Skip to main content

ป้าขจี (สงวนนามสกุล) เป็นคนที่เคยใช้ชีวิตอยู่ในหลายวัฒนธรรม คลุกคลีกับผู้คนตั้งแต่เหนือสุดจนเกือบใต้สุดแดนสยาม อีกทั้งยังมีการผสมผสานหลายชาติพันธุ์ในตัวของป้า กับวัยที่ผ่านสุขทุกข์มาแล้วกว่า ๗๖ ปี จิตใจที่โน้มเอียงเลือกจะอยู่ข้างวัฒนธรรมแบบใดหรือยอมรับการผสมผสานของสิ่งต่างๆ ที่เข้ามาในชีวิตมากน้อยเพียงใดนั้น คงเกิดจากสิ่งแวดล้อมรอบตัวที่หล่อหลอมป้าขจีมาตั้งแต่วัยเด็ก

เชื้อสายทางบิดาของป้าขจีสืบเชื้อสายมาจากเจ้าพระยาบดินทร์เดชา (สิงห์ สิงหเสนี) สามารถกล่าวย้อนไปได้หลายร้อยปี กล่าวคือ เจ้าพระยาบดินทร์เดชา (สิงห์ สิงหเสนี) เดิมมีชื่อว่า “สิงห์” เกิดในสมัยธนบุรี เป็นบุตรของเจ้าพระยาอภัยราชา (ปิ่น) กับท่านผู้หญิงฟัก ซึ่งเจ้าพระยาอภัยราชา (ปิ่น) นั้นสืบเชื้อสายมาจากพราหมณ์ศิริวัฒนะ รับราชการในสมัยสมเด็จพระนารายณ์มหาราช ตำแหน่ง ราชปุโรหิต ส่วนเจ้าพระยาบดินทร์เดชา (สิงห์ สิงหเสนี) เป็นข้าหลวงเดิมในพระบาทสมเด็จพระพุทธยอดฟ้าจุฬาโลกมหาราช รัชกาลที่ ๑ แห่งกรุงรัตนโกสินทร์ เป็นที่สมเด็จพระยาวังหน้าในสมัยพระบาทสมเด็จพระพุทธเลิศหล้านภาลัย รัชกาลที่ ๒ และได้เป็นแม่ทัพใหญ่ทำศึกสงครามกับลาว เขมร และญวน ในรัชสมัยพระบาทสมเด็จพระนั่งเกล้าเจ้าอยู่หัว รัชกาลที่ ๓ จากความดีความชอบที่ปรากฏ รวมทั้งอำนาจวาสนาที่ล้นฟ้าในขณะนั้นจึงน่าจะได้รับพระราชทานธิดาเจ้าเมืองต่างๆ ที่ตีได้ และยังมีผู้ยกธิดาให้เป็นภรรยาจำนวนมาก ด้วยเหตุนี้เองท่านจึงมีบุตรธิดาที่เกิดจาก ท่านผู้หญิงเพ็งและท่านผู้หญิงหนู รวมกับภรรยาอื่นที่ทั้งปรากฏชื่อและไม่ปรากฏชื่อที่มีทั้งไทย มอญ ลาว เขมร และญวน (เวียดนาม) จำนวนราว ๑๒ ท่าน บุตรธิดาของเจ้าพระยาบดินทรเดชามีทั้งสิ้น ๒๓ คน

ส่วนตระกูลทางแม่ของป้าขจีว่ากันว่าอยู่ที่บ้านเกาะ ตำบลบ้านเกาะ อำเภอเมือง จังหวัดสมุทรสาคร มีเรื่องเล่าสืบต่อกันมาว่า ในช่วงปลายสมัยอยุธยา คหบดีครอบครัวหนึ่งมีข้าทาสบริวารมาก ลูกสาวคนเล็กได้เกิดรักใคร่ชอบพอกับทาสหนุ่มในบ้าน กระทั่งได้เสียและมีลูกด้วยกัน ๒ คน เมื่อถูกกีดกันและดูถูกเหยียดหยามหนักเข้าจึงพากันหลบหนีโดยทางเรือ ตั้งใจจะไปตั้งครัวเรือนอยู่ถิ่นอื่น เมื่อพายเรือไปได้ระยะหนึ่ง พบเรือลำหนึ่งพายสวนมามีพระสงฆ์นั่งอยู่เต็มลำ พระได้ถามว่าจะไปไหนกัน สองคนผัวเมียได้เล่าเรื่องทั้งหมดให้ฟัง พระในเรือนั้นได้ชี้ให้ดูต้นอินทผาลัม ๒ ต้น ที่ขึ้นอยู่ริมแม่น้ำ สองผัวเมียหันไปดูตามที่พระชี้ และเมื่อหันกลับมาก็ไม่พบเรือพระลำนั้นแล้ว สองผัวเมียคิดใคร่ครวญไปมาจึงเข้าใจว่าพระอาจจะบอกนัยอะไรบางอย่าง จึงพากันไปขุดดูใต้ต้นอินทผาลัมนั้น กระทั่งฟ้ามืด ได้พบตุ่ม ๒ ใบ เป็นตุ่มเงิน ๑ ใบ ตุ่มทอง ๑ ใบ และมีงูเห่าแผ่แม่เบี้ยอยู่เหนือตุ่มสองใบนั้น สองผัวเมียจึงคว้าหญ้าริมตลิ่งนั้นมาหนึ่งกำยกขึ้นไหว้จบเหนือหัว อธิษฐานว่า ถ้าเจ้าของทรัพย์สมบัตินี้ตั้งใจจะยกให้แล้วก็ขอให้งูจงเปิดทางและเอาสมบัตินี้ไปให้ตลอดรอดฝั่งด้วยเถิด จากนั้นสองผัวเมียจึงตัดสินใจพายเรือกลับบ้าน เมื่อถึงบ้านพี่ๆ ต่างพากันออกมาสมน้ำหน้าหาว่าไปไม่รอด สองผัวเมียจึงเล่าให้ฟังเรื่องราวทั้งหมด และอัญเชิญ “ทรัพย์แผ่นดิน” ที่ได้มาขึ้นบ้าน สองคนผัวนี้จึงมีฐานะดีเทียมพี่ๆ คนอื่น ต่อมาได้แบ่งสมบัตินั้นไปสร้างโบสถ์ ๒ หลัง ที่วัดเกาะ ตำบลบ้านเกาะ และวัดป้อมวิเชียรโชติการาม ตำบลมหาชัย จังหวัดสมุทรสาคร

เรื่องที่เล่ามาข้างต้นเป็นสายทางแม่ของป้าขจี โดยปู่ย่าที่เป็นทวดของป้าขจีเป็นคนไทยแท้ย่านนั้น ส่วนทางสายตระกูลตายายที่เป็นทวดของป้าเป็นคนมอญบ้านเกาะ ตาชื่อนายพุก ... ส่วนยายชื่อ นางพลับ ... มีพี่น้อง ๑๖ คน ส่วนใหญ่เป็นผู้หญิงเกี่ยวดองเป็นเครือญาติกับหม่อมแช่ม หม่อมในพระเจ้าบรมวงศ์เธอ กรมพระนเรศวรฤทธิ์ พระโอรสในพระบาทสมเด็จพระจอมเกล้าเจ้าอยู่หัว รัชกาลที่ ๔ ยายของป้าขจีเรียกหม่อมแช่มว่า หม่อมอา หม่อมแช่ม จึงเป็นหม่อมยายของแม่ป้าขจี ดังนั้นลูกหลานตระกูลนี้จึงได้รับการชักชวนให้เข้ามาทำงานอยู่ในวังกรมพระนเรศวรฤทธิ์ แถวเชิงสะพานปิ่นเกล้าฝั่งพระนคร (องค์การอาหารและเกษตรแห่งสหประชาชาติ FAO ในปัจจุบัน) สอดคล้องกับประวัติของเจ้าจอมมารดาซ่อนกลิ่น ในพระบาทสมเด็จพระจอมเกล้าเจ้าอยู่หัวที่นิยมเลี้ยงข้าทาสบริวารที่เป็นมอญเอาไว้มากมาย พี่น้องของยายพลับส่วนใหญ่จึงได้สามีเป็นชาติฝรั่งตะวันตก ลูกหลานจึงถือเชื้อสายข้างพ่อเป็นฝรั่งกันไปหมด

