Skip to main content

นักดนตรีกลุ่มนี้ขับเคลื่อนด้วยความรัญจวนจากฤดูความว่างของชีวิต

ออกไปเล่นดนตรีบรรเลงชีวิตร่วมกัน


หรือจะพูดอีกที การมาถึงของพวกเขาใต้สวรรค์ ไม่ต่างจากฝูงปลาดุกหนีน้ำแถกเหงือกมาหากันในช่วงหน้าแล้ง หนวดยั้วคลุกนัวกันมาบนโคลนเปียกๆ เหนียวเหนอะไปยังถิ่นที่คาดว่าจะมีน้ำ สีผิวฝูงปลาดุกเลื่อมมันน่าเกรงขาม


การมาของพวกเขา วางแผนกันมาอย่างดี ถึงขนาดยกครัวไว้ท้ายรถกระบะ มีทั้งครกตำเครื่อง กระต่ายขูดมะพร้าว มะพร้าวเห็นเป็นลูกๆ ข้าวสาร ปลาแห้ง เกลือ พริก กระเทียม ข่า ขมิ้น หม้อ จานชามช้อน มือตำเครื่องมือปรุง มือเชิดหนังตะลุง และมือคุมเครื่องเสียงเสร็จสรรพ


ปีที่แล้วฝูงของพวกเขารวมตัวกันได้ถึง 21 ชีวิต ผมเปิดลานบ้านเป็นที่หลับที่นอนแบบยุงกลัวบินข้ามผ่าน และต้องใช้พื้นที่ครัวขยายลงพื้นดิน


ผมเปิดประตูบ้านต้อนรับพวกเขามาเป็นปีที่ 5 จากปีก่อนโน้นผมยังอยู่บ้านเช่าใกล้โรงเลี้ยงไก่ฮวง ยามพวกเขาซ้อมวงทำเอาไก่ฮวงทั้งเล้าแตกตื่น เพื่อนบ้านสงสัยว่านักดนตรีเร่ร่อนเผ่าใดหลบมาค้างคืนอยู่ท้ายหมู่บ้าน

 

 


ช่วงเวลาซ้อมเพลงของพวกเขา จริงจังชัดเจนไม่ต่างจากช่วงเวลาเล่นจริงบนเวที ไม่มีออมแรงออมเสียง เปล่งเสียงออกมาได้ตามแต่ใจอยากกะโกนร้องออกไป


ผมเป็นเพื่อนรักกับหัวหน้าวง นิยุติ สงสมพันธุ์ พี่ชายแท้ๆของกนกพงศ์ สงสมพันธุ์ มากว่าสองทศวรรษ ความเป็นเพื่อนไม่เคยลดน้อยถอยลง


ผมนึกถึงช่วงเวลานานมา ที่ผมพาหน้าตาแห้งๆไปขอนอนตามผับร้านอาหารกลางมหานคร หลังจากเพื่อนเล่นดนตรีจบ

บางคืน กว่าจะได้นอนก็เห็นขอบฟ้าตะวันออกเรืองแสงของวันใหม่

ใต้สวรรค์” (อ้ายแสงดาว ศรัทธามั่นกวีเมืองเหนือบอก ไม่ใช่นรก) ไม่ว่าจะใช้มือโซโลกีตาร์เปลืองมากี่คน มือเบสเปลี่ยนหน้า นิยุติก็ยังอยู่ที่เดิม ยังยืนอยู่กลางวง ห้อมล้อมด้วยเครื่องดนตรีของเขา แมนโดลิน ฮาร์โมเนี่ยม แอคคอเดียน และแซ็กโซโฟน ถ้าไม่มีมือกีตาร์มาด้วย เขาก็สามารถหยิบมาเล่นได้ และเล่นได้ดีเสียด้วย


5 in 1
ไฟท์อินวันในเครื่องดนตรี ถ้ารวมฮาร์โมนิกากับแบนโจเข้าไปด้วย ซึ่งเขาเป่าและเล่นได้ดีเช่นกัน ก็จะกลายเป็น 7 ชิ้น พูดง่ายๆว่าในตัวเขามีเครื่องดนตรีอยู่ 7 ชิ้น

ความสามารถของเขา(นิยุติ) เอาชีวิตเป็นเดิมพันมาตลอด ตั้งแต่รู้จักกันมา เขาไม่เคยห่างจากเครื่องดนตรี

