Skip to main content

นักดนตรีกลุ่มนี้ขับเคลื่อนด้วยความรัญจวนจากฤดูความว่างของชีวิต

ออกไปเล่นดนตรีบรรเลงชีวิตร่วมกัน


หรือจะพูดอีกที การมาถึงของพวกเขาใต้สวรรค์ ไม่ต่างจากฝูงปลาดุกหนีน้ำแถกเหงือกมาหากันในช่วงหน้าแล้ง หนวดยั้วคลุกนัวกันมาบนโคลนเปียกๆ เหนียวเหนอะไปยังถิ่นที่คาดว่าจะมีน้ำ สีผิวฝูงปลาดุกเลื่อมมันน่าเกรงขาม


การมาของพวกเขา วางแผนกันมาอย่างดี ถึงขนาดยกครัวไว้ท้ายรถกระบะ มีทั้งครกตำเครื่อง กระต่ายขูดมะพร้าว มะพร้าวเห็นเป็นลูกๆ ข้าวสาร ปลาแห้ง เกลือ พริก กระเทียม ข่า ขมิ้น หม้อ จานชามช้อน มือตำเครื่องมือปรุง มือเชิดหนังตะลุง และมือคุมเครื่องเสียงเสร็จสรรพ


ปีที่แล้วฝูงของพวกเขารวมตัวกันได้ถึง 21 ชีวิต ผมเปิดลานบ้านเป็นที่หลับที่นอนแบบยุงกลัวบินข้ามผ่าน และต้องใช้พื้นที่ครัวขยายลงพื้นดิน


ผมเปิดประตูบ้านต้อนรับพวกเขามาเป็นปีที่ 5 จากปีก่อนโน้นผมยังอยู่บ้านเช่าใกล้โรงเลี้ยงไก่ฮวง ยามพวกเขาซ้อมวงทำเอาไก่ฮวงทั้งเล้าแตกตื่น เพื่อนบ้านสงสัยว่านักดนตรีเร่ร่อนเผ่าใดหลบมาค้างคืนอยู่ท้ายหมู่บ้าน

 

 


ช่วงเวลาซ้อมเพลงของพวกเขา จริงจังชัดเจนไม่ต่างจากช่วงเวลาเล่นจริงบนเวที ไม่มีออมแรงออมเสียง เปล่งเสียงออกมาได้ตามแต่ใจอยากกะโกนร้องออกไป


ผมเป็นเพื่อนรักกับหัวหน้าวง นิยุติ สงสมพันธุ์ พี่ชายแท้ๆของกนกพงศ์ สงสมพันธุ์ มากว่าสองทศวรรษ ความเป็นเพื่อนไม่เคยลดน้อยถอยลง


ผมนึกถึงช่วงเวลานานมา ที่ผมพาหน้าตาแห้งๆไปขอนอนตามผับร้านอาหารกลางมหานคร หลังจากเพื่อนเล่นดนตรีจบ

บางคืน กว่าจะได้นอนก็เห็นขอบฟ้าตะวันออกเรืองแสงของวันใหม่

ใต้สวรรค์” (อ้ายแสงดาว ศรัทธามั่นกวีเมืองเหนือบอก ไม่ใช่นรก) ไม่ว่าจะใช้มือโซโลกีตาร์เปลืองมากี่คน มือเบสเปลี่ยนหน้า นิยุติก็ยังอยู่ที่เดิม ยังยืนอยู่กลางวง ห้อมล้อมด้วยเครื่องดนตรีของเขา แมนโดลิน ฮาร์โมเนี่ยม แอคคอเดียน และแซ็กโซโฟน ถ้าไม่มีมือกีตาร์มาด้วย เขาก็สามารถหยิบมาเล่นได้ และเล่นได้ดีเสียด้วย


