Skip to main content

ขนิษฐา คันธะวิชัย

 

 

ปกติฉันทำงานที่ตึกประชาธิปก-รำไพพรรณี ซึ่งอยู่ติดกับคณะเศรษฐศาสตร์ จุฬาฯ จึงมักจะไปทานอาหารที่โรงอาหารของคณะเศรษฐศาสตร์ ในช่วงแรกๆ ที่ฉันมาเรียนที่จุฬาฯ ก็ได้ยินคนขายอาหารพูดกันเองว่า

 

คนเก็บจานที่มาใหม่น่ะ พูดอังกฤษคล่องเชียว เป็นคนพม่า พูดไทยไม่ได้ เวลาจะให้ทำอะไรแกต้องสั่งเขาเป็นภาษาอังกฤษนะ”


ฉันเลยรับรู้มาตั้งแต่นั้นว่า โรงอาหารแห่งนี้มีแรงงานข้ามชาติจากพม่าทำงานอยู่ (พอดีตอนนั้นเรียนเรื่องการย้ายถิ่นข้ามชาติอยู่ด้วย) หลังจากนั้นก็จะได้รับรู้ข้อมูลเกี่ยวกับแรงงานพม่ามาตลอด ว่าที่เราเข้าใจว่าเป็น “แรงงานพม่า” นั้น แท้จริงแล้วอาจเป็นได้ทั้งพม่า มอญ กะเหรี่ยง ไทใหญ่ อาระกัน ฯลฯ คือมีความเป็นกลุ่มชาติพันธุ์อยู่ข้างใน เพียงแต่โดนอัตลักษณ์ความเป็นรัฐชาติพม่าทับไว้ ซึ่งทั้งหมดนี้ฉันได้ตระหนักจากการลงภาคสนามที่จังหวัดสมุทรสาคร จำได้ว่าครั้งนั้นฉันและเพื่อนไปช่วยศูนย์วิจัยการย้ายถิ่นทำ pilot แบบสอบถามเกี่ยวกับการทำงานของเด็กในรูปแบบที่เลวร้าย ซึ่งเวลาถามแบบสอบถามต้องใช้ล่ามภาษามอญเป็นส่วนใหญ่ นอกจากนี้เพื่อนของฉันอีก 3 คนยังมีโอกาสไปลงภาคสนามเพื่อดูประเด็นเกี่ยวกับการย้ายถิ่นของแรงงานข้ามชาติที่สมุทรสาครอีกด้วย แต่เวลานำมารายงานในห้องเรียน เพื่อนร่วมชั้นก็ยังเรียกเขาว่า “แรงงานพม่า” อยู่ดี เพื่อความสะดวกปาก


เมื่อเดือนตุลาคม 2550 สถาบันเอเชียศึกษาได้จัดงานสัมมนาวิชาการนานาชาติ “ครบเครื่องเรื่องมอญ” ที่ตึกเดียวกับโรงอาหารคณะเศรษฐศาสตร์ และก็ได้จัดนิทรรศการเกี่ยวกับมอญที่ลานใต้ตึก โดยในแผ่นนิทรรศการนั้นก็มีภาษามอญอยู่ด้วย และในวันงานก็มีคนแต่งตัวมอญเดินกันทั่วงาน ทั้งแบบมอญเมืองไทย และมอญแบบโสร่งแดง ผ้าถุงแดง อันเป็นชุดประจำชาติมอญที่มอญเมืองมอญประดิษฐ์ขึ้นภายหลัง ในงานนั้นฉันเห็นคนที่ทำงานอยู่ที่โรงอาหารได้นำอาหารมาถวายพระ และกราบพระลงไปกับพื้น ซึ่งคนมอญเมืองไทยอธิบายว่า นี่คือวิธีการกราบพระแบบมอญ คือกราบลงไปกับพื้นไม่ว่าพื้นจะเป็นอย่างไร จากนั้นฉันจึงรับรู้ว่า แรงงานข้ามชาติที่ทำงานในโรงอาหารคณะเศรษฐศาสตร์นั้น มีชาวมอญอยู่หลายคน ไม่ได้มีแต่คนพม่า