นามสกุลเดิมของป้าขจีคือ ... (นามสกุลพระราชทาน) เคยใช้นามสกุล ... ตามน้าสาวอยู่ระยะหนึ่งเมื่อตอนเด็กเนื่องจากเป็นลูกกำพร้า ต้องไปอยู่กับครอบครัวน้าสาวที่จังหวัดสงขลา ต่อมาได้เปลี่ยนนามสกุลเป็น ...เชื้อสายทางปู่ของป้าขจีสืบเชื้อสายมาจากเจ้าพระยาบดินทร์เดชา (สิงห์ สิงหเสนี) โดยเจ้าพระยาบดินทร์เดชา (สิงห์ สิงหเสนี) เป็นพ่อของทวดผู้หญิง แต่งงานกับทวดผู้ชายซึ่งเป็นคนกรุงเทพฯ รับราชการอยู่วังหลัง ตำแหน่งพระคลังข้างที่ ส่วนปู่รับราชการในตำแหน่ง ผู้ตรวจเงินแผ่นดิน ไปทำงานอยู่ที่อำเภอแม่สะเรียง จังหวัดแม่ฮ่องสอน ได้พบเข้ากับย่าของป้าขจี เป็นเจ้านางไทใหญ่ ขณะนั้นเป็นม่ายสามีเสียชีวิต พ่อของป้าขจีจึงเกิดที่แม่ฮ่องสอน ป้าขจีจึงมีชื่อเป็นภาษาไทใหญ่ที่ย่าตั้งให้ว่า จิ่งเมี๊ยะ (แปลว่า เพชรมรกต)

เลือดเนื้อและสำนึกของป้าขจีจึงประกอบขึ้นมาจากความหลากลาย ทั้ง พราหมณ์ มอญ ลาว จีน ไทใหญ่ ไทยภาคกลาง และไทยปักษ์ใต้

ป้าขจีเป็นสมาชิกของชมรมเยาวชนมอญกรุงเทพ เป็นสมาชิกสมาคมไทยรามัญ และเป็นสมาชิกวารสารเสียงรามัญ เข้าอกเข้าใจคนมอญที่ต้องอพยพเข้ามาอยู่เมืองไทย แต่กลับติดใจสงสัยชาวโรฮิงยาที่ลี้ภัยเข้าเมืองไทยล่าสุดเมื่อไม่นานมานี้ ที่สำคัญพยายามซ่อนความเป็นลาวและจีนภายในสายเลือดของตนเอง ลูกหลานของป้าขจีหลายคนได้ดิบได้ดีในหลายศาสตร์หลากแขนง แต่ป้าขจีเลือกที่จะภาคภูมิใจในตัวหลานสาวคนที่ได้เป็นนางสงกรานต์มอญพระประแดง ไม่มีใครเข้าใจว่าทำไมป้าขจีเลือกที่จะนำเสนอความเป็นมอญมากกว่าสิ่งอื่น เพราะหากเทียบกันแล้ว ยังมีเรื่องราวในสายเลือดตามแง่มุมต่างๆ ให้ป้าขจีได้ภาคภูมิใจ

ป้าขจีก็คงเป็นเพียงคนธรรมดาคนหนึ่งทั่วไป เป็นคนไทยแท้... คนไทยแท้เป็นอย่างนี้เอง

บล็อกของ องค์ บรรจุน

องค์ บรรจุน
คนส่วนใหญ่รับรู้ว่าวัดชนะสงครามเป็นวัดมอญ ใช่ว่าคนสนใจประวัติศาสตร์จึงได้รู้ความเป็นมาของวัด แต่เป็นเพราะหน้าวัดมีป้ายโลหะสีน้ำตาลที่ทางการชอบปักไว้หน้าสถานที่ท่องเที่ยว ความระบุประวัติไว้ว่าวัดนี้เป็นวัดของพระสงฆ์ฝ่ายรามัญ (มอญ) แต่ก็ไม่แน่ใจนัก คนสมัยนี้อาจเข้าใจว่ามอญเป็นชื่อต้นไม้จำพวกเห็ดราปรสิตชนิดหนึ่งก็ได้
