Skip to main content

-1-


ฉันมีวิธีเผชิญหน้ากับอาการนอนไม่หลับด้วยการนอนลืมตาอยู่ในความมืด พยายามไม่คิดอะไร แต่ดวงความคิดของฉันก็ไหลลอยไปสู่เรื่องนั้นเรื่องนี้ หวนรำลึกไปถึงสถานที่และผู้คนที่ฉันเคยพานพบประหนึ่งว่าฉันเพิ่งจากผู้คนและสถานที่เหล่านั้นมา


ภาพต่าง ๆ ไหลเลื่อนเข้ามาแล้ววนเวียนอยู่ภายในหัวกะโหลก การฆ่าตัวตายของเพื่อนที่ฉันคบหาด้วยวนเวียนเข้า ๆ ออก ๆ ในหัวสมองหลายต่อหลายครั้ง


ฉันแหงนหน้ามองดูนาฬิกา พรายน้ำเรื่อเรืองอยู่ในยามราตรี เป็นเวลาตีสอง เมื่อแน่ใจว่าไม่อาจข่มตาให้หลับลงได้ ไม่ว่าจะใช้วิธีการใด ๆ ฉันจึงลุกเดินออกไประเบียงหลังห้อง มองลงไปเบื้องล่าง รู้สึกได้ว่ามีแรงจูงใจลึกลับบางอย่างที่เชื้อเชิญให้กระโดดลงไป


หากเป็นในป่าหรือท้องทุ่งชนบท คราที่นอนไม่หลับ ฉันจะใช้วิธีนอนนับดาว จ้องมองดูดวงดาวกะพริบ แสงกะพริบพรายแห่งดวงดาวนั้นแม้นว่ามาจากที่ไกลแต่ส่งความอบอุ่นและอ่อนโยนผ่านมาถึงได้ ฉันสามารถรู้สึกได้ด้วยผิวหนังของฉันเลยทีเดียว


เมื่อไหร่ก็ตามที่ท้องฟ้ายังเกลื่อนไปด้วยดวงดาวซึ่งนำฉันเข้าสู่ห้วงนิทรารมย์ โลกนี้ก็นับได้ว่ายังน่าอยู่”


-2-


แต่ที่โรงแรมคืนละร้อยกว่าบาทในต่างจังหวัดซึ่งฉันไม่คุ้นเคยนั้น การนอนไม่หลับทำให้ฉันต้องมาเผชิญหน้ากับความแปลกที่แปลกถิ่น แม้ว่าฉันได้ระหกระเหินไปตามที่ต่าง ๆ อยู่เนือง ๆ ทว่าก็มีอยู่บ่อย ๆ ที่ความแปลกที่ แปลกทางทำให้นอนไม่หลับ


บรรยากาศและสภาพเก่าโทรมภายในห้องพักราคาถูกพาให้หดหู่ใจ แมลงสาบตัวโตนอนหงายท้อง ขายังสั่นกระตุกอยู่ในซอกมุมอับ ม่านสีชมพูขาดที่ขึงกั้นไว้ตรงหน้าต่างเป็นรอยกระดำกระด่างเพราะความเก่า สีทาฝาผนังกะเทาะออกเห็นเป็นรอยสกปรก สภาพทั้งหมดนี้ยิ่งแย่ลงไปอีกเมื่ออยู่ภายใต้แสงนีออนสีขาวหม่น สิ่งแวดล้อมเช่นนี้เปรียบได้เหมือนกับอยู่ในงานศพ


ฉันมายังโรงแรมนี้ได้ตามคำบอกของคนขี่มอเตอร์ไซค์รับจ้างเมื่อฉันถามหาโรงแรมที่ราคาถูก เขาแนะทางให้ฉันอย่างกระตือรือร้น แต่ก็แนะนำต่อไปว่าฉันน่าจะพักโรงแรมที่ราคาแพงกว่านี้อีกสักหน่อยเพราะอะไร ๆ มันดีกว่ากันมาก เขาบอกว่าอย่าไปพักเลยโรงแรมถูก ๆ อย่างนั้นมันไม่ดี แต่เขาไม่บอกสาเหตุว่าทำไม เขาไม่บอกออกมาตรง ๆ ว่าโรงแรมที่ฉันไปพักนั้นมีนั้นเคยมีคนตายหลายคน ฉันมารู้เรื่องนี้ตอนที่ได้คุยกับแม่ค้าขายขนมคนหนึ่ง