 


พวกเขามาร่วมงาน ”มกราคม อำลา ‘รงค์ วงษ์สวรรค์” วันและสัปดาห์สุดท้ายของเดือนมกราคม ณ หอศิลปวัฒนธรรม มหาวิทยาลัยเชียงใหม่


เพลงของพวกเขามีท่วงทำนองเพลงร็องแง็ง เพลงท้องถิ่นของชาวมุสลิมทางใต้ และชาวเลตามเกาะต่างๆในอันดามัน อีกทั้งมีท่วงท่าของเพลงหนังตะลุง มโนราห์ กาหลอ ซึ่งมีเครื่องดนตรีอย่างกลอง ทับ กลับ โหม่ง ฉิ่ง ฉาบ ปี่ รวมอยู่ด้วย


ดนตรีพวกเขาจึงไม่ต่างจากแกงสมรม หรือแกงโฮะทางเหนือ ใส่รสแต่งกลิ่นอย่างซื่อสัตย์ต่อเครื่องปรุง ทุกอย่างลงไปหลอมอยู่ในหม้อ อาศัยมือปรุงกำกับเลือกตักช้อนขึ้นมาเอง ว่าจะเลือกกินอย่างใดก่อนหลัง


การมาของพวกเขาเป็นคลื่นคนดนตรีที่ดูรูปลักษณ์ไร้ระบบไร้ระเบียบ ดิบเถื่อน หัวดื้อ รุงรัง ตัดตรงข้ามกับท่าทีอ่อนน้อมถ่อมตัว ขณะเนื้อเพลงของพวกเขาเต็มไปด้วยระเบียบวินัยอย่างเคร่งครัด ชัดถ้อยชัดคำ ไม่เว้นห้องคลุมเครือหรือช่องว่างเผื่อให้หลงทาง จนปล่อยเครื่องดนตรีชิ้นหนึ่งชิ้นใดให้มุดดำน้ำ เอ้อระเหยหาความเพลิดเพลินอยู่ตามลำพัง


กลุ่มก้อนของพวกเขาแลดูอานุภาพอันทรงพลังของเครื่องจักรชีวภาพ เพียงแต่พวกเขาเคลื่อนไหวอยู่ใต้ดิน

มางานฮิปปี้คนสุดท้าย” สมาชิกคนหนึ่งพูดด้วยสำเนียงใต้ใต้เรียวหนวด พูดไปหัวเราะไปอย่างครื้นเครง


ครั้งนี้พวกเขาเคลื่อนมาด้วยจำนวน 15 ชีวิต สมาชิกหนึ่งในสามส่วนวางใจกับทรงผมตามแบบบ็อบ มาร์เลย์ เดดล็อก ศิลปินเร็กเก้จากหมู่เกาะในคาริเบียน หรือจะเรียกว่าผมทรงฟั่นเชือกหรือทรงรังไก่ อันคงไว้ซึ่งความเหนียวหนาหนัก


การเคลื่อนของฝูงปลาดุกหน้าแล้ง พวกเขาเตรียมตัวนานเป็นเดือน ช่วงเวลานัดหมายรวมฝูง หมายถึงช่วงเวลาปลอดศูนย์พูนสวัสดิ์ ทรัพย์สมบัติลาภไม่มีพร้อมกัน

พร้อมออกเดินทางไปข้างหน้า

เข็มทิศของพวกเขาไม่ยืมมือโจรสลัด ไม่ถือเอายามอุบากองนำทาง แต่ถือเอาความสะดวกของคนสุดท้ายที่เข้ารวมฝูง ด้วยยานพาหนะอย่างน้อย 2 คัน คันหนึ่งขนคน อีกคันหนึ่งขนของที่มีทั้งเครื่องเสียง เครื่องดนตรี เครื่องมือทำอาหาร จอผ้าและแผงรูปหนังตะลุง หนังสือ แผ่นซีดี เสื้อยืด เต็นท์ ฯลฯ


ถ้าพวกเขาสามารถขนบูดู พุงปลา กุ้งส้ม แป้งแดงขึ้นมาได้ พวกเขาคงขนมาด้วย ทั้งขายและปรุงกินระหว่างเดินทาง


