Skip to main content
การเมืองไร้หลักการหลังรัฐประหาร ปี 49 นำมาซึ่งเรื่องชวนหัว ขำ ฮา ตลกร้าย ตลกแต่หัวเราะไม่ออก ตลกจนอยากจะร้องไห้ ฯลฯ หลายต่อหลายเรื่องด้วยกัน ในที่นี้อยากจะหยิบยกมาพูดคุยสัก 4 เรื่อง


เรื่องแรก ไม่เป็นเหลือง การปลดคุณเสถียร จันทิมาธร บรรณาธิการคู่บุญของเครือมติชนด้วยข้อหาไม่เป็นกลางนั้นฮาครับ แต่หัวเราะไม่ออก การไม่เป็นกลางนั้นไม่เท่าไหร่ แต่ดูเหมือนจะเอียงข้างไปทางเสื้อแดงนี่สิเป็นสิ่งที่รับไม่ได้ (แต่คนเสื้อแดงหลายคนก็บอกว่าไม่เห็นคุณเสถียรจะเอียงข้างไปทางเสื้อแดงเลย) ในทางกลับกัน รายของ "นงนุช สิงหเดชะ" ซึ่งเขียนด่า (ใช้คำว่าด่า) คนเสื้อแดงและทักษิณมายาวนาน ด่าเอา ด่าเอาด้วยถ้อยคำที่ครูบาอาจารย์ไม่เคยสั่งสอนกลับไม่เป็นไร นงนุช เคยเขียนว่า

\\/--break--\>
"เสื้อแดงชอบอ้างว่า หลังการรัฐประหารประเทศไม่มีประชาธิปไตย ถูกกดขี่โดยอำมาตยาธิปไตยและเผด็จการ แต่เหลือเชื่อที่พวกที่บอกว่าตัวเองไม่มีประชาธิปไตยสามารถนำม็อบไปบุกล้อม บ้านประธานองคมนตรีทั้งคืน ทำลายทรัพย์สินราชการ บุกล้อมรัฐสภาไม่ให้รัฐบาลแถลงนโยบาย สามารถยกพวกไปทำร้ายร่างกายฝ่ายตรงข้ามได้อย่างเสรี ถามว่ามีคนไทยที่รักและเข้าใจประชาธิปไตยอย่างแท้จริงคนใดบ้าง ที่จะอยากอยู่ภายใต้ประชาธิปไตยของพวกเสื้อแดง"

http://www.matichon.co.th/matichon/view%20...%202009-01-08

 

คุณเสถียร จันทิมาธร ถูกบีบให้ออก ไม่ใช่เพราะไม่เป็นกลาง แต่เป็นเพราะไม่เป็นเหลืองต่างหาก


เรื่องที่สอง แมสเสซมรณะ การส่งข้อความไปหาแฟนสาวของพลทหารอภินพ เครือสุข นำมาซึ่งความตายอย่างคาดไม่ถึง


"เมื่อคืนนี้นายกฯ มานอนบ้านแม่ทัพด้วย วันนี้ความคิดถึงกำลังก่อตัวเป็นก้อนเมฆ เพื่อจะลอยไปหาที่รัก LOVE เหมียวที่สุดในโลก ความรักที่ให้ทุกวัน มั่นคงเหมือนดวงจันทร์ส่องแสงตลอดทั้งคืน" (โพสต์ทูเดย์ วันพุธที่ 29 เมษายน พ.ศ. 2552) http://www.posttoday.com/breakingnews.php?id=44673

 

ข้อความที่ส่งหาแฟนสาวไม่มีอะไรเลยนอกจากคำหวานตามประสาหนุ่มสาวกระทั่งความภาคภูมิใจที่ได้เห็นนายกฯ แต่ฝ่ายรัฐบาลคงจะเข้าใจผิดคิดว่าเป็นการส่งข่าวบอกคนเสื้อแดง พลทหารอภินพ เครือสุข จึงพบจุดจบอย่างอนาถ คณะแพทย์ที่ทำการผ่าพิสูจน์ศพบอกว่า


