Skip to main content

ขนิษฐา คันธะวิชัย
สมาชิกชมรมเยาวชนมอญกรุงเทพ

รื่นเริงบันเทิงใจและปลาบปลื้มชื่นชม...

เคยมีคนบอกกับฉันว่า ฉันไม่ควรไปร่วมงานวันชาติมอญในเมืองมอญเพราะฉันต้องเคารพความศักดิ์สิทธิ์ของพิธีกรรมและความเป็นชนชาติของชาวมอญ จึงทำให้ฉันไม่แน่ใจว่าการใช้คำ “รื่นเริงบันเทิงใจ” หรือ “ปลาบปลื้มชื่นชม” จะเป็นการสมควรหรือไม่ แต่นั่นก็คือความรู้สึกที่ฉันได้รับจากการไปงานวันชาติมอญครั้งที่ 61 ที่จัดขึ้น ณ หมู่บ้านบ่อญี่ปุ่น (ปะลางเจปาน) ด่านเจดีย์สามองค์ ซึ่งเป็นหมู่บ้านมอญที่อยู่นอกพรมแดนประเทศไทย

งานวันชาติมอญนี้จัดกันหลายที่ทั่วโลกที่มีชุมชนมอญอยู่ ทั้งในไทย มาเลเซีย เกาหลีใต้ อังกฤษ แคนาดา สิงคโปร์ สหรัฐอเมริกา สวีเดน ฝรั่งเศส เนเธอแลนด์ ฯลฯ แม้แต่ในเมืองมอญเองก็ไม่ได้มีงานวันชาติเพียงแค่ในหมู่บ้านบ่อญี่ปุ่น ทุกหมู่บ้านต่างก็จัดขึ้นพร้อมๆ กัน โดยมอญทั่วโลกยึดเอาวันแรม 1 ค่ำ เดือน 3 เป็นวันชาติมอญ  เนื่องจากเชื่อว่าเป็นวันก่อตั้งเมืองหงสาวดี เมืองหลวงของชาวมอญนั่นเอง ซึ่งปีนี้ตรงกับวันที่ 22 กุมภาพันธ์

สำหรับในประเทศไทยปีนี้ถือฤกษ์สะดวก จัดงาน“รำลึกบรรพชนมอญ” ในวันที่ 2-3 กุมภาพันธ์ ณ วัดบ้านไร่เจริญผล และก็เป็นเพียงการทำบุญให้บรรพชนและมีการแสดงทางศิลปวัฒนธรรมเพื่อการอนุรักษ์และธำรงค์วัฒนธรรม ไม่ได้มีการเปิดไฮด์ปาร์คด่าประเทศเพื่อนบ้าน หรือมีจุดมุ่งหมายแฝงทางการเมืองแต่อย่างใด เพียงแค่นี้ก็ยังทำให้หน่วยงานความมั่นคงในจังหวัดสมุทรสาครก็แทบจะนั่งไม่ติดเลยทีเดียว  

ฉันได้รับคำเชิญให้ไปร่วมงานวันชาติจากผู้ใหญ่ชาวมอญที่เคยติดต่องานกับฉัน ในเมื่อผู้ใหญ่บอกว่าจะส่งบัตร “เชิญ” มาให้ ฉันเป็นเด็กจะไม่ไปได้อย่างไร ในที่สุดฉันก็เข้าไปในหมู่บ้านบ่อญี่ปุ่นตั้งแต่คืนวันที่ 21 กุมภาพันธ์ โดยการดูแลของทหารหน่วยประสานมอญ และน้องๆ เยาวชนมอญที่มาจากเมืองมอญ พวกเราต้องเบียดกันไปบนรถปิ๊กอัพคันเดียวถึง 24 คน  แต่น้องๆ ทุกคนก็ไม่บ่นถึงความเหน็ดเหนื่อยเมื่อยล้าหน้าปะทะลมและฝุ่นแดง ในทางตรงกันข้าม กลับร้องเพลงภาษามอญกันอย่างสนุกสนาน แม้ฉันจะไม่เข้าใจเนื้อเพลง แต่สีหน้าและแววตาของคนร้องก็ทำให้ฉันรู้สึกได้ถึงความเบิกบานใจและความมุ่งมั่นของน้องๆ ฉันจึงรู้สึกเบิกบานใจและสนุกสนานไปด้วย สมาชิกคนหนึ่งบอกฉันว่าเพลงนี้เป็นเพลงปลุกใจ เนื้อหาเกี่ยวกับการไม่ลืมถึงเป้าหมายสูงสุดคือ การได้ปกครองตนเอง และการได้ชาติมอญกลับคืนมา