นิยุติบอกว่า กว่าจะรวมตัวกันได้แต่ละครั้ง ต้องบอกล่วงหน้านาน แต่ละคนต้องจัดการตัวเอง ให้คนละทิศละทางของแต่ละคนหันหน้าไปทางเดียวกัน


สมาชิกในวงประกอบอาชีพกันหลากหลาย ทำอาร์ตเวิร์คออกแบบสิ่งพิมพ์ คนขายของในตลาด คนขายกาแฟ คนทำร้านอาหาร คนกรีดยาง คนทำสวน คนเล่นดนตรีไปเรื่อยๆ ฯลฯ ที่ดูราวไม่เกี่ยวกับเพลงดนตรีเอาเสียเลย


เปล่า!! ดนตรีเป็นส่วนหนึ่งของชีวิตพวกเขา พร้อมนำออกแสดงทันทีที่รวมวงเข้าด้วยกัน


เด็กบ้านๆเล่นดนตรี” มือเพอคัสชั่นที่มีลายสักตามตัวพูดด้วยน้ำเสียงถ่อมตัวถ่อมตน พูดไปยิ้มไปด้วยสายตาเยิ้มสู้ยอดมะพร้าว

เขารักเครื่องมือของเขาอย่างกับผูกโยงไว้กับเลือดเนื้อในเส้นเอ็น ฉิ่ง ฉับ กลับ โหม่ง ราวเหล็ก กระดิ่ง แทมเบอร์ลิน ฯลฯ สีเสียงเติมช่องว่างจังหวะรุกเร้าระหว่างเครื่องดนตรีอย่างออกรสทะเลเค็ม


ดนตรีของใต้สวรรค์ ชักชวนจังหวะหนังตะลุง มโนราห์ ร็องแง็งและเร็กเก้มาอยู่ด้วยกัน บรรเลงร่วมกัน ในสัดส่วนเพลงเรียบเรียงรับส่งกันให้เกิดความสนุกสนาน เพลิดเพลิน สราญใจ

พร้อมเชิญชวนให้ผู้ฟังขยับแข้งขา ยักไหล่โยกคอ หรือหลงลืมห้วงลมหายใจหน่วงหนักไปได้


อิทธิพลเร็กเก้แมนจากเกาะในคาริเบียน หลอมรวมกับกลองรำมะนาอันดามัน และปี่มโนราห์เชิดหนังตะลุง หลอมลึกอยู่ในตัวนิยุติ ผู้เป็นหัวเรือหลอมเรียบเรียงเพลงร่วมกับเพื่อนพ้องในชาวคณะ


ด้วยเพลงของพวกเขาไม่ค่อยมีเนื้อร้อง แต่เล่าเรื่องผ่านเครื่องดนตรีแต่ละชิ้น บอกความรู้สึกผ่านสำเนียงที่เปล่งออกมา นิยุติพูดด้วยอารมณ์ชวนหัวขำขันยามกลับไปเล่นให้ชาวบ้านถิ่นแดนใต้ฟัง


ชาวบ้านบอกเขาเล่นเพลงคาราโอเกะ คือเพลงไม่มีเนื้อร้อง”…

วัยรุ่นแดนใต้บางถิ่น ถึงกับตื่นเต้นพอมีเนื้อร้องเข้ามาในเพลง

ถึงเนื้อร้องเสียที กูได้ยินเพลงมันแล้วว่ามันบอกอะไรมั่ง”…

วัยรุ่นบางถิ่นตะโกนขอเพลงมาลีฮวนนา น้อยคนหรือเปล่ารู้ว่ามาลีฮวนน่าคือกัญชา


“(
)มึงฟังแล ก็เขาเล่นเพลงมาลีฮวนน่าอยู่แล้ว ()มึงได้ยินแล้วหม้าย(ยัง) เพลงคนเลวนั่นแหละมาลีฮวนน่า”…