5 in 1
ไฟท์อินวันในเครื่องดนตรี ถ้ารวมฮาร์โมนิกากับแบนโจเข้าไปด้วย ซึ่งเขาเป่าและเล่นได้ดีเช่นกัน ก็จะกลายเป็น 7 ชิ้น พูดง่ายๆว่าในตัวเขามีเครื่องดนตรีอยู่ 7 ชิ้น

ความสามารถของเขา(นิยุติ) เอาชีวิตเป็นเดิมพันมาตลอด ตั้งแต่รู้จักกันมา เขาไม่เคยห่างจากเครื่องดนตรี

 


พวกเขามาร่วมงาน ”มกราคม อำลา ‘รงค์ วงษ์สวรรค์” วันและสัปดาห์สุดท้ายของเดือนมกราคม ณ หอศิลปวัฒนธรรม มหาวิทยาลัยเชียงใหม่


เพลงของพวกเขามีท่วงทำนองเพลงร็องแง็ง เพลงท้องถิ่นของชาวมุสลิมทางใต้ และชาวเลตามเกาะต่างๆในอันดามัน อีกทั้งมีท่วงท่าของเพลงหนังตะลุง มโนราห์ กาหลอ ซึ่งมีเครื่องดนตรีอย่างกลอง ทับ กลับ โหม่ง ฉิ่ง ฉาบ ปี่ รวมอยู่ด้วย


ดนตรีพวกเขาจึงไม่ต่างจากแกงสมรม หรือแกงโฮะทางเหนือ ใส่รสแต่งกลิ่นอย่างซื่อสัตย์ต่อเครื่องปรุง ทุกอย่างลงไปหลอมอยู่ในหม้อ อาศัยมือปรุงกำกับเลือกตักช้อนขึ้นมาเอง ว่าจะเลือกกินอย่างใดก่อนหลัง


การมาของพวกเขาเป็นคลื่นคนดนตรีที่ดูรูปลักษณ์ไร้ระบบไร้ระเบียบ ดิบเถื่อน หัวดื้อ รุงรัง ตัดตรงข้ามกับท่าทีอ่อนน้อมถ่อมตัว ขณะเนื้อเพลงของพวกเขาเต็มไปด้วยระเบียบวินัยอย่างเคร่งครัด ชัดถ้อยชัดคำ ไม่เว้นห้องคลุมเครือหรือช่องว่างเผื่อให้หลงทาง จนปล่อยเครื่องดนตรีชิ้นหนึ่งชิ้นใดให้มุดดำน้ำ เอ้อระเหยหาความเพลิดเพลินอยู่ตามลำพัง


กลุ่มก้อนของพวกเขาแลดูอานุภาพอันทรงพลังของเครื่องจักรชีวภาพ เพียงแต่พวกเขาเคลื่อนไหวอยู่ใต้ดิน

มางานฮิปปี้คนสุดท้าย” สมาชิกคนหนึ่งพูดด้วยสำเนียงใต้ใต้เรียวหนวด พูดไปหัวเราะไปอย่างครื้นเครง


ครั้งนี้พวกเขาเคลื่อนมาด้วยจำนวน 15 ชีวิต สมาชิกหนึ่งในสามส่วนวางใจกับทรงผมตามแบบบ็อบ มาร์เลย์ เดดล็อก ศิลปินเร็กเก้จากหมู่เกาะในคาริเบียน หรือจะเรียกว่าผมทรงฟั่นเชือกหรือทรงรังไก่ อันคงไว้ซึ่งความเหนียวหนาหนัก


การเคลื่อนของฝูงปลาดุกหน้าแล้ง พวกเขาเตรียมตัวนานเป็นเดือน ช่วงเวลานัดหมายรวมฝูง หมายถึงช่วงเวลาปลอดศูนย์พูนสวัสดิ์ ทรัพย์สมบัติลาภไม่มีพร้อมกัน

