Skip to main content

-1-


ฉันมีวิธีเผชิญหน้ากับอาการนอนไม่หลับด้วยการนอนลืมตาอยู่ในความมืด พยายามไม่คิดอะไร แต่ดวงความคิดของฉันก็ไหลลอยไปสู่เรื่องนั้นเรื่องนี้ หวนรำลึกไปถึงสถานที่และผู้คนที่ฉันเคยพานพบประหนึ่งว่าฉันเพิ่งจากผู้คนและสถานที่เหล่านั้นมา


ภาพต่าง ๆ ไหลเลื่อนเข้ามาแล้ววนเวียนอยู่ภายในหัวกะโหลก การฆ่าตัวตายของเพื่อนที่ฉันคบหาด้วยวนเวียนเข้า ๆ ออก ๆ ในหัวสมองหลายต่อหลายครั้ง


ฉันแหงนหน้ามองดูนาฬิกา พรายน้ำเรื่อเรืองอยู่ในยามราตรี เป็นเวลาตีสอง เมื่อแน่ใจว่าไม่อาจข่มตาให้หลับลงได้ ไม่ว่าจะใช้วิธีการใด ๆ ฉันจึงลุกเดินออกไประเบียงหลังห้อง มองลงไปเบื้องล่าง รู้สึกได้ว่ามีแรงจูงใจลึกลับบางอย่างที่เชื้อเชิญให้กระโดดลงไป


หากเป็นในป่าหรือท้องทุ่งชนบท คราที่นอนไม่หลับ ฉันจะใช้วิธีนอนนับดาว จ้องมองดูดวงดาวกะพริบ แสงกะพริบพรายแห่งดวงดาวนั้นแม้นว่ามาจากที่ไกลแต่ส่งความอบอุ่นและอ่อนโยนผ่านมาถึงได้ ฉันสามารถรู้สึกได้ด้วยผิวหนังของฉันเลยทีเดียว


เมื่อไหร่ก็ตามที่ท้องฟ้ายังเกลื่อนไปด้วยดวงดาวซึ่งนำฉันเข้าสู่ห้วงนิทรารมย์ โลกนี้ก็นับได้ว่ายังน่าอยู่”


-2-


แต่ที่โรงแรมคืนละร้อยกว่าบาทในต่างจังหวัดซึ่งฉันไม่คุ้นเคยนั้น การนอนไม่หลับทำให้ฉันต้องมาเผชิญหน้ากับความแปลกที่แปลกถิ่น แม้ว่าฉันได้ระหกระเหินไปตามที่ต่าง ๆ อยู่เนือง ๆ ทว่าก็มีอยู่บ่อย ๆ ที่ความแปลกที่ แปลกทางทำให้นอนไม่หลับ


บรรยากาศและสภาพเก่าโทรมภายในห้องพักราคาถูกพาให้หดหู่ใจ แมลงสาบตัวโตนอนหงายท้อง ขายังสั่นกระตุกอยู่ในซอกมุมอับ ม่านสีชมพูขาดที่ขึงกั้นไว้ตรงหน้าต่างเป็นรอยกระดำกระด่างเพราะความเก่า สีทาฝาผนังกะเทาะออกเห็นเป็นรอยสกปรก สภาพทั้งหมดนี้ยิ่งแย่ลงไปอีกเมื่ออยู่ภายใต้แสงนีออนสีขาวหม่น สิ่งแวดล้อมเช่นนี้เปรียบได้เหมือนกับอยู่ในงานศพ


ฉันมายังโรงแรมนี้ได้ตามคำบอกของคนขี่มอเตอร์ไซค์รับจ้างเมื่อฉันถามหาโรงแรมที่ราคาถูก เขาแนะทางให้ฉันอย่างกระตือรือร้น แต่ก็แนะนำต่อไปว่าฉันน่าจะพักโรงแรมที่ราคาแพงกว่านี้อีกสักหน่อยเพราะอะไร ๆ มันดีกว่ากันมาก เขาบอกว่าอย่าไปพักเลยโรงแรมถูก ๆ อย่างนั้นมันไม่ดี แต่เขาไม่บอกสาเหตุว่าทำไม เขาไม่บอกออกมาตรง ๆ ว่าโรงแรมที่ฉันไปพักนั้นมีนั้นเคยมีคนตายหลายคน ฉันมารู้เรื่องนี้ตอนที่ได้คุยกับแม่ค้าขายขนมคนหนึ่ง