วันหนึ่งฉันใส่เสื้อยืดตัวอักษรมอญไปที่โรงอาหารคณะเศรษฐศาสตร์ ขณะที่กำลังยืนคิดอยู่ว่าจะสั่งอะไรนั้น คนขายสาวน้อยหน้าแฉล้มก็ทำท่าตื่นเต้น ชี้มือมาที่เสื้อของฉันแล้วบอกกับเจ้าของร้านว่า


เนี่ย ภาษานี่หนูอ่านได้ ภาษามอญ (ว่าแล้วเธอก็อ่านโชว์เจ้าของร้านซะเลย) กะ ขะ ไก้ ไค้ ไง้ จะ ฉะ ไจ้ ไช้ ไญ้ (เหมือนกับการไล่เสียง ก ข ค ฆ ง จ ฉ ช ฌ ญ ของเรา)...”


ในตอนนั้นฉันเริ่มเข้ามาทำงานกับชมรมเยาวชนมอญกรุงเทพแล้ว และได้รับปฏิทินปี 2551 เป็นรูปกษัตริย์มอญองค์สำคัญในประวัติศาสตร์มาหลายแผ่นจึงนำมาแบ่งให้น้องหน้าแฉล้มคนนั้น เธอดีใจมากแล้วก็ชี้ให้ดิฉันกับเจ้าของร้านดู “นี่ไง พระเจ้าราชาธิราช” นัยว่าน้องหน้าแฉล้มคงรู้ว่ากษัตริย์มอญที่ไทยรู้จักก็คือพระเจ้าราชาธิราช หลังจากนั้นเมื่อใดที่ฉันไปซื้อข้าวแกงหรืออาหารตามสั่งที่ร้านนั้น ฉันจะได้รับอาหารในปริมาณมากกว่าคนอื่นเสมอ เช่น เมื่อสั่งข้าวผัดกุ้ง หากเธอเป็นคนจัดเตรียมของ เธอก็จะให้กุ้งประมาณ 7-8 ตัว ซึ่งปกติแล้วจะได้ 3 ตัว เท่านั้น


น้องหน้าแฉล้มเล่าว่า เธอชื่อ จอนเตรี่ย แปลเป็นไทยว่า จันทรา ฉันแอบเรียกเธอว่า มณีจันทร์ บ้านของมณีจันทร์อยู่ในรัฐมอญ อ่านเขียนภาษามอญพอได้ มาอยู่เมืองไทยตั้งแต่อายุ 14 ปี โดยเริ่มจากการมาเป็นพี่เลี้ยงเด็กที่พระประแดง แม้จะมีคนมอญอยู่เยอะแต่เธอก็ไม่ได้เจอใครเลย เพราะอยู่กับเด็กตลอดเวลา พอมีคนชวนมาขายอาหาร เธอจึงมา และในโรงอาหารคณะเศรษฐศาสตร์นี้ก็มีคนมอญทำงานอยู่ประมาณ 5-6 คน แต่จำนวนนี้ก็ไม่แน่นอนเพราะบางทีก็มีการเปลี่ยนงาน หน้าเก่าหายไป หน้าใหม่เข้ามา (ณ วันที่เขียนบล๊อกอยู่นี้น้องมณีจันทร์ก็ไม่อยู่ที่โรงอาหารคณะเศรษฐศาสตร์แล้ว)