พร้อมออกเดินทางไปข้างหน้า

เข็มทิศของพวกเขาไม่ยืมมือโจรสลัด ไม่ถือเอายามอุบากองนำทาง แต่ถือเอาความสะดวกของคนสุดท้ายที่เข้ารวมฝูง ด้วยยานพาหนะอย่างน้อย 2 คัน คันหนึ่งขนคน อีกคันหนึ่งขนของที่มีทั้งเครื่องเสียง เครื่องดนตรี เครื่องมือทำอาหาร จอผ้าและแผงรูปหนังตะลุง หนังสือ แผ่นซีดี เสื้อยืด เต็นท์ ฯลฯ


ถ้าพวกเขาสามารถขนบูดู พุงปลา กุ้งส้ม แป้งแดงขึ้นมาได้ พวกเขาคงขนมาด้วย ทั้งขายและปรุงกินระหว่างเดินทาง


นิยุติบอกว่า กว่าจะรวมตัวกันได้แต่ละครั้ง ต้องบอกล่วงหน้านาน แต่ละคนต้องจัดการตัวเอง ให้คนละทิศละทางของแต่ละคนหันหน้าไปทางเดียวกัน


สมาชิกในวงประกอบอาชีพกันหลากหลาย ทำอาร์ตเวิร์คออกแบบสิ่งพิมพ์ คนขายของในตลาด คนขายกาแฟ คนทำร้านอาหาร คนกรีดยาง คนทำสวน คนเล่นดนตรีไปเรื่อยๆ ฯลฯ ที่ดูราวไม่เกี่ยวกับเพลงดนตรีเอาเสียเลย


เปล่า!! ดนตรีเป็นส่วนหนึ่งของชีวิตพวกเขา พร้อมนำออกแสดงทันทีที่รวมวงเข้าด้วยกัน


เด็กบ้านๆเล่นดนตรี” มือเพอคัสชั่นที่มีลายสักตามตัวพูดด้วยน้ำเสียงถ่อมตัวถ่อมตน พูดไปยิ้มไปด้วยสายตาเยิ้มสู้ยอดมะพร้าว

เขารักเครื่องมือของเขาอย่างกับผูกโยงไว้กับเลือดเนื้อในเส้นเอ็น ฉิ่ง ฉับ กลับ โหม่ง ราวเหล็ก กระดิ่ง แทมเบอร์ลิน ฯลฯ สีเสียงเติมช่องว่างจังหวะรุกเร้าระหว่างเครื่องดนตรีอย่างออกรสทะเลเค็ม


ดนตรีของใต้สวรรค์ ชักชวนจังหวะหนังตะลุง มโนราห์ ร็องแง็งและเร็กเก้มาอยู่ด้วยกัน บรรเลงร่วมกัน ในสัดส่วนเพลงเรียบเรียงรับส่งกันให้เกิดความสนุกสนาน เพลิดเพลิน สราญใจ

พร้อมเชิญชวนให้ผู้ฟังขยับแข้งขา ยักไหล่โยกคอ หรือหลงลืมห้วงลมหายใจหน่วงหนักไปได้


อิทธิพลเร็กเก้แมนจากเกาะในคาริเบียน หลอมรวมกับกลองรำมะนาอันดามัน และปี่มโนราห์เชิดหนังตะลุง หลอมลึกอยู่ในตัวนิยุติ ผู้เป็นหัวเรือหลอมเรียบเรียงเพลงร่วมกับเพื่อนพ้องในชาวคณะ


ด้วยเพลงของพวกเขาไม่ค่อยมีเนื้อร้อง แต่เล่าเรื่องผ่านเครื่องดนตรีแต่ละชิ้น บอกความรู้สึกผ่านสำเนียงที่เปล่งออกมา นิยุติพูดด้วยอารมณ์ชวนหัวขำขันยามกลับไปเล่นให้ชาวบ้านถิ่นแดนใต้ฟัง


