Skip to main content

นานหลายเดือนที่ผมกับยาดาวางแผนการเดินทางไปเวียดนาม ความจริงก็คือ เรามาเร่งหาข้อมูลเอาโค้งสุดท้ายก่อนจะถึงกำหนดเดินทางเพียงอาทิตย์เดียว ข้อมูลที่เกี่ยวข้องกับเส้นทางเข้าสู่เวียดนามมาจากหลายทาง ทั้งจากเพื่อนที่เคยไปและไม่เคยไป (แต่มีคนรู้จักหรือมีเพื่อนเคยไป) ทั้งจากหนังสือและเว็บไซต์ ศูนย์ข้อมูลการท่องเที่ยวทั้งไทยและเทศรวมถึงโลนลี่ พลาเน็ต ฉบับเวียดนาม ที่ลงทุนไปหาซื้อมาตั้งแต่ 6 เดือน ก่อนวันออกเดินทาง (16 วัน ระหว่างวันที่ 3-18 เมษายน 51)

ทำไมถึงเวียดนาม อย่างไม่มีเหตุผลเอาเสียเลย คือ อยากไปว่ะ!

ผมและเธอ ตัดสินใจใช้เส้นทางมุกดาหาร สะหวันเขต-ด่านลาวบาว-เว้ ด้วยเหตุผลที่ว่า เส้นทางรถโดยสารจะทำให้เรามองเห็นทัศนียภาพ 2 ข้างทางได้ถนัดตามากกว่าโดยสารเครื่องบิน สำหรับเส้นทางนี้ เอาไปเล่าให้ใครฟังแล้วต่างส่ายหน้าก่อนจะบ่นๆ ทำนองว่า “แหม ช่างอึดอดทนกันซะจริงนะยะ” หรือ “ไปเหอะ ช่วงนี้เข่าไม่ดีว่ะเพื่อน” ก่อนจะตบบ่าเราเบาๆ หรือ “เพื่อน เราแก่แล้วอ่ะ” และอื่นๆ อีกสารพัด

ผมจองตั๋วไปมุกดาหารที่สถานีขนส่งหมอชิต ตามสูตรแล้ว ผมควรใช้บริการบริษัทสหพันธ์ร้อยเอ็ด ทัวร์ ที่ได้รับการการันตีจากแหล่งข้อมูลแต่ดูเหมือนโชคชะตาจะมีเหตุผลบางอย่าง เจ้าหน้าที่ซึ่งรับจองตัวของบริษัทไม่อยู่ที่ห้องจองตั๋ว สอบถามได้ความว่า
“พวกเธอไปรับเงินเดือน รออีกสักครู่นะครับ” ชายหนุ่มยื่นหน้ามาบอก

ผมรออยู่ชั่วอึดใจแต่เวลาเหมือนจะเชื่องช้า สายตาจับไปยังห้องที่ว่างเปล่าของบริษัท ก่อนตัดใจ ”จองตั๋วไปมุกดาหาร 2 ที่ครับ” ผมบอกกับเจ้าหน้าที่ของบริษัทเชิดชัยทัวร์หลังจากเช็ควันเวลาในตั๋วเรียบร้อย โดยไม่ได้ตั้งใจ ผมหันไปมองที่ห้องบริษัทสหพันธ์ร้อยเอ็ดทัวร์อีกครั้ง

เอ่อ พวกเธอกลับมานั่งประจำที่เรียบร้อย !

เวลา 18.30 น. ของวันที่ 3 เมษายน เรามาถึงหมอชิตก่อนเวลารถออกครึ่งชั่วโมง ผมรอคอยการเดินทางนัดนี้อย่างใจจดจ่อ ดังนั้น ผมจึงไม่อยากให้มีความผิดพลาดใดใดเกิดขึ้น อากาศครึ้มทั้งที่เป็นฤดูร้อน ข่าวคราวของเวียดนามผ่านเข้าหูหลายเรื่อง ภาคเหนือของประเทศ (ช่วงนั้น) กำลังประสบภาวะหนาวจัด ไปเวียดนามหากไม่ถูกโกง โก่ง ราคา เรียกว่าไปไม่ถึง คนเวียดไม่พูดภาษาอังกฤษ หากซื้อสินค้าต้องต่อราคามากกว่า 80% และสาวเวียดผิวเนียนมั่กๆ ฯลฯ