แถวๆ สามย่านที่ทำงานของฉันไม่ได้มีมอญแรงงานเฉพาะที่คณะเศรษฐศาสตร์เท่านั้น ตอนแรกฉันเองก็ไม่รู้ แต่หากใครได้อ่านสารคดีชื่อ “ต้นทางจากมะละแหม่ง” อาจจะเคยได้ยินชื่อ “นายวีทอ” มอญจากมะละแหม่ง พระรองของสารคดีเล่มนี้ พี่วีทอนี่เองที่บอกฉันว่า “บัวเผื่อนอยู่แถวจุฬา สามย่านเนี่ย ไปดูเลย ใครที่ขายไข่นกกระทาทอด ชานมไข่มุก ไอติม ให้บัวเผื่อนลองถามเขาเป็นภาษามอญเลยว่า ขายดีไหม พวกนี้มอญทั้งนั้น” แม้ฉันจะพอรู้ว่ามีชาวมอญที่เข้ามาเป็นแรงงานในฐานะ “แรงงานพม่า” อยู่เยอะ แต่ก็ไม่คิดว่าจะเยอะขนาดที่ว่าคนไหนๆ ก็ใช่ทั้งนั้น


และวันหนึ่งฉันก็ได้เห็นว่าคำพูดพี่วีทอนั้นไม่ได้เกินความจริงเลย


วันนั้นฉันใส่เสื้ออักษรมอญตัวเดิม ที่ป้ายรถเมล์หน้าจุฬาฯ มีรถเข็นขายผลไม้ ฉันไปซื้อสัปปะรดซีกหนึ่ง คนขายบอกว่า “สิบบาท” ฉันฟังดูก็ไม่แปร่งหูอะไร เขาถามต่อว่า “เอาอย่างอื่นอีกไหม” สำเนียงนั้นแม้ไม่ใช่สำเนียงกรุงเทพฯ แต่ฉันก็คิดว่าเป็นสำเนียงคนต่างจังหวัดทั่วๆ ไป สักพักเขาก็ถามว่า “เสื้อมอญตัวนี้ซื้อมาจากไหน” คุยไปคุยมาจึงรู้ว่าคนขายผลไม้ก็เป็นคนมอญ และคนที่ขายไข่นกกระทาทอดที่อยู่อีกด้านของฟุตบาทก็เป็นคนมอญจากเมืองมอญเช่นกัน


ฉันมันเป็นพวกชอบทำอะไรให้สุดๆ จึงทดลองทฤษฏีของพี่วีทออีก โดยการไปซื้อชานมไข่มุกที่ประตูเล็กใกล้คณะวิทยาศาสตร์ คนขายก็มองเสื้อฉัน มองแล้วมองอีก สุดท้ายฉันเลยถามว่า “นี่ภาษาอะไร รู้ไหม” เขาก็ตอบมาทันทีว่า “ภาษามอญ”


วันนั้นฉันเลยมีของกินติดมือไปที่โต๊ะทำงานเพียบ เนื่องจากพิสูจน์ความเป็นมอญตามทฤษฎีของพี่วีทอเยอะไปหน่อย


ฉันคิดว่าเขาคงดีใจที่เห็นภาษาของตนเองในเมืองไทย แต่ฉันก็เห็นใจเขาตรงที่ว่า คนมอญเหล่านี้ไม่สามารถจะใส่เสื้อที่แสดงอัตลักษณ์ความเป็นมอญได้ เนื่องจากอาจมีปัญหากับตำรวจ หรืออาจโดนเพ่งเล็งเรื่องจะมาทำลายความมั่นคงของชาติไทย จากที่เห็นมา มอญแรงงานจะใส่เสื้อภาษามอญเฉพาะเมื่อมีงานพิธีหรือเมื่ออยู่ในแหล่งชุมชนที่มีชาวมอญอยู่กันมากๆ เท่านั้น ในขณะที่มอญเมืองไทยสามารถแสดงอัตลักษณ์ตนเองได้อย่างอิสระ


