Skip to main content

...แต่เชื่อไหม (เหมือนถาพในหนัง) ใบหน้าคนเหล่านั้นลอยออกมาปะทะสายตาเรา เรามองไม่เห็นความกลัวในใบหน้าของคนเหล่านั้น บางคนด่าไปอมยิ่มไป บางคนด่าไปก็แสดงอาการท้าทายไป มันต่างกันมาก ต่างกันจริงๆ เราเคยเห็นคนในม็อบเสื้อแดงช่วงที่มีการสลาย ทั้งวันที่ 10 เมษา และ 19 พฤษภา เราเห็นแววตาคนที่กลัวตาย เห็นแววตาคนที่มีห่วงเห็นแววตาคนที่พร้อมจะยอมตาย แต่คนเหล่านั้นไม่กร่างเท่านี้นะ

 Kolf Iskra

25 พฤศจิกายน 2012 

 

 
เมื่อวานนี้ (24 พ.ย.55)หลังจากเวริคชอปละครเสร็จ พวกเราสี่คน (เรา กิฟ พี่เจี๊ยบ ทิพ) ก้อตัดสินใจกันว่าจะไปดูม๊อบเสธ์อ้ายกัน อยากรู้ว่าเปนไงมั่งหลังจากตอนเช้ามีแก๊สน้ำตา เอาคลิปตอนเช้ามาดูกันแล้วยิ่งอยากไปใหญ่เลย คิดว่ามันต้องสนุกแน่ๆเบยยยย เลยเดินออกจากร้านแกรอลี่ เดินอ้อมไปไกลมาก แล้วเพิ่งมารู้ว่าถ้าเราออกมาทางถนนราชดำเนินเดินไปก็จะถึงแล้ว โถ่ พอเดินไปถึงม๊อบเข้าไปทางที่เค้ามีงานเกี่ยวกับพืชอะไรสักอย่าง เพื่อถวายพระราชินี นี่แหละ เดินเข้าไป ถึงประมาณบ่ายโมงกว่าๆ
 
ตำรวจทำหน้าที่ค้นกระเป๋า เราเดินลอดซุ้มต้นไม้ที่เค้าทำไว้มา เจอตำรวจอีกคนมาขอค้นเราเลยบอกว่าค้นไปแล้วนี่ แล้วตำรวจก็บอกกะเราว่านึกว่าเดินมาไม่ผ่านชั้นแรกเพราะมีคนแอบเข้ามาทางงานหลายคน ตำรวจน่ารักและใจดีมาก (หน้าตาดีเชียว)
 
พอผ่านเข้าไปถึงตรงหน้าเวที ตกใจเลย คนเยอะกว่าที่คิดแฮะ น่าจะประมาณหมื่นขึ้นได้ ทั้งๆที่ตอนนี้ฝนตก เตนท์ก็สวยเชียวสีขาวโค้ง ไม่รู้ว่าม๊อบเตรียมมาเองหรือว่ามีอยู่แล้ว ทำยังกับจะมาปักหลักกันเดินเข้าไปดูมีแต่คนไฮโซเนอะ ส่วนใหญ่ที่เห็นน่าจะเป็นคนกรุงเทพแหละ อ้อ ตอนเดินเข้าไปเห็นรถบัสเทศบาลด้วย ขนกันมาเป็นคันรถเหมือนกัน เราก็เดินๆถ่ายรูปกันนิดหน่อย บนเวทีเค้าปราศัยด่านายกยิ่งลักษณ์ ว่าเป้นกระหรี่ กาลีบ้านกาลีเมืองด้วยนะ บอกว่านายกเป็นชู้กับโอบาม่าจะให้กระหรี่มาปกครองบ้านเมืองได้ไง เวรแท้ๆ มันเอาหลักฐานที่ไหนมาบอกว่านายกเป็นกระหรี่กันหว่า เอาเข้าจริงถ้านายกยิ้มแย้มกะโอบาม่ามันจะผิดตรงไหนกันวะ แล้วไอ้การที่อ้างว่านายกเป็นกระหรี่นี่ไม่ไหวนะ เหมือนที่จารย์ปวิน ด่าวรกรณ์ว่าเป้นกระหรี่แหละ เห้อ เอ๊า เข้าพวกเดียวกันอีกวุ๊ย ฟังแล้วพี่เจี๊ยบก็บอกว่าอยากจะไปอยู่แนวหลังตำรวจ จะได้รู้ว่าความรุนแรงมันมาจากใครกันแน่เพราะเราอยู่ในม๊อบ เรามองเห็นความรุนแรงได้ลำบาก ด้วยความที่เบื่อๆ การปราศัยในม๊อบที่เค้าพักเอาวงดนตรีขึ้นมาเล่น เราเลยตกลงจะไปกัน หาทางไปกันหลายครั้งจนเลือกจะไปอีกทาง แต่เราไม่รู้นะว่ามันคือทางไหน รู้แต่ว่ามันเป็นทางที่เผชิญหน้ากับเวที
 