"ส่วนที่บริเวณคอมีรอยช้ำที่ต้นคอ (ด้านหลังของคอ) มีการแตกของกะโหลกศีรษะ โดยเนื้อส่วนฐานของศีรษะด้านซ้ายมีรอยร้าวต่อเนื่องจากด้านซ้ายไปถึงบริเวณกึ่งกลางกะโหลกศีรษะยาว 5-7 เซนติเมตร นอกจากนี้ ยังพบมีเลือดออกเหนือเยื่อหุ้มไขสันหลังบริเวณต้นคอชัดเจน และยังพบว่าเนื้อสมองส่วนหลัง ด้านซ้ายมีรอยกดบุ๋มลงไปชัดเจน ซึ่งสัมพันธ์กับเลือดที่ออกบริเวณส่วนกะโหลกที่แตก สาเหตุที่รู้ว่ารอยกดเป็นรอยของเลือดที่ออก ก็เพราะว่าเนื้อสมองกลีบซ้ายส่วนหลังมีรอยกดยุบสัมพันธ์กับเลือดที่ออกเหนือเยื่อหุ้มสมองชั้นหนาที่ยังคงค้างอยู่ ส่วนสาเหตุการเสียชีวิต คือ กะโหลกศีรษะส่วนหลังแตก ทำให้เลือดออกเหนือเยื่อหุ้มสมองชั้นหนาที่กดเนื้อสมอง ซึ่งมีลักษณะเป็นรอยกดที่เกิดจากเลือดยุบลงไปทับเนื้อสมองความลึกประมาณ 0.5 ซม. เป็นบริเวณกว้าง ซึ่งดูจากเนื้อสมองที่เหลืออยู่จากการผ่าศพครั้งแรก" (มติชนรายวัน 27 เม.ย. 52)

http://www.matichon.co.th/news_detail.php?newsid=1240839967&grpid=04&catid=01


ร่องรอยขนาดนี้ นายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ และนายสุเทพ เทือกสุบรรณ ยังอ้างง่าย ๆ ตามสคริปต์ครั้งแล้วครั้งเล่าว่า "ลื่นล้มในห้องน้ำ" ! "เป็นอุบัติเหตุ" ! ช่างน่าภูมิใจกับภูมิปัญญาในการเอาตัวรอดของรัฐบาลเสียจริง ๆ !


เรื่องที่สาม กระสุนจริงยิงขึ้นฟ้า โฆษกกองทัพบกแสดงภูมิปัญญาในการเอาตัวรอดระดับเดียวกับรัฐบาลในการตอบข้อข้องใจเรื่องการทำร้ายประชาชนด้วยการบอกว่ากระสุนจริงยิงขึ้นฟ้า ส่วนที่ยิงเข้าใส่ผู้ชุมนุมนั้นเป็นกระสุนซ้อม


"ส่วนเรื่องภาพที่นำเสนอทางโทรทัศน์ บางภาพจำเป็นต้องอธิบายความเพิ่มเติม เพื่อให้เกิดความเข้าใจกับพี่น้องประชาชน เวลาชมข่าว คือ เรื่องการใช้อาวุธของเจ้าหน้าที่ในการเข้าสลายการชุมนุม จะมี 2 ลักษณะด้วยกัน ลักษณะที่ 1 เป็นการใช้อาวุธและกระสุนจริงยิงขึ้นฟ้า เพื่อใช้เสียงข่มผู้ชุมนุม ทั้งนี้ เพื่อป้องกันไม่ให้กลุ่มผู้ชุมนุมเข้ามาใกล้เจ้าหน้าที่ผู้ปฏิบัติงาน และก็ทำให้การปฏิบัติงานของเจ้าหน้าที่ ทำงานสะดวกขึ้น ไม่มีการใช้อาวุธโดยตรงกับกลุ่มผู้ชุมนุม อันนี้ คือวิธีการใช้อาวุธกระสุนวิธีที่ 1