ชาวบ้านบอกเขาเล่นเพลงคาราโอเกะ คือเพลงไม่มีเนื้อร้อง”…

วัยรุ่นแดนใต้บางถิ่น ถึงกับตื่นเต้นพอมีเนื้อร้องเข้ามาในเพลง

ถึงเนื้อร้องเสียที กูได้ยินเพลงมันแล้วว่ามันบอกอะไรมั่ง”…

วัยรุ่นบางถิ่นตะโกนขอเพลงมาลีฮวนนา น้อยคนหรือเปล่ารู้ว่ามาลีฮวนน่าคือกัญชา


“(
)มึงฟังแล ก็เขาเล่นเพลงมาลีฮวนน่าอยู่แล้ว ()มึงได้ยินแล้วหม้าย(ยัง) เพลงคนเลวนั่นแหละมาลีฮวนน่า”…

*** เพลง คนเลว เขียนโดย กนกพงศ์ สงสมพันธุ์

บล็อกของ ชนกลุ่มน้อย

ชนกลุ่มน้อย
ขบวนรถด่วนยาวเหยียดปล่อยสองพ่อลูกลงสถานีพัทลุง   กระเป๋าเป้ใบใหญ่อย่างกับบ้านย่อมๆ  ทุกอย่างยัดอัดแน่นอยู่ในนั้น   ถ้ามีห้องน้ำยัดใส่เข้าไปได้  ผมก็คงจับยัดลงไปด้วยอยู่หรอก  อีกทั้งกล่องกระดาษ  กระเป๋าใส่ของฝาก  พะรุงพะรังอยู่ในอาการโกลาหลอยู่พักใหญ่  กว่าทุกอย่างจะวางกองอยู่ในความสงบ  
ชนกลุ่มน้อย
รถไฟชั้นนอน โบกี้ 7 คนแน่นเต็มตั้งแต่ต้นทาง เราสองพ่อลูกออกจะตื่นเต้นพอๆกัน เพราะเหลียวมองไปทางไหนก็เจอแต่ใบหน้าคนฝรั่ง เหมือนเดินทางอยู่อีกมุมโลก นี่เรากำลังกลับบ้านนะ ไม่ได้ไปต่างประเทศ อย่ามองจ้องหน้าเรานานๆแปลกๆอย่างนั้นสิ เรากำลังจะไปบ้าน นี่ลูกชายผม อายุแค่ 7 ขวบ เป็นเด็กว่านอนสอนง่าย อย่าห่วงเลยว่าเขาจะเสียงดังรบกวน ขอให้คุณๆเดินทางสู่ปลายทางกันให้มีความสุขที่สุด ห่างออกไปแค่หนึ่งช่วงตัว เป็นครอบครัวคนฝรั่งเศส หูมัธยมศึกษาปีที่สี่ห้าบอกว่าพวกเขาเป็นคนฝรั่งเศส ตุ๊ดตูเลอองฟร็อง .. บองชู .. ตูวาเบียง ..หวี๋ ..ตัวโอซี .. แกลเลคอมม็องตาเลวู.. ซาวะ ..หวี๋/น็อง ...…
ชนกลุ่มน้อย
หนังสือเดินทาง 7 เล่ม  กับเพลง 7 ซีดีอัลบั้มผมหลงชอบ ‘ตากอากาศ’ อย่างไม่ทราบสาเหตุ  ผมเห็นครั้งแรกจากหนังสือเล่มหนึ่ง  ตากอากาศกลางสนามรบ  นับแต่นั้นมา  ตากอากาศก็เข้ามาอยู่ในใจผม  มันให้ความรู้สึกนัยยะความหมาย  กว้างไกลเมื่อไปอยู่ร่วมคำอื่น  มีบวกลบอยู่ในนั้นผมถือโอกาสเชิญมาอยู่ร่วมในชื่อเรื่องอีกครั้งต้นฉบับชิ้นนี้ เขียนห่างฝั่งทะเลสาบสงขลาราว  10 กิโลเมตร  ผมกลับไปบ้านเกิด  แบบด่วนๆ  จึงต้องพกข้อมูลทุกอย่างใส่แฟ้ม  พร้อมต้นฉบับอื่นที่ค้างคา  รูปถ่าย  กล้องถ่ายรูป(ประจำตัว)  พร้อมเป้  และเจ้าชายน้อย 7 ขวบ…
