Skip to main content

 

โดย Chotisak Onsoong

 

 

เพราะหน้ากากนี้มันสมารถโยงไปได้ทั้งหนัง V For Vendetta และทั้งชายที่ชื่อ Guy Fawkes 

 

ซึ่งล้วนแต่มีแง่มุมที่ขัดแย้งกับพวก "กษัตริย์นิยม"

 

คือ ในขณะที่หนัง V For Vendetta เป็นแนวอนาธิปไตย พูดเรื่องเสรีภาพ แต่พวกกษัตริย์นิยมใช้หน้ากากนี้ในการเคลื่อนไหวเพื่อจำกัดเสรีภาพ

 

และในขณะที่พวกนี้บอกว่าเขารักนับถือกษัตริย์ แต่หน้ากากที่พวกเขาสวมใส่อยู่กลับเป็นรูปใบหน้าของ Guy Fawkes ซึ่งเป็นแกนนำขบวนการลอบสังหารกษัตริย์

 

 

 

 

 

เวลาพวก "กษัตริย์นิยม" ชาวไทย ใส่หน้ากาก "กาย ฟอคซ์" (Guy Fawkes) ในการทำกิจกรรมทางการเมืองของพวกเขา แล้วพอมีคนแย้งว่า "นี่มันหน้ากากของคนที่คิดลอบฆ่ากษัตริย์นะ" พวกกษัตริย์นิยมเหล่านั้นก็จะบอกว่า "หนังมันพูดเรื่องการต่อสู้เพื่อเสรีภาพ เกี่ยวอะไรกับการลอบฆ่ากษัตริย์"

 

หลายคนก็คงรู้กันอยู่แล้วว่า "หนัง" ที่พวกเขา (พวกกษัตริย์นิยม) พูดถึงนั่นคือหนังเรื่อง "วี ฟอร์ เวนเดตตา" (V For Vendetta) ซึ่งพูดเรื่องการต่อสู้กับเผด็จการ/การต่อสู้เพื่อเสรีภาพจริงๆ

 

แต่สิ่งที่มากกว่าเนื้อหาในหนังก็คือ "หน้ากาก" ที่ V ตัวเอกในหนังสวมอยู่ตลอดทั้งเรื่องนั้นมันไม่ใช่หน้ากากที่อยู่ๆก็ถูกทำขึ้นมาแบบไม่มีที่มาที่ไปหรือสักแต่วาดขึ้นมามั่วๆ

 

แต่มันคือหน้ากากที่เลียนแบบใบหน้าของชายชาวอังฤษคนหนึ่งที่ชื่อ Guy Fawkes 

 

และ Guy Fawkes คนนี้คือคนที่วางแผนจะระเบิดอาคารรัฐสภาเพื่อลอบสังหารกษัตริย์อังกฤษ (กษัตริย์เจมส์ ที่ 1 - King James I) ในวันที่ 5 พ.ย. 1605 โดยมีสาเหตุมาจากความขัดแย้งระหว่างนิกายศาสนา (แต่แผนรั่วซะก่อน)

 

เหตุการร์ครั้งนั้นถูกเรียกว่า "กบฏดินปืน", "แผนดินปืน"

 

ถ้าไม่เชื่อผมก็ลองเอาคำว่า "กาย ฟอคซ์" หรือ "Guy Fawkes" ไปเซิร์จใน google ดูสิครับ (คุณจะพบว่า ข้อมูลที่ขึ้นมานอกจากจะพูดถึงพฤติการณ์ของชายที่ชื่อ Guy Fawkes แล้ว จะยังเชื่อมไปถึงหนังเรื่อง V For Vendetta ด้วย)

 

ผมคิดว่าเหตุที่อลัน มัวร์ ผู้เขียน V For Vendetta (เรื่องนี้เป็นการ์ตูนมาก่อนที่จะเป็นหนัง) เลือกใบหน้าของ Guy Fawkes ทั้งที่เนื้อเรื่องของ V For Vendetta ออกแนวอนาธิปไตย (ซึ่งโดยปกติถือว่า "ซ้ายจัด") ในขณะที่ Guy Fawkes น่าจะเรียกได้ว่าเป็นพวก "ขวาจัดแนวศาสนา" ก็เพราะการลอบสังหารโดยวิธีระเบิดอาคารรัฐสภานี่แหละครับ

 

ดังนั้นเวลาผมเห็นพวก "กษัตริย์นิยม" ใส่หน้ากาก Guy Fawkes ทำกิจกรรมทางการเมืองผมจึงอดรู้สึกขำไม่ได้

 

เพราะหน้ากากนี้มันสามารถโยงไปได้ทั้งหนัง V For Vendetta และทั้งชายที่ชื่อ Guy Fawkes 