*** เพลง คนเลว เขียนโดย กนกพงศ์ สงสมพันธุ์

บล็อกของ ชนกลุ่มน้อย

ชนกลุ่มน้อย
 อยู่กับบ้านหนึ่งวัน ฝนกำลังตก ถนนลาดยางผ่านหน้าบ้านเปียกน้ำ มันข้ามรางรถไฟมุ่งไปยังทะเลสาป ผมมองเห็นฉากเก่าๆผ่านเข้ามา รถบรรทุกไม้ฟืนรถไฟแล่นผ่านหน้าไป มันอัดแน่นด้วยไม้เนื้อแข็งขนาดหนึ่งวา ผ่าซีกดูขาวๆเหมือนกระดูกสัตว์ ผมใส่แผ่นซีดี Shangri-la ของ MARK KNOPFLER ลงในเครื่องเล่นซีดี เลือกเอาเพลง Whoop de doo  “ถ้าฉันกำลังทำเรื่องใหญ่ด้วยย้อนคืนกลับบ้านฉันไม่ได้มุ่งตรงดิ่งไปสู่คำตอบใดๆของฉันและน้ำตาก็ไม่ได้มาง่ายๆหนทางที่ถูกใช้ไปสู่ Whoop de doo...”
ชนกลุ่มน้อย
คุณเดินไปตามทางดินแคบๆ ลัดเลาะสวนรกเรื้อที่ปล่อยให้ไม้ทุกชนิดขึ้นมาได้ คุณมองหาต้นมะปริงที่เด็กชายตัวน้อยๆ แอบย่องขึ้นไปเด็ดลูกสุกกิน กว่าจะได้กินก็ต้องสู้กับฝูงมดแดงยกโขยง มันไม่อยู่แล้ว มองหามะไฟต้นใหญ่ขนาดรอบโอบผู้ใหญ่ คุณเคยปีนขึ้นไปซ่อนตัวเงียบอยู่บนยอดราวกับลูกลิงขโมย มันไม่อยู่แล้ว   แล้วไปเกาะรั้วลวดหนาม ยืนมองทุ่งนากว้าง ซึ่งบัดนี้กลายสภาพเป็นที่เลี้ยงวัว ไม่มีร่องรอยเส้นซังข้าวแม้แต่เส้นเดียว นาข้าวร้างต้นข้าวมากว่าสิบปี แล้วคุณก็กวาดตามองครอบครัวยางนา มันอยู่เป็นครอบครัวจริงๆ ห้าหกต้น ต้นใหญ่สุดนั้นผู้ใหญ่สามคนโอบแทบไม่รอบทีเดียว…
ชนกลุ่มน้อย
นางมาถึงหมู่บ้านเหมือนนกย้ายถิ่นประจำฤดู ไม่มีใครรู้ว่านางมาถึงหมู่บ้านไหนเดือนไหน และเลือกเข้าไปบ้านใครก่อน ทุกคนในหมู่บ้านต่างรู้ว่านางจะมา ไม่ว่าเด็กหรือผู้ใหญ่ ต่างเรียกนางจนติดปากว่า ซามูนะห์ซามูนะห์มาแล้ว ในความรู้สึกของเด็ก น่าสยอง น่าขนลุกขนพอง ใช่แล้ว หญิงบ้ากำลังเข้ามาหมู่บ้าน เด็กคนไหนดื้อเกิน มักจะโดนพ่อแม่ขู่ จะให้ซามูนะห์จับใส่สอบนั่ง พาไปขาย เด็กจะเงียบกริบ ผมเป็นหนึ่งในจำนวนเด็กกลัว เด็กไม่กลัวจะโต้ตอบอีกอย่าง เอากรวดปา หรือกระป๋องนมปาใส่นาง นางหยุดกึกบ่นพึมพำ ทำท่ายกไม้ยกมือปัดป้อง แล้วผู้ใหญ่ก็เข้ามาไล่พวกเด็กกลุ่มไม่กลัวนางอีกที
ชนกลุ่มน้อย