ชนกลุ่มน้อย
เกิดหลงไปในเมฆอย่างฉับพลัน  อยากชวนไปดูเมฆ ฉากหลังเบื้องหลังของคนสัตว์สิ่งของ (ไม่เกี่ยวกับการต่อสู้รบฆ่ากันของมนุษย์) เรื่องของเรื่องก็คือผมผ่านไปเห็นอะไรที่เหมือนไม่เกี่ยวกับเมฆ มาตลอดสองสามสัปดาห์ที่ผ่านมา  แต่น่าแปลก กลับเกี่ยวกับเมฆตลอดเวลา  ดูเหมือนง่าย แต่ไม่ง่ายเลย กว่าจะได้ไปยืนอยู่เบื้องหน้ายอดอกเมฆก้อนนั้น ก้อนโน้นอันที่จริงจะเรียกว่า มองเมฆก่อนเห็นใดอื่น ก็ไม่ใช่ เห็นสองฝักราชพฤกษ์แล้วเกิดหลงรักในฝักที่ห้อยย้อยคู่ขนานลงมา   
เหมือนมันจะวัดวันยืนยาวกันหรือเปล่า ว่าใครร่วงหล่นก่อน ก็ไปนอนรออยู่บนพื้นดิน   แปลกแท้ …
ชนกลุ่มน้อย
บิเบ - พญาไฟนกเจ้าชายในแดนดงดิบ  ร่ำลือกันว่าทั้งหล่อเหลา ดุดัน ร้อนแรง และมีน้ำเสียงอันไพเราะ  ยามปีกสีเพลิงอยู่รวมปีก  ประหนึ่งต้นพริกเติบโตเป็นต้นไม้ใหญ่  แทบทำให้ป่าเปลี่ยนสี สักครั้ง บรรดานกสาวต่างหมายปองจะเห็นตัวจริงเสียงจริง .. สายเลือดกำเนิดบิเบในป่าสนขุนห้วย  งามปีกของมันเทียบเคียงกิ่งสนชรา  กิ่งบิดปลายเบี้ยวหักงอ ตะปุ่มตะป่ำ  วาดซ้ายขวาขึ้นไปบนท้องฟ้า  ยิ่งแก่กิ่งก้านยิ่งบิดงาม  ยิ่งแก่ยิ่งมีชั้นเชิงเติบโต สีเปลือกแตกลายกร้านโลก ยืนยันมีชีวิตอยู่บนภูเขาสูง  มองปีกเพลิงจากด้านไหน      …
ชนกลุ่มน้อย
เขาอยู่ด้วยกันสามคน  คนผอมบอบบางสูบยาสูบแทบตลอดเวลา  นั่งซึมเหม่อกับที่ได้คราวละนานๆ  กวาดสายตามองเลื่อนลอย เรื่อยเปื่อย  คนร่างมะขามข้อเดียว ดูแข็งแรงอยู่บนความเฉื่อยเนือย  เคลื่อนไหวเชื่องช้า  คนสุดท้ายร่างสันทัด  ดูแคล่วคล่องว่องไวที่สุด รู้จักงาน  ขยันทำงาน  เคลื่อนไหวไปมาแทบไม่หยุดหย่อนทั้งสามคนมาจากเมืองผาอาน  ข้ามน้ำสาละวินมาถึงป่าสาละวิน  ออกเดินลัดป่าเขา  รับจ้างไปตามหมู่บ้าน  ตามแต่ใครจะมีงานให้ทำ จนมาถึงป่าแม่น้ำเงานักรบยามหนีทัพ  ก็ดูไม่ต่างไปจากชาวบ้านปกติทั่วไปเขามาถึงป่าแม่เงาอย่างไม่คาดคิด  …