ฉันแหงนมองนาฬิกาที่แขวนอยู่ผนังห้องอีกครั้ง เป็นเวลาตีสอง เวลาตีสองไม่ดึกเลยหากว่าอยู่ในวงจรชีวิตของมหานครกรุงเทพ ฉันลุกขึ้นแต่งตัวตั้งใจจะออกเดินเที่ยวเตร่ คงจะมีสถานที่บางแห่งหรอกนะในยามนี้ ที่ฉันสามารถหาเพื่อนนั่งคุยหรือนั่งกินเหล้าได้ หรืออย่างน้อยที่สุดก็คงมีแสงไฟจากร้านรวงหรือตลาดโต้รุ่งที่ฉันพอจะใช้ขับไล่ความเปล่าเปลี่ยวออกไปได้บ้าง


-3-


คืนที่ผ่านมาฉันนอนค้างในวัดอันแสนสงบแห่งหนึ่ง ฉันบอกว่าต้องการกางเต็นท์นอนตรงไหนก็ได้แต่พระท่านบอกให้ฉันเข้ามาไปนอนในอุโบสถ แรกทีเดียวท่านอาจคลางแคลงใจฉันอยู่บ้างเพราะน้อยนักที่จู่ ๆ คนแปลกหน้าจะเข้ามาขอนอนในวัด แต่เมื่อได้คุยกันจนมั่นใจแล้วว่าฉันไม่ได้เป็นอะไรมากไปกว่าคนผ่านทางเท่านั้น และพร้อมจะจากไปในวันรุ่งขึ้น พระท่านก็จัดแจงให้ฉันเข้าไปนอนในอุโบสถและเอากล้วยน้ำว้าหวีใหญ่มาให้กิน


เด็กวัดอายุประมาณแปดขวบหลายคนมาชวนฉันคุยขณะที่ฉันกำลังปูถุงนอนในอุโบสถ ฉันสบายใจที่ได้คุยกับเด็ก ๆ และเด็ก ๆ ก็ดูสนอกสนใจที่จะคุยกับคนแปลกหน้า


ความเหน็ดเหนื่อยทำให้ฉันหลับลงอย่างเป็นสุขโดยไม่ฝันถึงอะไรทั้งสิ้น การได้พักผ่อนในครั้งนี้ทำให้ฉันรู้ซึ้งถึงความการุณย์ของความหลับ


คลับคล้ายคลับคลาว่าฝันไปเมื่อได้ยินเสียงสวดมนต์กังวานก้องภายในพระอุโบสถ แต่แล้วสิ่งต่าง ๆ ก็ค่อยแจ่มชัดขึ้น ฉันลืมตาตื่นเพราะเสียงสวดประสานอันสดใสในวัตรปฏิบัติยามอรุณรุ่งของเหล่าสมณะ แสงเทียนวอมแวมอยู่ภายในอุโบสถ


เปลวเทียนส่ายไหวเมื่อสัมผัสกับกระแสเสียงสวดอันกลมกลืน ส่องต้องพระพักตร์อันสงบงามเปี่ยมเมตตาของพระพุทธรูปจนดูคล้ายกับว่าพระพุทธรูปนั้นมีชีวิต สำหรับคนบาปผู้ปรารถนาการไถ่ถอนแล้วการได้นิ่งมองและอยู่ใกล้พระปฏิมาช่วยให้สงบ และคลายความกังวลใจได้ไม่น้อย


กลิ่นธูปฉุน แสบจมูก ลอยอบอวลอยู่ในอากาศ มีลักษณะรุนแรงบางอย่างแฝงอยู่ในกลิ่นควันธูปนี้ กลิ่นแสบฉุนที่ผสานเข้ากับจีวรเหลืองของภิกษุซึ่งกำลังสวดมนต์ทำวัตรเช้าอย่างพร้อมเพรียงด้วยภาษาที่ถึงแม้ฉันจะคุ้นเคยแต่ก็ไม่อาจเข้าใจได้ รวมทั้งแสงสว่างจากเปลวเทียนซึ่งยักย้ายส่ายไหวอยู่ไปมา ทำให้ฉันถึงกับงุนงงราวโดนสะกด


ระหว่างที่ถูกจู่โจมด้วยบรรยากาศอันขรึมขลังโดยไม่ทันระวังตัว ภาพอดีตในความทรงจำก็ผุดพรายไหลซ้อนเข้ามาอย่างแจ่มชัด บางเหตุการณ์เกิดขึ้นมานานจนฉันได้ลืมเลือนมันไปแล้วแต่กลับมาปรากฏตรงหน้าฉันอีกครั้ง เป็นเหตุการณ์ของอดีตซึ่งดำรงอยู่ด้วยตัวของมันเอง

ฉันมองเห็นแม่ซึ่งท่านได้ละจากโลกสู่ดินแดนอันไกลโพ้นเมื่อหลายปีก่อน ฉันมองเห็นหลานที่เพิ่งจากไป...