องค์ บรรจุน
องค์ บรรจุน   การสื่อสารระหว่างมนุษย์ด้วยวิธีต่างๆ เพื่อให้ฝ่ายหนึ่งรับรู้ความหมายจากอีกฝ่ายหนึ่ง และเกิดการตอบสนอง นับแต่โบราณกาลมีตั้งแต่การสุมไฟให้เกิดควัน นกพิราบสื่อสาร ปัจจุบันการสื่อสารมีหลายวิธีรวดเร็วทันใจมากขึ้น อาจเป็นวิทยุ โทรทัศน์ หนังสือพิมพ์ โทรศัพท์มือถือ ดาวเทียม ระบบโทรคมนาคม หรือการสื่อสารระบบเครือข่ายที่อาศัยดาวเทียมและสายเคเบิลใยแก้ว ที่เรียกว่า อินเตอร์เน็ต ก็ได้ ส่วนภาษาที่มาพร้อมกับวิธีการสื่อสารเหล่านั้น เป็นเครื่องมือที่สำคัญซึ่งมีพัฒนาการไม่หยุดนิ่ง มีการหยิบยืมคำในภาษาอื่น เปลี่ยนรูปแบบและความหมายตลอดเวลา…
องค์ บรรจุน
องค์ บรรจุน   พิพิธภัณฑ์ในประเทศไทยนั้นมีมาอย่างน้อยก็ตั้งแต่สมัยรัชกาลที่ ๕ ถึงแม้ว่าจะเริ่มต้นจากการหาที่เก็บของเก่าก็ตาม แต่จากประสบการณ์ที่ว่านี้ ก็น่าจะเป็นประโยชน์ต่อคนที่กำลังคิดทำพิพิธภัณฑ์ว่าจะใช้เก็บของเก่าหรือใช้เป็นสถานที่เรียนรู้ โดยเฉพาะในยุคที่ผู้คนเริ่มเห็นคุณค่าท้องถิ่นของตน การตัดสินใจเกี่ยวกับท้องถิ่นจึงควรมาจากท้องถิ่นเพื่อประโยชน์ของท้องถิ่น
องค์ บรรจุน
องค์ บรรจุน     หญ้าขัดมอญ เป็นพืชล้มลุก ทรงพุ่มเตี้ย ตระกูลเดียวกับชบา ขึ้นเองตามธรรมชาติไม่ต้องปลูกและดูแลรักษา คนในสังคมเมืองคงไม่คุ้นชื่อคุ้นต้นไม้ชนิดนี้ หลายคนเห็นเป็นวัชพืชอย่างหนึ่งที่ต้องกำจัด นอกจากบางคนที่ช่างสังเกตธรรมชาติรอบตัวก็อาจจะพบว่า หญ้าขัดมอญ เป็นไม้พุ่มเตี้ยแตกกิ่งก้านหนาแน่น ใบเล็กเรียวเขียวเข้ม ยิ่งเวลาออกดอก สีเหลืองอ่อนหวานพราวพรายรายเรียงอยู่ทั่วทุกช่อใบ ชวนมองไม่น้อย แถมมีประโยชน์ในครัวเรือนหลายอย่าง ทั้งด้านการใช้สอยและสรรพคุณทางสมุนไพร
องค์ บรรจุน
องค์ บรรจุน บทสรุปย่อสำหรับผู้บริหาร (Executive Summary) ของศูนย์พม่าศึกษา มหาวิทยาลัยนเรศวร ในการนำการเสนอโครงการวิจัย ชุด "โครงการประเทศพม่าศึกษา" ชื่อหัวข้อวิจัย คือ "มโนทัศน์ทางการเมืองของรัฐพม่าบนพื้นที่สื่อรัฐบาลทหาร" ที่ผ่านการอนุมัติจากสกว.
