Skip to main content

เสียงแม่ร่ำไห้ผ่านมาตามสายโทรศัพท์  หลังจากฉันกลับมาทำงานได้เจ็ดวัน  แม่ระล่ำระลักบอกฉันว่า พ่อแย่แน่ๆ คราวนี้ พ่ออาการหนักกว่าเดิมแล้วลูกเอ๋ย คราวนี้เราจะทำอย่างไรกันดี ช่วยพ่อด้วยนะลูก

ฉันเอาเสื้อผ้าสองสามชุดใส่กระเป๋าใบเดิมที่ยังไม่ได้ซัก หลังกลับมาคราวที่แล้ว  ของใช้บางอย่างยังไม่ได้รื้อออกมาด้วยซ้ำ  แต่ฉันต้องไป หลังได้ยินเสียงแม่ ฉันทำอะไรไม่ได้เลย หูฉันมีแต่เสียงร้องไห้ของแม่ ตาของฉันเห็นแต่ภาพพ่อ

ฉันลาพักผ่อนฉุกเฉินอีกครั้ง แม้ต้องรบกวนฝากเวรใครต่อใครหลายคน ทุกคนเต็มอกเต็มใจช่วยเหลือฉัน เพราะถ้อยคำที่ฉันเอ่ยปากบอก  ฉันต้องกลับไปหาพ่อ 

เพราะพวกเราผ่านเรื่องร้ายของชีวิตมาเสมอ ทั้งเรื่องของคนไข้และตัวเราเอง บางเรื่อง เราอยากย้อนเวลากลับไปแก้ไข  ให้เรื่องร้ายกลายเป็นดี  ทั้งที่เป็นไปไม่ได้อีกแล้ว แต่มันยังติดตรึงในความรู้สึกไปชั่วชีวิต

เพราะฉะนั้น หากเป็นเรื่องร้ายแรง  ทุกคนเต็มใจเสมอที่จะช่วยเหลือกัน นับเป็นสิ่งงดงามของความเป็นมนุษย์  เพราะยามเราต้องเผชิญเรื่องหนักหนาสาหัส  เราต้องการน้ำใจ กำลังใจจากคนรอบข้าง   ฉันโชคดีที่สุดแล้วที่ยังได้รับน้ำใจจากทุกคน  แม้ว่าโชคร้ายรออยู่ข้างหน้าก็ตาม

ฉันซื้อตั๋วด้วยใจสั่นระริก มือกำตั๋วเครื่องบินชื้นไปด้วยเหงื่อ  ก้าวขึ้นเครื่องด้วยขาที่สั่น  ฉันไม่รู้ว่าต้องไปเจออะไรบ้าง สิ่งที่รอฉันอยู่ข้างหน้า  ทำให้หัวใจฉันแตกสลายลงหรือเปล่า ฉันมีแต่ความกลัวท่วมใจ  แม้ต้องข่มใจสักเพียงใด เข้มแข็งสักเพียงไหน  หัวใจฉันยังเต้นรัว  ฉันบอกตัวเองว่า ฉันจะเข้มแข็งให้มากที่สุด

ฉันหยิบหนังสือสวดมนต์เล่มใหม่มาวางบนตัก  เล่มเดิมนั้นฉันวางไว้ข้างเตียงพ่อก่อนฉันกลับมาคราวที่แล้ว  ซึ่งฉันบอกพ่อให้สวดมนต์ทุกวัน ฉันยังจำคำที่พูดกับพ่อ  ลูกหวังให้พ่อเข้มแข็ง  อยู่กับทุกข์ได้โดยไม่ทุรนทุรายมากนัก

ฉันสวดมนต์ไปเรื่อยๆระหว่างอยู่บนเครื่อง  สวดทุกบทที่เปิดผ่านแต่ละหน้า   ในใจฉันหวังให้กำลังใจตัวเอง  หวังให้พ่อคลายความเจ็บปวด ให้พ่อหาย ไม่ว่าพ่อจะเป็นอย่างไรในตอนนี้ขอให้ผ่อนคลายความเจ็บปวดที่กำลังเผชิญอยู่