วจีเอ่ยเอื้อนออกไปอาจมิใช่ดังใจรู้สึกหากแต่เราคงดำเนินต่อข้ามผ่านกาลคืนค้นหาแรกก้าวจากเริ่มต้นจนพลันหายไปในอากาศพยายามเข้าใจ...จะดำรงอยู่อย่างมีเราอย่างไร ณ ที่นั้นสบเข้าไปนัยน์ตาเธอมิใช่ใครเลยที่ฉันรู้จักดื่มด่ำความงงงันอันว่างเปล่าด้วยสำนึกที่แสนเปลี่ยวเหงาณ บัดนี้ สำหรับฉัน บางคำผุดขึ้นมาอย่างง่ายดายซึ่งฉันรู้ว่ามิมีความหมายมากมายหากเปรียบเทียบกับคำกล่าวเมื่อฅนรักได้สัมผัสเธอมิอาจรู้ว่าสิ่งใดที่ทำให้ฉันรักในเธอและฉันเองก็มิอาจรู้ว่าเธอรักสิ่งใดในความเป็นฉันอาจเป็นภาพของใครบางฅนที่เธอคาดหวังตื่นขึ้นมาอีกครั้ง ฉันมิอาจเสแสร้งใดใด…
ชนกลุ่มน้อย
ไม่มีสถานที่ไหน ผูกมัดใจผมไว้แน่นเท่าที่แห่งนี้ เป็นแววตาของพ่อที่มองลูกด้วยความเอ็นดู ดินแดนที่เราเหล่าเด็กๆไม่ได้ไปบ่อย หนึ่งปีผ่านไปเพียงหนึ่งครั้งเท่านั้น เวลาอื่นราวกับมันเป็นสถานที่ต้องห้าม และน่าเกรงกลัว ความจริงในโลกของเด็กชาย ต้องเดินไปเรียนหนังสือตามทางรถไฟ ไปกลับวันละ 10 กิโลเมตร เพียงมองข้ามผ่านทุ่งนาไปทางทิศตะวันตก ห่างราวครึ่งกิโลเมตร ก็เห็นแนวป่าทึบเป็นกำแพงหนา ล้อมไม้ใหญ่ต้นสูงเสียดฟ้าต้นหนึ่ง มีธงเหลืองปลิวอยู่เหนือยอดไม้ มองไม่เห็นโรงธรรม กุฎิ หรือต้นลั่นทมเก่าแก่ล้อมโรงธรรม เดินผ่านทุกครั้ง ในใจผมผุดพรายถึงฉากนั้น…
ชนกลุ่มน้อย
ภาพขาวดำที่มีอายุยืนยาว  เหมือนแสงส่องเข้าไปไม่ถึง  ตรึงอยู่ในเบื้องลึกของก้นบึ้งความทรงจำ  มันแตกพร่ามาสั่นไหวดวงใจทุกครั้งที่นึกรำลึก  จริงเหมือนไม่เคยมีจริง   ภาพเบลอมัวหม่นเต็มไปด้วยความรู้สึกดีเหลือเกิน  ปลอดภัย  เป็นสุข สงบ  ไม่ร้อน  ไม่รน  สีของความเก่าแก่  สีของนักบวช  เพียงไม่นึกถึงมันก็ถอยร่นไปอยู่ลึก  ราวกับถูกลืมเลือนหายไปสิ้นผมกลับไปเดินบนทางดินสายนั้น  ทางเลียบลำคลองที่ออกไปสู่ทะเลสาบสงขลา  ทำให้นึกถึงครั้งหนึ่ง  เคยเดินตามหลังแม่ชีทุกเช้า  กลิ่นแม่ชีเป็นกลิ่นนักบวช …
ชนกลุ่มน้อย
ทางไปนาเหมือนทางเดินในสนามเพลาะ   ขุดลึกลงไปในดินด้วยแรงน้ำกัดเซาะ  จะว่าไปน่าจะเป็นผลพวงของการขนไม้หมอนรถไฟ   เส้นทางชักลากไม้สมัยคนรุ่นปู่ยังหนุ่ม  ไม้ล้มลงจำนวนมหาศาลต่อเนื่องกันหลายปี  ไปเป็นไม้หมอนรถไฟร่องรอยเหลือไว้  คือเส้นทางขุดลึกลงไปในดินเมื่อยี่สิบกว่าปีที่แล้ว  มันเป็นทางเดียวที่พาผมไปพบกับผ้าร้ายควายผ้าร้ายควายชั้นดีอยู่ในป่าพรุ  โคลนลึกถึงหน้าขาผู้ใหญ่  บางช่วงเลยบั้นเอว  บางช่วงผู้ใหญ่จะรู้กันว่า  เป็นวังโคลนดูด  โคลนมีชีวิตดูดวัวควายตายไปนักต่อนัก  โดยเฉพาะวัวควายที่โจรขโมยมา …
ชนกลุ่มน้อย