ชนกลุ่มน้อย
หน่อกล้วยกับมะพร้าวงอกหน่อ  ราวกับเพิ่มจำนวนมากขึ้นชั่วข้ามคืน  ผมสงสัยว่าพะเลอโดะจะเอาขึ้นรถอีกทำไม  มิหนำซ้ำยังเพิ่มจำนวนมากกว่าเดิมเป็นเท่าตัว  พะเลอโดะพูดทีเล่นทีจริงว่า  เราต้องอยู่รอดด้วยวิธีของเรา  ผมไม่เข้าใจ  แต่ไม่ได้ถามต่อ   พอรถจอดแล้วดับเครื่องยนต์  ปิดไฟ  ผมถึงรู้ความจริงใต้หน่อกล้วยกับมะพร้าวงอกหน่อ  มันเป็นเกราะกำบังที่สามารถคุ้มครองเราได้   ผมไม่นึกว่ากะฌอกับซอมีญอจะมารอกลับขึ้นรถกลับไปกับเราด้วยพะเลอโดะก็ไม่รู้ว่า เขาสองคนจะเอาอย่างไรกับชีวิต เหมือนเขาถูกปล่อยเข้าป่า  เขาจะหนีเข้าป่า  หลบๆ ซ่อนๆ…
ชนกลุ่มน้อย
นกปีกขาวบินมาจากทิศไหน ผมไม่ทันได้สังเกต มันบินวนอยู่เหนือโขดหิน ฉวัดเฉวียนไปเหนือหลังคาบ้านริมฝั่งแม่น้ำ ดูมันคุ้นเคยกับอากาศอึมครึมรอบตัว ไม่มีใครใส่ใจว่ามันจะบินมาอีกหรือไม่ บินไปทางไหน สิ้นสุดลงที่ใด ผมมองตามปีกไหวๆ สลับไปมากับมองแม่น้ำ มองลุงเวยซาที่ยืนเป็นหินไปแล้ว ชั่วขณะหนึ่งนั่นเอง มันตีปีกทะยานบินข้ามแม่น้ำเต็มฝั่ง หายเข้าไปอีกฟากแม่น้ำ แล้วชั่วอึดใจต่อมาก็มีเสียงปืนดังขึ้นหนึ่งนัด เสียงปืนดังเป็นคลื่นสะท้อนกังวานข้ามแม่น้ำ ผ่านไปในร้านก๋วยเตี๋ยว ขนมจีนน้ำเงี้ยว ร้านกาแฟ ป้อมค่ายทหาร ร้านค้าขายสิ่งของจิปาถะ แล้วสะท้อนกลับไปมาอีกครู่หนึ่ง…
ชนกลุ่มน้อย
พะเลอโดะพูดกับพวกเราว่า  ถ้าไม่มาถึงในเดือนกันยายน  เราคงไม่ได้เห็นน้ำโข่โละโกรเต็มฝั่ง   แล้วยังพูดถึงแม่น้ำใหญ่อีกว่า  ดูราวอวัยวะภายในขับเคลื่อนด้วยเครื่องจักรกลโบราณ  ท้องไส้เต็มไปด้วยโขดหินแหลมคม  ประกอบขึ้นเป็นผนังแม่น้ำ  เครื่องกลโบราณที่มีอายุใช้งานเก่าแก่เต็มที  พัดน้ำปั่นหมุนน้ำวนขึ้นผิวน้ำเป็นรูปดอกเห็ดบานเต็มที่  วนไหลต่อเนื่องดอกต่อดอกสะพรั่งตามน้ำไปอย่างน่าเกรงขาม  ท้องไส้ภายในโข่โละโกรบิดเกลียวไปตามท้องร่องอันเต็มไว้ด้วยซากไม้ตาย   ท่อนซุงไร้สัญชาติ  หินไหล กรวดทรายปลิว   ซากศพคนนิรนามตามน้ำ …