พวกเราไปถึงบ้านบ่อญี่ปุ่นเวลาเกือบสองทุ่ม งานมหรสพเริ่มแล้ว จริงๆ แล้วคืนก่อนนั้นก็มีงานเช่นกันแต่เป็นการแสดงศิลปวัฒนธรรม ส่วนคืนวันที่ 21 ที่ฉันไปถึงนั้นนี้มีการออกร้านจำหน่ายสินค้าต่างๆ เหมือนตลาดนัดทั่วไปที่ฉันเคยเห็นในเมืองไทย ฉันแวะร้านขายหมาก ซึ่งมีทั้งหมากป้ายปูนที่ชายชาวมอญชอบเคี้ยว และหมากที่ใส่มะพร้าวย้อมสีที่เพื่อนฉันบอกว่าผู้หญิงจะเลือกเคี้ยวหมากชนิดนี้มากกว่า และก็มีหมากฝรั่ง ลูกอม นับว่าเป็นร้านขายของแก้เหงาปากจริงๆ ฉันอยากจะลองซื้อหมากป้ายปูนมาเคี้ยวสักคำจะได้เป็นประสบการณ์ชีวิต แต่ก็กลัว “ยันหมาก” เลยได้แต่หยิบหมากฝรั่งที่ฉันนำติดตัวมาขึ้นมาเคี้ยวเล่นแทน แต่ฉันก็ได้อุดหนุนแม่ค้าไปนิดหนึ่ง ในตอนแรกฉันไม่รู้ว่าจะใช้เงินสกุลไหนซื้อของในหมู่บ้านบ่อญี่ปุ่น แต่ในเมื่อเขาบอกราคามาเป็นบาท ฉันจึงจ่ายเงินบาทไปปกติ ซึ่งก็เหมือนกับเมืองที่อยู่ติดชายแดนไทยทั่วไปที่เราใช้เงินบาทซื้อของได้เลย  

เดินไปอีกนิดก็เห็นซุ้มรณรงค์เรื่องป้องกันโรคเอดส์และการสอนวิธีคุมกำเนิด จัดโดยองค์กรเอกชนที่มาจากฝั่งไทย มีคำอธิบายทั้งภาษามอญและภาษาไทย น้องๆไปตอบคำถามได้ของรางวัลเป็นผงซักฟอก สมุด ดินสอ (และถุงยางอนามัย?) มากันหลายคน นอกจากนี้ยังมีหนังกลางแปลงและมีนักร้องนักดนตรีที่ไปจากฝั่งไทย เล่นเพลงไทย  เล่นเพลงไทยจริงๆ ไม่ได้พิมพ์ผิด

20080305 เยาวชนมอญในมือแม่ และธงชาติมอญในมือเยาวชน
เยาวชนมอญในมือแม่ และธงชาติมอญในมือเยาวชน

