Skip to main content

...ต้องการแม่ครัว (หรือพ่อครัวก็ได้) ๑ ตำแหน่งค่ะ ทำงานที่ระยองนี่ล่ะ...”

ชาวพม่าเอาไหมครับ ถ้าเอามีเยอะเลย ข้างบ้านเขาทำธุรกิจแรงงานพม่าอยู่น่ะ...”

พม่าทำกับข้าวอร่อยหรือเปล่าคะ”

“…มีข่าวบ่อยๆ ว่า แรงงานต่างด้าว ไม่ใช่ต่างดาว ฆ่านายจ้าง ระวังไว้นะ”

พม่าเอาแบบนุ่งกางเกงนะ ห้ามนุ่งโสร่ง เดี๋ยวจะเพิ่มเส้นให้มามากเกินไป...ง่ะ...๕๕๕++”

ฯลฯ


ข้อความโต้ตอบในกระดานสนทนาเว็บไซต์หางานแห่งหนึ่ง ที่ผู้เขียนเข้าไปพบโดยบังเอิญ เมื่อปลายปีที่แล้ว ข้อความโต้ตอบข้างต้นสะท้อนแง่คิดของคนไทยกลุ่มหนึ่งได้อย่างแปรปรวนชวนสงสัย น่าแปลกที่คนไทยเรามีสายตาที่มองคนพม่าในแบบที่ทั้งหวาดกลัว ไม่ไว้วางใจ เป็นตัวตลก และที่สำคัญคือ เป็นวัตถุแรงงานไม่มีชีวิต ดังในประโยคที่ว่า “ข้างบ้านเขาทำธุรกิจแรงงานพม่าอยู่น่ะ” ไม่แน่ใจว่าความคิดที่แปรปรวนของคนไทยนั้นมันเริ่มเกิดขึ้นตั้งแต่เมื่อไหร่ ตั้งแต่คนไทยมีบทเรียนวิชาประวัติศาสตร์แบบหลวงวิจิตรวาทการหรือไม่ เพราะในแบบเรียนสมัยนั้นเขียนให้คนไทยเป็นพระเอกถูกพม่าเผาเมือง “พม่าทุกคน” จึงเป็นผู้ร้ายในสายตาคนไทยตลอดกาล ส่วนความสัมพันธ์ระหว่างไทยกับลาวและเขมรนั้น ยังคงรักกันดีบ้านพี่เมืองน้อง แต่ไทยขอเป็นพี่ เราทำเป็นลืมว่าได้เคยไปเผาบ้านเผาเมืองลาวและเขมรไว้ด้วยเช่นกัน คนไทยเลือกที่จะจดจำเพียงว่า ไทยสูญเสียลาวและเขมรให้ฝรั่งเศส จริงหรือที่ว่าเราสูญเสีย แท้จริงแล้ว “เราไม่ได้มาต่างหาก”


สภาวะทางเศรษฐกิจและการเมืองจากระบบการปกครองแบบเผด็จการรัฐบาลทหารพม่า บีบบังคับให้คนพม่าต้องหนีตายเข้ามาขายแรงงานในประเทศไทย กลายเป็น “แรงงานต่างด้าว” (หลายคนเรียกอย่างประชดประชัน ขบขัน ปนสมเพศว่า “แรงงานต่างดาว”) ที่หลบหนีเข้าเมืองอย่างผิดกฏหมาย แรงงานต่างด้าวเหล่านั้นไม่เพียงแต่คนพม่าแท้เท่านั้น ยังประกอบไปด้วยคนชาติพันธุ์อื่น อย่างมอญ กะเหรี่ยง ไทใหญ่ ฉิ่น คะฉิ่น อาระกัน ทวาย ว้า เป็นต้น คนเหล่าเป็นชนกลุ่มน้อยอยู่ในประเทศพม่า ทว่า หากคนเหล่านี้รวมตัวกันแล้ว จะกลายเป็นชนกลุ่มใหญ่ พม่าจะกลายเป็นชนกลุ่มน้อยทันที คนเหล่านี้หลายกลุ่มเคยมีประเทศเอกราช ไม่เพียงแต่ถูกพม่าปล้นชิงแผ่นดินไปเมื่อหลายร้อยปีก่อนเท่านั้น แม้ในสถานการณ์ปัจจุบันที่คนเหล่านี้อยู่ในสภาพชนกลุ่มน้อย ก็ยังคงถูกรัฐบาลทหารพม่าแย่งชิงผืนดินทำกิน ไล่เผาที่นาสร้างรีสอร์ท สนามกอล์ฟ เวนคืนสัมปทานให้ต่างชาติเช่าทำฟาร์ม สนามบิน ชายหนุ่มวัยแรงงานถูกเกณฑ์เข้ากองทัพ ใช้แรงงานทำการก่อสร้าง ส่วนหญิงสาวมักถูกฉุดคร่าข่มขืนและฆ่าทิ้งหลังหมดหน้าที่รองรับอารมณ์ของทหารพม่าป่าเถื่อน