ถึงตอนนี้  หัวใจฉันเศร้าหมองจนต้องร้องไห้ออกมา เพราะฉันรู้ว่า คราวนี้ของพ่อมันหนักหนาสาหัสนัก  ฉันจะไปหาพ่อได้ทันเวลาหรือเปล่า  ฉันจะได้กอดพ่อตอนที่พ่อยังมีลมหายใจอยู่หรือไม่ พ่อจ๋า ลูกจะมีเวลาเหลือได้ทำอะไรให้พ่ออีกหรือเปล่า  ความคิดนี้มันวนเวียน ทิ่มแทงหัวใจเหมือนโดนมีดคม  ฉันได้แต่สวดมนต์แล้วร่ำไห้เมื่อนึกถึงหน้าพ่อ คุณพระ คุณเจ้าช่วยด้วยเถิด ขอให้พ่ออย่าเป็นอะไรไปเลย ความคิดของฉันวนเวียนซ้ำไปซ้ำมา

ฉันไปถึงโรงพยาบาลที่พ่อนอนอยู่จนได้   ระหว่างเดินทางนั้น  ฉันไม่ได้โทรหาแม่และน้อง ฉันกลัวที่จะฟังคำบอกกล่าว ฉันกลัวว่าจะทำใจไม่ไหว  ฉันเดินเหมือนคนหมดแรง แต่ละก้าวจึงละล้าละลัง  ในใจบอกตัวเองให้เข้มแข็งและกล้าเผชิญ  เหมือนที่ฉันเคยเผชิญหน้ากับความเจ็บป่วยช่วยคนอื่นๆ

พอผ่านประตูของตึกที่พ่อนอน  ฉันเห็นพ่อนอนอยู่บนเตียงหน้าเคาน์เตอร์ มองปราดเดียวฉันก็รู้ว่า พ่ออาการหนัก พ่อมีสายออกซิเจนในรูจมูก แขนพ่อมีรอยผ่าตัดให้น้ำเกลือผ่านเส้นเลือด มันเป็นการช่วยชีวิตในขั้นแรกของคนไข้ที่ช็อค ทำไมฉันจะไม่รู้  ระโยงสายน้ำเกลือนั้น  มียาที่เพิ่มความดันโลหิตอยู่ในเครื่องควบคุมจำนวนหยดน้ำเกลือ  ตัวที่ฉันคุ้นเคย แสดงว่า พ่อยังอยู่ในอันตราย  เข่าขวาของพ่อยังพันผ้าก็อสไว้เหมือนเดิม

ฉันถามตัวเอง  เราจะกลัวอะไรเมื่อมาถึงนาทีตอนนี้   พ่อยังนอนรอเราอยู่ตรงหน้า รอให้เรากอดและดูแล พ่อยังมีลมหายใจอยู่ และฉันต้องเดินไปกอดพ่อ ให้กำลังใจพ่อทั้งหมดที่มี ฉันยังทำได้และยังโชคดีที่สุดแล้วที่ยังมาทันเวลา 

ฉันเช็ดน้ำตาจนแห้ง เดินไปหาพ่ออย่างปกติที่สุด

เหมือนพ่อรู้ว่า ฉันมาแล้ว พ่อลืมตาขึ้นมาพอดีที่ฉันยืนอยู่ตรงหน้า เราต่างสบตากัน  แม้ไม่มีน้ำตาไหลออกมา แต่เสียงสะอื้นในอกของใครหนอก็ยังดังออกมาข้างนอก  สองคนพ่อลูกกอดกันกลมอยู่บนเตียงนั้น พ่อพร่ำบอกฉัน พ่อนึกว่าเราจะไม่ทันได้กอดกันอีกแล้ว มันคงเป็นเวลาของพ่อแล้วกระมังลูกเอ๋ย  ไม่หรอกพ่อจ๋า  ฉันพร่ำบอกพ่อ  พ่อยังต้องอยู่กับลูกไปอีกนานเท่านาน พ่อต้องหาย ไม่เป็นไรหรอกนะพ่อจ๋า  ลูกจะอยู่ใกล้พ่อเหมือนเดิม ให้พ่ออดทนนะ