องค์ บรรจุน
  องค์ บรรจุน ๗ กรกฏาคม ที่ผ่านมาเป็นวันอาสาฬหบูชา รุ่งขึ้นก็เป็นวันเข้าพรรษา วันสำคัญของพุทธศาสนิกชนทั่วโลก เมื่อมีวันหยุดยาวติดต่อกันหลายวัน ผู้คนจึงออกต่างจังหวัดกันมาก ถนนช่วงนั้นจึงโล่งอย่างเทศกาลใหญ่ๆ ทุกครั้ง เปิดทีวีมีแต่ข่าวขบวนแห่เทียนเข้าพรรษากันทัวประเทศ ยิ่งใหญ่เท่าไหร่ แปลกเท่าไหร่ยิ่งดี บางจังหวัดไม่เคยจัดก็สู้อุตส่าห์ซื้อช่างแกะเทียนค่าตัวแพงลิบมาจากอุบลราชธานี กลายเป็นว่าทุกวันนี้คนทำเทียนเข้าพรรษาเพื่อขายการท่องเที่ยว ไม่ได้ถวายให้พระใช้งานจริงขณะนั้นเวลา ๑๐.๓๐ น. ผมนั่งอยู่โคนต้นอโศกอินเดียภายในวัดชนะสงคราม ความคลุกคลีกับวัดวามานานจึงพาลห่างวัด…
องค์ บรรจุน
องค์ บรรจุนบทความชิ้นนี้ไม่มีเจตนาตั้งชื่อเลียน "ชัตเตอร์กดติดวิญญาณ" เพราะในภาพยนตร์นั้น เจ้าของกล้องกดชัตเตอร์ติดวิญญาณผีที่เขาขับรถชนและหนีไป ทว่าในที่สุดวิญญาณก็ตามทวงเอาชีวิต ซึ่งต่างจากบทความนี้อย่างสิ้นเชิง เนื่องจาก เจ้าของกล้องถ่ายภาพนับร้อยที่กดชัตเตอร์ใส่ผีตนหนึ่ง คล้ายมหรสพที่นักการเมืองจัดให้ชาวบ้านในฤดูหาเสียง แต่ที่ร้ายก็คือ อำนาจของชัตเตอร์กลับสะกดให้ผีตกอยู่ใต้อำนาจของมนุษย์อย่างที่ผีไม่สามารถเอาคืนได้
องค์ บรรจุน
องค์ บรรจุน แค่อ่านชื่อเรื่องหลายคนคงรู้จักคุ้นเคยกันดีว่านี่คือเนื้อเพลง “สยามเมืองยิ้ม” สำหรับคนที่เป็นคอลูกทุ่งยิ่งต้องรู้ว่า เพลงนี้ขับร้องโดยราชินีเพลงลูกทุ่งผู้ล่วงลับ พุ่มพวง ดวงจันทร์ ส่วนผู้ประพันธ์เนื้อเพลงเป็นครูเพลงคู่บุญของเธอ ลพ บุรีรัตน์ 
ได้ฟังเพลงนี้ครั้งแรกก็สัมผัสได้ถึงความยิ่งใหญ่ในความเป็นชาติ รู้สึกทันทีว่าไพเราะกินใจ ซาบซึ้งไปกับบทเพลง ยิ่งฟังยิ่งเพราะ ขนาดที่เมื่อสิบกว่าปีก่อนเคยส่งเทปจัดรายการเพลงไปประกวดดีเจทางคลื่น “สไมล์เรดิโอ” ใช้เพลง “สยามเมืองยิ้ม” เป็นเพลงปิดรายการ ได้เข้ารอบแรกเสียด้วยแต่ตกรอบ ๒๐ คนสุดท้าย เพื่อนๆ ที่รอฟังและตามลุ้นพูดเหมือนกันว่า “สมควรแล้ว…
องค์ บรรจุน
  องค์ บรรจุน คนทั่วไปสับสนเกี่ยวกับลักษณะสายพันธุ์และชื่อเรียกของ "กระเจี๊ยบ" ว่าเป็นอย่างไรและเรียกว่าอะไรกันแน่ จะมีสักกี่คนที่รู้ถึงที่มาและคุณค่ามากมายมหาศาลของกระเจี๊ยบบ้านมอญในชนบทหลายแห่งเคยมีต้นกระเจี๊ยบริมรั้ว ริมคลองหนองบึง สำรับกับข้าวเคยมีแกงกระเจี๊ยบไม่ขาด แต่ทุกวันนี้ "กระเจี๊ยบ" เริ่มเลือนหายไปจากชีวิต ชนิดที่ไม่มีใครอาลัยอาวรณ์นัก แม้แต่จะนึกถึงความหลังที่แกงกระเจี๊ยบเคยอยู่คู่ครัวมาแต่อ้อนแต่ออก