ระหว่างรอเวลารถออก หนุ่มใหญ่ในชุดกางเกงยีนส์ เสื้อเชิ้ตลายทางสีเขียวซีดๆ นายหนึ่ง กุมนิตยสารแนวก็อสซิปดาราแนบอก เดินขึ้นมาบนรถอย่างคนคุ้นเคย(เพราะทำมาหากินอยู่แถวนี้) “ดูฟรีจ้า ดูฟรี” แกตะโกน ตามองไปหลังรถทัวร์คันยาว จับจุดอยู่ที่ผนังห้องน้ำสีครีม มือหยิบนิตยสารส่งให้ผู้โดยสารซ้าย-ขวา บางคนรับ-บางคนไม่รับ เราส่ายหน้า เพราะไม่คิดว่าการอ่าน    ก็อดซิปดาราระหว่างนั่งรถโดยสารจะเป็นการฆ่าเวลาที่ดีนัก

หนุ่มใหญ่เดินแจกนิตยสารสุดความยาวของตัวรถ จรดห้องน้ำสีครีม ก่อนจะเดินกุมนิตยสารที่เหลือกลับมา เขาหยุดยืนหน้าผู้โดยสารวัยรุ่น 2 คน ที่รับนิตยสารของเขาไปดู ยื่นมือออกไปพร้อมกับพูดว่า “20 บาท น้อง”

ผมลอบมองใบหน้าเหวอๆ ของวัยรุ่นทั้ง 2 คน อย่างไม่มีเจตนาทำร้ายพวกเขามากไปกว่านี้ ”เออ เยี่ยม นี่ยังไม่ถึงเวียดนามเลยนะเนี๊ยะ” ผมกระซิบ

รถทัวร์มาถึงมุกดาหาร ตี 5 ครึ่งจนได้ หลังจากที่หยุดแวะเช็คยางระหว่างทางเสียมากกว่า 3 ชั่วโมง ก่อความกังวลให้ผู้โดยสารบางจำนวนซึ่งทำได้เพียงแค่หัวเราะขื่นไปตามสถานการณ์ ขนส่งจังหวัดมุกดาหารใหญ่โตกว้างขวาง ภายในตัวอาคารที่พักผู้โดยสารจะเห็นลูกศรสีเหลืองอันขนาดย่อมชี้ไปยังข้อความว่า “เส้นทางสู่สะหวัน”

สำหรับผู้โดยสารที่ต่อรถไปยังแขวงสะหวันเขตให้ขึ้นสกายแล็ป (คล้ายรถตุ๊กๆ ในกรุงเทพฯแต่คันใหญ่กว่ามีที่นั่งและหลังคาคลุมทางตอนหลัง) ตรงจุดนี้ได้เลย รถจะพาไปส่งยังสะพานมิตรภาพไทย-ลาว ในราคา 50 บาท/หัว หากมีสัมภาระต่อรองเหมาจ่ายกันไปตามราคา

สำหรับคนที่จะไปเว้ สามารถซื้อตั๋วได้ที่สถานีขนส่งเหมือนกัน ต้องซื้อตั๋ว 2 ใบ มุกดาหาร-สะหวันเขต ในราคา 45 บาท และ จองตั๋วสะหวันเขต-เว้ ในราคา 99.000 กีบ (ราคานี้เป็นราคาวีไอพี มีประกันอุบัติเหตุเรียบร้อย)

รถไปเว้จะออกจากแขวงสะหวันเขต เวลา 10.00 น.-18.00 น. รถประจำทางสายนี้มีเพียงเที่ยวเดียว วิ่งทุกวันจันทร์ พุธ ศุกร์ พักเว้ 1 คืน แล้วรับคนกลับในวันอังคาร พฤหัส เสาร์ (วันอาทิตย์คาดว่าจะเป็นวันหยุด) หากไปไม่ตรงตามวันเวลาดังกล่าวจะต้องนั่งรถ 2 ต่อ พักที่ด่านลาวบาว 1 คืน ก่อนจะต่อรถเข้าไปเว้ในวันถัดไป เลือกได้ตามความถนัด