ฉันไม่นึกว่าจะได้ฟังเพลง “รักจางที่บางปะกง” หรือเพลงของ “พลพล” ในเมืองมอญ แล้วก็ไม่นึกด้วยว่าจะได้ยินเพลง “Slow Motion” ของโจอี้บอย ดังกระหึ่มออกมาจากบ้านคนมอญในเมืองมอญ แต่ว่าก็ว่าเถิด โลกาภิวัตน์เข้าไปถึงทุกหนทุกแห่ง แม้หมู่บ้านชนบทอย่างบ่อญี่ปุ่นก็คงไม่ใช่ข้อยกเว้น หรืออาจเป็นเพราะบ้านบ่อญี่ปุ่นเป็นหมู่บ้านที่อยู่ติดชายแดนไทย และมีคนมาทำงานในเมืองไทย จึงรับวัฒนธรรมและกระแสต่างๆ จากไทยไปมากก็เป็นได้ วัยรุ่นบางคนก็พูดภาษาไทยชัดมากและด่ากันเป็นภาษาไทยอย่างคล่องแคล่ว ภาษาอังกฤษก็พอพูดกันได้ เวลาที่ฉันสื่อสารภาษามอญอย่างกระท่อนกระแท่นออกไปแล้วเขาไม่รู้เรื่อง ฉันก็จะพูดภาษาอังกฤษ ซึ่งเขาก็ตอบฉันมาเป็นภาษาอังกฤษกันได้ทุกคน มากบ้างน้อยบ้าง เพราะมีอาสาสมัครที่เป็นฝรั่งมาสอนภาษาอังกฤษ อย่างในวันงานฉันก็เห็นอาสาสมัครที่เป็นฝรั่งประมาณ 3-4 คนมาร่วมงาน

วันที่ 22 กุมภาพันธ์อันเป็นวันงาน พวกเราตื่นมาแต่งตัวกันแต่เช้า ฉันสู้อุตส่าห์จำคำของศิษย์พี่ฉันซึ่งเป็นมอญเมืองไทยได้ว่า
“สไบเป็นสิ่งสำคัญสำหรับผู้หญิงมอญ สมัยที่รุ่นพี่เด็ก ยังเคยได้ยินคนแก่ดุสาวๆ ถึงขั้นร้องไห้ เพราะว่าไม่ได้ห่มสไบมาวัด เพราะมีคำพยากรณ์ทำนายไว้ทำนองว่าเมื่อโลกจะถึงกาลวิบัตินั้นจะเกิดเหตุวิปริตให้เห็นหลายประการ เช่นน้ำจะท่วมโลก กาจะออกไข่เป็นหงส์ รวมทั้งผู้หญิงมอญจะพากันทิ้งสไบ”

จะเห็นได้ว่าสไบเป็นสิ่งสำคัญสำหรับผู้หญิงมอญ ฉันจึงนำสไบสีแดงติดตัวมาด้วย เพราะรู้ว่าต้องใส่ชุดมอญ แต่ปรากฎว่าในกลุ่มที่ฉันไปด้วยนั้นมีเพียงฉันคนเดียวที่คล้องสไบ ส่วนคนอื่นใส่แต่เพียงเสื้อขาว หรือเสื้อยืดสีขาวพิมพ์ข้อความภาษามอญ มีน้อยคนนักที่ห่มสไบ เห็นแต่เพียงนางรำเท่านั้น

อ้าว ผู้หญิงมอญที่บ่อญี่ปุ่นไม่ห่มสไบกันแล้ว เอ...หรือว่าเขาใส่เฉพาะเวลาไปวัด นี่เป็น Culture shock อันหนึ่งที่ฉันพบตั้งแต่มาเรียนรู้วัฒนธรรมของชาวมอญ สิ่งที่ฉันฟัง “บรรยาย” มา กับสิ่งที่ฉันเรียนรู้ในสถานการณ์จริงนั้นไม่เหมือนกัน แต่ก็เข้าใจว่าเพราะสังคมมอญเองก็มีความหลากหลายอยู่ในตัวและต้องปรับตัวไปตามสภาพภูมิสังคมที่ต่างกัน จะให้มีความเชื่อ รายละเอียดประเพณีรวมทั้งความนึกคิดแบบเป็นพิมพ์เดียวกันคงเป็นไปไม่ได้ ฉันก็ต้องเรียนรู้ต่อไป