วิธีที่ 2 หากปรากฏว่า กลุ่มผู้ชุมนุมมีอากัปกิริยาที่จะเข้าทำร้ายเจ้าหน้าที่ เราจะมีอาวุธปืนประเภทที่ 2 ที่บรรจุกระสุนซ้อมรบซึ่งหัวกระสุนชนิดนี้จะเป็นลูกกระดาษ เมื่อยิงเข้าใส่กลุ่มผู้ชุมนุมจะมีเฉพาะเสียงดังออกมา แต่ลูกกระดาษจะไม่พุ่งไปข้างหน้า ซึ่งจะไม่เป็นอันตรายกับกลุ่มผู้ชุมนุม ซึ่งภาพที่นำเสนอทางทีวีหลายช่องจะเป็นลักษณะอย่างนี้ เราต้องทำความเข้าใจว่า ในพื้นที่ที่มีการปฏิบัติภารกิจลักษณะของการใช้กระสุนซ้อมรบจะมีผู้สื่อข่าวจำนวนมาก ตรงนั้น เป็นเครื่องยืนยันได้เป็นอย่างดีว่า เจ้าหน้าที่ไม่ใช้กระสุนจริงในการยิงเข้าใส่กลุ่มผู้ชุมนุม สำหรับการปฏิบัติทางทหารก็มี 3 เรื่องที่สำคัญ ที่จะเรียนให้พี่น้องประชาชนรับทราบ" (โพสต์ทูเดย์ 14 เม.ย.52)

http://www.posttoday.com/breakingnews.php?id=42348


คำอธิบายของโฆษกกองทัพบกถูกหักล้างด้วยบาดแผลของคนเสื้อแดง แต่เวรกรรมที่สื่อมวลชนไม่คิดจะหาความจริงจากคำอธิบายครั้งนี้เลย


เรื่องที่สี่ แก๊สน้ำตาขาขาด แก๊สน้ำตากลายเป็นอาวุธสังหารไปได้เมื่อผ่านการตรวจสอบจากหมอพรทิพย์ โรจนสุนันท์ ผู้อำนวยการสถาบันนิติวิทยาศาสตร์ คุณหมอรายนี้กล่าวว่า


"การตรวจสอบ และสาธิตยิงแก๊สน้ำตาพบสารระเบิดอาร์ดีเอ็กซ์จากการยิงแก๊สน้ำตาทั้งชนิดยิง และชนิดขว้างที่ผลิตจากสาธารณรัฐประชาชนจีน โดยพบ 3 ชนิด จาก 6 ชนิด ที่ตำรวจใช้ในการสลายการชุมนุม แก๊สน้ำตาที่นำมาตรวจเป็นชนิดที่ตรงกันกับที่ตำรวจและกลุ่มพันธมิตรประชาชนเพื่อประชาธิปไตย (พธม.) นำมามอบให้ตรวจ นอกจากนี้ จากการตรวจบาดแผลผู้เสียชีวิตมีลักษณะแผลเฉพาะและขนาดแผลกระแทกเท่าแก๊สน้ำตาทรงกระบอกจากจีน ที่เจ้าหน้าที่รัฐใช้


จากข้อมูลที่ได้จากตำรวจที่ใช้แก๊สน้ำตา มีข้อมูลว่า แก๊สน้ำตาใช้ในวันที่ 7 ต.ค. 2551 เป็นแก๊สน้ำตาที่มีอยู่ตั้งแต่ปี 2538 และตำรวจผู้ใช้ไม่ได้เป็นผู้ซื้อ จึงไม่รู้ถึงความร้ายแรงว่า ถืออะไรอยู่ในมือในการปฏิบัติการครั้งนี้" http://www.prachatai.com/05web/th/home/14075


คุณหมอรายนี้สร้างความน่าเชื่อถือให้กับตนเองอีกครั้งด้วยการดอดไปให้ข้อมูลนายกฯ เพื่อตอบกระทู้เรื่องการเสียชีวิตของพลทหารอภินพ เครือสุข คุณหมอรายนี้เข้าพบนายกฯ ที่ด้านหลังบัลลังก์ห้องประชุมสภา เพื่อตรวจดูข้อมูลพยานหลักฐานเกี่ยวกับการชันสูตรศพพลทหารอภินพ จากโรงพยาบาลรามาธิบดี คำให้การของญาติผู้เสียชีวิตที่ให้กับกรมสอบสวนคดีพิเศษ และเจ้าหน้าที่ตำรวจ คำให้การของเพื่อนพลทหาร จากทั้งหมดแล้วก็สรุปว่าน่าจะเป็นการเสียชีวิตจากอุบัติเหตุ ไม่ใช่ฆาตกรรม (น่าภูมิใจที่ชาติไทยมีคุณหมอที่เอาการเอางานขนาดนี้)


ตลกทั้ง 4 เรื่อง อาจเป็นตลกที่หัวเราะไม่ออก แต่ประเทศสารขัณฑ์อย่างไทยเราจะมีอะไรมากไปกว่าเรื่องตลกที่หัวเราะไม่ออกกันเล่า.