เส้นทางหมายเลข 9 (มุกดาหาร-สะหวันเขต-ลาวบาว-เว้) เป็นถนนสายเดียวสำหรับรถประจำทางที่เปิดใช้อยู่ในปัจจุบัน กว่าจะหลุดรอดออกจากแขวงสะหวันเขต เราเจอด่านตรวจคนเข้าเมืองถี่ยิบ ผู้โดยสารส่วนใหญ่เป็นชาวลาว ชาวเวียดนามที่ข้ามมาทำงานในประเทศไทย รวมถึงนักท่องเที่ยวที่มีให้เห็นประปราย ต้องขึ้นลงสแตมป์พาสปอร์ต กรอกเอกสาร จ่ายค่าธรรมเนียมกันเป็นที่สนุกสนาน

ด่านไทย-สะหวันเขต 40 บาท (รับเงินไทย)
ด่านสะหวันเขต-ลาวบาว 40 บาท (รับเงินไทย)
ด่านลาวบาว-เว้ 10.000 ดอง (รับเงินดองหรือดอลลาร์)


คนขับรถวีไอพีสีฟ้าอ่อนเป็นชายวัยกลางคน ผอมผิวคล้ำน้ำตาลออกแดงเป็นคนในแขวงสะหวันเขต สื่อสารกับคนไทยอย่างเราได้เข้าใจ บนรถมีผู้โดยสารชาวไทยกลุ่มใหญ่กลุ่มหนึ่งและคุณลุงกับหลานคู่หนึ่งที่มาเที่ยวแบบแบ็กแพ็กสไตล์เพื่อหาประสบการณ์แปลกใหม่ เราทำความรู้จักกันพอหอมปากหอมคอ ก่อนจะเพลิดเพลินพินิจทิวทัศน์ระหว่างเส้นทาง

ที่น่าสนใจ คือ บ้านเรือนแทบทุกหลังจะมีธงชาติ(ลาว)ประดับเอาไว้ที่หน้าต่างหรือตามรั้วบ้าน รวมทั้งค่ายกองทัพประชาชน บ่งบอกความรู้สึกถึงความเป็นชาติของคนลาวอย่างลึกซึ้ง เราได้ลิ้มชิมรสอาหารเวียดนามมื้อแรก ระหว่างรถแวะพักเที่ยง ข้าวเม็ดกลมโต อัดอยู่ในถ้วยก้นลึกกับตะเกียบปลายเรียว กับข้าวมีให้เลือกหลายอย่าง ส่วนใหญ่จะเป็นผัก ทั้งผัดกวางตุ้ง แกงเผ็ดเห็ด กับเนื้อหรือหมูและไก่ ในราคา 50 บาท/ข้าวราด 3 อย่าง

แดดจัดจ้านขึ้นตามลำดับเวลา ต่อเมื่อเรามาถึงด่านตรวจคนเข้าเมืองลาวบาว ซึ่งเป็นด่านสุดท้ายก่อนจะเข้าสู่ประเทศเวียดนาม จะมองเห็นประตูโค้งขนาดมหึมา “ลาวบาว อินเตอร์เนชั่นแนล บอร์เดอร์ เกท” ฝนจึงเริ่มโปรยเม็ด

ก่อนจะเข้าด่าน วีไอพีสีฟ้าจะหยุดให้ผู้โดยสารทั้งที่เป็นนักท่องเที่ยวลงไปตรวจหลักฐาน จุดนี้ค่อนข้างเข้มงวดและใช้เวลาตรวจครู่ใหญ่ทีเดียว ระหว่างนี้ นักท่องเที่ยวจะได้พบกับนักค้าเงิน(รายย่อย)ระดับชาวบ้าน พวกเธอจะรอลูกค้าอยู่ที่ด่าน ระหว่างที่นักท่องเที่ยวลงไปตรวจหลักฐาน เธอจะรีบขึ้นมาบนรถเพื่อเสนอแลกเปลี่ยนเงินในอัตรา 1บาท/490 ดอง หากใครแลกเงินมาแล้วเธอจะเสนอขายซิมเวียดนามสำหรับโทรศัพท์เป็นลำดับต่อไป