ข้างต้นนั้นเป็นสถานการณ์ในประเทศพม่า เหตุเพราะพม่ามีรัฐบาลเผด็จการทหาร แต่ก็ไม่น่าเชื่อว่า เมื่อแรงงานต่างด้าวชาวพม่าเหล่านั้นหนีตายเข้ามายังเมืองไทย เมืองพุทธ เมืองประชาธิปไตย พวกเขาก็ยังคงถูกกระทำแทบจะไม่ต่างจากที่พวกเขาได้รับในประเทศของตนเอง


ธุรกิจส่งแรงงานข้ามชาติจะไม่สามารถอยู่ได้จนถึงทุกวันนี้หากเจ้าหน้าที่บ้านเมืองไม่มีส่วนรู้เห็น ตามด่านตะเข็บชายแดน ช่องไหน ทางไหน เจ้าหน้าที่รู้อยู่แก่ใจ หากเห็นว่าเป็นปัญหาก็ควรหาทางป้องกันมิใช่ปล่อยปละละเลย อย่างไรก็ตามเมื่อแรงงานเหล่านั้นเข้ามาถึงตลาดแรงงานในเมืองไทยแล้ว หากไม่ต้องการจริงๆ ก็ควรผลักดันเนรเทศออกนอกประเทศ มิใช่ปากว่าตาขยิบ ต้องการแรงงานราคาถูกในกิจการที่คนไทยไม่ทำ แต่กลับกดทับ จำกัดสิทธิในการศึกษา การเดินทางและการแสดงออกตามแบบวัฒนธรรมประเพณี เช่น การใช้ภาษา การแต่งกาย งานประเพณีตามแต่ละชาติพันธุ์ที่ปฏิบัติสืบต่อกันมา


นายจ้างบางรายเอารัดเอาเปรียบแรงงานเหล่านี้อย่างสาหัส บางรายจ้างแรงงานต่างด้าวทำงานก่อสร้าง หลังจบโครงการก็แจ้งตำรวจจับ เพื่อจะได้ไม่ต้องจ่ายค่าแรง บางรายจ่ายค่าแรงแต่จ่ายเพียงครึ่งเดียวที่คนไทยได้รับทั้งที่ต้องทำงานหนักและยาวนานกว่า แรงงานต่างด้าวเหล่านี้มักถูกเจ้าหน้าที่จับกุมรีดไถ หากเป็นหญิงสาวหน้าตาดีก็มักถูกข่มขืนด้วย หญิงสาวทำงานบ้านหลายรายถูกนายจ้าง ลูกชายนายจ้างข่มขืน วัยรุ่นบางพื้นที่ในจังหวัดสมุทรสาครมีความเชื่อกันว่า การทำร้ายและการข่มขืนแรงงานต่างด้าวชาวพม่าเป็นสิ่งที่ควรทำ เพราะ ’แรงงานต่างด้าวสกปรก เป็นตัวแพร่เชื้อโรค นำเอาวัฒนธรรมต่างด้าวมาครอบงำวัฒนธรรมไทย ที่สำคัญ พวกพม่าเหล่านี้เคยเผากรุงศรีอยุธยาของไทยไว้’ ความคิดเหล่านี้ถูกวัยรุ่นตีความมาจากประกาศของพ่อเมืองจังหวัดสมุทรสาคร ลงวันที่ ๒๖ ตุลาคม ๒๕๕๐ ที่ผ่านมา


