Skip to main content

ประชาชน  สัตว์เลี้ยงของแวมไพร์


ในทีวีมีคนพูดปด   ใครบางคนเล่นบทก่อการร้าย

ในทีวีมีคนพูดปด   ใครบางคนยอมเป็นสัตว์เลี้ยงของแวมไพร์

ความรุนแรงถูกทำให้เอนเตอร์เทน
สัตว์เลี้ยงของแวมไพร์

สัตว์เลี้ยงของแวมไพร์

สัตว์เลี้ยงของแวมไพร์

หลีกทางให้ฉันหน่อย   หลีกทางให้ฉันเดิน

ฉันกำลังจะรีบไป

หลีกทางให้ฉันหน่อย  หลีกทางให้ฉันไป

นั่น ตากำลังจะฆ่ายาย

ตากำลังจะฆ่ายาย

ตากำลังจะฆ่ายาย

ความรุนแรงถูกทำให้เอนเตอร์เทน

สัตว์เลี้ยงของแวมไพร์

สัตว์เลี้ยงของแวมไพร์

สัตว์เลี้ยงของแวมไพร์

คุณชื่ออะไร  คุณชื่ออะไร

คุณชื่ออะไร  คุณชื่ออะไร

ไม่แตกต่าง

ถูกทำให้เป็นสัตว์เลี้ยงของแวมไพร์

ฉันกำลังจะรีบไป

ถูกทำให้เป็นสัตว์เลี้ยงของแวมไพร์

ตากำลังจะฆ่ายาย

ถูกทำให้เป็นสัตว์เลี้ยงของแวมไพร์

นั่น ตากำลังจะฆ่ายาย

ตากำลังจะฆ่ายาย

ตากำลังจะฆ่ายาย

พ่อครับ  ผมจะไม่เป็นสัตว์เลี้ยงของแวมไพร์

แม่ครับ  ผมจะไม่เป็นสัตว์เลี้ยงของแวมไพร์

ประชาชน  สัตว์เลี้ยงของแวมไพร์

ประชาชน  สัตว์เลี้ยงของแวมไพร์

ประชาชน  สัตว์เลี้ยงของแวมไพร์


เขามาถึงพร้อมกับกีตาร์โปร่งคู่มือคู่ใจ   guild รุ่น True American  กีตาร์สัญชาติอเมริกันตัวนี้  เดินทางกับเขาตลอด

เขาเปิดกล่องและเริ่มต้นส่งเสียง  สัตว์เลี้ยงของแวมไพร์  คิวห้องอัดกำลังว่าง  เขาเตรียมเข้าห้องอัด  เขาเดินทางมาจากหนองบัวลำพู  จากสวนยางที่เขาฝันว่า  พ่อปลดเกษียนเมื่อไหร่  จะมาอยู่ดูแลสวนด้วยกัน


เพลงใหม่เสร็จแล้ว!!” …

ไม่พูดใดๆอีกแล้ว  เอาเนื้อเสียง
guild ออกมา  เปล่งเสียงร้องดังลั่นบ้าน  ทางคอร์ดหนักแน่น  อัดก๊อปปี้เข้าไปเต็มแรง  เต็มพลังของความรู้สึก

แรกได้ยินหนักอัดแน่นหัวอกจริงๆ  กับบางประโยค  ตากำลังจะฆ่ายาย

เขาได้ประโยคนี้  ระหว่างตกรถรอเวลารถที่อุดรธานี  เด็กคนหนึ่งมานั่งฟังเพลงเขา  เขาถามว่าทำไมยังไม่กลับบ้าน
ตากำลังจะฆ่ายาย  เด็กพูดตอบ
ฆ่าในความหมายภาษาของแดนดินอีสานคือทุบตี
เขาบอก  คำนี้จะเอาไปทำเป็นเพลงนะ

ในช่วงเวลาคนแบ่งฝ่ายแบ่งสีลุกลามมาถึงในบ้าน   เขาได้ฟังมาว่า  ความร้าวลึกในบ้านมาจากทัศนะคติจากการเมือง  สัมพันธ์ในบ้านร้าวแตกแยก  ดูทีวีกันคนละเครื่อง  ตีความเข้าใจไปคนละทาง