หวนนึกถึงอาจารย์สอนภาษามอญของฉันคนหนึ่ง ที่อุตส่าห์เสียค่ารถมาสอนให้ฉันฟรีถึงที่จุฬาฯด้วยความอยากถ่ายทอดภาษามอญ เขาได้ยินฉันพูดกับพี่คนหนึ่งเรื่องตัวเขียนภาษาล้านนา เพราะเรามีพื้นเพอยู่ทางภาคเหนือเหมือนกัน อาจารย์ฉัน (ที่ยังหนุ่มอยู่มาก) ก็พูดขึ้นมาว่า “คนไทยนี่ดีเนอะ จะเรียนภาษาอะไรก็ได้ อย่างนี้ที่พม่าเรียนไม่ได้” อาจารย์คนนี้เป็นนักศึกษามอญมาเรียนปริญญาโทที่ราม ได้เรียนหนังสือสูงแต่เรียนเป็นภาษาพม่า ทำให้ได้ใช้ภาษาพม่ามากกว่ามอญ จนกระทั่งลืมภาษามอญพื้นๆ บางคำ เช่น น้า (น้องแม่) แต่ที่เขียนภาษามอญได้ก็เพราะแอบเรียนในบ้านโดยมีพ่อแม่สอนให้


เมื่อมองย้อนกลับมาที่ตัวฉันเอง ก็เห็นว่าถ้าเปรียบฉันกับคนมอญเหล่านั้นแล้ว ฉันก็โชคดีกว่าที่สามารถแสดงอัตลักษณ์ประกาศความเป็นชาวเขา ประกาศความเป็นคนเหนือ หรือใส่ชุดมอญเดินไปกินข้าวที่สามย่านได้ไม่อายใคร และไม่ต้องหลบๆ ซ่อนๆ ยุคนี้เป็นยุคที่เรากำลังฟื้นฟูวัฒนธรรมท้องถิ่น การเป็นคนที่ “ไม่ใช่ไทย” ไม่ใช่เรื่องน่าอายอีกต่อไป กลับเป็นจุดเด่นเสียอีก ฉันก็ได้แต่เอาใจช่วยว่าสักวันหนึ่งพี่น้องชาวมอญในเมืองมอญจะสามารถแสดงอัตลักษณ์ของตัวเองออกมาอย่างเต็มที่ ไม่ต้องหลบๆ ซ่อนๆ อย่างที่เป็นอยู่


ว่าแล้วก็เดินไปอุดหนุนชานมไข่มุกที่สามย่านอีกดีกว่า...