พ่อบอกฉันว่า พ่อได้กลับบ้านแล้ว เมื่อสองสามวันที่ผ่านมา แต่เข่าขวาของพ่อมันบวมแดงขึ้นมาใหม่ พ่อต้องกลับมาหาหมอ  หมอให้นอนเพื่อทำแผลใหม่  ฉีดยาตัวใหม่ที่จำนวนมากกว่าเดิมเพื่อควบคุมการอักเสบ ใครจะรู้ว่า พ่อแพ้ยา ตัวบวม  ปากเจ่อ และทำให้พ่อช็อค   

หมอช่วยชีวิตพ่อไว้ แม้ยังไม่พ้นขีดอันตราย  เข่าขวาของพ่อยังบวมอยู่มาก เชื้อโรคคงเข้าไปในกระแสเลือดด้วยพ่อเลยช็อค หมดสติไปสองวัน

สองวันที่ผ่านมาแม่เล่าให้ฟังว่า  พ่อเพ้อถึงใครต่อใครล้วนแต่เป็นคนที่ตายไปแล้ว

แม่ยิ่งตกใจคิดว่า พ่อคงไม่รอดแน่นอนเลย  แม่เลยโทรบอกลูก โถ แม่คงนึกว่าลูกต้องมาไกลเหนื่อยมาก   แม่ไม่อยากให้ลูกมาเลย แต่ไม่รู้จะทำอย่างไรดี  ฉันบอกแม่ว่าดีแล้วที่ได้มา พ่อต้องการเรามากที่สุดในเวลาอย่างนี้  ขอให้ลูกได้ทำเพื่อพ่อบ้าง

ค่ำนี้  ฉันนั่งฟุบอยู่ข้างเตียงพ่อเหมือนเดิม  คราวนี้ฉันไม่ได้ปิดม่านให้พ่อ แต่เลือกปิดไฟตรงหน้าเตียงให้แทน  แว่วเสียงที่พ่อเล่าอยู่ในหูของฉันเมื่อลืมตาตื่นว่า พ่อไปเที่ยวที่ไหนมาไม่รู้ลูก สวยเหลือเกิน สงสัยเป็นสวรรค์  พ่อคงถึงเวลาจากแล้วจริงๆ  ถึงได้ไปเที่ยวอย่างนั้น  ที่ที่สบายอย่างนั้นไปยากที่สุดเลย

พ่อพูดเหมือนเพ้อ  แม้มันจะทำให้ฉันตกใจและพาลนึกใจเสีย แต่ฉันก็พูดบอกพ่อว่า หลับเถอะพ่อ พ่อขา คงเป็นฤทธิ์ยาที่ทำให้พ่อเป็นอย่างนั้น ไม่มีอะไรหรอก ลูกอยู่ตรงนี้กับพ่อแล้ว  พ่อยิ้มให้ฉันแล้วหลับตา

หลังจากพ่อหลับ  ฉันก้มหน้าซ่อนน้ำตา  ใจฉันอ่อนแอ ขลาดกลัว ... ถึงพรุ่งนี้พ่อจะฟื้นมาไหม พ่อจะลืมตามาส่งยิ้มให้ฉันเหมือนเดิมหรือเปล่า พ่อจ๋า