ในทีวีมีคนพูดปด  ใครบางคนเล่นบทก่อการร้าย


เขาแต่งเพลงนี้ระหว่างเดินทางจากกรุงเทพไปหนองบัวลำพู  ในช่วงเวลาฝ่ายเหลืองบุกยึดสนามบิน  เครื่องบินไม่บิน  คนนั่งเครื่องบินมานั่งรถปรับอากาศชั้นหนึ่ง  คนนั่งรถปรับอากาศชั้นหนึ่งไปนั่งรถปรับอากาศชั้นสอง  คนนั่งรถปรับอากาศชั้นสองไปนั่งรถพัดลมธรรมดา
คนนั่งรถพัดลมธรรมดา  ตกรถ
เขาอยู่ในกลุ่มคนตกรถ  และรอรถธรรมดาว่างที่นั่ง
เขายืนไปตลอดคืน  เขาเห็นถึงความยากลำบากของชีวิต  ในช่วงเวลาความขัดแย้งเผชิญหน้าแบ่งสี  ไม่อาจละลายเนื้อสีให้จางลงง่ายๆ
เขาเขียนไว้ในใจ ฮัมถ้อยคำทำนองเพลงไว้ในใจ  เขียนอยู่ในใจ  ท่องในใจ
เขียนท่ามกลางมวลอากาศอุดอู้บนรถโดยสารประจำทางไปจังหวัดหนองบัวลำพู
ไหลเป็นคำที่หนองบัวลำพู  แต่ยังเขียนไม่จบ

 


ผมชวนเขาไปเล่นด้วยกันที่อำเภอปาย  ในงานหนึ่งที่ข้องเกี่ยวกับวิถีชีวิตชุมชน  เราไปพักกันใน
guest house ที่เจ้าภาพจัดให้  ระหว่างเวลารอขึ้นเล่น  เขากับกีตาร์ของเขา  เดินงุ่นง่านไปมา  ซ้อมทำนองเดิมซ้ำๆ  แก้เนื้อเติมเนื้อเข้าไป  ร้องประโยคเดิมซ้ำๆ

เขาบอก  เขียนเพลงไม่จบก็เหมือนคนติดสาว  ต้องเดินตามตื้อ  ตื้ออยู่นั่น  ไม่แล้วใจเสียที

เขียนเสร็จที่ปาย

งานนั้นเราเล่นกันในทุ่งนา  เพลงของเราแรงขนาดไหน
!!??

ถึงขนาดชาวนาคนหนึ่งเดินมาถึงตัว  บอกผ่านลมอากาศชิดติดหูจนแทบแย่งไมโครโฟน  พูดอย่างมีอารมณ์  ว่าเมื่อไหร่จะเล่นจบเสียที  คนเขารอเต้น
เราเล่นกันอย่างเกรงอกเกรงใจ  ใครชอบบ้าง  ไม่ชอบบ้างไม่รู้แล้ว

ได้เวลาทำงานในห้องอัดเสียง  เขาตั้งใจจะเล่นกีตาร์โปร่งนำ  สุดท้ายได้รังสรรค์ ราศีดิบ มาช่วยเติมสีกีตาร์ไฟฟ้าเข้าไปด้วย  ด้วยน้ำเสียงที่ดูราวคมเขี้ยวตามไล่บดกลืนกินซากอาหารดิบๆให้เรียบราบเป็นหน้ากลอง

เขาพูดถึง
guild รุ่น True American  ของเขาให้ฟัง  อยู่กับเขาตั้งแต่ทำงานเพลงชุดแรกกับ มาโนช  พุฒตาล ด้วยราคาเกือบ 3 หมื่นบาทราคาจากร้านขายเครื่องดนตรีในกรุงเทพ    
แต่โรงจำนำรับได้สูงสุดราคา 1,800 บาท
เขากำลังจะบวชอย่างไม่อาจรู้วันสึกได้  สิ่งเดียวที่ค้างคาใจ  คือ
guild กีตาร์  แต่อยู่ในโรงรับจำนำในเมืองหลวง
แม่หิ้วกีตาร์กลับบ้าน  ใส่กล่องเก็บไว้บนตู้เก็บเสื้อผ้า
Guild นอนอยู่ในกล่องอย่างนั้นเป็นเวลา  8 ปี
เท่าเวลาที่เขาบวช

ประชาชน  สัตว์เลี้ยงของแวมไพร์  เขาสะเทือนใจกับข่าวสารที่นำเสนอเรื่องราวต่างๆ  นับวันจะกลายเป็นหนังดรามา  ไม่ใช่ข่าวคือข่าว  ข่าวถูกขยับเสริมเติมอารมณ์ความรู้สึก  สร้างให้มีลักษณะของหนังดรามาขึ้นมา

เขาบอกว่าเหตุการณ์ไหนๆ  หรือเหตุการณ์ในจังหวัดชายแดนภาคใต้ก็เช่นกัน  คนเห็นภาพจนเคยชิน  เหมือนดูละคร  กลายเป็นเรื่องจริงที่เคยชิน  เหมือนดูหนัง   