บล็อกของ องค์ บรรจุน

องค์ บรรจุน
คนส่วนใหญ่รับรู้ว่าวัดชนะสงครามเป็นวัดมอญ ใช่ว่าคนสนใจประวัติศาสตร์จึงได้รู้ความเป็นมาของวัด แต่เป็นเพราะหน้าวัดมีป้ายโลหะสีน้ำตาลที่ทางการชอบปักไว้หน้าสถานที่ท่องเที่ยว ความระบุประวัติไว้ว่าวัดนี้เป็นวัดของพระสงฆ์ฝ่ายรามัญ (มอญ) แต่ก็ไม่แน่ใจนัก คนสมัยนี้อาจเข้าใจว่ามอญเป็นชื่อต้นไม้จำพวกเห็ดราปรสิตชนิดหนึ่งก็ได้
องค์ บรรจุน
องค์ บรรจุน   การสื่อสารระหว่างมนุษย์ด้วยวิธีต่างๆ เพื่อให้ฝ่ายหนึ่งรับรู้ความหมายจากอีกฝ่ายหนึ่ง และเกิดการตอบสนอง นับแต่โบราณกาลมีตั้งแต่การสุมไฟให้เกิดควัน นกพิราบสื่อสาร ปัจจุบันการสื่อสารมีหลายวิธีรวดเร็วทันใจมากขึ้น อาจเป็นวิทยุ โทรทัศน์ หนังสือพิมพ์ โทรศัพท์มือถือ ดาวเทียม ระบบโทรคมนาคม หรือการสื่อสารระบบเครือข่ายที่อาศัยดาวเทียมและสายเคเบิลใยแก้ว ที่เรียกว่า อินเตอร์เน็ต ก็ได้ ส่วนภาษาที่มาพร้อมกับวิธีการสื่อสารเหล่านั้น เป็นเครื่องมือที่สำคัญซึ่งมีพัฒนาการไม่หยุดนิ่ง มีการหยิบยืมคำในภาษาอื่น เปลี่ยนรูปแบบและความหมายตลอดเวลา…
องค์ บรรจุน
องค์ บรรจุน   พิพิธภัณฑ์ในประเทศไทยนั้นมีมาอย่างน้อยก็ตั้งแต่สมัยรัชกาลที่ ๕ ถึงแม้ว่าจะเริ่มต้นจากการหาที่เก็บของเก่าก็ตาม แต่จากประสบการณ์ที่ว่านี้ ก็น่าจะเป็นประโยชน์ต่อคนที่กำลังคิดทำพิพิธภัณฑ์ว่าจะใช้เก็บของเก่าหรือใช้เป็นสถานที่เรียนรู้ โดยเฉพาะในยุคที่ผู้คนเริ่มเห็นคุณค่าท้องถิ่นของตน การตัดสินใจเกี่ยวกับท้องถิ่นจึงควรมาจากท้องถิ่นเพื่อประโยชน์ของท้องถิ่น
องค์ บรรจุน
องค์ บรรจุน     หญ้าขัดมอญ เป็นพืชล้มลุก ทรงพุ่มเตี้ย ตระกูลเดียวกับชบา ขึ้นเองตามธรรมชาติไม่ต้องปลูกและดูแลรักษา คนในสังคมเมืองคงไม่คุ้นชื่อคุ้นต้นไม้ชนิดนี้ หลายคนเห็นเป็นวัชพืชอย่างหนึ่งที่ต้องกำจัด นอกจากบางคนที่ช่างสังเกตธรรมชาติรอบตัวก็อาจจะพบว่า หญ้าขัดมอญ เป็นไม้พุ่มเตี้ยแตกกิ่งก้านหนาแน่น ใบเล็กเรียวเขียวเข้ม ยิ่งเวลาออกดอก สีเหลืองอ่อนหวานพราวพรายรายเรียงอยู่ทั่วทุกช่อใบ ชวนมองไม่น้อย แถมมีประโยชน์ในครัวเรือนหลายอย่าง ทั้งด้านการใช้สอยและสรรพคุณทางสมุนไพร
องค์ บรรจุน
องค์ บรรจุน บทสรุปย่อสำหรับผู้บริหาร (Executive Summary) ของศูนย์พม่าศึกษา มหาวิทยาลัยนเรศวร ในการนำการเสนอโครงการวิจัย ชุด "โครงการประเทศพม่าศึกษา" ชื่อหัวข้อวิจัย คือ "มโนทัศน์ทางการเมืองของรัฐพม่าบนพื้นที่สื่อรัฐบาลทหาร" ที่ผ่านการอนุมัติจากสกว.