-4-


ฉันเดินแบกเป้ไปตามทางลูกรังกลางป่า สูดกลิ่นหอมฟุ้งของไม้ป่าหลายชนิดที่ฉันไม่รู้จัก นาน ๆ ครั้งหรือบางทีอาจเป็นเดือนตามคำบอกเล่าของเจ้าหน้าที่ที่ประจำอยู่ที่ด่านชายแดนถึงจะมีรถยนต์ผ่านมาบนทางเส้นนี้ เขาบอกว่าฉันควรจะรออยู่ที่ด่านดีกว่า เพราะถ้ามืดค่ำยังไงก็จะได้นอนเสียที่ด่านนี้เลย


ขณะที่ฉันลังเลว่าจะเดินเท้าต่อไปหรือจะรอคอยอยู่ที่ด่านนั้น รถยนต์คันหนึ่งก็แล่นเข้ามา เขาบอกว่ามาจากมหานครกรุงเทพ ขับมาเรื่อย ๆ ตามแผนที่เพื่อต้องการผจญภัย ท่องเที่ยวและเผอิญผ่านเข้ามาในเส้นทางนี้

 


พวกเขามากันสองคน เป็นคู่รักที่กำลังหวานชื่นดื่มด่ำ ทั้งสองไม่รังเกียจที่จะให้ฉันร่วมทางไปด้วย นอกจากไม่รังเกียจแล้วยังแสดงท่าดีอกดีใจที่จะมีเพื่อนร่วมทางไปด้วยเพราะทั้งสองคนนั้นยังไม่เคยมาตามทางสายนี้มาก่อนเลย พวกเขาชี้ให้ฉันดูแผนที่ว่าทางสายนี้จะพาไปสู่ที่ใดแล้วจะไปแห่งไหนกันต่อ


ทางแคบ ๆ และขรุขระเลียบไปตามไหล่เขา มีโค้งงอหักศอกอย่างน่าหวาดเสียวหลายต่อหลายจุดด้วยกัน


จากกระบะท้ายรถฉันสามารถทอดสายตามองออกไปได้กว้างไกล แลเห็นทัศนียภาพของหุบเขาเบื้องล่าง ซึ่งเรียงรายด้วยนาข้าวแบบขั้นบันไดสีเหลืองสุกปลั่งกระจัดกระจายอยู่ตามไหล่เนิน มีกระท่อมตั้งอยู่อย่างเจียมตนหว่างแปลงนาข้าวสีเหลืองนั้น


อากาศในยามเย็นช่างสดชื่นเป็นสุข จนฉันอดไม่ได้ที่สูดเข้าไปแรง ๆ แสงสีทองทาบทาหมู่บ้านชาวเขา ควันไฟลอยออกมาจากหลังคา ฉันรู้สึกหิวทันทีที่เห็นควันไฟลอยมาจากเรือนของชาวเขา


เมื่อฉันแลไปเห็นหมู่บ้านที่กระจุกตัวอยู่ในหุบเนินนั้น ฉันก็เกิดความต้องการที่จะแวะพักพูดคุยกับผู้คนบ้างสักคืน...


ฟ้ามืดค่ำลงในตอนที่ฉันยังนั่งอยู่ท้ายรถกระบะ น่าเสียดายที่ไม่อาจมองเห็นภูมิทัศน์สองข้างทางได้อีก อากาศเย็นลงเรื่อย ๆ แต่ก็ยังสดชื่น บางช่วง ฝุ่นที่คละคลุ้งจากการทำถนน แม้จะมองไม่เห็นแต่ก็ทำให้รู้สึกคอแห้ง


รถแล่นไปจนกระทั่งเข้าสู่ตัวเมืองและฉันก็ขอลง หาโรงแรมที่พัก


-5-


ฉันออกจากห้องพักในโรงแรม ฉันเดินเรื่อยเปื่อยไปตามทางยาวของถนนลาดยางในเมืองเล็ก ๆ อันเงียบเชียบยามค่ำคืนแห่งเดือนธันวาคม บรรยากาศที่มีลักษณะเฉพาะถิ่นทำให้ร่างกายฉันตื่นตัว