เรื่องอัตราการแลกเปลี่ยนเงินเป็นอีกเรื่องที่ต้องหาข้อมูลศึกษาให้ดี เราใช้วิธีแลกเงินบาทเป็นดอลลาร์แล้วนำไปแลกเงินดองซึ่งจะได้ค่าส่วนต่างมากกว่า ช่วงนั้นเงินดอลลาร์อ่อนค่ากว่าเงินบาท ดังนั้น เราจึงสามารถแลกเงินได้ในอัตราเหรียญละ 512 ดอง (อัตรานี้แลกกับธนาคารเวียดนาม) คิดส่วนต่างได้ +704 ดอง อัตรานี้ = 31.4 บาท/1เหรียญ

คนที่นั่นสนใจเงินดอลลาร์มากกว่าเงินบาท เพราะฉะนั้น หากไม่จำเป็นห้ามแลกเงินกับนักค้าเงินรายทางแต่ให้ตรวจสอบอัตราแลกเปลี่ยนกับธนาคารในเมืองใหญ่ก่อนตัดสินใจ

ตามสูตรนี้นะครับ
31.4 บาท / 1$ / 512 Dong (ธนาคาร)
1$ / 15.000 Dong หรือ 1 บาท / 490 Dong (รายทาง)
คิดส่วนต่าง 704 Dong / $
ดังนั้น จากพ็อกเก็ต 30.000 บาท / 2 คน เราได้กำไรจากส่วนต่าง 672.600 ดอง
(ทั้งหมดนี้ขึ้นอยู่กับค่าเงินดอลลาร์ในขณะนั้น)


การเข้าถึง ‘ข้อมูล’ จำเป็นสำหรับคนทุกคนครับ!

20080529 1
วีไอพีสีฟ้าจากแขวงสะหวันเขต

20080529 2
ลุงหลานหัวใจหนุ่มครับ

20080529 3
อาหารรสเวียดนาม มื้อแรก

20080529 4
นักค้าเงินรายย่อย

 

20080529 5

20080529 6
ชาวเวียดนามที่มารับจ้างแบกของบริเวณด่านชายแดน

20080529 7
เอ่อ เด็กสาวชาวเวียดคนแรกที่เจอ

20080529 8
รอยยิ้มพิมพ์ใจ ระหว่างทาง เด็กๆ เหมือนกันทุกที่ในโลก เมื่อยกกล้องขึ้น แกจะเขิน