ฉันแหงนมองนาฬิกาที่แขวนอยู่ผนังห้องอีกครั้ง เป็นเวลาตีสอง เวลาตีสองไม่ดึกเลยหากว่าอยู่ในวงจรชีวิตของมหานครกรุงเทพ ฉันลุกขึ้นแต่งตัวตั้งใจจะออกเดินเที่ยวเตร่ คงจะมีสถานที่บางแห่งหรอกนะในยามนี้ ที่ฉันสามารถหาเพื่อนนั่งคุยหรือนั่งกินเหล้าได้ หรืออย่างน้อยที่สุดก็คงมีแสงไฟจากร้านรวงหรือตลาดโต้รุ่งที่ฉันพอจะใช้ขับไล่ความเปล่าเปลี่ยวออกไปได้บ้าง


-3-


คืนที่ผ่านมาฉันนอนค้างในวัดอันแสนสงบแห่งหนึ่ง ฉันบอกว่าต้องการกางเต็นท์นอนตรงไหนก็ได้แต่พระท่านบอกให้ฉันเข้ามาไปนอนในอุโบสถ แรกทีเดียวท่านอาจคลางแคลงใจฉันอยู่บ้างเพราะน้อยนักที่จู่ ๆ คนแปลกหน้าจะเข้ามาขอนอนในวัด แต่เมื่อได้คุยกันจนมั่นใจแล้วว่าฉันไม่ได้เป็นอะไรมากไปกว่าคนผ่านทางเท่านั้น และพร้อมจะจากไปในวันรุ่งขึ้น พระท่านก็จัดแจงให้ฉันเข้าไปนอนในอุโบสถและเอากล้วยน้ำว้าหวีใหญ่มาให้กิน


เด็กวัดอายุประมาณแปดขวบหลายคนมาชวนฉันคุยขณะที่ฉันกำลังปูถุงนอนในอุโบสถ ฉันสบายใจที่ได้คุยกับเด็ก ๆ และเด็ก ๆ ก็ดูสนอกสนใจที่จะคุยกับคนแปลกหน้า


ความเหน็ดเหนื่อยทำให้ฉันหลับลงอย่างเป็นสุขโดยไม่ฝันถึงอะไรทั้งสิ้น การได้พักผ่อนในครั้งนี้ทำให้ฉันรู้ซึ้งถึงความการุณย์ของความหลับ


คลับคล้ายคลับคลาว่าฝันไปเมื่อได้ยินเสียงสวดมนต์กังวานก้องภายในพระอุโบสถ แต่แล้วสิ่งต่าง ๆ ก็ค่อยแจ่มชัดขึ้น ฉันลืมตาตื่นเพราะเสียงสวดประสานอันสดใสในวัตรปฏิบัติยามอรุณรุ่งของเหล่าสมณะ แสงเทียนวอมแวมอยู่ภายในอุโบสถ


เปลวเทียนส่ายไหวเมื่อสัมผัสกับกระแสเสียงสวดอันกลมกลืน ส่องต้องพระพักตร์อันสงบงามเปี่ยมเมตตาของพระพุทธรูปจนดูคล้ายกับว่าพระพุทธรูปนั้นมีชีวิต สำหรับคนบาปผู้ปรารถนาการไถ่ถอนแล้วการได้นิ่งมองและอยู่ใกล้พระปฏิมาช่วยให้สงบ และคลายความกังวลใจได้ไม่น้อย


กลิ่นธูปฉุน แสบจมูก ลอยอบอวลอยู่ในอากาศ มีลักษณะรุนแรงบางอย่างแฝงอยู่ในกลิ่นควันธูปนี้ กลิ่นแสบฉุนที่ผสานเข้ากับจีวรเหลืองของภิกษุซึ่งกำลังสวดมนต์ทำวัตรเช้าอย่างพร้อมเพรียงด้วยภาษาที่ถึงแม้ฉันจะคุ้นเคยแต่ก็ไม่อาจเข้าใจได้ รวมทั้งแสงสว่างจากเปลวเทียนซึ่งยักย้ายส่ายไหวอยู่ไปมา ทำให้ฉันถึงกับงุนงงราวโดนสะกด