แม้ในระยะหลังมีผู้ประกอบการ โรงงานอุตสาหกรรมต่างๆ ออกมายอมรับว่ามีกิจการหลายประเภทที่เป็นงานหนัก เสี่ยงอันตราย และสกปรก ซึ่งคนไทยไม่ทำ จึงมีความจำเป็นต้องใช้แรงงานต่างด้าว แต่ก็ต้องการควบคุมให้อยู่ในกรอบ ไม่ให้ใช้ชีวิตอย่างอิสระหรือมีเวลาเข้าวัดทำบุญตามประเพณี ทั้งที่แรงงานเหล่านี้ส่วนใหญ่อยู่ในช่วงวัยรุ่น ห่างอกพ่อแม่ ไกลบ้านเกิดเมืองนอน การรวมกลุ่มตามวัดจัดงานประเพณี แต่งกาย กินอาหาร ใช้ภาษาแบบของเขานานทีปีหน ย่อมเป็นดั่งน้ำทิพย์ชะโลมจิตใจให้แรงงานเหล่านี้อยู่ได้ท่ามกลางสังคมที่เขาไม่คุ้นเคย ทว่าผู้ประกอบการและเจ้าหน้าที่กลับไม่เคยทำความเข้าใจคนกลุ่มนี้แม้แต่น้อย คอยหวาดระแวงว่าคนกลุ่มนี้จะรวมตัวก่อการที่เป็นภัยต่อความมั่นคง และกระทบกระเทือนความสัมพันธ์ระหว่างประเทศ

"...ผมจ้างมาเป็นแรงงาน ไม่ได้จ้างมาให้ร่วมงาน จัดงาน จัดกิจกรรมวัฒนธรรม..."
"...
ถ้าทำหมันแรงงานต่างด้าวได้ ผมสนับสนุน ควรทำไปเลย...”
ข้างต้น เป็นคำพูดของผู้ประกอบการรายหนึ่ง ซึ่งเสนอขึ้นในที่ประชุมระหว่างตัวแทนชุมชนชาวไทยเชื้อสายมอญจังหวัดสมุทรสาคร องค์กรพัฒนาเอกชน เจ้าหน้าที่ตำรวจ ผู้ประกอบการ ต่อหน้าผู้ว่าราชการจังหวัดสมุทรสาคร บนศาลากลางจังหวัดสมุทรสาคร เมื่อวันที่ ๒๑ พฤศจิกายน ๒๕๕๐ เท่านี้เอง...ถึงอย่างไรผู้ประกอบการก็ไม่คิดไกลไปกว่าผลกำไร ไม่ได้มองเข้าไปในความเป็นคน

ในขณะที่แรงงานต่างด้าวเหล่านี้ถูกกระทำจากเจ้าหน้าที่และนายจ้างอย่างที่มนุษย์ธรรมดาไม่น่าจะทำต่อกัน มีแรงงานต่างด้าวหลายรายถูกกระทำจนเกินกลั้น กระทั่งเกิดคดีความบนหน้าหนังสือพิมพ์อยู่หลายครั้งทำนองว่า “พม่าฆ่านายจ้าง” ฯลฯ ถึงอย่างไรก็ตาม และเป็นจริงอยู่เองว่า ไม่ว่าคนชาติไหนก็มีทั้งคนดีและคนเลว แต่ควรแยกแยะออกเป็นรายๆ ไป ไม่ควรเหมาว่า พม่าฆ่านายจ้าง ไทใหญ่ค้ายา ผู้หญิงไทยขายตัว เพราะหากเหมารวมเช่นนี้ คนไทยเองก็รับไม่ได้เช่นกัน ตลอดระยะเวลาที่ผ่านมา ภาพลักษณ์ของแรงงานต่างด้าวชาวพม่าจึงดูโหดร้าย น่ากลัว แต่ก็สะใจอยู่ในที ‘ที่มันต้องมาเป็นคนใช้ คนสวนค่าแรงถูกๆ กินอยู่อดๆ อยากๆ เป็นการชดใช้กรรมที่เคยมาเผากรุงศรีอยุธยาเอาไว้’