ประมาณบ่ายโมงกว่าๆเกือบบ่ายสอง อยู่ดีดีก็เห็นควันพุ่งออกมาไกลๆ เลยหันไปบอกคนอื่นๆว่าข้างหน้ามีแก๊สน้ำตา มีป้าคนนึงตะโกนสวนเรามาว่า "ไม่ต้องกลัว มันมาไม่ถึงหรอก" เราเลยเข้าไปยืนดูต่อนิดนึง แล้วก็ได้ยินเสียงระเบิด มีคนเริ่มโห่ร้องด่า "เหี้ย" เราก็เลยด่าด้วย "เหี้ย" แต่ความหมายคงไม่เหมือนกัน หึหึ ทีนี้เราคิดว่าไม่ไหวแล้วหละ เลยจูงมือกันเดินออก
 
ระหว่างที่เดินออกมาเราพยายามมองหาความกลัวในใบหน้า ของคนที่เราเดินผ่านแล้วเค้าตะโกนด่าทอตำรวจที่มา ด่าทอรัฐบาล แต่เชื่อไหม (เหมือนถาพในหนัง) ใบหน้าคนเหล่านั้นลอยออกมาปะทะสายตาเรา เรามองไม่เห็นความกลัวในใบหน้าของคนเหล่านั้น บางคนด่าไปอมยิ่มไป บางคนด่าไปก็แสดงอาการท้าทายไป มันต่างกันมาก ต่างกันจริงๆเราเคยเห็นคนในม๊อบเสื้อแดงช่วงที่มีการสลาย ทั้งวันที่ 10 เมษา และ 19 พฤษภา เราเห็นแววตาคนที่กลัวตาย เห็นแววตาคนที่มีห่วงเห็นแววตาคนที่พร้อมจะยอมตาย แต่คนเหล่านั้นไม่กร่างเท่านี้นะ
 
เราเดินออกมาเรื่อยๆ แก๊สน้ำตาเริ่มลงหนักขึ้นเรื่อยๆ เราต้องใช้ผ้าปิดจมูกกัน ดีนะที่เคยหนีแก๊สน้ำตาในม๊อบเสื้อแดงมาก่อน แต่อันนี้ก้อน้ำตาไหลเหมือนกัน มีคนตะโกนว่าแก๊สระเบิดๆ เราก็เลยตัดสินใจพากันวิ่งดีกว่า วิ่งจนออกมาทางเดิมที่เข้าไปนั่นแหละ เจอตำรวจเอาน้ำล้างหน้ากันใหญ่ โถ่ เป็นตำรวจยังโดนไปด้วย ตำรวจคนนึงพยายามเอาน้ำมาให้ผู้ชุมนุมที่วิ่งออกมา ป้าคนนึงไม่รับน้ำแถมยังด่า "เหี้ย มึงทำกับประชาชนแบบนี้ได้ยังไง" เราไม่ได้หันไปมองหรอก ไม่ไหวแสบตา แสบคอ แสบจมูกมากๆ ข้ามถนนออกมาแล้วก็ทรุดลงนั่ง ข้างๆ ทิพอ๊วกออกมา โถ่ น่าสงสารจริงๆ พี่เจ๊ยบซื้อน้ำมาให้พวกเรา รถแท็กซี่มาพอดี เราเลยเรียกแท๊กซี่คันใหญ่ ขึ้นไป แต่อยู่ดีๆก็มีป้าคนนึงกระโดนขึ้นมาบนรถด้วย พวกเราเลยขยับให้แกนั่ง แล้วอยู่ดีๆ ก็มีแม่ลูกคู่นึงขึ้นมาด้วย เด็กยังเล็กมากๆ สองขวบได้ ขึ้นรถมากะเรา เราบอกแท็กซี่ให้ไปวัดราชนัดดา เพราะพี่เจี๊ยบจอดรถไว้ที่นั่น
 