ระหว่างที่ถูกจู่โจมด้วยบรรยากาศอันขรึมขลังโดยไม่ทันระวังตัว ภาพอดีตในความทรงจำก็ผุดพรายไหลซ้อนเข้ามาอย่างแจ่มชัด บางเหตุการณ์เกิดขึ้นมานานจนฉันได้ลืมเลือนมันไปแล้วแต่กลับมาปรากฏตรงหน้าฉันอีกครั้ง เป็นเหตุการณ์ของอดีตซึ่งดำรงอยู่ด้วยตัวของมันเอง

ฉันมองเห็นแม่ซึ่งท่านได้ละจากโลกสู่ดินแดนอันไกลโพ้นเมื่อหลายปีก่อน ฉันมองเห็นหลานที่เพิ่งจากไป...


-4-


ฉันเดินแบกเป้ไปตามทางลูกรังกลางป่า สูดกลิ่นหอมฟุ้งของไม้ป่าหลายชนิดที่ฉันไม่รู้จัก นาน ๆ ครั้งหรือบางทีอาจเป็นเดือนตามคำบอกเล่าของเจ้าหน้าที่ที่ประจำอยู่ที่ด่านชายแดนถึงจะมีรถยนต์ผ่านมาบนทางเส้นนี้ เขาบอกว่าฉันควรจะรออยู่ที่ด่านดีกว่า เพราะถ้ามืดค่ำยังไงก็จะได้นอนเสียที่ด่านนี้เลย


ขณะที่ฉันลังเลว่าจะเดินเท้าต่อไปหรือจะรอคอยอยู่ที่ด่านนั้น รถยนต์คันหนึ่งก็แล่นเข้ามา เขาบอกว่ามาจากมหานครกรุงเทพ ขับมาเรื่อย ๆ ตามแผนที่เพื่อต้องการผจญภัย ท่องเที่ยวและเผอิญผ่านเข้ามาในเส้นทางนี้

 


พวกเขามากันสองคน เป็นคู่รักที่กำลังหวานชื่นดื่มด่ำ ทั้งสองไม่รังเกียจที่จะให้ฉันร่วมทางไปด้วย นอกจากไม่รังเกียจแล้วยังแสดงท่าดีอกดีใจที่จะมีเพื่อนร่วมทางไปด้วยเพราะทั้งสองคนนั้นยังไม่เคยมาตามทางสายนี้มาก่อนเลย พวกเขาชี้ให้ฉันดูแผนที่ว่าทางสายนี้จะพาไปสู่ที่ใดแล้วจะไปแห่งไหนกันต่อ


ทางแคบ ๆ และขรุขระเลียบไปตามไหล่เขา มีโค้งงอหักศอกอย่างน่าหวาดเสียวหลายต่อหลายจุดด้วยกัน


จากกระบะท้ายรถฉันสามารถทอดสายตามองออกไปได้กว้างไกล แลเห็นทัศนียภาพของหุบเขาเบื้องล่าง ซึ่งเรียงรายด้วยนาข้าวแบบขั้นบันไดสีเหลืองสุกปลั่งกระจัดกระจายอยู่ตามไหล่เนิน มีกระท่อมตั้งอยู่อย่างเจียมตนหว่างแปลงนาข้าวสีเหลืองนั้น


อากาศในยามเย็นช่างสดชื่นเป็นสุข จนฉันอดไม่ได้ที่สูดเข้าไปแรง ๆ แสงสีทองทาบทาหมู่บ้านชาวเขา ควันไฟลอยออกมาจากหลังคา ฉันรู้สึกหิวทันทีที่เห็นควันไฟลอยมาจากเรือนของชาวเขา


เมื่อฉันแลไปเห็นหมู่บ้านที่กระจุกตัวอยู่ในหุบเนินนั้น ฉันก็เกิดความต้องการที่จะแวะพักพูดคุยกับผู้คนบ้างสักคืน...