บล็อกของ มาลำ

มาลำ
เธอเป็นเพื่อนฉัน เราเป็นเพื่อนกันตั้งแต่เรียนมัธยมนั่นแล้ว แม้ว่าฉันจะเป็นเด็กเรียนที่นั่งโต๊ะตัวแรกกลางห้องของ แถวที่สามจากโต๊ะทั้งหมดห้าแถว ครูจะมายืนที่หน้าโต๊ะของฉันทุกคน เวลาครูสอน น้ำลายจากปากครูจะกระเด็นลงบนหัวฉัน ฉันต้องคอยเอาสมุดปิดหัวไว้และสระผมทุกวัน ทุกครั้งที่สอบฉันจะได้ตำแหน่งที่หนึ่งหรือที่สองของห้องเสมอ เธอนั่งอยู่โต๊ะรองสุดท้ายของแถวที่ห้าของห้อง
มาลำ
พี่เป็นเพียงคนแปลกหน้าคนหนึ่งบนโลกใบนี้ แม้พี่จะเป็นนักเขียนที่ฉันหลงรักตั้งแต่หัดอ่านหนังสือ แต่ก็เพียงชื่นชอบอยู่ไกลๆ เราพบกันที่ร้านเล่าเสมอ เวลามีกิจกรรมต่างๆ พี่จะมากันทั้งครอบครัวพ่อ แม่ ลูกสาว ลูกชาย ฉันมักแอบมองพี่แล้วทึ่งในถ้อยคำที่พี่เขียน มันออกมาจากส่วนไหนของพี่หนอ ช่างมหัศจรรย์เหลือเกิน มันต้องเป็นที่หัวใจแน่ๆเลย เพราะพี่ดูเป็นคนดีเหลือเกิน
มาลำ
ตอนเด็กๆ ฉันเป็นเด็กที่น่ารังเกียจ ขี้โกรธ เอาแต่ใจตัวเอง สกปรก ชอบเกี่ยงงานให้พี่สาวทำงานหนักจนตัวแคระแกร็น ส่วนตัวชอบหนีเที่ยว ไปเก็บเห็ดบ้าง ไปตกปลาบ้าง ทั้งที่รู้ว่า กลับมาบ้านแม่จะตีฉันจนยับเยิน หากแต่ฉันไม่เคยนึกกลัว เจ็บแล้วหายวันรุ่งขึ้นไปใหม่
มาลำ
ฝนตกพรำๆ เจ้าหลานสาวอายุสิบหกของฉัน ที่แม่น้องสาวฝากให้ดูแล ส่งเล่าเรียนตั้งแต่ชั้นมอสี่ยังไม่เข้าบ้าน  นาฬิกาข้างฝาบอกเวลายี่สิบสองนาฬิกา เกิดอะไรขึ้นกับเธอหนอ ในอกของฉันเหมือนถูกไฟโลกันต์แผดเผา โทรหาอย่างไรเธอก็ไม่รับสายเหมือนเธอล่องหน ไปไหนหนอ เกิดอะไรขึ้นกับเธอบ้าง เธอทำอะไร อยู่ที่ไหน ทำไมยังไม่เข้าบ้าน ออกไปตามที่ไหนดี และถ้าอะไรที่ไม่ดีเกิดขึ้นกับเธอ ใครหนอจะช่วยเธอได้
มาลำ
ศรีตรังคลี่กลีบสีม่วงสวยออกมาแย้มยิ้ม  ทักทายสายลมร้อน เฉลา อินทนิล โบกกลีบ มาถึงแล้วสีม่วงสุดสวย ละมุนละไม แดดร้อนตอนเที่ยงวัน เนื้อตัวเหมือนแสบไหม้ ไอร้อนจากถนนโชยมา ฉันก้มหน้าก้มตาเดิน หาต้นไม้ในหัวใจสักต้น โน่นไง ฉันก้าวเท้าเข้าไปหา ไฮเดรนเยียสีโปรดของฉัน สีม่วงครามกำลังบาน บ่ายแล้ว ผู้หญิงหน้าตาไหม้เกรียมกำลังหอบต้นไม้ออกดอกสีม่วงขึ้นรถมุ่งตรงไปวัด
มาลำ