20080529 9
ด่านลาวบาว ใหญ่มะครับ

บล็อกของ กฤนกรรณ สุวรรณกาญจน์

กฤนกรรณ สุวรรณกาญจน์
ปลูกป่า สร้างร่มเงาโคลนสีแดงเหนียวหนึบค่อยๆ ซึมผ่านถุงมือไหมพรมสีขาว ท่อนไม้แหลมเหลาปลาย ถูกกระทุ้งลงดินแข็ง แล้วคว้านเป็นหลุมกว้างขนาดพอจะใส่กล้าไม้ฉีกถุงเพาะกล้าเบาๆ สองมือค่อยๆ โอบประคองดินดำห่อหุ้มต้นอ่อนลงในหลุมที่ถูกคว้านและตีกลบเบาๆ ให้ดินแน่นนำถุงเพาะกล้าครอบบนแนวไม้ที่ปักเอาไว้ ใบเล็กๆ สีเขียวบนลำต้นบอบบางตั้งฉากเป็นแนวดิ่งเป็นอันเสร็จขั้นตอนสำหรับการปลูกกล้า พร้อมกับหัวใจของแต่ละคนที่หวังว่ากล้าเล็กๆ จะเติบโตเป็นป่า ให้ร่มเงาแก่ผืนดินและโลก...
กฤนกรรณ สุวรรณกาญจน์
“นาย ... !! เขียนงานให้เรายัง” ผมถามดาด้าตัวละครเก่าของผม “อีกนิดนึงพี่” “เฮ้ย เอาวันนี้นะ” (จันทร์) ม่ายงั้น ‘เจ้’ ทวง “เอ๋า พี่ไม่ได้กำหนดเวลานี่” “เออ รีบเลย” เวลาผ่านไป ไม่นานเลย ..... “ดาด้า นายแน่มาก” “ไร” “อ่านแล้วขนลุกเลยว่ะ” “ไปห้องน้ำเลยไป” !!! @@@@@@@@@@@@@@@@@@@@@@@
กฤนกรรณ สุวรรณกาญจน์
“พี่ ไปแค้มป์แม่หละกันไม๊” ดาด้าตัวละครเก่าของผมเอ่ยถาม ระหว่างที่เรานั่งรถไปจังหวัดกระบี่ “ตาก อะนะ” ผมทำตาลุก มันเป็นสถานที่หนึ่งที่ฝันว่าจะไปถ่ายรูป “วันไหน” “เนี่ย กลับจากนี่แหละ” มหาดไทยอนุญาตให้ออฟฟิศของดาด้า เข้าไปถ่ายทำเรื่องกลุ่มมุสลิมในแค้มป์ ผมนั่งนับนิ้ว เอ มันตรงกับวันอะไรหว่า !! “เออ นายเขียนแคนโต้แล้วถ่ายรูปมาลงคอลัมน์เรานะ” เสียดายครับ @@@@@@@@@@@@@@@@@@@@@@
กฤนกรรณ สุวรรณกาญจน์
แคกตัสบางชนิดมีหนามหนุ่ม ฟู และดอกบนหัว สวยงามแต่ดูน่ากลัว ผีเสื้อเป็นราชินีแห่งแมลงที่น่าเก็บภาพเสมอ ผู้ย่อยสลาย เห็ดราบางชนิด มีความสำคัญต่อระบบนิเวศน์เป็นอย่างยิ่ง เอ่อ ผมจำไม่ได้ว่าเป็นดอกอะไร ครับ!! แมลงปอ ราชันย์แห่งแมลงที่น่าเก็บภาพเหมือนกัน ต่างตัวต่างลีลา ใบไม้ธรรมดา จะดูน่าสนใจเมื่อมีแสงเงาตกกระทบ โฟกัสที่ดอกไม้ เขาว่า "ผีเสื้อขยับปีก โลกถึงกับสั่นสะเทือน" สวัสดีครับ
กฤนกรรณ สุวรรณกาญจน์
