทบสัมผัสได้ ที่ฆาตกรมีต่อการกระทำของตนเองดูสิคะ
ฉันเชื่อว่าต้องมีคนแอบกลัวใจตัวเองกันบ้างละ
ถ้าคุณสนใจเรื่องราวของสมองและประเด็นทางจิตวิทยาที่มีต่อภาพที่คนเรามองเห็น Top Secret ยังมีอีกหลายประเด็นซึ่งมีความเกี่ยวเนื่องสัมพันธ์กันอย่างลึกซึ้งให้คุณติดตาม เตือนไว้ก่อนว่าเรื่องนี้เรท PG-13 และไม่เหมาะกับคนที่กลัวภาพศพหรือกลัวผีนะคะ