 

 

บล็อกของ เมธัส บัวชุม

เมธัส บัวชุม
ผมเฝ้ารอคอยดูผลสำเร็จ (หรือไม่สำเร็จ) ของนโยบาย "5 รั้ว" ซึ่งเป็นนโยบายทางด้านยาเสพติดของรัฐบาลพรรคประชาธิปัตย์ว่าจะทำได้มากน้อยเพียงใด ทำให้ยาเสพติดลดลงได้จริงหรือไม่ "5 รั้ว" ที่ว่าคือ รั้วชายแดน รั้วชุมชน รั้วสังคม รั้วโรงเรียน และรั้วครอบครัว ทั้ง "5 รั้ว" จะช่วยเป็นเกราะป้องกันต้านทานการทะลักเข้ามาของยาเสพติด พร้อมไปกับการปราบปรามอย่างจริงจังเป็นรูปธรรม
เมธัส บัวชุม
ผมเคยตั้งข้อสังเกตไปแล้วว่ารัฐบาลพรรคประชาธิปัตย์ มีความสามารถในการทำให้การเมืองกลายเป็นเรื่องน่าเบื่อ รายการเชื่อมั่นประเทศไทยของนายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ นั้นมีแต่ถ้อยคำลวงโลกว่างเปล่า รัฐมนตรีทำงานแบบขอไปที เอาตัวรอดไปวัน ๆ ทำให้ความเดือดร้อนของประชาชนกลายเป็นความเห็นอกเห็นใจง่าย ๆ และรับปากว่าจะดำเนินการ ทาสีให้พรรคพวกที่ทำผิดกฏหมายกลายเป็นบริสุทธิ์ นโยบายไม่มีอะไรใหญ่และไม่มีอะไรใหม่ ฯลฯ ขณะเดียวกันคนเสื้อแดงก็ฝ่อลง เหมือนหมดมุกจะเล่น เหมือนหมดทางจะไปต่อ เหมือนยอมรับสภาพ
เมธัส บัวชุม
บางครั้งผมถามตัวเองว่าทำไมรู้สึกแย่ถึงขั้นขยะแขยงทุกครั้งที่เห็นหน้านายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ ทางจอโทรทัศน์ บางทีฝืนใจดูเพราะอยากรู้ว่านายกรัฐมนตรีคนนี้จะพูดอะไรแต่ก็ต้องเปลี่ยนช่องทันทีที่ได้ฟังประโยคแรก เพราะเพียง "อ้าปากก็เห็นลิ้นไก่" ผมได้คำตอบเบื้องต้นว่าเหตุที่ไม่ชอบนายกรัฐมนตรีคนนี้อย่างรุนแรงนั้นมีหลายสาเหตุ เป็นต้นว่าการไม่เป็นสุภาพบุรุษ (แพ้ก็ไม่ยอมรับว่าแพ้) ชอบเล่นนอกกติกา (บอยคอตเลือกตั้ง) ขาดความเป็นผู้นำ (ตัดสินใจอะไรไม่ได้) พูดจ้าอ้อมค้อมวกวน (ตอบไม่ได้เรื่องหนีทหาร) เอาดีใส่ตัวเอาชั่วให้คนอื่น (โทษคนอื่นตลอด) ทำหน้าซึ้งๆ เศร้าๆ (คิดว่าตนเองเป็นนางเอก) ท่าดีทีเหลว (…
เมธัส บัวชุม
หากให้ลองเอ่ยชื่อปัญญาชนที่เป็นเสาหลักของสังคมไทย แน่นอนต้องมี ส.ศิวรักษ์ รวมอยู่ด้วย จากผลงานมากมายและหลากหลายในอดีตคงไม่มีใครกล้าปฏิเสธคุณูปการของ ส. ศิวรักษ์ ที่มีต่อสังคมไทยไปได้ ย้อนหลังไปก่อนการเมืองยุคทักษิณ ผมเฝ้าติดตามและชื่นชมผลงานของส.ศิวรักษ์อยู่ห่าง ๆ ชื่อของเขาในฐานะวิทยากรตามงานสัมมนาเป็นเสมือนแม่เหล็กดึงดูดให้ต้องเข้าไปนั่งฟังทัศนะอันกล้าหาญแหลมคม อาจกล่าวได้ว่าเขาคือแรงดลใจและเป็นแบบอย่างให้คนรุ่นแล้วรุ่นเล่าในการต่อสู้กับความ อยุติธรรม