 

ซึ่งล้วนแต่มีแง่มุมที่ขัดแย้งกับพวก "กษัตริย์นิยม"

 

คือ ในขณะที่หนัง V For Vendetta เป็นแนวอนาธิปไตย พูดเรื่องเสรีภาพ แต่พวกกษัตริย์นิยมใช้หน้ากากนี้ในการเคลื่อนไหวเพื่อจำกัดเสรีภาพ

 

และในขณะที่พวกนี้บอกว่าเขารักนับถือกษัตริย์ แต่หน้ากากที่พวกเขาสวมใส่อยู่กลับเป็นรูปใบหน้าของ Guy Fawkes ซึ่งเป็นแกนนำขบวนการลอบสังหารกษัตริย์

 

แต่ที่ขำกว่าความย้อนแย้งที่ว่าไปข้างบนก็คือ เวลามีคนแย้งพวกเขาเรื่องหน้ากาก Guy Fawkes ว่าเป็นหน้ากากของพวกลอบสังหารกษัตริย์ นอกจากพวกที่ดูงงๆ แบบ "เกี่ยวอะไร?" แล้ว บางคนยังกลับมาด่าคนที่แย้งอีกว่า "ดูหนังไม่เข้าใจ"

 

 

 

บล็อกของ ประกายไฟ

ประกายไฟ
 "...ถ้ารัฐไม่มีหน้าที่บริการประชาชน มหาวิทยาลัยก็จะทำให้เป็นของเอกชน โรงพยาบาลก็จะเป็นเอกชน รถเมล์ น้าประปา ไฟฟ้า ก็จะต้องเป็นของเอกชน แล้วเราจะมีรัฐไปทำไม” เก่งกิจ กิติเรียงลาภ กล่าว  
ประกายไฟ
จริงอยู่ที่ทางกลุ่มแอดมินไทย อาจจะมีความคิดเห็นทางการเมืองที่อยู่คนละข้าง คนละสี....(บอกมาเถอะว่าสีอะไรปิดไม่มิดหรอก) กับสมาชิกในเพจที่เป็นเพื่อนร่วมชาติชาวไทย แต่นี้มันเพจระหว่างประเทศ ที่ผู้เขียนในฐานะสมาชิกคนหนึ่งในเพจมีสิทธิที่จะบอกความเป็นจริง....(รับได้ไหมท่านแอดมิน???)...  
ประกายไฟ
..นักสหภาพหลายๆคนมักมาสอบถามกับผู้เขียนบ่อยๆว่า ทำไมฝ่ายบุคคลมักมีทัศนะคติที่เลวร้ายกับสหภาพหรือที่เป็นอย่างนี้ก็เพราะมหาวิทยาลัยสั่งสอนให้มองสหภาพในแง่ไม่ดีรึเปล่า แล้วถ้าไม่ใช่พวกนักศึกษาที่จบไปเป็นฝ่ายบุคคลในโรงงานนั้น เขามองสหภาพแรงงานอย่างไร เราจึงจัดทำบทสัมภาษณ์สั้นๆชิ้นนี้ขึ้นมาเพื่อให้รู้ว่าเขา (ว่าที่ฝ่ายบุคคล) คิดยังไงกับเรา(สหภาพแรงงาน)..
ประกายไฟ
..ทำไมคนส่วนใหญ่มักชอบพูดว่าประเทศสหรัฐอเมริกาทีระบบสวัสดิการที่ดีเยี่ยม จนเป็นประเทศในฝันของทุกคน เมื่อได้อ่านความเป็นจริงจากบทความชิ้นนี้แล้วคงทำให้เรามองสหรัฐอเมริกาในแง่ความเป็นจริงมากขึ้น และเลิกพูดมั่วๆซะที ว่าอเมริกามีสวัสดิการดีกว่าไทย
ประกายไฟ
...การที่รัฐบาลหลายชุดที่ผ่านมา รวมถึงรัฐบาลชุดนี้กำลังจะขึ้นภาษีทางอ้อมจาก 7 เป็น 10% นั้นถือว่าเป็นการเปิดศึกทางชนชั้นกับชนชั้นกรรมกรและคนระดับล่างของสังคมโดยตรง คือ โยนภาระก้อนโตให้คนระดับล่างเป็นผู้จ่าย โดยที่คนร่่ำรวยลอยตัว...
ประกายไฟ