****  สัตว์เลี้ยงของแวมไพร์  บันทึกเสียงที่ ดื่มดนตรีเร็คคอร์ด  ซอยอุโมงค์ เชียงใหม่

 

 

 

บล็อกของ ชนกลุ่มน้อย

ชนกลุ่มน้อย
 อยู่กับบ้านหนึ่งวัน ฝนกำลังตก ถนนลาดยางผ่านหน้าบ้านเปียกน้ำ มันข้ามรางรถไฟมุ่งไปยังทะเลสาป ผมมองเห็นฉากเก่าๆผ่านเข้ามา รถบรรทุกไม้ฟืนรถไฟแล่นผ่านหน้าไป มันอัดแน่นด้วยไม้เนื้อแข็งขนาดหนึ่งวา ผ่าซีกดูขาวๆเหมือนกระดูกสัตว์ ผมใส่แผ่นซีดี Shangri-la ของ MARK KNOPFLER ลงในเครื่องเล่นซีดี เลือกเอาเพลง Whoop de doo  “ถ้าฉันกำลังทำเรื่องใหญ่ด้วยย้อนคืนกลับบ้านฉันไม่ได้มุ่งตรงดิ่งไปสู่คำตอบใดๆของฉันและน้ำตาก็ไม่ได้มาง่ายๆหนทางที่ถูกใช้ไปสู่ Whoop de doo...”
ชนกลุ่มน้อย
คุณเดินไปตามทางดินแคบๆ ลัดเลาะสวนรกเรื้อที่ปล่อยให้ไม้ทุกชนิดขึ้นมาได้ คุณมองหาต้นมะปริงที่เด็กชายตัวน้อยๆ แอบย่องขึ้นไปเด็ดลูกสุกกิน กว่าจะได้กินก็ต้องสู้กับฝูงมดแดงยกโขยง มันไม่อยู่แล้ว มองหามะไฟต้นใหญ่ขนาดรอบโอบผู้ใหญ่ คุณเคยปีนขึ้นไปซ่อนตัวเงียบอยู่บนยอดราวกับลูกลิงขโมย มันไม่อยู่แล้ว   แล้วไปเกาะรั้วลวดหนาม ยืนมองทุ่งนากว้าง ซึ่งบัดนี้กลายสภาพเป็นที่เลี้ยงวัว ไม่มีร่องรอยเส้นซังข้าวแม้แต่เส้นเดียว นาข้าวร้างต้นข้าวมากว่าสิบปี แล้วคุณก็กวาดตามองครอบครัวยางนา มันอยู่เป็นครอบครัวจริงๆ ห้าหกต้น ต้นใหญ่สุดนั้นผู้ใหญ่สามคนโอบแทบไม่รอบทีเดียว…
ชนกลุ่มน้อย
นางมาถึงหมู่บ้านเหมือนนกย้ายถิ่นประจำฤดู ไม่มีใครรู้ว่านางมาถึงหมู่บ้านไหนเดือนไหน และเลือกเข้าไปบ้านใครก่อน ทุกคนในหมู่บ้านต่างรู้ว่านางจะมา ไม่ว่าเด็กหรือผู้ใหญ่ ต่างเรียกนางจนติดปากว่า ซามูนะห์ซามูนะห์มาแล้ว ในความรู้สึกของเด็ก น่าสยอง น่าขนลุกขนพอง ใช่แล้ว หญิงบ้ากำลังเข้ามาหมู่บ้าน เด็กคนไหนดื้อเกิน มักจะโดนพ่อแม่ขู่ จะให้ซามูนะห์จับใส่สอบนั่ง พาไปขาย เด็กจะเงียบกริบ ผมเป็นหนึ่งในจำนวนเด็กกลัว เด็กไม่กลัวจะโต้ตอบอีกอย่าง เอากรวดปา หรือกระป๋องนมปาใส่นาง นางหยุดกึกบ่นพึมพำ ทำท่ายกไม้ยกมือปัดป้อง แล้วผู้ใหญ่ก็เข้ามาไล่พวกเด็กกลุ่มไม่กลัวนางอีกที
ชนกลุ่มน้อย