ฟ้ามืดค่ำลงในตอนที่ฉันยังนั่งอยู่ท้ายรถกระบะ น่าเสียดายที่ไม่อาจมองเห็นภูมิทัศน์สองข้างทางได้อีก อากาศเย็นลงเรื่อย ๆ แต่ก็ยังสดชื่น บางช่วง ฝุ่นที่คละคลุ้งจากการทำถนน แม้จะมองไม่เห็นแต่ก็ทำให้รู้สึกคอแห้ง


รถแล่นไปจนกระทั่งเข้าสู่ตัวเมืองและฉันก็ขอลง หาโรงแรมที่พัก


-5-


ฉันออกจากห้องพักในโรงแรม ฉันเดินเรื่อยเปื่อยไปตามทางยาวของถนนลาดยางในเมืองเล็ก ๆ อันเงียบเชียบยามค่ำคืนแห่งเดือนธันวาคม บรรยากาศที่มีลักษณะเฉพาะถิ่นทำให้ร่างกายฉันตื่นตัว


ความคิดฟุ้งซ่านที่กระจัดกระจายอยู่ในหัวกะโหลกหายไปสิ้น และเหลือไว้แต่สมองที่ว่างเปล่าเมื่อฉันเริ่มสาวเท้าออกเดิน


ฉันเดินไปตามถนนที่เกือบจะร้างไร้รถราและผู้คน อากาศกลางดึกของเดือนธันวาคมในทางเหนือนั้นเย็นเยือก

เช่นเดียวกับแมลงหลาย ๆ ชนิด ฉันพาตัวเองเข้าหาแสงไฟที่เห็นอยู่ลิบ ๆ …

 

 

 