ชนกลุ่มน้อย
ลองแหวกพื้นเหล็กของรถจิ๊ปรุ่นสงครามโลกสิ   ก็จะพบหลุมหลบภัยจำนวนมากซ่อนไว้อย่างมิดชิด   มันอยู่ท่ามกลางความซับซ้อนของเครื่องยนต์กลไก  พะเลอโดะพูดไปพลางหัวเราะ  มีหลุมซอกซอนไปได้ทั้งคันแหละ  อยู่ใต้เบาะนั่ง  ในกลักไม้ขีดไฟ  ตามกระเป๋ากางเกง ในกล่องลังเครื่องมือ  เข้าไปในเชสซี  ยากที่สายตาจะมองผ่านไปเห็นได้ง่ายๆ   แต่ลุงเวยซากลับบอกว่า  ศาลเจ้าต้นจูเกริมน้ำแม่เงา  ช่วยปกปักรักษาพวกเราไว้  พะเลอโดะบอกว่า  ตะเคียนใหญ่ต้นนั้นศักดิ์สิทธิ์  รับคำบนบานศาลกล่าว  มีสายตาที่มองไม่เห็นอีกมาก  มองดูเราอยู่…
ชนกลุ่มน้อย
ขณะรถแล่นไป  เราพูดถึงแต่สิ่งที่อยู่ข้างหน้า  และย้อนนึกถึงสิ่งที่ผ่านมา  จนแทบไม่คิดถึงเรื่องขณะปัจจุบัน  ทันทีที่รถมาถึงโค้งหนึ่งนั่นเอง  พะเลอโดะหักหลบลงข้างทางอย่างกะทันหัน รถวิ่งไปบนพื้นขรุขระตึงๆตังๆ  พร้อมกับดับไฟหน้ารถ  ผมเห็นแต่ความมืดสลัว  และตะคุ่มพุ่มไม้ ใบบังที่แสงจันทร์เสี้ยวพอให้มองเห็นได้  เหมือนว่าซอมีญอกับกะฌอจะเข้าถึงกลิ่นลอยมาล่วงหน้า  ว่ามีอะไรเกิดขึ้นในอีกไม่กี่นาทีข้างหน้า  เขาหายไปจากที่นั่ง  หลบไปอยู่ที่ใดที่หนึ่ง  ผมถามพะเลอโดะว่ามีอะไร  ลุงเวยซาเช่นกัน  นั่งลุกลี้ลุกลนหันซ้ายหันขวา …
ชนกลุ่มน้อย
“ถ้าจะตาย  ใจสงบแล้วที่ได้เห็นแม่น้ำใหญ่”   ลุงเวยซา วัย 69 ปี  พูดกับพวกเรา แล้วทรุดตัวนั่งลงริมฝั่งแม่น้ำใหญ่สาละวิน  พึมพำเสียงเปรยสั่นเครือเหมือนลืมตัว “โข่โละโกร โข่โละโกร..”  ผมนึกว่าลุงจะตื่นตาตื่นใจไปตามประสา  แต่พอเห็นหลังมือป้ายตา  นิ่งเหม่อมองไกล  ผมถึงเข้าใจว่า นั่น ไม่ใช่เรื่องธรรมดาๆเสียแล้ว  นาทีต่อนาทีนับจากนั้น  ผมเห็นลุงเวยซายิ่งตัวเล็กลงเหลือเท่ากำปั้น  กลืนกลายเป็นเนื้อเดียวกับก้อนหินใหญ่ริมฝั่ง  เป็นหุ่นปั้นหินเปลือยกายท่อนบน  นุ่งเตี่ยวสะดอเก่าๆสะพายย่าม  เท้าเปลือย …