ตอนอยู่บนรถทุกคนก็ด่าตำรวจไป พวกเราก็นั่งฟังเงียบๆ ลุงแท็กซี่พูดขึ้นมาว่า "ตำรวจเค้าออกมาบอกแล้วนะว่าแก๊สน้ำตาไม่ใช่ของตำรวจ" พวกเราเลยได้ที ใส่ข้อมูล จนสองคนนั้นเหวอไปเพราะไม่รู้เรื่องข้างนอก นอกจากที่ชุมนุมเลย แต่พวกเราก็แอ๊บใส่ๆกันนะ พี่เจี๊ยบพูดขึ้นมาประโยคนึงว่า "นี่ดีนะ เป็นตำรวจใช้แก๊สน้ำตา ดีที่มันไม่ยิงเอา ยิงขา ยิงหัว ไม่งั้นตายไปแล้ว" ทุกคนเงียบ แต่สองคนนั้นก็พูดถึงอาการแสบตาต่อไป และคนเป็นแม่ก็สอนให้ลูกสู้กับทรราชต่อไป
 
เราลงรถแยกกันกับสองคนนั้น แล้วพวกเราก็ขึ้นรถพี่เจี๊ยบขับไปทางสะพานมัฆวาน ขับรถไปก็ขำกันไป พอไปถึงก็วิ่งเข้าไปดูสถานการณ์ ปรากฏว่าคนเยอะพอดู มีคนทยอยเข้าไปเรื่อยๆ เสื้อแดงก็หลายคน หึหึ ทีนี้ก็เข้าไปที่ม๊อบตรงนั้น เห็นรถปราศัยสองคัน มีคนแต่งตัวแปลกๆ น่าจะมาจากสันติอโศก มีอะไรสักอย่างปิดหูอยู่ มวลชนอยู่รอบๆประมาณสองร้อยได้ เสียงตำรวจฝั่งตรงข้ามก็พูดซ้อนขึ้นมา ไม่มีใครฟังใครสักคน มวลชนอันไพศาลก็โห่ร้องตะโกนด่าเจ้าหน้าที่ไป เราก็ถ่ายคลิปกันไป โบกมือให้ตำรวจไป พี่เจี๊ยบบอกว่าจริงๆตำรวจโดนแซนวิชอยู่ ผู้ชุมนุมประกบหน้าหลังเลย ถ้าทางเวทีใหญ่ยกคนมาถล่มนี่ตายแน่ๆ มีแค่กระบอง ฝั่งคนจากสันติอโศกพยายามบอกให้ตำรวจเปิดทาง ยังมีคนจากต่างจังหวัดที่ยังจะมาร่วมม๊อบอีก
 
เราได้ยินตำรวจพยายามจะขอร้องผู้ชุมนุมว่าอย่าทำร้ายตำรวจเลย ตำรวจมาจากหลายภาค เป็นลูกเป็นหลานของประชาชนผู้มาชุมนุมวันนี้นี่แหละ โอ้ ตลกเนอะ ไม่เห็นม๊อบไหนที่เคยผ่านๆมา เจ้าหน้าที่ขอร้องผู้ชุมนุมสักที เออ ถ้าเจ้าหน้าที่ที่มาปราบม๊อบเป็นแบบนี้ทุกม๊อบก็ดีสิเนอะ สักพัก ก็เริ่มแหล่งใต้กัน พอไม่เห็นมีอะไรพวกเราก็คิดว่ากลับดีกว่า น่าเบื่อละ แถมมีงานเสวนาต่อที่หอศิลป์อีก
 
พอจะกลับ มีเสียงจากเวทีใหญ่มา บอกว่าให้หยุดฟังสักสามนาทีเค้าจะแฉขบวนการล้มเจ้า แล้วก็มีเสียงชูพงษ์ ถี่ถ้วน เสียงอาจารย์ใจ เสียงอภิวรรณ เราฟังแล้วอึ้งนะ ไม่คิดว่าเค้าจะกล้าเอามาเปิด จริงๆเราคิดว่ามันจะเป็นแนวร่วมมุมกลับด้วยซ้ำ แต่อาจจะคิดลึกเกินไปในสถานการณ์แบบนี้มีแต่คนจะเกลียดกันมากขึ้น เพราะสถาบันกษัตริย์เป็นตัวแปร และคนที่เอามาโหน เลยสาวเท้าเดินออกมาดีกว่า พอเดินออกมามีป้าคนนึงทัก แก่นั่งอยู่ใต้ต้นไม้ กับป้าอีกคนและลุงแก่ๆอีกคน บอกว่า "อย่าเพิ่งไปเลยหนู" สายตาแกดูมีความหวังกะพวกเรามาก คงจะเหมือนกะคนเสื้อแดงที่มีความหวังกับวัยรุ่นนั่นแหละมั้ง แกพูดต่อว่า "ฟังให้จบก่อน มันทำร้ายพวกเรานะหนู" เราเลยตอบไปว่า "หนูก็หนีมาแหละคะ" พี่เจี๊ยบบอกป้าแกไปว่า "หนีแก๊สน้ำตามาเหมือนกันคะ เดี๋ยวจะไปชวนเพื่อนมาคะ" แกเลยยิ้มแล้วบอกว่า "งั้นไปก่อนไปชวนเพื่อนมาเยอะๆนะ ตอนเย็นมาใหม่ สงสารท่าน" แล้วก็ยกมือท่วมหัวมองไปที่รูปในหลวง ....พวกเราก็เดินออกมา ไปวงเสวนาต่อคิดไปว่าคืนนี้จะมีอะไรไหม ยิ่งมืดแนวโน้มยืดเยื้อน่าจะเยอะ
 