บล็อกของ เมธัส บัวชุม

เมธัส บัวชุม
ผมใส่เครื่องหมายไปยาลน้อยหลังคำว่า “ม็อบพันธมิตร ฯ” ด้วยละไว้ในฐานที่เข้าใจว่าผู้อ่านแต่ละคนสามารถที่จะเลือกใส่คำต่อท้ายคำว่า “พันธมิตร” ลงไปได้ตามที่เห็นสมควร เพราะรู้สึกกระดากละอายเกินกว่าที่จะเรียกกลุ่มนี้ด้วยชื่อเต็ม ๆ ที่ต่อท้ายด้วยคำว่า “ประชาชนเพื่อประชาธิปไตย” ครั้งแล้ว ครั้งเล่าที่คนกลุ่มนี้แสดงให้เห็นถึงลักษณะที่ตรงกันข้ามกับคำว่า “ประชาชนเพื่อประชาธิปไตย” คือมีแต่ความใจแคบ เอาแต่ใจตนเอง ขาดความอดทนอดกลั้นทางการเมือง ความอดทนอดกลั้นทางการเมืองที่เป็นคุณลักษณะสำคัญของการอยู่ร่วมกัน (เพราะจะได้ไม่ต้องฆ่ากัน) นอกจากขาดความอดทนอดกลั้นแล้วกลุ่มพันธมิตร ฯ…
เมธัส บัวชุม
บทความที่แล้ว ผมเสนอว่าการเคลื่อนไหวของกลุ่ม “พันธมิตรประชาชนเพื่ออะไรก็ตามแต่” ไม่สามารถเรียกว่าด้วยคำหรูๆ เกินจริงอย่าง “อารยะขัดขืน” ได้ หากแต่ควรเรียกว่า “อารยะข่มขืน” น่าจะเหมาะกว่า และผมได้แปลคำว่า “อารยะข่มขืน” ว่าหมายถึงการ “ข่มขืนที่เนียนๆ” อันหมายถึงการละเมิดขืนใจทั้งในระดับบุคคลและระดับสังคมที่ดูเหมือนจะถูกกฎหมายและดูเหมือนจะมีอารยะ แต่ที่แท้แล้ว เลวร้ายไม่น้อยกว่าการใช้กำลังบังคับตรงๆ เพราะเป็นการใช้กลอุบายเล่ห์เหลี่ยมหรือกลวิธีที่แนบเนียนแยบคายในการเข้าไปมีสิทธิเหนือร่างกายและจิตใจของผู้อื่น ส่วนในระดับของสังคมการเมืองนั้น…
เมธัส บัวชุม
เพื่อให้เห็นภาพและเกิดความชัดเจน เป็นความเหมาะสมที่เราจะเทียบเคียงการทำรัฐประหารซึ่งทุกครั้งจะถูกอ้างในนามของชาติ ศาสน์ กษัตริย์ อย่างใดอย่างหนึ่งหรือทั้งสามอย่าง (เขาพระวิหาร การแต่งตั้งสมเด็จพระสังฆราช ปฏิญญาฟินแลนด์) เข้ากับการข่มขืน เพราะมันมีอะไรหลายอย่างที่เหมือนกันมาก ๆ ใช้เพียงสามัญสำนึกเราก็รู้ว่าการทำรัฐประหารและการข่มขืนคือการละเมิดเพิกถอนในสิทธิทุกด้านและทุก ๆ หลักการของความเป็นมนุษย์ ไม่ว่าจะเป็นสิทธิในร่างกาย จิตใจและสติปัญญาตลอดจนพฤติกรรมการแสดงออก สิ่งที่คนถูกข่มขืนได้สูญเสียไปคือคุณค่าแห่งความเป็นมนุษย์ อันเป็นแก่นสาระของการมีชีวิตอยู่…
เมธัส บัวชุม
กล้องถ่ายรูป นอกจากจะเป็นเครื่องมือสำหรับเก็บภาพแล้วยังสามารถเป็นอาวุธไปได้พร้อมกัน  หลายคนที่สันหลังหวะและกำลังจะหวะจึงมักกลัวกล้องเพราะมันจะทำให้เกิดสิ่งที่เรียกว่า “ฟ้องด้วยภาพ” ซึ่งมีน้ำหนักมากกว่าคำบรรยายเป็นไหน ๆ และในรายที่ความผิดปรากฏชัดแล้ว กล้องก็สามารถทำให้เกิดปรากฏการณ์ “ประจานด้วยภาพ” ได้อีกด้วยนักการเมืองหรือดาราหรือกระทั่งคนธรรมดาเวลาทำผิดจึงมักจะหลบกล้อง เช่น อาจารย์มหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ ที่ให้นักศึกษาอมนกเขาแลกเกรดก็พยายามเลี่ยงหลบกล้องโดยเอาปี๊บคลุมหัว หรือนักการเมืองบางรายลงทุนพรางตัวเพื่อไม่ให้กล้องจับภาพได้ขณะที่เข้าพบป๋าเป็นการส่วนตัว…