ความคิดฟุ้งซ่านที่กระจัดกระจายอยู่ในหัวกะโหลกหายไปสิ้น และเหลือไว้แต่สมองที่ว่างเปล่าเมื่อฉันเริ่มสาวเท้าออกเดิน


ฉันเดินไปตามถนนที่เกือบจะร้างไร้รถราและผู้คน อากาศกลางดึกของเดือนธันวาคมในทางเหนือนั้นเย็นเยือก

เช่นเดียวกับแมลงหลาย ๆ ชนิด ฉันพาตัวเองเข้าหาแสงไฟที่เห็นอยู่ลิบ ๆ …

 

 

 

บล็อกของ เมธัส บัวชุม

เมธัส บัวชุม
ผมเฝ้ารอคอยดูผลสำเร็จ (หรือไม่สำเร็จ) ของนโยบาย "5 รั้ว" ซึ่งเป็นนโยบายทางด้านยาเสพติดของรัฐบาลพรรคประชาธิปัตย์ว่าจะทำได้มากน้อยเพียงใด ทำให้ยาเสพติดลดลงได้จริงหรือไม่ "5 รั้ว" ที่ว่าคือ รั้วชายแดน รั้วชุมชน รั้วสังคม รั้วโรงเรียน และรั้วครอบครัว ทั้ง "5 รั้ว" จะช่วยเป็นเกราะป้องกันต้านทานการทะลักเข้ามาของยาเสพติด พร้อมไปกับการปราบปรามอย่างจริงจังเป็นรูปธรรม
เมธัส บัวชุม
ผมเคยตั้งข้อสังเกตไปแล้วว่ารัฐบาลพรรคประชาธิปัตย์ มีความสามารถในการทำให้การเมืองกลายเป็นเรื่องน่าเบื่อ รายการเชื่อมั่นประเทศไทยของนายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ นั้นมีแต่ถ้อยคำลวงโลกว่างเปล่า รัฐมนตรีทำงานแบบขอไปที เอาตัวรอดไปวัน ๆ ทำให้ความเดือดร้อนของประชาชนกลายเป็นความเห็นอกเห็นใจง่าย ๆ และรับปากว่าจะดำเนินการ ทาสีให้พรรคพวกที่ทำผิดกฏหมายกลายเป็นบริสุทธิ์ นโยบายไม่มีอะไรใหญ่และไม่มีอะไรใหม่ ฯลฯ ขณะเดียวกันคนเสื้อแดงก็ฝ่อลง เหมือนหมดมุกจะเล่น เหมือนหมดทางจะไปต่อ เหมือนยอมรับสภาพ
เมธัส บัวชุม
บางครั้งผมถามตัวเองว่าทำไมรู้สึกแย่ถึงขั้นขยะแขยงทุกครั้งที่เห็นหน้านายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ ทางจอโทรทัศน์ บางทีฝืนใจดูเพราะอยากรู้ว่านายกรัฐมนตรีคนนี้จะพูดอะไรแต่ก็ต้องเปลี่ยนช่องทันทีที่ได้ฟังประโยคแรก เพราะเพียง "อ้าปากก็เห็นลิ้นไก่" ผมได้คำตอบเบื้องต้นว่าเหตุที่ไม่ชอบนายกรัฐมนตรีคนนี้อย่างรุนแรงนั้นมีหลายสาเหตุ เป็นต้นว่าการไม่เป็นสุภาพบุรุษ (แพ้ก็ไม่ยอมรับว่าแพ้) ชอบเล่นนอกกติกา (บอยคอตเลือกตั้ง) ขาดความเป็นผู้นำ (ตัดสินใจอะไรไม่ได้) พูดจ้าอ้อมค้อมวกวน (ตอบไม่ได้เรื่องหนีทหาร) เอาดีใส่ตัวเอาชั่วให้คนอื่น (โทษคนอื่นตลอด) ทำหน้าซึ้งๆ เศร้าๆ (คิดว่าตนเองเป็นนางเอก) ท่าดีทีเหลว (…
เมธัส บัวชุม