แต่สุดท้าย "เฉื่อย"ก็ประเมินถูก ว่าเอาเข้าจริง ม๊อบมันคุมกันไม่ได้ แกนนำพยายามหาทางลงอยู่ เพราะหลังจากเฉื่อยพูดไม่กี่นาที ก็มีแมสเซสโทรสัพท์เข้าว่า ม๊อบยุติแล้ว
 
จริงๆก็อยากจะบอกนะว่า....ถ้า"เหี้ย"ของเราตัวเดียวกัน มันก็คงจะดีเนอะ แต่เสียดาย คนละตัว
 

บล็อกของ ประกายไฟ

ประกายไฟ
 "...ถ้ารัฐไม่มีหน้าที่บริการประชาชน มหาวิทยาลัยก็จะทำให้เป็นของเอกชน โรงพยาบาลก็จะเป็นเอกชน รถเมล์ น้าประปา ไฟฟ้า ก็จะต้องเป็นของเอกชน แล้วเราจะมีรัฐไปทำไม” เก่งกิจ กิติเรียงลาภ กล่าว  
ประกายไฟ
จริงอยู่ที่ทางกลุ่มแอดมินไทย อาจจะมีความคิดเห็นทางการเมืองที่อยู่คนละข้าง คนละสี....(บอกมาเถอะว่าสีอะไรปิดไม่มิดหรอก) กับสมาชิกในเพจที่เป็นเพื่อนร่วมชาติชาวไทย แต่นี้มันเพจระหว่างประเทศ ที่ผู้เขียนในฐานะสมาชิกคนหนึ่งในเพจมีสิทธิที่จะบอกความเป็นจริง....(รับได้ไหมท่านแอดมิน???)...  
ประกายไฟ
..นักสหภาพหลายๆคนมักมาสอบถามกับผู้เขียนบ่อยๆว่า ทำไมฝ่ายบุคคลมักมีทัศนะคติที่เลวร้ายกับสหภาพหรือที่เป็นอย่างนี้ก็เพราะมหาวิทยาลัยสั่งสอนให้มองสหภาพในแง่ไม่ดีรึเปล่า แล้วถ้าไม่ใช่พวกนักศึกษาที่จบไปเป็นฝ่ายบุคคลในโรงงานนั้น เขามองสหภาพแรงงานอย่างไร เราจึงจัดทำบทสัมภาษณ์สั้นๆชิ้นนี้ขึ้นมาเพื่อให้รู้ว่าเขา (ว่าที่ฝ่ายบุคคล) คิดยังไงกับเรา(สหภาพแรงงาน)..
ประกายไฟ
..ทำไมคนส่วนใหญ่มักชอบพูดว่าประเทศสหรัฐอเมริกาทีระบบสวัสดิการที่ดีเยี่ยม จนเป็นประเทศในฝันของทุกคน เมื่อได้อ่านความเป็นจริงจากบทความชิ้นนี้แล้วคงทำให้เรามองสหรัฐอเมริกาในแง่ความเป็นจริงมากขึ้น และเลิกพูดมั่วๆซะที ว่าอเมริกามีสวัสดิการดีกว่าไทย
ประกายไฟ
...การที่รัฐบาลหลายชุดที่ผ่านมา รวมถึงรัฐบาลชุดนี้กำลังจะขึ้นภาษีทางอ้อมจาก 7 เป็น 10% นั้นถือว่าเป็นการเปิดศึกทางชนชั้นกับชนชั้นกรรมกรและคนระดับล่างของสังคมโดยตรง คือ โยนภาระก้อนโตให้คนระดับล่างเป็นผู้จ่าย โดยที่คนร่่ำรวยลอยตัว...
ประกายไฟ
...ดูๆไปแล้วดันไปสะดุดตรงเหตุการณ์ทางการเมืองในเวลานั้นที่ดันตรงกับช่วงของการเปลี่ยนแปลงการปกครองพอดี แหมมมมมมมมมมมม เล่นเล่าซะ คณะผู้ก่อการดูเป็นตัวร้ายไปถนัดตา แถม ร.7 ยังดูน่าสงสารจนเกินเหตุ “ตั้งแต่เกิดมาไอ้เคนยังไม่เห็นว่าในหลวงท่านจะทำอะไรไม่ดีเลย” “เหาจะกินกระบาล” 5555 เอาละวะ ...  