ทั้งนี้ทั้งนั้น สื่อมวลชนเองก็มักขยายเนื้อที่ข่าวเหล่านี้ ด้วยการพาดหัวตัวโตๆ ทุกครั้งที่เกิดเหตุการณ์ “พม่าฆ่าโหด” เพื่อขายข่าว โดยไม่รับผิดชอบต่อสังคมว่าคนในสังคมที่เสพข่าวแล้วสุขภาพจิตจะเป็นอย่างไร ชาวพม่าเอง ทั้งที่เป็นแรงงานต่างด้าวและชาวพม่าในประเทศพม่าจะรู้สึกอย่างไร (ไหนว่าระมัดระวังความสัมพันธ์ระหว่างประเทศ) ผู้จัดละครเองก็ไม่ยอมตกขบวนรถไฟเที่ยวนี้เช่นกัน แต่เดิมตัวตลก คนใช้ในหนังและละครไทยจะเป็น อาบัง (อินเดีย) อาแปะ (จีน) ต่อมาก็คนใช้พูดเหน่อสุพรรณฯ (ไอ้หมา อีแจ๋ว) ถัดมาก็ บักหำ (ลาวอีสาน) และล่าสุดก็คือ “แรงงานต่างด้าว” ตอกย้ำบุคลิคและภาษาของแรงงานต่างด้าวให้เป็นตัวตลกในสังคมไทย

แทบไม่น่าเชื่อว่า ในขณะที่คนไทยหวาดกลัว หวาดระแวง รังเกียจ และขบขันแรงงานต่างด้าวชาวพม่า แต่หลายคนก็มองเห็นแรงงานต่างด้าวเหล่านี้เป็นตลาดการค้าขนาดใหญ่ ที่ต้องเข้ามากอบโกยและตักตวงผลประโยชน์ ที่ผ่านมาผู้เขียนได้ยินอยู่เสมอๆ ว่า ตามหน้าโรงงานที่มีแรงงานเหล่านี้ทำงานอยู่รวมกันมากๆ ก็มักจะมีรถกระบะบรรทุกกองผ้าป่า มีคนแต่งกายคล้ายพระสงฆ์ไปแจกซองผ้าป่าอยู่เสมอๆ อาศัยความศรัทธาในพระพุทธศาสนาอย่างแรงกล้าของคนเหล่านี้ ส่วนข้าวของทั้งของกินของใช้แบบพม่านั้น มีผู้นำมาขายถึงหน้าโรงงานและย่านที่พักโดยพ่อค้าชาวไทย ทั้งที่แต่เดิมแรงงานต่างด้าวเป็นผู้เริ่มนำมาขายก่อน เพราะต้องการกินใช้ในแบบที่ตนคุ้นชิน ซึ่งเมื่อพวกพ่อค้าคนไทยเห็นช่องทางจึงยึดอาชีพนี้และจ้างแรงงานชาวพม่าขายของ โดยห้ามชาวพม่าขายอย่างเด็ดขาด หากขายก็จะแจ้งตำรวจจับทันที

ตามแหล่งที่มีแรงงานต่างด้าวชาวพม่าอยู่รวมกันมากๆ เช่น ราษฎร์บูรณะ พระประแดง สมุทรสาคร ตลาดไท ก็มักมีนักธุรกิจหัวใสจ้างศิลปินชาวพม่า มอญ กะเหรี่ยง ไทใหญ่ มาเปิดคอนเสิร์ตเก็บเงินเป็นล่ำเป็นสัน โดยมีการจัดสรรผลกำไรกับเจ้าหน้าที่บ้านเมืองอย่างลงตัว และล่าสุดเมื่อไม่นานมานี้ บริษัทนักธุรกิจโทรคมนาคมยักษ์ใหญ่ก็ไม่ยอมพลาดโอกาสกอบโกยและตักตวงผลกำไรจากตลาดแรงงานต่างด้าวชาวพม่ากลุ่มใหญ่กลุ่มนี้ โดยให้บริการโหลดเพลงรอสาย และเพลงเรียกเข้าทางโทรศัพท์มือถือ คิดเป็นรายเดือน เดือนละ ๓๐ บาท เมื่อโทรศัพท์ไปตามเบอร์ที่อยู่ในแผ่นพับ ก็จะมีเสียงตอบรับอัตโนมัติ
เพลงพม่ากด ๑ เพลงมอญกด ๒ เพลงกะเหรี่ยงกด ๓ เพลงไทใหญ่กด ๔ ....”