หากให้ลองเอ่ยชื่อปัญญาชนที่เป็นเสาหลักของสังคมไทย แน่นอนต้องมี ส.ศิวรักษ์ รวมอยู่ด้วย จากผลงานมากมายและหลากหลายในอดีตคงไม่มีใครกล้าปฏิเสธคุณูปการของ ส. ศิวรักษ์ ที่มีต่อสังคมไทยไปได้ ย้อนหลังไปก่อนการเมืองยุคทักษิณ ผมเฝ้าติดตามและชื่นชมผลงานของส.ศิวรักษ์อยู่ห่าง ๆ ชื่อของเขาในฐานะวิทยากรตามงานสัมมนาเป็นเสมือนแม่เหล็กดึงดูดให้ต้องเข้าไปนั่งฟังทัศนะอันกล้าหาญแหลมคม อาจกล่าวได้ว่าเขาคือแรงดลใจและเป็นแบบอย่างให้คนรุ่นแล้วรุ่นเล่าในการต่อสู้กับความ อยุติธรรม
เมธัส บัวชุม
การเมืองไร้หลักการหลังรัฐประหาร ปี 49 นำมาซึ่งเรื่องชวนหัว ขำ ฮา ตลกร้าย ตลกแต่หัวเราะไม่ออก ตลกจนอยากจะร้องไห้ ฯลฯ หลายต่อหลายเรื่องด้วยกัน ในที่นี้อยากจะหยิบยกมาพูดคุยสัก 4 เรื่อง เรื่องแรก ไม่เป็นเหลือง การปลดคุณเสถียร จันทิมาธร บรรณาธิการคู่บุญของเครือมติชนด้วยข้อหาไม่เป็นกลางนั้นฮาครับ แต่หัวเราะไม่ออก การไม่เป็นกลางนั้นไม่เท่าไหร่ แต่ดูเหมือนจะเอียงข้างไปทางเสื้อแดงนี่สิเป็นสิ่งที่รับไม่ได้ (แต่คนเสื้อแดงหลายคนก็บอกว่าไม่เห็นคุณเสถียรจะเอียงข้างไปทางเสื้อแดงเลย) ในทางกลับกัน รายของ "นงนุช สิงหเดชะ" ซึ่งเขียนด่า (ใช้คำว่าด่า) คนเสื้อแดงและทักษิณมายาวนาน ด่าเอา…
เมธัส บัวชุม
  Iภาพที่ผู้ชายจิกหัวผู้หญิงเสื้อแดง แล้วลากถูลู่ถูกังไปกับถนนด้วยความอาฆาตมาดร้ายท่ามกลางการยืนดูเฉย ๆ ของทหาร นักข่าวและสาธาณชนนั้นน่าสะเทือนใจ ไม่ต่างอะไรกับการมุงดูผู้หญิงที่ถูกข่มขืนในที่สาธารณะ นอกจากไม่คิดจะช่วยแล้ว บางคนอาจจะลุ้นเอาใจช่วยฝ่ายชายอีกต่างหาก
เมธัส บัวชุม
คุณวีระ มุสิกะพงศ์ ไม่เหมาะที่จะเป็นแกนนำคนเสื้อแดงโดยเฉพาะอย่างยิ่งในสถานการณ์สู้รบ การประกาศมอบตัวอุปมาเหมือนแม่ทัพที่ทิ้งทัพกลางศึกด้วยเหตุที่ว่ากลัวไพร่พลและทหารแดงที่เข้าร่วมสงครามจะบาดเจ็บล้มตาย! -------------
เมธัส บัวชุม
นายปริญญา เทวานฤมิตรกุล  นักวิชาการขาประจำผู้ซึ่งเคยเสนอมาตรา 7 เช่น อธิการบดีธรรมศาสตร์ ให้ทัศนะในรายการหนึ่งทางโทรทัศน์ว่าการโฟนอินของทักษิณจะทำให้แนวร่วมเสื้อแดงบางส่วนหายไป จะเหลือก็แต่คนเสื้อแดงแท้ ๆ ซึ่งส่วนใหญ่เป็นชาวบ้านต่างจังหวัดเท่านั้นผมได้ฟังแล้วงง มันมี "เสื้อแดงแท้ ๆ" กับ "เสื้อแดงไม่แท้" ด้วยเหรอ ? แล้วคน "เสื้อแดงแท้ ๆ"  ในความหมายของนักวิชาการรายนี้หมายถึงใคร
เมธัส บัวชุม
