ลูกคือดวงใจและ (แทบจะ) เป็นทุกอย่างของพ่อและแม่
หัวอกของพ่อและแม่ทุกคนอยากเห็นลูกประสบความสำเร็จ มีความสุข เป็นที่พึ่งและเป็นไปดังใจหวัง
"สมหวัง และผิดหวัง" จึงเหมือนสัจธรรมที่อยู่คู่กันเสมอ
กล่าวโดยรวมๆ ทุกเรื่องเพื่อจะโยงเข้าสู่แม้แต่ "ความหวัง"ของพ่อและแม่ทุกคนอยากให้ลูกเป็นเพศปกติ เพศที่สอดคล้อง ถูกต้อง กับร่างกายและจิตใจ
แต่บางครั้งใช่ว่าทุกครอบครัวจะสมหวังเหมือนกันหมด
"เราเลี้ยงลูกได้แต่ตัว แต่หัวใจคือสิ่งที่เค้าค้นพบและอยู่กับจิตเค้าตลอดเวลา"
หลายคนเคยดูหนังดังของเมืองไทย "รักแห่งสยาม" ฉากที่พี่นก สินจัย ถามมิว
"มิว ป้าถามหน่อยว่าเราคบกับโต้งในฐานะอะไร ป้าเลี้ยงเค้าเพื่อจะเห็นเค้าเรียนจบ มีงานทำที่ดี มีครอบครัว มีลูก เป็นความหวังของป้าในอนาคต...." (จำได้คร่าว ๆ ไม่แม่นนัก หาได้ถือสาข้าไม่)
เรื่อง "เพลงสุดท้าย" ฉากที่สมหญิง ดาวรายกลับไปบ้านเพื่อเยี่ยมแม่ ซึ่งมีอาการป่วยหนัก นพพลกราดลั่นว่า "ฉันเคยมีลูกคนแรกเป็นผู้ชาย แต่ตอนนี้เค้าตายไปแล้ว แกยังมีหน้ามาเรียกฉันว่าพ่ออีกเหรอ"
ชาน่าเชื่อว่าเป็นประโยคที่สะเทือนใจชาวเราได้อย่างดี หากไม่สัมผัสและรู้สึกกับตัวเองก็คงจะไม่รับรสนัก
เพื่อนบางคนถึงกับบอกว่า "โดน" "จี๊ด" "ถึงทรวง" (บางครั้งประสบการณ์สอนให้เรารับรสชาติของชีวิตได้ดีนัก)
ในยุคปัจจุบัน วิถีชีวิต ความเป็นอยู่ได้แตกต่างไปจากอดีตโดยสิ้นเชิง คงไม่ต้องหาเหตุและผลให้ปวดหัวว่าทำไมเมืองไทย หรือทุกเมืองของโลก มีแต่เรื่องอะไรๆ เกิดขึ้น เปลี่ยนแปลงไปในแต่ละวัน สำคัญที่ว่าเอาชีวิตของตัวเองให้รอด และคนรอบข้างเป็นสุขก็พอ
ครอบครัวมีส่วนทำให้ "ลูก" หรือสมาชิกในครอบครัว หันเหไปในทิศทางใด ทางหนึ่ง แต่ก็ไม่ทั้งหมด
"แม่ของพี่อยากได้ลูกผู้หญิงมาก คลอดกี่คนๆ ก็เป็นชายหมด พอถึงเวลาตกฟากพี่ แม่พี่เตรียมใจรับขวัญลูกตั้งแต่วันแรก จนกระทั่งพี่จำความได้ เค้าพยามให้พี่เป็นกะเทย จับแต่งหญิงและสอนแบบเรื่องหญิงๆ มาตั้งแต่เล็ก แต่ชาน่าเข้าใจมั้ยว่า คนไม่เป็นยังงั้ยยยยย ยังไงมันก็ไม่เป็นอะครับ"
"ตอนอีชั้นค้นพบตัวเองว่าเป็นเกย์ บอกกับแม่ผู้ซึ่งสนิทมากที่สุด บอกแกตรงๆ จนแม่น้ำตาไหล อีชั้นก็ร้องไห้ระงม แม่เคยพาไปหาหมอเพื่อหาหนทางรักษาให้กลับคืนมาเป็นลูกผู้ชายของแม่ แต่สุดท้ายยิ่งรักษาก็ยิ่งเหมือนตอกย้ำ กำเริบ มันอยู่ในก้นบึ้งของจิตใจ รักษาไปก็เสียเวลาเปล่าจนแม่เข้าใจ แม่สอนทุกอย่างให้อีชั้นใช้ชีวิตของเกย์ ยังไงไม่ให้บอบช้ำ ไม่ให้ทุกข์ แม่พาฉันไปดูหนังเรื่อง "เพลงสุดท้าย" สมัยก่อนจนตอนนี้แม่บอกว่า แม่มีลูกสาวที่น่ารักมากที่สุดในโลก"