วจีเอ่ยเอื้อนออกไปอาจมิใช่ดังใจรู้สึกหากแต่เราคงดำเนินต่อข้ามผ่านกาลคืนค้นหาแรกก้าวจากเริ่มต้นจนพลันหายไปในอากาศพยายามเข้าใจ...จะดำรงอยู่อย่างมีเราอย่างไร ณ ที่นั้นสบเข้าไปนัยน์ตาเธอมิใช่ใครเลยที่ฉันรู้จักดื่มด่ำความงงงันอันว่างเปล่าด้วยสำนึกที่แสนเปลี่ยวเหงาณ บัดนี้ สำหรับฉัน บางคำผุดขึ้นมาอย่างง่ายดายซึ่งฉันรู้ว่ามิมีความหมายมากมายหากเปรียบเทียบกับคำกล่าวเมื่อฅนรักได้สัมผัสเธอมิอาจรู้ว่าสิ่งใดที่ทำให้ฉันรักในเธอและฉันเองก็มิอาจรู้ว่าเธอรักสิ่งใดในความเป็นฉันอาจเป็นภาพของใครบางฅนที่เธอคาดหวังตื่นขึ้นมาอีกครั้ง ฉันมิอาจเสแสร้งใดใด…
ชนกลุ่มน้อย
ไม่มีสถานที่ไหน ผูกมัดใจผมไว้แน่นเท่าที่แห่งนี้ เป็นแววตาของพ่อที่มองลูกด้วยความเอ็นดู ดินแดนที่เราเหล่าเด็กๆไม่ได้ไปบ่อย หนึ่งปีผ่านไปเพียงหนึ่งครั้งเท่านั้น เวลาอื่นราวกับมันเป็นสถานที่ต้องห้าม และน่าเกรงกลัว ความจริงในโลกของเด็กชาย ต้องเดินไปเรียนหนังสือตามทางรถไฟ ไปกลับวันละ 10 กิโลเมตร เพียงมองข้ามผ่านทุ่งนาไปทางทิศตะวันตก ห่างราวครึ่งกิโลเมตร ก็เห็นแนวป่าทึบเป็นกำแพงหนา ล้อมไม้ใหญ่ต้นสูงเสียดฟ้าต้นหนึ่ง มีธงเหลืองปลิวอยู่เหนือยอดไม้ มองไม่เห็นโรงธรรม กุฎิ หรือต้นลั่นทมเก่าแก่ล้อมโรงธรรม เดินผ่านทุกครั้ง ในใจผมผุดพรายถึงฉากนั้น…
ชนกลุ่มน้อย
ภาพขาวดำที่มีอายุยืนยาว  เหมือนแสงส่องเข้าไปไม่ถึง  ตรึงอยู่ในเบื้องลึกของก้นบึ้งความทรงจำ  มันแตกพร่ามาสั่นไหวดวงใจทุกครั้งที่นึกรำลึก  จริงเหมือนไม่เคยมีจริง   ภาพเบลอมัวหม่นเต็มไปด้วยความรู้สึกดีเหลือเกิน  ปลอดภัย  เป็นสุข สงบ  ไม่ร้อน  ไม่รน  สีของความเก่าแก่  สีของนักบวช  เพียงไม่นึกถึงมันก็ถอยร่นไปอยู่ลึก  ราวกับถูกลืมเลือนหายไปสิ้นผมกลับไปเดินบนทางดินสายนั้น  ทางเลียบลำคลองที่ออกไปสู่ทะเลสาบสงขลา  ทำให้นึกถึงครั้งหนึ่ง  เคยเดินตามหลังแม่ชีทุกเช้า  กลิ่นแม่ชีเป็นกลิ่นนักบวช …
ชนกลุ่มน้อย
ทางไปนาเหมือนทางเดินในสนามเพลาะ   ขุดลึกลงไปในดินด้วยแรงน้ำกัดเซาะ  จะว่าไปน่าจะเป็นผลพวงของการขนไม้หมอนรถไฟ   เส้นทางชักลากไม้สมัยคนรุ่นปู่ยังหนุ่ม  ไม้ล้มลงจำนวนมหาศาลต่อเนื่องกันหลายปี  ไปเป็นไม้หมอนรถไฟร่องรอยเหลือไว้  คือเส้นทางขุดลึกลงไปในดินเมื่อยี่สิบกว่าปีที่แล้ว  มันเป็นทางเดียวที่พาผมไปพบกับผ้าร้ายควายผ้าร้ายควายชั้นดีอยู่ในป่าพรุ  โคลนลึกถึงหน้าขาผู้ใหญ่  บางช่วงเลยบั้นเอว  บางช่วงผู้ใหญ่จะรู้กันว่า  เป็นวังโคลนดูด  โคลนมีชีวิตดูดวัวควายตายไปนักต่อนัก  โดยเฉพาะวัวควายที่โจรขโมยมา …
ชนกลุ่มน้อย