เมธัส บัวชุม
การเมืองไร้หลักการหลังรัฐประหาร ปี 49 นำมาซึ่งเรื่องชวนหัว ขำ ฮา ตลกร้าย ตลกแต่หัวเราะไม่ออก ตลกจนอยากจะร้องไห้ ฯลฯ หลายต่อหลายเรื่องด้วยกัน ในที่นี้อยากจะหยิบยกมาพูดคุยสัก 4 เรื่อง เรื่องแรก ไม่เป็นเหลือง การปลดคุณเสถียร จันทิมาธร บรรณาธิการคู่บุญของเครือมติชนด้วยข้อหาไม่เป็นกลางนั้นฮาครับ แต่หัวเราะไม่ออก การไม่เป็นกลางนั้นไม่เท่าไหร่ แต่ดูเหมือนจะเอียงข้างไปทางเสื้อแดงนี่สิเป็นสิ่งที่รับไม่ได้ (แต่คนเสื้อแดงหลายคนก็บอกว่าไม่เห็นคุณเสถียรจะเอียงข้างไปทางเสื้อแดงเลย) ในทางกลับกัน รายของ "นงนุช สิงหเดชะ" ซึ่งเขียนด่า (ใช้คำว่าด่า) คนเสื้อแดงและทักษิณมายาวนาน ด่าเอา…
เมธัส บัวชุม
  Iภาพที่ผู้ชายจิกหัวผู้หญิงเสื้อแดง แล้วลากถูลู่ถูกังไปกับถนนด้วยความอาฆาตมาดร้ายท่ามกลางการยืนดูเฉย ๆ ของทหาร นักข่าวและสาธาณชนนั้นน่าสะเทือนใจ ไม่ต่างอะไรกับการมุงดูผู้หญิงที่ถูกข่มขืนในที่สาธารณะ นอกจากไม่คิดจะช่วยแล้ว บางคนอาจจะลุ้นเอาใจช่วยฝ่ายชายอีกต่างหาก
เมธัส บัวชุม
คุณวีระ มุสิกะพงศ์ ไม่เหมาะที่จะเป็นแกนนำคนเสื้อแดงโดยเฉพาะอย่างยิ่งในสถานการณ์สู้รบ การประกาศมอบตัวอุปมาเหมือนแม่ทัพที่ทิ้งทัพกลางศึกด้วยเหตุที่ว่ากลัวไพร่พลและทหารแดงที่เข้าร่วมสงครามจะบาดเจ็บล้มตาย! -------------
เมธัส บัวชุม
นายปริญญา เทวานฤมิตรกุล  นักวิชาการขาประจำผู้ซึ่งเคยเสนอมาตรา 7 เช่น อธิการบดีธรรมศาสตร์ ให้ทัศนะในรายการหนึ่งทางโทรทัศน์ว่าการโฟนอินของทักษิณจะทำให้แนวร่วมเสื้อแดงบางส่วนหายไป จะเหลือก็แต่คนเสื้อแดงแท้ ๆ ซึ่งส่วนใหญ่เป็นชาวบ้านต่างจังหวัดเท่านั้นผมได้ฟังแล้วงง มันมี "เสื้อแดงแท้ ๆ" กับ "เสื้อแดงไม่แท้" ด้วยเหรอ ? แล้วคน "เสื้อแดงแท้ ๆ"  ในความหมายของนักวิชาการรายนี้หมายถึงใคร
เมธัส บัวชุม