บริเวณนั้นทั้งบริเวณเป็นเกาะ สายน้ำไหลเรียบเรื่อยเซาะแก่งหินและรากไม้ใหญ่ริมตลิ่งเป็นเงาเว้าๆแหว่งๆ คือ การออกแบบอย่างลงตัวของธรรมชาติ สายฝนพรำตั้งแต่เริ่มเที่ยง อุโบสถหลังขนาดกะทัดรัดจึงกลายเป็นที่หลบฝนของชาวบ้าน หลายคนอุ้มลูกนั่งยองๆ อยู่ใต้ชายคา เด็กๆ กับเพื่อนบางคนหลบเข้าใต้ถุนอุโบสถขีดเขียนพื้นดินทรายเล่นฆ่าเวลา ชนกะเหรี่ยงโปจากหลายหมู่บ้านมาร่วมทำบุญปีใหม่ที่อุโบสถกลางน้ำ หมู่บ้านคลิตี้ล่าง หมู่บ้านของมนุษย์ตะกั่ว .. ปีใหม่แบบไทยๆ แต่ละปี อุโบสถกลางน้ำจะกลายเป็นที่ชุมนุมของคนในหมู่บ้าน ด้วยแรงเชื่อถือศรัทธา ชนกะเหรี่ยงโปจะเดินแห่ร้องรำทำเพลงกันมาเพื่อสรงน้ำพระสงฆ์ เมื่อถึงเวลา…
กฤนกรรณ สุวรรณกาญจน์
ไม่แน่ใจหรอกว่าเคยไปแม่ฮ่องสอนมากี่ครั้งกันแน่ รู้แต่เพียงว่า เพราะความที่มันไกลเสียจนมีคนร่ำลือถึงได้พยายามดั้นด้นไปให้ถึง ไม่รู้กี่ครั้งต่อกี่ครั้ง (ก็ยังอ๊วกเหมือนเดิม อิ อิ) ... “หากผมมีโอกาสได้แต่งงานนะ ผมจะแต่งที่แม่ฮ่องสอน” “เออ คุณไม่ต้องส่งการ์ดเชิญมาให้ผมนะ ไกลชิบ” “เฮ้ย มันมีเครื่องฯ .. บินถึง ..” “เออ ผม เมาเครื่อง” ...
กฤนกรรณ สุวรรณกาญจน์
ราวห้าโมงเย็น “จุดเทียนหรือเปล่าคับทั่น” ผมโทรหาเพื่อนคนหนึ่งอย่างกระวนกระวาย “จุดดิคับ เริ่มหกโมงฯ แล้วมาตอนนี้ทำไม” มันว่าเข้าให้นั่น เป็นอันว่า คงต้องรออีกสักพัก กว่ากลุ่มของพวกเขาจะเดินทางมาถึง ผมเริ่มเดินสำรวจรอบๆ บริเวณศูนย์ศิลปะวัฒนธรรมแห่งชาติแห่งแรกของเมืองไทย จริงๆ มันมีศูนย์ศิลปะอื่นๆ อยู่บ้างในต่างจังหวัดแต่มันคงดูไม่หรูหราใหญ่โตอลังการเท่าศูนย์นี้ ความใหญ่โตของมันทำให้ผมงกๆ เงิ่นๆ เดินเข้าไปในศูนย์เพื่อฆ่าเวลา เจ้าหน้าที่เกร่เข้ามาหาพร้อมกับรอยยิ้ม “ให้เจ้าหน้าที่ผู้หญิงตรวจกระเป๋า นิดนึงนะครับ” เขาบอกกับผมอย่างสุภาพ ซิปกระเป๋ากล้องถูกเปิด พร้อมกับรอยยิ้มเล็กๆ…
กฤนกรรณ สุวรรณกาญจน์
แดดเปรี้ยงผ่าลงตรงหัวพอดี ขณะที่ช่างภาพนับ 10 คน ดุ่ยๆ เข้าไปในอาคารเรียนแห่งนั้น โถงอาคารเอนกประสงค์โล่งๆ เหมาะจะเป็นสนามบาสฯ มากกว่าห้องเรียนถูกจัดแบ่งเป็น 2 ตอน ด้วยตู้ไม้ผุๆ ทางด้านหน้าเป็นชั้นเด็กโตและทางด้านหลังเป็นชั้นเด็กเล็กที่ไม่ควรจะเกิน 10 ขวบ โรงเรียนวัดสุทธารามหรือโรงเรียนวัดกำพร้า เป็นหนึ่งในหลายๆ โรงเรียนในจังหวัดสมุทรสาครที่รับเด็กลูกหลานแรงงานข้ามชาติมาเรียนหนังสือ วิชาที่สอน เน้นพูด อ่านและเขียนภาษาไทย ,เมื่อเค้าต้องอยู่ร่วมกับเราอย่างไม่อาจจะปฏิเสธ กล่าวกันทีเล่นทีจริงว่า หากหญิงสาวชาวพม่าไม่ทาแป้งทานาคาและชายหนุ่มชาวพม่านุ่งกางเกงยีนส์ไปเคาน์ ดาวน์ ที่ เซ็นทรัล…
กฤนกรรณ สุวรรณกาญจน์