...ดูๆไปแล้วดันไปสะดุดตรงเหตุการณ์ทางการเมืองในเวลานั้นที่ดันตรงกับช่วงของการเปลี่ยนแปลงการปกครองพอดี แหมมมมมมมมมมมม เล่นเล่าซะ คณะผู้ก่อการดูเป็นตัวร้ายไปถนัดตา แถม ร.7 ยังดูน่าสงสารจนเกินเหตุ “ตั้งแต่เกิดมาไอ้เคนยังไม่เห็นว่าในหลวงท่านจะทำอะไรไม่ดีเลย” “เหาจะกินกระบาล” 5555 เอาละวะ ...  
ประกายไฟ
อธิการ.มทส. ค้านนศ.แต่งกายข้ามเพศ เข้ารับปริญญาฯ อ้างเป็นบัณฑิตต้องมีคุณธรรม จริยธรรม รู้ว่าอะไรควร อะไรไม่ควร สมศักดิ์ เจียมธีรสกุล โต้ประเทศนี้อ้างอะไรไม่ได้ ก็อ้างคุณธรรมจริยธรรมปลอมๆ กลวงๆ ย้ำคุณธรรมของบัณฑิตต้องมีจิตใจที่วิพากษ์วิจารณ์ต่อสิ่งที่เป็นอยู่
ประกายไฟ
ผมท้าเลยครับ หลังจากเผาอากง อากงจะถูกลืม..เว้นแต่เรียก กม. "ม.112" ว่า "อากง" เราจะไม่มีทางลืมอากง เพราะมันก็จะอยู่อย่างนี้อีกนานเท่านาน - ด้านเกษียร ตอบ ความทรงจำของสังคมไม่ได้เป็นเรื่องอัตโนมัติ หากต้องสร้างและผลิตซ้ำขึ้น แม้แต่การเอาชื่อไปวางไว้เป็นสมญาของสิ่งใดสิ่งหนึ่ง ก็ไม่ใช่หลักประกันว่าจะได้รับการจดจำจากสังคมหรือจำอย่างถูกต้องครบถ้วนแม่นยำ  
ประกายไฟ
 ..สิ่งที่เรียกว่า "ตลาดไม้โบราณ" ก็ถือว่าเป็นสิ่งที่เกิดใหม่ในยุค ร.4 - ร.6 เป็นยุคที่ พ่อค้าจีน (โดยเฉพาะจีนแต้จิ๋ว) ที่ ได้เป็นเจ้าภาษีสินค้าต่างๆ เช่น มะพร้าว น้ำตาล อ้อย เป็นต้น จนเกิดชุมทางการค้ามากมายตามลุ่มแม่น้ำต่างๆ ทั้งนครชัยศรี ราชบุรี แม่กลอง มหาชัย สามชุก ฯลฯ (ดูดีๆ ทุกๆที่ๆเป็นตลาดไม้โบราณล้วนมีสถานที่ๆเรียกว่า “โรงเจ” และ “ศาลเจ้าทรงเก๋งจีน” แทบทุกๆแห่ง) ที่เรียกว่าสิ่งใหม่ๆสำหรับคววามเป็นไทยในยุคนั้น..
ประกายไฟ
สาระหลักที่น่าสนใจของเรื่องแม่นั้นอยู่ที่จิตสำนึกของปัจเจกชนที่ต่างจากปัจเจกชนในวรรณกรรมรัสเซียเล่มดังๆที่ส่วนใหญ่มุ่งเสนอการดิ้นรนเอาชีวิตของตัวเองให้รอดไปวันๆ เป็นปัจเจกชนที่กำหนดชะตาชีวิตของตัวเองเข้าเป็นส่วนหนึ่งของการเปลี่ยนแปลง
ประกายไฟ
แนะสภาฯเดินหน้าวาระ3 มั่นใจผ่านฉลุย พร้อมด้วยสนทนากับนายซิม ไฮแอท เยาวชนผู้อดข้าวหน้าพรรคเพื่อขอให้นายอภิสิทธิ์ถอนคำพูดเหยียดคนเสื้อแดง
ประกายไฟ
"..คุณอาจจะคิดเอาง่ายๆว่าขอแค่เพียงคุณเป็นคนรักเจ้า คุณก็จะไม่ต้องเผชิญกับความบ้าคลั่งของพวกคลั่งเจ้า (ชี้แจงเพิ่มเติมไว้หน่อยว่าสำรับผม "รักเจ้า" กับ "คลั่งเจ้า" นี่ไม่เหมือนกัน) แต่จากกรณีคุณโกวิทก็เป็นอีกตัวอย่างรูปธรรมหนึ่งที่ทำให้เราเห็นได้ว่าไม่ว่าคุณจะเป็นใคร รักหรือไม่รักเจ้า คุณจะมีโอกาส/มีความเสี่ยงที่จะต้องเผชิญความบ้าคลั่งแบบนี้ได้ทั้งนั้น"