คุณจะทำยังไงหากค้นพบว่าลูกชายของคุณ กำลังอยู่ในกลุ่มอัตตราเสี่ยงเบี่ยงเบน รักร่วมเพศ (รวบรวมด้วยประสบการณ์และความคิดของชาน่ากับเพื่อน ๆ )
-ทำใจดี ๆ ทุกปัญหามีทางออกค่ะ ผู้ปกครองขา หันหน้าเข้าหากันสิคะ อย่าหักไม้อ่อนดัดง่ายไม้แก่ดัดยาก ยิ่งดัดมากอาจจะหักไม่เหลือเยื่อใดก็เป็นได้
-เอาใจเค้ามาใส่ใจเรา ลองเอาหัวใจของคุณลูกมาใส่ดวงใจของพ่อกับแม่ นึกถึงทีเค้าทีเรา ถ้าคุณชอบและเลือกจะเป็นอะไรสักอย่าง ห้ามใจตัวเองได้มั้ยหละคะ เค้าแค่มีรสนิยมทางเพศ เค้าไม่ได้เป็นโรคร้ายรักษาไม่หายซักหน่อย พ่อแม่บางคนบอกว่า “จะเป็นเพศไหนไม่สำคัญ ขอเป็นลูกที่ดีของพ่อกับแม่ก็พอ”
-ปรึกษา ผู้เชี่ยวชาญหลาย ๆ ด้าน แต่ก็ใช่ว่าจะฟันธง ตัดสินอะไรง่าย ๆ ยึดถือหลักเหตุและผล ความเป็นธรรมทั้งทางโลกและทางธรรม
- ช่วยเหลือ หาหนทางเพื่อให้ลูกได้กลับไปเป็นชายเต็มตัวอีกสักครั้ง เช่นเปลี่ยนสิ่งแวดล้อม (แต่อาจจะช่วยได้ไม่มากนัก) หรือหาผลเสียของการเป็นกลุ่มเบี่ยงเบน
- สังเกตสิ่งที่คุณกำลังตัดสินนั้น ถูกต้องหรือไม่ บางทีเค้าอาจจะไม่ได้เป็นเหมือนอย่างที่คุณคิด อย่างกรณีย์ของชาน่าเพื่อน ๆ หลายคนฟันธงบอกว่า “แหม...ร้อยเมตร พันเมตร ช่วงไหนหละที่แม่หล่อนไม่รู้ กันคิ้วยังกะโค้งร้อยศพ แม่หล่อนรู้แต่เค้าไม่ถาม คนเป็นแม่ทำไมจะดูลูกตัวเองไม่ออกหละ”...
- ให้เวลากับลูกมากขึ้น อย่ามัวแต่ทำมาหากินจนลืมบ้านช่องและคนในบ้าน หรืองานสังคมจัด จนไม่มีเวลาอยู่กับลูก
- เปิดอกคุยกันได้ความยังไง ค่อยหาวิธีแก้ไข หากลูกยืนยันจะเป็นไปตามใจปราถนา ก็ต้องเคารพในความคิดของลูก ฟังเหตุและผลของเค้าด้วย
- หากกู่ไม่กลับ เราต้องหาหนทางเพื่อให้ลูก ดำเนินชีวิตอย่างเป็นสุข
- ยอมรับความจริงกับสิ่งที่เกิดขึ้น เข้าใจประโยคที่ว่า “สัตว์โลกย่อมเป็นไปตามกรรม” มั้ยคะ
- “ลูก”ของคุณเป็นคน ไม่ใช่หุ่นยนต์ หรือ สัตว์เดรัจฉาน ใช้พิจารณญาณในการดูแล แก้ไขนะเจ้าคะ
อาจจะเป็นแค่ความคิดเห็นหรือแนวทางที่ทำให้คุณเข้าใจมากขึ้น ไม่ได้แต่งตั้งทฤษฏีอะไรให้ตายตัวหรือแน่ยิ่งกว่าแช่แป้งใด ๆ ทั้งสิ้นค่า
อ่านความคิดเห็นของ แพทย์หญิง กุสุมา แห่งโรงพยาบาลกรุงธน 1