องค์ บรรจุน
  องค์ บรรจุน ๗ กรกฏาคม ที่ผ่านมาเป็นวันอาสาฬหบูชา รุ่งขึ้นก็เป็นวันเข้าพรรษา วันสำคัญของพุทธศาสนิกชนทั่วโลก เมื่อมีวันหยุดยาวติดต่อกันหลายวัน ผู้คนจึงออกต่างจังหวัดกันมาก ถนนช่วงนั้นจึงโล่งอย่างเทศกาลใหญ่ๆ ทุกครั้ง เปิดทีวีมีแต่ข่าวขบวนแห่เทียนเข้าพรรษากันทัวประเทศ ยิ่งใหญ่เท่าไหร่ แปลกเท่าไหร่ยิ่งดี บางจังหวัดไม่เคยจัดก็สู้อุตส่าห์ซื้อช่างแกะเทียนค่าตัวแพงลิบมาจากอุบลราชธานี กลายเป็นว่าทุกวันนี้คนทำเทียนเข้าพรรษาเพื่อขายการท่องเที่ยว ไม่ได้ถวายให้พระใช้งานจริงขณะนั้นเวลา ๑๐.๓๐ น. ผมนั่งอยู่โคนต้นอโศกอินเดียภายในวัดชนะสงคราม ความคลุกคลีกับวัดวามานานจึงพาลห่างวัด…
องค์ บรรจุน
องค์ บรรจุนบทความชิ้นนี้ไม่มีเจตนาตั้งชื่อเลียน "ชัตเตอร์กดติดวิญญาณ" เพราะในภาพยนตร์นั้น เจ้าของกล้องกดชัตเตอร์ติดวิญญาณผีที่เขาขับรถชนและหนีไป ทว่าในที่สุดวิญญาณก็ตามทวงเอาชีวิต ซึ่งต่างจากบทความนี้อย่างสิ้นเชิง เนื่องจาก เจ้าของกล้องถ่ายภาพนับร้อยที่กดชัตเตอร์ใส่ผีตนหนึ่ง คล้ายมหรสพที่นักการเมืองจัดให้ชาวบ้านในฤดูหาเสียง แต่ที่ร้ายก็คือ อำนาจของชัตเตอร์กลับสะกดให้ผีตกอยู่ใต้อำนาจของมนุษย์อย่างที่ผีไม่สามารถเอาคืนได้
องค์ บรรจุน
องค์ บรรจุน แค่อ่านชื่อเรื่องหลายคนคงรู้จักคุ้นเคยกันดีว่านี่คือเนื้อเพลง “สยามเมืองยิ้ม” สำหรับคนที่เป็นคอลูกทุ่งยิ่งต้องรู้ว่า เพลงนี้ขับร้องโดยราชินีเพลงลูกทุ่งผู้ล่วงลับ พุ่มพวง ดวงจันทร์ ส่วนผู้ประพันธ์เนื้อเพลงเป็นครูเพลงคู่บุญของเธอ ลพ บุรีรัตน์ 
ได้ฟังเพลงนี้ครั้งแรกก็สัมผัสได้ถึงความยิ่งใหญ่ในความเป็นชาติ รู้สึกทันทีว่าไพเราะกินใจ ซาบซึ้งไปกับบทเพลง ยิ่งฟังยิ่งเพราะ ขนาดที่เมื่อสิบกว่าปีก่อนเคยส่งเทปจัดรายการเพลงไปประกวดดีเจทางคลื่น “สไมล์เรดิโอ” ใช้เพลง “สยามเมืองยิ้ม” เป็นเพลงปิดรายการ ได้เข้ารอบแรกเสียด้วยแต่ตกรอบ ๒๐ คนสุดท้าย เพื่อนๆ ที่รอฟังและตามลุ้นพูดเหมือนกันว่า “สมควรแล้ว…
องค์ บรรจุน