เมื่อเลือกเพลงแต่ละชาติแต่ละภาษาได้แล้ว ก็ให้เลือกศิลปิน กด ๑ กด ๒ กด ๓ ...ไปตามเรื่อง หากไม่เข้าใจจะคุยกับพนักงานรับโทรศัพท์โดยตรงก็ได้ เพราะบริษัทเขาจ้างแรงงานต่างด้าวชาวพม่า มอญ กะเหรี่ยง ไทใหญ่ ไว้พร้อมศัพท์



แผ่นพับโฆษณาโหลดเพลงเรียกเข้า เพลงรอสายทางมือถือ มีให้เลือกหลายภาษาชาติพันธุ์ มีแจกตามแหล่งที่อยู่ของแรงงานต่างด้าวชาวพม่า

บริษัทยักษ์ใหญ่ที่ว่านี้ทำการตลาดเป็นระบบอย่างยิ่ง พิมพ์แผ่นพับ ระบุชื่อเพลง ชื่อศิลปินมอญ พม่า กะเหรี่ยง ไทใหญ่ เป็นภาษาพม่า มอญครบถ้วน และจ้างแรงงานต่างด้าวชาวพม่าเป็นตัวแทนแจกแผ่นพับ พร้อมเชิญชวนให้เข้ามาโหลดเพลงภาษาต่างๆ เรื่องดังกล่าวมานี้ไม่ใช่เรื่องใหม่ที่เพิ่งเกิดขึ้น เพราะก่อนหน้าที่จะมีเพลงภาษาต่างด้าวให้โหลดนั้น มีโฆษณาโปรโมชั่นโทรศัพท์ทั้งแบบรายเดือนและเติมเงิน พิมพ์โปสเตอร์โฆษณาเป็นภาษาพม่าและมอญโดยบริษัทยักษ์ใหญ่รายเดียวกัน ปิดประกาศไปทั่วทุกแห่งที่มีแรงงานต่างด้าวชาวพม่าอยู่กันหนาแน่น


โปสเตอร์โฆษณาโทรศัพท์ภาษาพม่าของบริษัทมือถือรายหนึ่ง ในตลาดมหาชัย จังหวัดสมุทรสาคร

แปลกแต่จริงตรงที่ว่า คุณวีระยุทธ เอี่ยมอำภา ผู้ว่าราชการจังหวัดสมุทรสาคร ไม่เคยเห็นแผนการตลาดของบริษัทยักษ์ใหญ่เหล่านี้เลย นอกจากเห็นตัวอักษรมอญพม่าบนเสื้อยืด ป้ายภาษามอญพม่าที่เชิญชวนแรงงานเหล่านี้เข้าวัดทำบุญ ตัวอักษรต่างด้าวเหล่านี้ต่างหากที่คุณวีรยุทธ เอี่ยมอำภา ไม่ต้องการให้เผยแพร่ สั่งให้ทำลายทิ้งทันทีที่พบเห็น เหตุเพราะเป็นตัวอักษรของพวกต่างด้าว

ผู้เขียนเชื่อว่า คนที่มีความคิดเหยียดหยาม หวาดระแวง และเย้ยหยันผู้อื่นว่าต่ำกว่าตนเองอยู่ตลอดเวลาในลักษณะนี้ หลายคนมาจากครอบครัวที่ขาดความอบอุ่น เติบโตมาภายใต้การกดขี่ของผู้ปกครอง เมื่อมีโอกาสแสดงอำนาจจึงเถลิงเสียล้นทะลัก กอรปกับบางคนนั้นท่องจำเก่ง คิดเองไม่ได้ จดจำเนื้อหาในตำราประวัติศาสตร์แบบรวมเลือดเนื้อชาติเชื้อไทยเป็นที่ตั้ง ในขณะที่บางคนก็อ่านนิยายแล้วนอนฝันกลางวัน สมมุติตัวเองเป็นตัวเอก ดาวเคราะห์ท่ามกลางจักรวาลทั้งหลายต้องโคจรรอบตนเอง พาลให้มองไม่เห็นความเป็นคนที่คนอื่นเขาก็มีเหมือนกับตน

 

 

 