20080305 ขบวนธงสวนสนามของทหารมอญ
ขบวนธงสวนสนามของทหารมอญ

คนในหมู่บ้านเริ่มเดินทางมาบริเวณสนามที่จัดงานตั้งแต่เช้าตรู่ เช้านี้ฉันจึงได้เห็นว่ามีการประดับธงชาติมอญไว้หน้าบ้านทุกๆ บ้าน ทุกๆคนพร้อมใจกันแต่งโสร่งแดง ผ้าถุงแดง เสื้อขาว ส่วนชายก็ใส่เสื้อขาวตารางแดง ซึ่งถือกันว่าเป็นชุดประจำชาติมอญ นอกจากคนในหมู่บ้านแล้ว ยังมีชาวมอญในหมู่บ้านอื่นที่อยู่ใกล้เคียง เช่นชาวมอญจากสังขละมาร่วมงานด้วยจึงมีคนเต็มสนาม

20080305 แถวเยาวชนมอญจากหมู่บ้านต่างๆ ที่มาร่วมในพิธี
แถวเยาวชนมอญจากหมู่บ้านต่างๆ ที่มาร่วมในพิธี

ส่วนงานนั้นเริ่มตั้งแต่เวลาประมาณ 7.00 น. มีการสวนสนามของทหารมอญที่ประจำการณ์อยู่แถบเจดีย์สามองค์ หัวแถวเป็นขบวนกลองสวนสนาม ตามด้วยขบวนธงชาติมอญ ขบวนทหารชายและทหารหญิง จากนั้นเป็นการกล่าวสุนทรพจน์โดยนายชานตอย รองเลขาธิการพรรคมอญใหม่ (Nai Chan Toik – Joint Secretary of New Mon State Party) นายทหารมอญระดับสูง ประธานจัดงาน และตัวแทนมอญเมืองไทย แม้ฉันจะฟังภาษามอญไม่ออกแต่ก็พอจับใจความได้ว่าหลายๆ ท่านได้พูดย้อนไปตั้งแต่พระเจ้าสมละ และวิมละ กษัตริย์สองพี่น้องที่เกี่ยวข้องกับตำนานการสร้างเมืองหงสาวดี

 

20080305 การกล่าวสุนทรพจน์ของตัวแทนพรรคมอญใหม่
การกล่าวสุนทรพจน์ของตัวแทนพรรคมอญใหม่


ในตอนหนึ่งของการกล่าวสุนทรพจน์ ผู้ใหญ่ในงานท่านหนึ่งกล่าวว่า เราชาวมอญควรก้าวตามกระแสโลกาภิวัฒน์ให้ทัน และควรเพิ่มพูนความรู้เพื่อก้าวไปข้างหน้า อย่าคิดแต่เรื่องหนหลังอย่างเดียว ผู้ใหญ่อีกท่านได้กล่าวถึงสถานการณ์ “สมองไหล” ว่า ปัญหาปัจจุบันของชาวมอญนี้คือคนมอญที่มีความรู้นั้นได้ไปเรียน ไปทำงานหรือทำธุรกิจในประเทศอื่นแล้วไม่ได้กลับมา ซึ่งคนมอญควรอยู่ในประเทศของเรา จริงๆ แล้วผู้ที่กล่าวสุนทรพจน์มีมากกว่านี้ แต่นี่เป็นข้อความที่เพื่อนมอญของฉันแปลให้ฟัง ในขณะที่ข้อความอื่นเธอไม่ได้แปล ฉันเข้าใจว่านี่คงเป็นข้อความที่โดนใจเธอ และเธอเห็นด้วย ถึงแปลให้ฉันฟังอย่างกระตือรือร้นโดยที่ฉันไม่ต้องถาม