“ถ้าหากหมอมีลูกที่อยู่ในกลุ่มรักร่วมเพศ ขึ้นตอนแรกหมอจะเรียกเค้ามาคุยกันดี ๆ มีอะไรก็คุยกันจะไม่ใช้กำลังรุนแรง ด่าว่าร้าย ตบตีลูกเพราะลูกเราเป็นคนที่มีจิตใจ ถามเค้าว่าทำไมถึงเป็นเช่นนี้ มีหนทางจะกลับไปเป็นชายได้อีกหรือไม่ หากกลับได้ก็จะยินดียิ่ง หากว่าเค้ายังยืนยันเลือกที่จะเป็นไปตามความต้องการทางเพศ และจิตใจของเค้าก็คงจะไม่ห้ามหรอกค่ะ แต่จะแนะนำ ให้คำปรึกษา อยู่ข้าง ๆ เค้า เพราะชีวิตของเกย์นั้นยากที่จะประสบความสุข สมหวังในรัก เราจะต้องมอบความรักและห่วงใยให้เค้าเป็นพิเศษก็เพราะเรารักลูกของเรา เราต้องยอมรับในความเป็นตัวเค้าด้วยไม่ว่าอะไรจะเกิดขึ้นก็ตาม”
กราบขอบพระคุณ คุณหมอมากนะคะ ชาน่าเคยเรียนถามเมื่อครั้นไปตรวจร่างกายก่อนจะกลับไปทำงานต่างประเทศที่ยุโรปและอเมริกาปีนี้
แม่ของเพื่อน
“เสียใจมาก ทำใจหลายปีกว่าจะยอมรับเค้าได้ หวังอยากให้เค้ามีครอบครัวมีหลานให้เรา แต่สุดท้ายเราก็ต้องเข้าใจเค้า ทุกวันนี้เค้าไม่เคยทำให้เราผิดหวังในเรื่องอื่น นอกจากนี้กล้าบอกได้เลยว่า ลูกรักของแม่คนนี้ที่เป็นเกย์เค้าให้ความรักกับครอบครัวมาก เป็นเสาหลักรับผิดชอบและช่วยเหลือการเงินถ้าไม่มีเค้าครอบครัวก็คงแย่นะคะ ทุกวันนี้บอกเค้าเสมอว่า ลูกจะเป็นอะไรแม่ไม่ว่า ขอให้ลูกเป็นคนดีของแม่ก็เกินพอแล้วล่ะ”
ต่างคนต่างความคิด แต่ทุกความคิดเห็นน้อมรับเสมอ โดยส่วนตัวของชาน่า ชาตินี้ทั้งชาติจะไม่(กล้า) บอกแม่ว่า ตัวตน ธาตุแท้ ความรู้สึก ความต้องการทางเพศของตัวเองเป็นแบบไหน
“แม่ครับ ผมเปิดใจกับแม่ได้ทุกเรื่อง ยกเว้นอยู่เรื่องเดียว คือ ผมจะไม่ให้แม่รู้ว่า ....ผมเป็นเกย์”
“เพราะผมไม่อยากให้แม่ผิดหวัง แม่อายุมากแล้ว แม่อย่าได้รับรู้เรื่องพรรค์นี้เลยครับแม่ ผมโตละนะ โตพอที่จะบอกแม่ว่าผมรับผิดชอบตัวเองได้ ไม่ว่าตัวเองจะจัดอยู่ในกลุ่มความต้องการทางเพศแบบไหน แต่สิ่งหนึ่งที่ผมระลึกเสมอว่า ไม่ว่าคนอื่นจะเรียกผมว่าอะไร..... ผมก็จะเป็นลูกที่ดีของแม่เสมอตลอดไป แค่นี้ก็พอแล้วครับ...”
สำหรับน้อง ๆ หลายคนที่คิดว่าตัวเองจะกลับไปเป็นชายได้ดังเดิม พี่ชาน่ายินดีด้วย ทำตามใจพ่อแม่หากน้องทำได้ แต่หากทำไปแล้ว ไม่ได้ผลก็ขอทำความดีทดแทนให้ผลดีนั้นงอกงามชดใช้กับความเสียใจที่เราเคยทำให้ท่านผิดหวังละกัน
ขอบคุณสำหรับจดหมายและการแชทกับแฟนคลับหลายคนที่ทักทายและถามไถ่กันอยู่เสมอ แม้ชาน่าจะไม่ค่อยมีเวลาในการตอบมากนักแต่หนึ่งความรู้สึกนั้นเราสื่อถึงกันได้และเราจะอยู่ด้วยกัน เป็นกำลังใจให้ซึ่งกันและกันนะจ๊ะ...
ชาน่า ... เรียงร้อยถ้อยคำ จาก เมือง Napoli หรือ Naples ประเทศ Italy