บ้านของย่าอยู่ริมฝั่งคลอง เป็นบ้านไม้ยกสูง เวลาเดินแผ่นไม้ในบ้านส่งเสียงดังตามจังหวะการเดิน ย่าคอยบอก เดินค่อยๆนะลูก ย่องๆเดินนะทำเป็นไหม จะได้ไม่มีเสียงดัง ย่าชอบทำขนม ที่บ้านย่าจึงมีหลานๆเต็มบ้าน  ลูกๆของน้าชาย น้าสาวและพี่น้องของฉันอีกหกคน หนึ่งในเด็กหลายคนนั้น มีอยู่คนเดียวที่เป็นเหตุผลของการขอแม่ไปนอนบ้านย่าของฉัน เขาเป็นลูกของน้าสาว อายุเท่าฉัน ตัวโต ผิวคล้ำ ดวงตาเขาเศร้า ท่าทีเงียบขรึม   เขาว่ายน้ำเก่ง จับปลาได้คล่องแคล่ว   ไม่มีท่าทีรำคาญที่พี่สาวอย่างฉัน คอยเดินตามเขา คอยถามโน่นถามนี่ตลอดเวลา ฉันติดเขาแจจนย่าออกปาก ระวังนะ เหาบนหัวจะกระโดดมาหากัน…
มาลำ
น้ำในคลองวังหยีสีเขียวเข้ม ชื่อคลองวังหยีเพราะมีต้นหยีต้นใหญ่อยู่ริมฝั่ง เป็นคลองสายหลักที่ไหลผ่านทุ่งนากว้างใหญ่ของหมู่บ้าน น้ำจะไหลเชี่ยวและกัดเซาะทุกอย่างที่ขวางหน้า ก่อนจะไหลข้ามสะพาน น้ำจะไหลเอื่อยลงไปในแอ่งลึกที่คนเฒ่าคนแก่ในหมู่บ้านเรียกว่าวัง น้ำในวังจะสีเขียวเข้มกว่าส่วนอื่น เพราะความลึกของมัน แค่เพ่งมองฉันก็นึกกลัวขึ้นมา ยิ่งแว่วเสียงคนบอกเล่า มีผีพรายอยู่ในวังด้วยนะ ผีพรายเป็นผู้หญิงผมยาวที่เฝ้าอยู่ในวัง เวลาเล่นน้ำระวังเถิดมันจะมาดึงขาลากลงไปอยู่ในวังด้วยกัน ฉันกลัวจนตัวสั่น ทำให้ฉันต้องลืมตาทุกครั้งเวลาดำน้ำ หลังไปช่วยแม่เก็บน้ำยางที่สวน…
มาลำ
  หนังสือชื่อ ผมเป็นมะเร็งอายุ 5 ขวบ วางอยู่บนโต๊ะของฉันมานาน ฉันทำได้แค่มองผ่าน ทั้งที่อยากจะเปิดอ่านเหลือเกิน ฉันชอบอ่านหนังสือเพราะโลกของฉันมันแสนเศร้า เวลาที่ปวดร้าวฉันต้องนั่งลงเปิดหนังสือแล้วทุ่มตัวลงอ่าน อ่านเหมือนคนที่ไม่เคยได้อ่านมาตลอดชีวิต นึกถึงคำของแม่เวลาที่ฉันช่วยแม่ทำกับข้าวในครัว ฉันช่วยแม่ตำน้ำพริก แม่จะโวยวายใส่ฉันทุกครั้งที่ฉันวางหนังสือไว้ข้างตัว แม่บอกว่าเลิกอ่านก่อน ทำงานให้แม่เสร็จก่อน ฉันหัวเราะแล้วหยิบเอากระดาษห่อของยกขึ้นมาอ่าน ตำน้ำพริกไปด้วยสำหรับหนังสือเล่มนี้ของฉัน แค่มองเห็นหน้าเด็กชายคนนี้ที่นอนชูสองนิ้วยิ้มหวานปากแดงแล้วบอกว่า…
มาลำ
  น้องรัก ไปสู่ความสงบที่สุดนะ เวลาของเธอมาถึง  เธอผ่านพ้นความทรมานแล้ว  แม้เรายังไม่ได้พบกัน เสียงเพลงของเธอยังดังกังวานให้ฉันได้ยิน ถ้อยคำที่เธอพูดยังดังแว่วอยู่ในหู เสียงเธอที่สดใสหลังฟังเพลงด้วยกันยังดังอยู่ แม้มือของฉันเอื้อมไปไม่ถึงเธอ  เราจากกันเสียแล้ว    ทำไมหนอชีวิตได้โหดร้ายนัก เธออายุสี่สิบปีเท่านั้นเอง ...........................                                     …