บล็อกของ องค์ บรรจุน

องค์ บรรจุน
คนส่วนใหญ่รับรู้ว่าวัดชนะสงครามเป็นวัดมอญ ใช่ว่าคนสนใจประวัติศาสตร์จึงได้รู้ความเป็นมาของวัด แต่เป็นเพราะหน้าวัดมีป้ายโลหะสีน้ำตาลที่ทางการชอบปักไว้หน้าสถานที่ท่องเที่ยว ความระบุประวัติไว้ว่าวัดนี้เป็นวัดของพระสงฆ์ฝ่ายรามัญ (มอญ) แต่ก็ไม่แน่ใจนัก คนสมัยนี้อาจเข้าใจว่ามอญเป็นชื่อต้นไม้จำพวกเห็ดราปรสิตชนิดหนึ่งก็ได้
องค์ บรรจุน
องค์ บรรจุน   การสื่อสารระหว่างมนุษย์ด้วยวิธีต่างๆ เพื่อให้ฝ่ายหนึ่งรับรู้ความหมายจากอีกฝ่ายหนึ่ง และเกิดการตอบสนอง นับแต่โบราณกาลมีตั้งแต่การสุมไฟให้เกิดควัน นกพิราบสื่อสาร ปัจจุบันการสื่อสารมีหลายวิธีรวดเร็วทันใจมากขึ้น อาจเป็นวิทยุ โทรทัศน์ หนังสือพิมพ์ โทรศัพท์มือถือ ดาวเทียม ระบบโทรคมนาคม หรือการสื่อสารระบบเครือข่ายที่อาศัยดาวเทียมและสายเคเบิลใยแก้ว ที่เรียกว่า อินเตอร์เน็ต ก็ได้ ส่วนภาษาที่มาพร้อมกับวิธีการสื่อสารเหล่านั้น เป็นเครื่องมือที่สำคัญซึ่งมีพัฒนาการไม่หยุดนิ่ง มีการหยิบยืมคำในภาษาอื่น เปลี่ยนรูปแบบและความหมายตลอดเวลา…
องค์ บรรจุน
องค์ บรรจุน   พิพิธภัณฑ์ในประเทศไทยนั้นมีมาอย่างน้อยก็ตั้งแต่สมัยรัชกาลที่ ๕ ถึงแม้ว่าจะเริ่มต้นจากการหาที่เก็บของเก่าก็ตาม แต่จากประสบการณ์ที่ว่านี้ ก็น่าจะเป็นประโยชน์ต่อคนที่กำลังคิดทำพิพิธภัณฑ์ว่าจะใช้เก็บของเก่าหรือใช้เป็นสถานที่เรียนรู้ โดยเฉพาะในยุคที่ผู้คนเริ่มเห็นคุณค่าท้องถิ่นของตน การตัดสินใจเกี่ยวกับท้องถิ่นจึงควรมาจากท้องถิ่นเพื่อประโยชน์ของท้องถิ่น
องค์ บรรจุน
องค์ บรรจุน     หญ้าขัดมอญ เป็นพืชล้มลุก ทรงพุ่มเตี้ย ตระกูลเดียวกับชบา ขึ้นเองตามธรรมชาติไม่ต้องปลูกและดูแลรักษา คนในสังคมเมืองคงไม่คุ้นชื่อคุ้นต้นไม้ชนิดนี้ หลายคนเห็นเป็นวัชพืชอย่างหนึ่งที่ต้องกำจัด นอกจากบางคนที่ช่างสังเกตธรรมชาติรอบตัวก็อาจจะพบว่า หญ้าขัดมอญ เป็นไม้พุ่มเตี้ยแตกกิ่งก้านหนาแน่น ใบเล็กเรียวเขียวเข้ม ยิ่งเวลาออกดอก สีเหลืองอ่อนหวานพราวพรายรายเรียงอยู่ทั่วทุกช่อใบ ชวนมองไม่น้อย แถมมีประโยชน์ในครัวเรือนหลายอย่าง ทั้งด้านการใช้สอยและสรรพคุณทางสมุนไพร
องค์ บรรจุน
องค์ บรรจุน บทสรุปย่อสำหรับผู้บริหาร (Executive Summary) ของศูนย์พม่าศึกษา มหาวิทยาลัยนเรศวร ในการนำการเสนอโครงการวิจัย ชุด "โครงการประเทศพม่าศึกษา" ชื่อหัวข้อวิจัย คือ "มโนทัศน์ทางการเมืองของรัฐพม่าบนพื้นที่สื่อรัฐบาลทหาร" ที่ผ่านการอนุมัติจากสกว.