“ปากน้ำระนองเลยพี่” เลิศ หนุ่มน้อยหุ่นทรงกระบอกแนะนำ “เหรอ ไกลมะ” ผมถาม “ไม่เท่าไร รับรองสวย พี่” ปากน้ำระนอง ห่างจากตัวเมืองราวขับรถ 10 นาที บนถนนเลียบเนินจะมองเห็นตัวเมืองระนองกลางขุนเขาโอบล้อมอย่างชัดเจนระนองเป็นเมืองชายแดนพม่าฝั่งทะเลอันดามัน ร้อนและชื้น จนได้ชื่อว่า เมืองฝน 8 แดด 4 (อันที่จริง เมืองชายฝั่งทะเลภาคใต้ก็ฝน 8 แดด 4 กันแทบทั้งนั้น) ฝนตกชุก ทั้งหนักและพรำๆ ในช่วงที่ผมอยู่ที่นั่น ระนองติดกับประเทศพม่าบริเวณเมืองทวายโดยมีเกาะสองกั้นเป็นพรมแดนธรรมชาติและชายฝั่งที่ทอดยาวจรด จ.พังงา เดินทางไม่ยากเพราะมีบริษัททัวร์บริษัทเดียวที่ให้บริการ 2 รอบ คือ เช้าและบ่าย
กฤนกรรณ สุวรรณกาญจน์
ความน่าสนใจของท้องฟ้าก่อนพายุจะมาหรือสตอม เซอจ ที่ คุณดินยา ได้เขียนเป็นข้อมูลเอาไว้ เร้าให้ผมเกิดแรงบันดาลใจที่จะบันทึกภาพ ท้องฟ้าก่อนพายุจะมา ภาพเหล่านี้ถ่ายระหว่างวันที่ 25-30 สิงหาคม ที่ผ่านมา ขณะที่หลายฝ่ายกังวลเรื่องคลื่นพายุซัดฝั่ง บริเวณอ่าวไทยเมืองแม่กลอง ... ... จู่ๆ ท้องฟ้าที่เคยสดใสกลับมืดครึ้ม กลุ่มเมฆก่อตัวอย่างฉับพลันกลืนแสงอาทิตย์ มองดูแล้วพูดไม่ถูกว่ามีความรู้สึกอย่างไร สีสันของเมฆเขียวครามแต้มอากาศสีเทา ฝนตั้งเค้าในที่ไกลๆ ท้องฟ้า ...ท่าจะไม่เงียบเหงาอีกต่อไป
กฤนกรรณ สุวรรณกาญจน์
จบแล้วครับ .. เล่นง่ายแบบนี้เชียวเร๊อะ!! Ha Ha ... มีคำกล่าวง่ายๆ ว่า ทุกครั้งในการเดินทาง จงยิ้ม พึ่งพาสมองและสองเท้าแล้วค้นหา ...คุณจะพบว่า โรงแรมราคาดีแต่สะอาด รอคุณอยู่สุดซอย ...เสมอ เราบินออกจากฮานอยด้วยสายการบินโลว์คอส แอร์ เครื่องบินดีเลย์นิดหน่อย อย่างไม่ดัดจริต ผมคิดถึงส้มตำหอยดอง ปูปลาร้า ปากซอย
กฤนกรรณ สุวรรณกาญจน์
ฮานอยเป็นหัวเมืองใหญ่ทางภาคเหนือของเวียดนาม สถานที่ที่มีอัตราการเติบโตของจีดีพีไม่เป็นรองเมืองอื่นๆ (ยกเว้นตอนนี้เวียดนามเจอภาวะเงินเฟ้อ) กับความรุ่งเรืองแห่งอดีตอดีตแห่งภูมิภาคหนึ่งของจีนที่ได้ชื่อว่า อันนัมประกอบไปด้วย การจราจรอันคับคั่ง(จริงๆ ก็คับคั่งทุกเมืองใหญ่แหละ)ย่านโอลด์ ทาวน์ ทะเลสาบคืนดาบ บาร์เกย์และดนตรีแนวแทรนส์เราเจอฟั้งกี้ มั้งกี้ ณ หัวมุมถนนย่านใจกลางเมือง หลังจากที่เดินตามหามาตั้งแต่หัวค่ำ ในอาคารพาณิชย์ 1 คูหา ไกด์คนเก่งจากเกาะกั๊ตบาแนะนำให้เรามาย่านนี้ เหตุผลหนึ่งเพราะเป็นย่านบาร์เกย์ที่คนในเพศที่ 3 สามารถจะแสดงออกมาได้อย่างเต็มที่…