ถ้าเกาะสี่เกาะห้าเป็นเรื่องสั้น  ใครก็คงคิดว่าต้องเป็นเรื่องสั้นขนาดยาว  แต่คุณกลับเห็นต่าง  ใครคงคาดไม่ถึงกระมังว่า  ความจริงมากพอที่จะนับเป็นนวนิยายได้สบายๆนั้น  คุณกลับไม่เห็นเป็นนวนิยาย  คุณอ้างถึงข้อมูลที่คุณมีอยู่เพียงน้อยนิด  ไม่ได้มีมโหฬารขนาดใส่โบกี้รถไฟ  เรื่องสั้นๆห้วนๆขาดๆเกินๆ  คุณจะทำอะไรได้มากไปกว่านั่งมอง  แม้คุณจะบอกใครๆว่าคุณเห็นเกาะสี่เกาะมาตั้งแต่จำความได้ก็ตาม  ในสายตาของคุณ  เกาะสี่เกาะห้าเป็นแค่เรื่องสั้นที่ไม่เคยมีใครเขียนจบ ไม่มีใครอยากให้คุณรู้มากไปกว่า  เกาะรังนกนางแอ่นหรือรังนกแอ่นทำรังอยู่กลาง(ทะ)…
ชนกลุ่มน้อย
แม่บอกว่า  ล้างข้าวสารหลายน้ำหน่อย  ผมรับหม้อข้าวจากมือแม่  ด้วยอยากช่วยแม่หุงข้าว  แม่กรอกหม้อมาเรียบร้อยแล้ว  เหลือเพียงนำไปใส่น้ำ   ผมพูดกับแม่ทันที  ไม่ล้างจะดีกว่ามั้ย  เพราะข้าวขาวเหลือแต่แกน  เมล็ดผอม  ขัดสีผิวจนเมล็ดขาวนวล   ตามความเข้าใจที่ว่า  วิตามินในข้าวจะหายไป   แต่แม่ตอบกลับมาว่า  ข้าวสารสมัยนี้ ไม่ใช่ข้าวสารสมัยก่อน    แม่ชี้ให้ดูกระสอบข้าวสาร  หนึ่งกระสอบปุ๋ยราคาหลายร้อยบาท  ผมดูตัวหนังสือข้างถุง  บอกวันเดือนปีที่ผลิต  ชื่อพันธุ์ข้าว จังหวัดที่ผลิต …
ชนกลุ่มน้อย
ไม่น่าเชื่อว่า  ขี้มัน  จะเกี่ยวกับพร้าวห้าว  คนถิ่นอื่นให้ความหมายของพร้าวห้าวกับขี้มันอย่างไร?
ชนกลุ่มน้อย
อย่างหนึ่งต้องทำ  นั่นคือผมต้องไปสวนยาง เดินทางมากว่าหนึ่งพันกิโลเมตร  เดินต่อไปอีกสองสามกิโลเมตร  ไม่ใช่เรื่องยากเลย  พลันไปยืนอยู่ท่ามกลางต้นยาง  ความโปร่งโล่งก็ปรากฏ  จับจิตจับใจ  แน่นอนว่า ไม่ใช่ความรู้สึกของการงานคนกรีดยาง (ตัดยาง) แน่ๆ  เพราะธรรมชาติของการตัดยางนั้น  เป็นงานที่เหนื่อยหนักเอาการ (ออกอาการ) ทีเดียวแต่ผมไปในชั่วโมงนี้แบบตากอากาศ ลมพัดแรง ไม่ได้ยินเสียงอย่างอื่น นอกจากเสียงใบยางดังลั่นสนั่นป่า เปลี่ยว ลิบๆ ว่างเวิ้งโหวงเหวง ต้นยางต่อต้นเป็นแถวเป็นแนวสุดตา ไม่มีใครอยากมาเดินดูชมอะไรตามลำพังเช่นนี้หรอก      …
ชนกลุ่มน้อย
ถนนคดเป็นงู  ข้ามผ่านหารกง – (พี่ชายของหนองน้ำ) เหลนของสายคลองหัวท้ายตัน  ความยาวเดิมเกือบ 100 เมตร  ตอนนี้มันหดสั้นลงเหลือครึ่งหนึ่ง  อีกไม่เกินสิบปีกระมัง  มันอาจหดลงเหลือแค่คืบไว้ดูเป็นขวัญตา  ให้เด็กรุ่นผมได้นึกย้อนความหลัง  เดินเปลือยล่อนจ้อนตัดกลางหมู่บ้านหน้าตาเฉย  ไปให้ถึงหัวสะพาน  แล้วกระโดดน้ำกันอย่างหนุกหนาน(สนุกและสนาน)