ถือเป็นความคืบหน้าทางการเมืองอีกขั้น ที่ประชาชนแห่งกองทัพแดงสามารถ "ลาก" เอาประธานองคมนตรีออกมาชันสูตรกันในที่แจ้ง จับแก้ผ้าล่อนจ้อนต่อหน้าสาธารณชน เปลื้องเปลือยรอยตำหนิและแผลเป็นน่าเกลียดไม่เคยมียุคสมัยใดของการเมืองไทยที่ประธานองคมนตรี และองคมนตรีจะโดนเล่นงานขนาดนี้  แต่ปรากฏการณ์การณ์นี้มีที่มาที่ไป ประชาชนตระหนักชัดแล้วว่าทางเดินของระบอบประชาธิปไตยถูกขวางด้วยอำนาจนอกรัฐธรรมนูญมาตลอด โดยที่ครั้งนี้พลเอกเปรม ติณสูลานนท์ และพลเอกสุรยุทธ จุลานนท์ โดดเข้ามาเล่นชัดเจน แม้จะเคยบอกว่า "ผมพอแล้ว" แต่ในความเป็นจริงหาเป็นเช่นนั้นไม่ ดังนั้น "หากองคมนตรีมายุ่งการเมือง…
เมธัส บัวชุม
การอภิปรายไม่ไว้วางใจรัฐบาลผ่านพ้นไปแล้วหลายวัน โพลล์บางสำนัก นักวิชาการบางราย สื่อบางเจ้า ทำการสำรวจประเมินความคิดเห็นของประชาชนต่อการอภิปรายครั้งนี้ ไม่ใช่เรื่องแปลกหากผลจะออกมาเป็นบวกต่อรัฐบาล ทั้งที่ข้อมูลของคุณเฉลิม อยู่บำรุง นั้นถือเป็นข้อมูลลึกและน่าเชื่อถือเป็นอย่างยิ่ง ผมติดตามการอภิปรายอยู่ห่างๆ หมายถึงดูบ้าง ไม่ได้ดูบ้าง สิ่งหนึ่งที่สังเกตได้จากคำอธิบาย คำชี้แจงของรัฐบาลคือแทบทุกคนไม่มีน้ำหนักน่าเชื่อถือเลย การให้เหตุผลเป็นแบบ "เอาสีข้างเข้าถู" "แก้ตัวแบบน้ำขุ่น ๆ" หรือชี้แจงไม่ตรงกับสิ่งที่ฝ่ายค้านอภิปราย
เมธัส บัวชุม
เป้าหมายของอดีตนายกฯ ทักษิณ ชินวัตรกับเป้าหมายของคนเสื้อแดงนั้นไม่อาจกล่าวได้ว่าเหมือนกันเสียทีเดียวหากแต่มีความเหลื่อมล้ำกันอยู่มาก หมายถึงว่ามีทั้งส่วนที่เหมือนกันและแตกต่างกัน แต่ก่อนจะพูดถึงส่วนที่เหมือนและต่างนั้นต้องทำความเข้าใจเป็นเบื้องต้นกันก่อนว่า คนเสื้อแดงมีหลายประเภท หลายเฉด คนเสื้อแดงมีตั้งแต่กลุ่มฮาร์ดคอร์แบบอาจารย์ใจ อึ๊งภากรณ์, จักรภพ เพ็ญแข และสีแดงอ่อนๆ ประเภท "แดงสมานฉันท์" สีแดงมีหลายดีกรีคือมีทั้งพวกอนุรักษ์นิยมอ่อนๆ ,เสรีนิยม ไปจนถึงกลุ่มถอนราก ถอนโคน (radical)
เมธัส บัวชุม
ผมเคยดูวงดนตรีเพื่อชีวิตที่ชื่อ "แฮมเมอร์" แสดงสดหลายครั้ง ต่างกรรมต่างวาระ ดูครั้งแรกเมื่อสิบกว่าปีก่อน ยอมรับว่าประทับใจมาก ครั้งต่อ ๆ มาก็ยังประทับใจ ทุกคนในวงตั้งใจเล่น ตั้งใจร้อง นักดนตรีหลายคนสามารถเล่นเครื่องดนตรีได้หลายชิ้น เดี๋ยวขลุ่ย เดี๋ยวไวโอลิน ดูแล้วเพลิดเพลินนัก แตกต่างจากวงดนตรี "เพื่อชีวิต" ทั่ว  ๆ ไป แม้จะมีหนวดเครายาวรุงรัง แต่แฮมเมอร์ดูสะอาด ไม่มีลีลาหรือพิธีรีตองอะไรมาก ไม่ต้องเก๊กหน้าให้ดูเหมือนกับคนมีความคิดลึกซึ้งหรือดัดเสียงให้ฟังซึ้งเศร้าหรือด่านักการเมืองก่อนเข้าเพลง  วงดนตรีแฮมเมอร์เป็นอะไรที่น่าจดจำอย่างไรก็ตาม…