องค์ บรรจุน
องค์ บรรจุนหลายปีก่อนผู้เขียนเคยนั่งตากลม น้ำลายบูด หันซ้ายทีขวาที อยู่กลางวงสนทนาของผู้หลักผู้ใหญ่ในวงการประวัติศาสตร์ สังคมศาสตร์ และมานุษยวิทยา ในวงนั้นมี รศ.ศรีศักร วัลลิโภดม อยู่ด้วย ท่านพูดถึงความหลากหลายทางชาติพันธุ์ในเมืองไทยไว้ประมาณว่า สังคมไทยหลอมรวมมาจากผู้คนและวัฒนธรรมของคนหลายกลุ่ม ความเป็นไทยแท้นั้นจึงเป็นเรื่องโกหก โดยเฉพาะคนไทยที่ไม่มีสายเลือดอื่นเจือปนนั้นไม่มีจริงในโลก ในวันนั้นผมได้ยินคำอาจารย์ศรีศักรชัดถ้อยชัดคำเต็มสองหูว่า "ที่ไหนมีคนไทยแท้ช่วยมาบอกที จะเหมารถไปถ่ายรูปคู่เก็บไว้เป็นที่ระลึก และจะกราบตีนงามๆ สักที อยากเห็นจริงๆ..."
องค์ บรรจุน
 องค์ บรรจุนธรรมเนียมไทยแท้แต่โบราณ "ใครถึงเรือนชานต้องต้อนรับ" หัวเรื่องที่จั่วไว้ด้านบนบทความนี้ ถือเป็นคุณสมบัติอันน่าภาคภูมิของคนไทยอย่างหนึ่ง คนไทยทั้งผองเชื่อกันว่าคนไทยมีข้อดีงามหลายอย่าง เป็นต้นว่า โอบอ้อมอารีน้ำใจ เอื้อเฟื้อเผื่อแผ่ กตัญญูรู้คุณ ซื่อสัตย์สุจริต ยิ้มสยาม หรือแม้แต่ "รักสามัคคี" และ "ไทยนี้รักสงบ..." ล้วนเป็นความดีเด่นประจำชนชาติไทยตามลัทธิอัตตานิยม "คนไทยดีที่สุดในโลก" ดังนั้นเมื่อหมอดูทำนายคนไทยหน้าไหนก็ตามว่าเป็นคนดีดังกล่าวข้างต้น จึงไม่มีใครปฏิเสธว่าหมอดูไม่แม่น
องค์ บรรจุน
ถุงผ้าไม่ได้ลดโลกร้อน เพราะการใช้ถุงผ้าตามกระแสโดยเข้าไม่ถึงหลักใหญ่ใจความ ขณะที่ปริมาณการใช้ถุงพลาสติกยังคงเดิม คงไม่ต้องไปดูไหนไกลอื่น แค่เพียงเราสำรวจดูที่บ้านว่าเรามีถุงผ้าอยู่ในครอบครองกี่ใบ แต่ละวันที่เราออกไปทำธุระนอกบ้าน หรือเวลาที่ตั้งใจไปจ่ายตลาด มีใครสักกี่คนที่เอาถุงผ้าหรือตะกร้าติดตัวไปด้วย และในบรรดาคนที่เอาถุงผ้าหรือตะกร้าติดตัวไปด้วยนั้น จะมีใครบ้างไหมที่ปฏิเสธแม่ค้าว่าไม่เอาถุงพลาสติก โดยเฉพาะแม่ค้าในตลาดสด "ไม่ต้องใส่ถุงพลาสติกชั่งน้ำหนักแล้วเทลงถุงผ้าเลย" อย่างน้อยการซื้อแกงถุงกลับบ้าน นอกจากถุงร้อนที่ใส่แกงแล้ว ยังมีถุงหูหิ้วสวมทับอีก ๑ ใบด้วยหรือไม่