มาลำ
เสียงเธอดังแว่วแผ่วมาตามสาย อยู่โรงพยาบาลครับพี่ ท้องบวมแล้วเหนื่อยมาก หมอให้นอนให้น้ำเกลือ เหนื่อยครับเหนื่อยจัง เธอพูดเหมือนเพ้อ ฟังไม่ค่อยปะติดปะต่อกัน บางตอนเหมือนคนไข้ที่กำลังแย่แล้วเสียงหอบหายใจแรงดังเข้ามาในสาย ฉันตกใจ ละล้าละลัง ฟังเธอพูดแล้วนึกอยากไปให้ถึงตัวเธอในเดี๋ยวนั้น เธอยื่นหูโทรศัพท์ไปให้แม่ของเธอที่นั่งเฝ้าอยู่ข้างเตียง หลังจากที่เธอพูดสลับหอบให้ฉันฟังอยู่นาน ฉันจึงได้รู้ว่าอาการของเธอไม่ค่อยดี แม่บอกว่าหมอจำหน่ายแล้ว ฉันฟังแล้วไม่เข้าใจ ถามกลับแม่ไปว่า แล้วเธอจะกลับบ้านได้อย่างไรหล่ะแม่ เธอเหนื่อยออกจะแย่อย่างนั้น แค่ลุกจากเตียง เธอยังลุกไม่ไหวใช่ไหม…
มาลำ
เสียงของเธอดังผ่านสายโทรศัพท์มาในค่ำวันหนึ่ง ผมจะบวชกลางเดือนนี้ครับ โทรมาให้พี่อโหสิกรรมให้ด้วย ฉันถามเธอว่า บวชนานแค่ไหนเล่า เธอตอบว่า หนึ่งเดือนครับ ฉันบอกเธอว่าดีมากเลยที่ได้มีเวลาอย่างนี้ อย่างน้อยเป็นการฝึกจิตใจให้เข้มแข็งขึ้น หลังจากที่เราต้องเผชิญกับเรื่องราวหนักหน่วงของชีวิต ฉันอนุโมทนาด้วย ขอให้ใช้วันเวลาในผ้าเหลืองอย่างเป็นสุข หลังจากวันนั้นเสียงเธอหายไป ฉันนึกถึงวันผ่านที่เราเคยโบกรถไปเที่ยวด้วยกันในวันหยุด ฉันและเพื่อนห้าคนรวมทั้งเธอผู้อาสาเป็นคนนำทาง เราเล่นน้ำในน้ำตกมวกเหล็ก ก่อนจะนั่งรถต่อไปดูฟาร์มโคนม วังตะไคร้ สายลมผ่านเนื้อตัวเย็นชื่น…
มาลำ
ใครจะนึกว่าเธอต้องเดินเข้าไปในโรงพยาบาลในฐานะคนไข้ โรงพยาบาลนี้ เธอเคยเดินมาตั้งแต่ยังเล็ก เป็นเด็กในโรงพยาบาลที่คุ้นเคยกับทุกคน เป็นโรงพยาบาลที่ฉันเคยไปฝึกงาน ได้รู้จักกับเธอในครั้งแรกเธอเดินเข้าไปตรวจ เป็นอะไรไม่รู้ครับ มันแน่นๆท้อง กินอะไรไม่ค่อยลง หมอที่ตรวจก็เป็นหมอรู้จักกัน กดท้องของเธอแล้วบอกเบาๆว่าตับโตมาก เธอกินเหล้ามากเกินไปหรือเปล่า สูบบุหรี่ด้วยใช่ไหม ลดลงบ้างนะ หมอบอกเธอกี่ปีแล้วนะที่ใช้ชีวิตอย่างนี้ เวลาช่างผ่านไปเร็วเหลือเกิน เธอรำพึงหลังปั่นจักรยานกลับบ้าน คำพูดหมอดังแว่วมา สงสัยเป็นตับแข็งนะ ต้องทำอัลตราซาวด์ดูแล้ว วันคืนของเธอกำลังสั้นลงแล้ว…