20080305 กองทหารเกียรติยศหน้าปะรำพิธีและผู้มาร่วมงาน
กองทหารเกียรติยศหน้าปะรำพิธีและผู้มาร่วมงาน

สิ่งที่ฉันชอบในงานนี้คือการร้องเพลงของเยาวชนมอญนี่เอง หลังจากประธานในพิธีเดินทางกลับ ก็มีการแสดงบนเวที หนึ่งในนั้นคือการร้องเพลงของเยาวชนมอญ ซึ่งมีเนื้อหาในทำนองว่า ชาวมอญควรเป็นอันหนึ่งอันเดียวกันเพื่อประเทศของเรา เราหวังว่าวันหนึ่งเราจะได้เลือกผู้นำที่ดีมาปกครองประเทศของเรา หงส์จะบินคืนสู่แผ่นดินมอญ การที่มอญไม่มีประเทศเพราะถูก “เขา” รังแก อย่างไรก็ตาม เหตุที่ฉันชอบนั้นไม่ได้เกี่ยวกับเนื้อหาในเพลง แต่เป็นเพราะว่าในขณะที่ฉันถ่ายรูปเหล่านักร้องบนเวทีนั้น คนข้างล่างเวทีที่อยู่ใกล้ๆฉันก็พากันร่วมร้องเพลงนี้ด้วย เมื่อมองเข้าไปในสายตาของแต่ละคน ก็เห็นประกายแบบเดียวกับที่ฉันเห็นจากน้องเยาวชนมอญกลุ่มที่ฉันเดินทางมาด้วย เป็นประกายของความมีจุดมุ่งหมาย สิ่งนี้ทำให้ฉันอดชื่นชมไม่ได้ แม้ฉันจะไม่ใช่ชาวมอญ แต่เมื่อได้มาอยู่ในสถานที่ที่มีรัศมีแห่งความหวัง ความเบิกบานใจและความมุ่งมั่นเปล่งประกายเช่นนี้ ก็ย่อมทำให้ฉันมีความสุขและปลาบปลื้มไปด้วย

เยาวชนมอญ...แม้จะเปิดเพลงโจอี้บอยดังลั่น แต่หน้าบ้านก็ยังประดับธงมอญ
เยาวชนมอญ...แม้จะด่ากันเป็นภาษาไทยบ้าง แต่ก็นุ่งโสร่งแดงมางานวันชาติมอญ

แม้ว่ากำลังทหารและอาวุธอาจจะสู้เขาไม่ได้ แต่ก็มี “สำนึกรักชาติของเยาวชนมอญ” ที่ฉันเห็นว่าเป็น “ยุทธปัจจัย” ที่สำคัญกว่ากระสุนปืนหรืออาวุธทรงอานุภาพใดๆ