เมธัส บัวชุม
"ขี้กะโหล่ย" เป็นศัพท์วัยรุ่นทั่วไป สามารถนำมาประยุกต์ใช้ให้เข้ากับสถานการณ์ปัจจุบันได้ มักจะมีความหมายเชิงลบ ทำนองว่าไม่เข้าท่า ไม่ได้เรื่อง นิสัยไม่ดี พฤติกรรมแย่ เป็นที่รังเกียจ ไม่ควรเข้าใกล้ อย่าไปคบหา ชอบเอาเปรียบ เห็นแก่ได้ ฯลฯ ตัวอย่างเช่น "ไอ้ลองมันขี้กะโหล่ย หน้าพระใจมาร กูไม่อยากสุงสิงกับมันหรอก" หรือ "ไอ้ลิ้มขี้กะโหล่ยโดนตำรวจจับไปเมื่อวานฐานปากดี"  หรือ "ม็อบพันธมารขี้กะโหล่ย หลอกขายเสื้อยามเผาแผ่นดิน" ฯลฯ
เมธัส บัวชุม
ปฏิวัติ 14 ตุลา 2516 ประชาชนรวมตัวกันเพื่อขับไล่รัฐบาลเผด็จการทหาร ดึงอำนาจจากมือของเหล่าขุนนางข้าราชการมาเป็นของประชาชน ซึ่งในขณะนั้นบรรดาขุนนางข้าราชการแห่งระบอบอมาตยาธิปไตยครอบครองเป็นใหญ่ในเวทีการเมืองของสภาผู้แทนราษฎรอยู่  แต่ปัจจุบันกลับตาลปัตร เมื่อประชาชนร่วมแรงร่วมใจกับรัฐบาลประชาธิปไตยต่อสู้กับซากเดนแห่งระบอบอมาตยาธิปไตย ซึ่งกลายเป็นกลุ่มพลังนอกเวทีรัฐสภา เป็นกลุ่มเผด็จการนอกรัฐธรรมนูญที่ต้องการบ่อนเซาะทำลายความเข้มแข็งของระบอบรัฐสภาการขยับตัวเคลื่อนไหวของ “ระบอบเก่า” เพื่อหวนกลับมามีบทบาทในเวทีการเมือง ทำให้ประชาชนเกิดกระแสตื่นตัวต่อต้าน…
เมธัส บัวชุม
อาการตบะแตกกับนักข่าว/คอลัมนิสต์ ของนายก ฯ สมัคร  สุนทรเวช เป็นเรื่องที่เข้าใจได้และไม่ใช่อะไรที่น่าตื่นเต้นตกใจแต่อย่างใด  แต่บรรดานักข่าวและผู้อยู่ในแวดวงออกอาการตระหนกตกใจราวกับสาวแรกรุ่นที่กำลังจะโดนข่มขืนเป็นครั้งแรก โดยไม่ตระหนักเลยว่า ที่ผ่านมานักข่าว/คอลัมนิสต์ กระทำการข่มขืนคนอื่นอยู่ตลอดเวลา หรือในทางกลับกันก็ถูกอำนาจที่เหนือกว่าข่มขืนหลายครั้ง การคุกคามข่มขืนสื่อมวลชนในยุคเผด็จการทหารครองเมือง เทียบไม่ได้แม้แต่นิดเดียวกับปัจจุบัน สื่อบางแขนงชิงข่มขืนตัวเองเสียก่อนที่จะถูกเผด็จการทหารที่นำโดยพลเอกสนธิ  บุณยรัตนกลิน จัดการข่มขืน (เราควรย้ำถึงชื่อของพลเอกสนธิ …
เมธัส บัวชุม
เครือผู้จัดการมีสื่ออยู่ในมือหลากหลายครบครัน ทั้งเคเบิลทีวี สื่อสิ่งพิมพ์ วิทยุและเวบไซต์ อันทำให้การโฆษณาชวนเชื่อที่เหลวไหลของพวกเขาเป็นไปอย่างครอบคลุมกว้างขวาง เกิดประสิทธิภาพไม่น้อยพวกเขา (เครือผู้จัดการ) สถาปนาตัวเองตามแต่ใจต้องการโดยที่ไม่ต้องรอให้ใครมาเลือกตั้งหรือแต่งตั้งด้วยบทบาทหลากหลายเหลือเชื่อคือเป็นตั้งแต่ “ยาม” ไปจนถึง “ผู้จัดการ”“ยาม” และ “ผู้จัดการ” นั้นอยู่กันคนละชนชั้นหรือพูดด้วยภาษาแบบหมอประเวศ วะสี ก็คืออยู่กันคนละ “ภาคส่วน” แต่บทบาทหน้าที่ทั้งหมดนี้พุ่งไปที่จุดประสงค์เดียวกันสำหรับ “ยาม” ภาพลักษณ์ที่ตายตัวคือเป็นคนระดับล่างของสังคม เป็นผู้ใช้แรงงานหรือใช้กำลัง…
เมธัส บัวชุม