ประกายไฟ
อธิการ.มทส. ค้านนศ.แต่งกายข้ามเพศ เข้ารับปริญญาฯ อ้างเป็นบัณฑิตต้องมีคุณธรรม จริยธรรม รู้ว่าอะไรควร อะไรไม่ควร สมศักดิ์ เจียมธีรสกุล โต้ประเทศนี้อ้างอะไรไม่ได้ ก็อ้างคุณธรรมจริยธรรมปลอมๆ กลวงๆ ย้ำคุณธรรมของบัณฑิตต้องมีจิตใจที่วิพากษ์วิจารณ์ต่อสิ่งที่เป็นอยู่
ประกายไฟ
ผมท้าเลยครับ หลังจากเผาอากง อากงจะถูกลืม..เว้นแต่เรียก กม. "ม.112" ว่า "อากง" เราจะไม่มีทางลืมอากง เพราะมันก็จะอยู่อย่างนี้อีกนานเท่านาน - ด้านเกษียร ตอบ ความทรงจำของสังคมไม่ได้เป็นเรื่องอัตโนมัติ หากต้องสร้างและผลิตซ้ำขึ้น แม้แต่การเอาชื่อไปวางไว้เป็นสมญาของสิ่งใดสิ่งหนึ่ง ก็ไม่ใช่หลักประกันว่าจะได้รับการจดจำจากสังคมหรือจำอย่างถูกต้องครบถ้วนแม่นยำ  
ประกายไฟ
 ..สิ่งที่เรียกว่า "ตลาดไม้โบราณ" ก็ถือว่าเป็นสิ่งที่เกิดใหม่ในยุค ร.4 - ร.6 เป็นยุคที่ พ่อค้าจีน (โดยเฉพาะจีนแต้จิ๋ว) ที่ ได้เป็นเจ้าภาษีสินค้าต่างๆ เช่น มะพร้าว น้ำตาล อ้อย เป็นต้น จนเกิดชุมทางการค้ามากมายตามลุ่มแม่น้ำต่างๆ ทั้งนครชัยศรี ราชบุรี แม่กลอง มหาชัย สามชุก ฯลฯ (ดูดีๆ ทุกๆที่ๆเป็นตลาดไม้โบราณล้วนมีสถานที่ๆเรียกว่า “โรงเจ” และ “ศาลเจ้าทรงเก๋งจีน” แทบทุกๆแห่ง) ที่เรียกว่าสิ่งใหม่ๆสำหรับคววามเป็นไทยในยุคนั้น..
ประกายไฟ
สาระหลักที่น่าสนใจของเรื่องแม่นั้นอยู่ที่จิตสำนึกของปัจเจกชนที่ต่างจากปัจเจกชนในวรรณกรรมรัสเซียเล่มดังๆที่ส่วนใหญ่มุ่งเสนอการดิ้นรนเอาชีวิตของตัวเองให้รอดไปวันๆ เป็นปัจเจกชนที่กำหนดชะตาชีวิตของตัวเองเข้าเป็นส่วนหนึ่งของการเปลี่ยนแปลง
ประกายไฟ
แนะสภาฯเดินหน้าวาระ3 มั่นใจผ่านฉลุย พร้อมด้วยสนทนากับนายซิม ไฮแอท เยาวชนผู้อดข้าวหน้าพรรคเพื่อขอให้นายอภิสิทธิ์ถอนคำพูดเหยียดคนเสื้อแดง
ประกายไฟ
"..คุณอาจจะคิดเอาง่ายๆว่าขอแค่เพียงคุณเป็นคนรักเจ้า คุณก็จะไม่ต้องเผชิญกับความบ้าคลั่งของพวกคลั่งเจ้า (ชี้แจงเพิ่มเติมไว้หน่อยว่าสำรับผม "รักเจ้า" กับ "คลั่งเจ้า" นี่ไม่เหมือนกัน) แต่จากกรณีคุณโกวิทก็เป็นอีกตัวอย่างรูปธรรมหนึ่งที่ทำให้เราเห็นได้ว่าไม่ว่าคุณจะเป็นใคร รักหรือไม่รักเจ้า คุณจะมีโอกาส/มีความเสี่ยงที่จะต้องเผชิญความบ้าคลั่งแบบนี้ได้ทั้งนั้น"