ถือเป็นความคืบหน้าทางการเมืองอีกขั้น ที่ประชาชนแห่งกองทัพแดงสามารถ "ลาก" เอาประธานองคมนตรีออกมาชันสูตรกันในที่แจ้ง จับแก้ผ้าล่อนจ้อนต่อหน้าสาธารณชน เปลื้องเปลือยรอยตำหนิและแผลเป็นน่าเกลียดไม่เคยมียุคสมัยใดของการเมืองไทยที่ประธานองคมนตรี และองคมนตรีจะโดนเล่นงานขนาดนี้  แต่ปรากฏการณ์การณ์นี้มีที่มาที่ไป ประชาชนตระหนักชัดแล้วว่าทางเดินของระบอบประชาธิปไตยถูกขวางด้วยอำนาจนอกรัฐธรรมนูญมาตลอด โดยที่ครั้งนี้พลเอกเปรม ติณสูลานนท์ และพลเอกสุรยุทธ จุลานนท์ โดดเข้ามาเล่นชัดเจน แม้จะเคยบอกว่า "ผมพอแล้ว" แต่ในความเป็นจริงหาเป็นเช่นนั้นไม่ ดังนั้น "หากองคมนตรีมายุ่งการเมือง…
เมธัส บัวชุม
การอภิปรายไม่ไว้วางใจรัฐบาลผ่านพ้นไปแล้วหลายวัน โพลล์บางสำนัก นักวิชาการบางราย สื่อบางเจ้า ทำการสำรวจประเมินความคิดเห็นของประชาชนต่อการอภิปรายครั้งนี้ ไม่ใช่เรื่องแปลกหากผลจะออกมาเป็นบวกต่อรัฐบาล ทั้งที่ข้อมูลของคุณเฉลิม อยู่บำรุง นั้นถือเป็นข้อมูลลึกและน่าเชื่อถือเป็นอย่างยิ่ง ผมติดตามการอภิปรายอยู่ห่างๆ หมายถึงดูบ้าง ไม่ได้ดูบ้าง สิ่งหนึ่งที่สังเกตได้จากคำอธิบาย คำชี้แจงของรัฐบาลคือแทบทุกคนไม่มีน้ำหนักน่าเชื่อถือเลย การให้เหตุผลเป็นแบบ "เอาสีข้างเข้าถู" "แก้ตัวแบบน้ำขุ่น ๆ" หรือชี้แจงไม่ตรงกับสิ่งที่ฝ่ายค้านอภิปราย
เมธัส บัวชุม
เป้าหมายของอดีตนายกฯ ทักษิณ ชินวัตรกับเป้าหมายของคนเสื้อแดงนั้นไม่อาจกล่าวได้ว่าเหมือนกันเสียทีเดียวหากแต่มีความเหลื่อมล้ำกันอยู่มาก หมายถึงว่ามีทั้งส่วนที่เหมือนกันและแตกต่างกัน แต่ก่อนจะพูดถึงส่วนที่เหมือนและต่างนั้นต้องทำความเข้าใจเป็นเบื้องต้นกันก่อนว่า คนเสื้อแดงมีหลายประเภท หลายเฉด คนเสื้อแดงมีตั้งแต่กลุ่มฮาร์ดคอร์แบบอาจารย์ใจ อึ๊งภากรณ์, จักรภพ เพ็ญแข และสีแดงอ่อนๆ ประเภท "แดงสมานฉันท์" สีแดงมีหลายดีกรีคือมีทั้งพวกอนุรักษ์นิยมอ่อนๆ ,เสรีนิยม ไปจนถึงกลุ่มถอนราก ถอนโคน (radical)
เมธัส บัวชุม
ผมเคยดูวงดนตรีเพื่อชีวิตที่ชื่อ "แฮมเมอร์" แสดงสดหลายครั้ง ต่างกรรมต่างวาระ ดูครั้งแรกเมื่อสิบกว่าปีก่อน ยอมรับว่าประทับใจมาก ครั้งต่อ ๆ มาก็ยังประทับใจ ทุกคนในวงตั้งใจเล่น ตั้งใจร้อง นักดนตรีหลายคนสามารถเล่นเครื่องดนตรีได้หลายชิ้น เดี๋ยวขลุ่ย เดี๋ยวไวโอลิน ดูแล้วเพลิดเพลินนัก แตกต่างจากวงดนตรี "เพื่อชีวิต" ทั่ว  ๆ ไป แม้จะมีหนวดเครายาวรุงรัง แต่แฮมเมอร์ดูสะอาด ไม่มีลีลาหรือพิธีรีตองอะไรมาก ไม่ต้องเก๊กหน้าให้ดูเหมือนกับคนมีความคิดลึกซึ้งหรือดัดเสียงให้ฟังซึ้งเศร้าหรือด่านักการเมืองก่อนเข้าเพลง  วงดนตรีแฮมเมอร์เป็นอะไรที่น่าจดจำอย่างไรก็ตาม…