ถ้าเกาะสี่เกาะห้าเป็นเรื่องสั้น  ใครก็คงคิดว่าต้องเป็นเรื่องสั้นขนาดยาว  แต่คุณกลับเห็นต่าง  ใครคงคาดไม่ถึงกระมังว่า  ความจริงมากพอที่จะนับเป็นนวนิยายได้สบายๆนั้น  คุณกลับไม่เห็นเป็นนวนิยาย  คุณอ้างถึงข้อมูลที่คุณมีอยู่เพียงน้อยนิด  ไม่ได้มีมโหฬารขนาดใส่โบกี้รถไฟ  เรื่องสั้นๆห้วนๆขาดๆเกินๆ  คุณจะทำอะไรได้มากไปกว่านั่งมอง  แม้คุณจะบอกใครๆว่าคุณเห็นเกาะสี่เกาะมาตั้งแต่จำความได้ก็ตาม  ในสายตาของคุณ  เกาะสี่เกาะห้าเป็นแค่เรื่องสั้นที่ไม่เคยมีใครเขียนจบ ไม่มีใครอยากให้คุณรู้มากไปกว่า  เกาะรังนกนางแอ่นหรือรังนกแอ่นทำรังอยู่กลาง(ทะ)…
ชนกลุ่มน้อย
แม่บอกว่า  ล้างข้าวสารหลายน้ำหน่อย  ผมรับหม้อข้าวจากมือแม่  ด้วยอยากช่วยแม่หุงข้าว  แม่กรอกหม้อมาเรียบร้อยแล้ว  เหลือเพียงนำไปใส่น้ำ   ผมพูดกับแม่ทันที  ไม่ล้างจะดีกว่ามั้ย  เพราะข้าวขาวเหลือแต่แกน  เมล็ดผอม  ขัดสีผิวจนเมล็ดขาวนวล   ตามความเข้าใจที่ว่า  วิตามินในข้าวจะหายไป   แต่แม่ตอบกลับมาว่า  ข้าวสารสมัยนี้ ไม่ใช่ข้าวสารสมัยก่อน    แม่ชี้ให้ดูกระสอบข้าวสาร  หนึ่งกระสอบปุ๋ยราคาหลายร้อยบาท  ผมดูตัวหนังสือข้างถุง  บอกวันเดือนปีที่ผลิต  ชื่อพันธุ์ข้าว จังหวัดที่ผลิต …
ชนกลุ่มน้อย
ไม่น่าเชื่อว่า  ขี้มัน  จะเกี่ยวกับพร้าวห้าว  คนถิ่นอื่นให้ความหมายของพร้าวห้าวกับขี้มันอย่างไร?
ชนกลุ่มน้อย
อย่างหนึ่งต้องทำ  นั่นคือผมต้องไปสวนยาง เดินทางมากว่าหนึ่งพันกิโลเมตร  เดินต่อไปอีกสองสามกิโลเมตร  ไม่ใช่เรื่องยากเลย  พลันไปยืนอยู่ท่ามกลางต้นยาง  ความโปร่งโล่งก็ปรากฏ  จับจิตจับใจ  แน่นอนว่า ไม่ใช่ความรู้สึกของการงานคนกรีดยาง (ตัดยาง) แน่ๆ  เพราะธรรมชาติของการตัดยางนั้น  เป็นงานที่เหนื่อยหนักเอาการ (ออกอาการ) ทีเดียวแต่ผมไปในชั่วโมงนี้แบบตากอากาศ ลมพัดแรง ไม่ได้ยินเสียงอย่างอื่น นอกจากเสียงใบยางดังลั่นสนั่นป่า เปลี่ยว ลิบๆ ว่างเวิ้งโหวงเหวง ต้นยางต่อต้นเป็นแถวเป็นแนวสุดตา ไม่มีใครอยากมาเดินดูชมอะไรตามลำพังเช่นนี้หรอก      …
ชนกลุ่มน้อย
ถนนคดเป็นงู  ข้ามผ่านหารกง – (พี่ชายของหนองน้ำ) เหลนของสายคลองหัวท้ายตัน  ความยาวเดิมเกือบ 100 เมตร  ตอนนี้มันหดสั้นลงเหลือครึ่งหนึ่ง  อีกไม่เกินสิบปีกระมัง  มันอาจหดลงเหลือแค่คืบไว้ดูเป็นขวัญตา  ให้เด็กรุ่นผมได้นึกย้อนความหลัง  เดินเปลือยล่อนจ้อนตัดกลางหมู่บ้านหน้าตาเฉย  ไปให้ถึงหัวสะพาน  แล้วกระโดดน้ำกันอย่างหนุกหนาน(สนุกและสนาน)