องค์ บรรจุน
  องค์ บรรจุน ๗ กรกฏาคม ที่ผ่านมาเป็นวันอาสาฬหบูชา รุ่งขึ้นก็เป็นวันเข้าพรรษา วันสำคัญของพุทธศาสนิกชนทั่วโลก เมื่อมีวันหยุดยาวติดต่อกันหลายวัน ผู้คนจึงออกต่างจังหวัดกันมาก ถนนช่วงนั้นจึงโล่งอย่างเทศกาลใหญ่ๆ ทุกครั้ง เปิดทีวีมีแต่ข่าวขบวนแห่เทียนเข้าพรรษากันทัวประเทศ ยิ่งใหญ่เท่าไหร่ แปลกเท่าไหร่ยิ่งดี บางจังหวัดไม่เคยจัดก็สู้อุตส่าห์ซื้อช่างแกะเทียนค่าตัวแพงลิบมาจากอุบลราชธานี กลายเป็นว่าทุกวันนี้คนทำเทียนเข้าพรรษาเพื่อขายการท่องเที่ยว ไม่ได้ถวายให้พระใช้งานจริงขณะนั้นเวลา ๑๐.๓๐ น. ผมนั่งอยู่โคนต้นอโศกอินเดียภายในวัดชนะสงคราม ความคลุกคลีกับวัดวามานานจึงพาลห่างวัด…
องค์ บรรจุน
องค์ บรรจุนบทความชิ้นนี้ไม่มีเจตนาตั้งชื่อเลียน "ชัตเตอร์กดติดวิญญาณ" เพราะในภาพยนตร์นั้น เจ้าของกล้องกดชัตเตอร์ติดวิญญาณผีที่เขาขับรถชนและหนีไป ทว่าในที่สุดวิญญาณก็ตามทวงเอาชีวิต ซึ่งต่างจากบทความนี้อย่างสิ้นเชิง เนื่องจาก เจ้าของกล้องถ่ายภาพนับร้อยที่กดชัตเตอร์ใส่ผีตนหนึ่ง คล้ายมหรสพที่นักการเมืองจัดให้ชาวบ้านในฤดูหาเสียง แต่ที่ร้ายก็คือ อำนาจของชัตเตอร์กลับสะกดให้ผีตกอยู่ใต้อำนาจของมนุษย์อย่างที่ผีไม่สามารถเอาคืนได้
องค์ บรรจุน
องค์ บรรจุน แค่อ่านชื่อเรื่องหลายคนคงรู้จักคุ้นเคยกันดีว่านี่คือเนื้อเพลง “สยามเมืองยิ้ม” สำหรับคนที่เป็นคอลูกทุ่งยิ่งต้องรู้ว่า เพลงนี้ขับร้องโดยราชินีเพลงลูกทุ่งผู้ล่วงลับ พุ่มพวง ดวงจันทร์ ส่วนผู้ประพันธ์เนื้อเพลงเป็นครูเพลงคู่บุญของเธอ ลพ บุรีรัตน์ 
ได้ฟังเพลงนี้ครั้งแรกก็สัมผัสได้ถึงความยิ่งใหญ่ในความเป็นชาติ รู้สึกทันทีว่าไพเราะกินใจ ซาบซึ้งไปกับบทเพลง ยิ่งฟังยิ่งเพราะ ขนาดที่เมื่อสิบกว่าปีก่อนเคยส่งเทปจัดรายการเพลงไปประกวดดีเจทางคลื่น “สไมล์เรดิโอ” ใช้เพลง “สยามเมืองยิ้ม” เป็นเพลงปิดรายการ ได้เข้ารอบแรกเสียด้วยแต่ตกรอบ ๒๐ คนสุดท้าย เพื่อนๆ ที่รอฟังและตามลุ้นพูดเหมือนกันว่า “สมควรแล้ว…
องค์ บรรจุน