  องค์ บรรจุน คนทั่วไปสับสนเกี่ยวกับลักษณะสายพันธุ์และชื่อเรียกของ "กระเจี๊ยบ" ว่าเป็นอย่างไรและเรียกว่าอะไรกันแน่ จะมีสักกี่คนที่รู้ถึงที่มาและคุณค่ามากมายมหาศาลของกระเจี๊ยบบ้านมอญในชนบทหลายแห่งเคยมีต้นกระเจี๊ยบริมรั้ว ริมคลองหนองบึง สำรับกับข้าวเคยมีแกงกระเจี๊ยบไม่ขาด แต่ทุกวันนี้ "กระเจี๊ยบ" เริ่มเลือนหายไปจากชีวิต ชนิดที่ไม่มีใครอาลัยอาวรณ์นัก แม้แต่จะนึกถึงความหลังที่แกงกระเจี๊ยบเคยอยู่คู่ครัวมาแต่อ้อนแต่ออก
องค์ บรรจุน
องค์ บรรจุนหลายปีก่อนผู้เขียนเคยนั่งตากลม น้ำลายบูด หันซ้ายทีขวาที อยู่กลางวงสนทนาของผู้หลักผู้ใหญ่ในวงการประวัติศาสตร์ สังคมศาสตร์ และมานุษยวิทยา ในวงนั้นมี รศ.ศรีศักร วัลลิโภดม อยู่ด้วย ท่านพูดถึงความหลากหลายทางชาติพันธุ์ในเมืองไทยไว้ประมาณว่า สังคมไทยหลอมรวมมาจากผู้คนและวัฒนธรรมของคนหลายกลุ่ม ความเป็นไทยแท้นั้นจึงเป็นเรื่องโกหก โดยเฉพาะคนไทยที่ไม่มีสายเลือดอื่นเจือปนนั้นไม่มีจริงในโลก ในวันนั้นผมได้ยินคำอาจารย์ศรีศักรชัดถ้อยชัดคำเต็มสองหูว่า "ที่ไหนมีคนไทยแท้ช่วยมาบอกที จะเหมารถไปถ่ายรูปคู่เก็บไว้เป็นที่ระลึก และจะกราบตีนงามๆ สักที อยากเห็นจริงๆ..."
องค์ บรรจุน
 องค์ บรรจุนธรรมเนียมไทยแท้แต่โบราณ "ใครถึงเรือนชานต้องต้อนรับ" หัวเรื่องที่จั่วไว้ด้านบนบทความนี้ ถือเป็นคุณสมบัติอันน่าภาคภูมิของคนไทยอย่างหนึ่ง คนไทยทั้งผองเชื่อกันว่าคนไทยมีข้อดีงามหลายอย่าง เป็นต้นว่า โอบอ้อมอารีน้ำใจ เอื้อเฟื้อเผื่อแผ่ กตัญญูรู้คุณ ซื่อสัตย์สุจริต ยิ้มสยาม หรือแม้แต่ "รักสามัคคี" และ "ไทยนี้รักสงบ..." ล้วนเป็นความดีเด่นประจำชนชาติไทยตามลัทธิอัตตานิยม "คนไทยดีที่สุดในโลก" ดังนั้นเมื่อหมอดูทำนายคนไทยหน้าไหนก็ตามว่าเป็นคนดีดังกล่าวข้างต้น จึงไม่มีใครปฏิเสธว่าหมอดูไม่แม่น
องค์ บรรจุน
ถุงผ้าไม่ได้ลดโลกร้อน เพราะการใช้ถุงผ้าตามกระแสโดยเข้าไม่ถึงหลักใหญ่ใจความ ขณะที่ปริมาณการใช้ถุงพลาสติกยังคงเดิม คงไม่ต้องไปดูไหนไกลอื่น แค่เพียงเราสำรวจดูที่บ้านว่าเรามีถุงผ้าอยู่ในครอบครองกี่ใบ แต่ละวันที่เราออกไปทำธุระนอกบ้าน หรือเวลาที่ตั้งใจไปจ่ายตลาด มีใครสักกี่คนที่เอาถุงผ้าหรือตะกร้าติดตัวไปด้วย และในบรรดาคนที่เอาถุงผ้าหรือตะกร้าติดตัวไปด้วยนั้น จะมีใครบ้างไหมที่ปฏิเสธแม่ค้าว่าไม่เอาถุงพลาสติก โดยเฉพาะแม่ค้าในตลาดสด "ไม่ต้องใส่ถุงพลาสติกชั่งน้ำหนักแล้วเทลงถุงผ้าเลย" อย่างน้อยการซื้อแกงถุงกลับบ้าน นอกจากถุงร้อนที่ใส่แกงแล้ว ยังมีถุงหูหิ้วสวมทับอีก ๑ ใบด้วยหรือไม่