เหตุการณ์ทางการเมืองช่วงก่อนรัฐประหาร 19 กันยายน 2549 เพื่อล้มรัฐบาลประชาธิปไตยกระทั่งถึงยุคเผด็จการคมช. ครองเมืองซึ่งได้สร้างเครื่องมือต่างๆ (รวมทั้งรัดทำมะนวยฉบับหัวคูน) เพื่อสืบทอดอำนาจและทำการถอนรากถอนโคนรากฐานอุดมการณ์ประชาธิปไตยนั้น มีอะไรที่น่าสนใจมากมายจนผมคิดว่าน่าจะมีนักเขียนมือดีสักคนนำเอาเรื่องราวเหตุการณ์ต่าง ๆ บวกกับจินตนาการบรรเจิดมาผูกร้อยเข้าเป็นนวนิยายชั้นเยี่ยมได้สักหลายเรื่อง การเมืองช่วงก่อนและหลังรัฐประหารนั้น “เป็นนิยายยิ่งกว่านิยาย” เสียอีก ไม่ว่าจะเป็นการกลับตาลปัตรกลายเป็น “ฮีโร่” อย่างช่วยไม่ได้ ของอดีตนายกฯ ทักษิณ  ชินวัตร ความพ่ายแพ้ยกแรกของเผด็จการทหาร…
เมธัส บัวชุม
-1-ปกติแล้ว ผมจะไม่หยิบนิตยสาร “เนชั่นสุดสัปดาห์” ขึ้นมาเปิดดูเพราะไม่คิดว่ามีคอลัมน์อะไรที่ดึงดูดใจเพียงพอ นอกจากก่อนหน้านี้ที่พลิกเปิดไปดู “เรื่องสั้น” เพื่อตรวจดูว่าเรื่องสั้นของตัวเองได้รับการพิจารณาหรือเปล่า แต่ตอนนี้ผมหมดปัญญาและพลังที่จะเขียนเรื่องสั้นแล้ว  ดังนั้นเวลาหยุดดูที่แผงหนังสือผมเพียงแต่กวาดสายตาดูนิตยสารรายสัปดาห์ยี่ห้อนี้เพียงผ่าน ๆ เท่านั้นแต่ “เนชั่นสุดสัปดาห์” ล่าสุดที่หน้าปกเป็นรูป “ธีรยุทธ  บุญมี” นักคิดวิธีสร้างข่าวให้ตนเองนั้นสะกดให้ต้องหยิบขึ้นมาเปิดดู ที่น่าสนใจไม่ใช่รูป “ธีรยุทธ  บุญมี” แต่เป็น “คำ” ที่พาดผ่านหน้าปกซึ่งเขียนว่า “ตุลาตอแหล ?” พาดหัว…
เมธัส บัวชุม
-1-การได้รับรู้ข้อมูลจากเรื่องราวที่เกิดขึ้นจริง ตลอดจนเข้าไปข้องเกี่ยวกับวงการตำรวจ-ยาบ้าเป็นประสบการณ์ที่แปลกใหม่สำหรับผม ไม่คิดฝันว่าชีวิตที่หมกมุ่นอยู่แต่กับหนังสือและการคิดประเด็นทางนามธรรมอะไรไปเรื่อยเปื่อยจะได้พบพานประสบการณ์ชีวิตอีกด้านหนึ่ง ที่ต่างออกไปโดยสิ้นเชิง ด้วยวัยที่เพิ่มขึ้น ผมก็เช่นเดียวกับหลาย ๆ คนที่มองเรื่องยาเสพติดด้วยสายตาวิตกกังวล แลเห็นมันเป็นปิศาจที่นำความเลวร้ายเดือดร้อนมาสู่ชีวิต เป็นเหมือนมะเร็งที่คอยบั่นทอนสภาพร่างกายและจิตใจของคนที่ตกเป็นเหยื่อ (มันชวนให้นึกถึงนโยบายปราบปรามยาเสพติดของรัฐบาลทักษิณเสียจริง ๆ!) ต่างไปจากเมื่อก่อนที่มองเรื่องนี้อีกแบบหนึ่ง…
เมธัส บัวชุม
  หนุ่มคนหนึ่งเล่าให้ฟังว่าวันดีคืนดีเขาก็ต้องตื่นขึ้นมาตอนประมาณตีสาม เพราะเพื่อนของหลานมาเคาะประตูเรียก"มีอะไร" เขาถาม"งานเข้า!" เพื่อนของหลานบอก ก่อนที่จะขยายความว่าหลานของเขาถูกจับยาบ้า ตอนนี้อยู่ที่สถานีตำรวจแล้วเขารีบไปที่สถานีตำรวจทันที อกสั่นขวัญแขวนเพราะเป็นห่วงหลาน พบหลานนั่งก้มหน้า น้ำตาคลอ และถูกใส่กุญแจมือ"ไม่ทัน!" หลานบอกทันทีที่เจอหน้า เขาไม่แน่ใจว่าคำว่า "ไม่ทัน" ของหลานนั้นหมายถึงอะไร มันอาจหมายถึงว่า "หนีตำรวจไม่ทัน" หรืออาจหมายถึงว่า "ทิ้งยาบ้าที่ติดตัวอยู่ไม่ทัน" เขาถามหลานสองสามคำและถามตำรวจอีกสองสามคำ ได้ความว่าหลานมียาบ้าติดตัวอยู่ 20 เม็ด พร้อมกับเงิน 4 พันกว่าบาท…