  องค์ บรรจุน คนทั่วไปสับสนเกี่ยวกับลักษณะสายพันธุ์และชื่อเรียกของ "กระเจี๊ยบ" ว่าเป็นอย่างไรและเรียกว่าอะไรกันแน่ จะมีสักกี่คนที่รู้ถึงที่มาและคุณค่ามากมายมหาศาลของกระเจี๊ยบบ้านมอญในชนบทหลายแห่งเคยมีต้นกระเจี๊ยบริมรั้ว ริมคลองหนองบึง สำรับกับข้าวเคยมีแกงกระเจี๊ยบไม่ขาด แต่ทุกวันนี้ "กระเจี๊ยบ" เริ่มเลือนหายไปจากชีวิต ชนิดที่ไม่มีใครอาลัยอาวรณ์นัก แม้แต่จะนึกถึงความหลังที่แกงกระเจี๊ยบเคยอยู่คู่ครัวมาแต่อ้อนแต่ออก
องค์ บรรจุน
องค์ บรรจุนหลายปีก่อนผู้เขียนเคยนั่งตากลม น้ำลายบูด หันซ้ายทีขวาที อยู่กลางวงสนทนาของผู้หลักผู้ใหญ่ในวงการประวัติศาสตร์ สังคมศาสตร์ และมานุษยวิทยา ในวงนั้นมี รศ.ศรีศักร วัลลิโภดม อยู่ด้วย ท่านพูดถึงความหลากหลายทางชาติพันธุ์ในเมืองไทยไว้ประมาณว่า สังคมไทยหลอมรวมมาจากผู้คนและวัฒนธรรมของคนหลายกลุ่ม ความเป็นไทยแท้นั้นจึงเป็นเรื่องโกหก โดยเฉพาะคนไทยที่ไม่มีสายเลือดอื่นเจือปนนั้นไม่มีจริงในโลก ในวันนั้นผมได้ยินคำอาจารย์ศรีศักรชัดถ้อยชัดคำเต็มสองหูว่า "ที่ไหนมีคนไทยแท้ช่วยมาบอกที จะเหมารถไปถ่ายรูปคู่เก็บไว้เป็นที่ระลึก และจะกราบตีนงามๆ สักที อยากเห็นจริงๆ..."
องค์ บรรจุน
 องค์ บรรจุนธรรมเนียมไทยแท้แต่โบราณ "ใครถึงเรือนชานต้องต้อนรับ" หัวเรื่องที่จั่วไว้ด้านบนบทความนี้ ถือเป็นคุณสมบัติอันน่าภาคภูมิของคนไทยอย่างหนึ่ง คนไทยทั้งผองเชื่อกันว่าคนไทยมีข้อดีงามหลายอย่าง เป็นต้นว่า โอบอ้อมอารีน้ำใจ เอื้อเฟื้อเผื่อแผ่ กตัญญูรู้คุณ ซื่อสัตย์สุจริต ยิ้มสยาม หรือแม้แต่ "รักสามัคคี" และ "ไทยนี้รักสงบ..." ล้วนเป็นความดีเด่นประจำชนชาติไทยตามลัทธิอัตตานิยม "คนไทยดีที่สุดในโลก" ดังนั้นเมื่อหมอดูทำนายคนไทยหน้าไหนก็ตามว่าเป็นคนดีดังกล่าวข้างต้น จึงไม่มีใครปฏิเสธว่าหมอดูไม่แม่น
องค์ บรรจุน
ถุงผ้าไม่ได้ลดโลกร้อน เพราะการใช้ถุงผ้าตามกระแสโดยเข้าไม่ถึงหลักใหญ่ใจความ ขณะที่ปริมาณการใช้ถุงพลาสติกยังคงเดิม คงไม่ต้องไปดูไหนไกลอื่น แค่เพียงเราสำรวจดูที่บ้านว่าเรามีถุงผ้าอยู่ในครอบครองกี่ใบ แต่ละวันที่เราออกไปทำธุระนอกบ้าน หรือเวลาที่ตั้งใจไปจ่ายตลาด มีใครสักกี่คนที่เอาถุงผ้าหรือตะกร้าติดตัวไปด้วย และในบรรดาคนที่เอาถุงผ้าหรือตะกร้าติดตัวไปด้วยนั้น จะมีใครบ้างไหมที่ปฏิเสธแม่ค้าว่าไม่เอาถุงพลาสติก โดยเฉพาะแม่ค้าในตลาดสด "ไม่ต้องใส่ถุงพลาสติกชั่งน้ำหนักแล้วเทลงถุงผ้าเลย" อย่างน้อยการซื้อแกงถุงกลับบ้าน นอกจากถุงร้อนที่ใส่แกงแล้ว ยังมีถุงหูหิ้วสวมทับอีก ๑ ใบด้วยหรือไม่