นี่คือความประทับใจของฉันที่มีต่อเยาวชนมอญและงานวันชาติมอญ ณ หมู่บ้านบ่อญี่ปุ่น
   

บล็อกของ องค์ บรรจุน

องค์ บรรจุน
คนส่วนใหญ่รับรู้ว่าวัดชนะสงครามเป็นวัดมอญ ใช่ว่าคนสนใจประวัติศาสตร์จึงได้รู้ความเป็นมาของวัด แต่เป็นเพราะหน้าวัดมีป้ายโลหะสีน้ำตาลที่ทางการชอบปักไว้หน้าสถานที่ท่องเที่ยว ความระบุประวัติไว้ว่าวัดนี้เป็นวัดของพระสงฆ์ฝ่ายรามัญ (มอญ) แต่ก็ไม่แน่ใจนัก คนสมัยนี้อาจเข้าใจว่ามอญเป็นชื่อต้นไม้จำพวกเห็ดราปรสิตชนิดหนึ่งก็ได้
องค์ บรรจุน
องค์ บรรจุน   การสื่อสารระหว่างมนุษย์ด้วยวิธีต่างๆ เพื่อให้ฝ่ายหนึ่งรับรู้ความหมายจากอีกฝ่ายหนึ่ง และเกิดการตอบสนอง นับแต่โบราณกาลมีตั้งแต่การสุมไฟให้เกิดควัน นกพิราบสื่อสาร ปัจจุบันการสื่อสารมีหลายวิธีรวดเร็วทันใจมากขึ้น อาจเป็นวิทยุ โทรทัศน์ หนังสือพิมพ์ โทรศัพท์มือถือ ดาวเทียม ระบบโทรคมนาคม หรือการสื่อสารระบบเครือข่ายที่อาศัยดาวเทียมและสายเคเบิลใยแก้ว ที่เรียกว่า อินเตอร์เน็ต ก็ได้ ส่วนภาษาที่มาพร้อมกับวิธีการสื่อสารเหล่านั้น เป็นเครื่องมือที่สำคัญซึ่งมีพัฒนาการไม่หยุดนิ่ง มีการหยิบยืมคำในภาษาอื่น เปลี่ยนรูปแบบและความหมายตลอดเวลา…
องค์ บรรจุน
องค์ บรรจุน   พิพิธภัณฑ์ในประเทศไทยนั้นมีมาอย่างน้อยก็ตั้งแต่สมัยรัชกาลที่ ๕ ถึงแม้ว่าจะเริ่มต้นจากการหาที่เก็บของเก่าก็ตาม แต่จากประสบการณ์ที่ว่านี้ ก็น่าจะเป็นประโยชน์ต่อคนที่กำลังคิดทำพิพิธภัณฑ์ว่าจะใช้เก็บของเก่าหรือใช้เป็นสถานที่เรียนรู้ โดยเฉพาะในยุคที่ผู้คนเริ่มเห็นคุณค่าท้องถิ่นของตน การตัดสินใจเกี่ยวกับท้องถิ่นจึงควรมาจากท้องถิ่นเพื่อประโยชน์ของท้องถิ่น
องค์ บรรจุน
องค์ บรรจุน     หญ้าขัดมอญ เป็นพืชล้มลุก ทรงพุ่มเตี้ย ตระกูลเดียวกับชบา ขึ้นเองตามธรรมชาติไม่ต้องปลูกและดูแลรักษา คนในสังคมเมืองคงไม่คุ้นชื่อคุ้นต้นไม้ชนิดนี้ หลายคนเห็นเป็นวัชพืชอย่างหนึ่งที่ต้องกำจัด นอกจากบางคนที่ช่างสังเกตธรรมชาติรอบตัวก็อาจจะพบว่า หญ้าขัดมอญ เป็นไม้พุ่มเตี้ยแตกกิ่งก้านหนาแน่น ใบเล็กเรียวเขียวเข้ม ยิ่งเวลาออกดอก สีเหลืองอ่อนหวานพราวพรายรายเรียงอยู่ทั่วทุกช่อใบ ชวนมองไม่น้อย แถมมีประโยชน์ในครัวเรือนหลายอย่าง ทั้งด้านการใช้สอยและสรรพคุณทางสมุนไพร
องค์ บรรจุน
องค์ บรรจุน บทสรุปย่อสำหรับผู้บริหาร (Executive Summary) ของศูนย์พม่าศึกษา มหาวิทยาลัยนเรศวร ในการนำการเสนอโครงการวิจัย ชุด "โครงการประเทศพม่าศึกษา" ชื่อหัวข้อวิจัย คือ "มโนทัศน์ทางการเมืองของรัฐพม่าบนพื้นที่สื่อรัฐบาลทหาร" ที่ผ่านการอนุมัติจากสกว.
องค์ บรรจุน
  องค์ บรรจุน ๗ กรกฏาคม ที่ผ่านมาเป็นวันอาสาฬหบูชา รุ่งขึ้นก็เป็นวันเข้าพรรษา วันสำคัญของพุทธศาสนิกชนทั่วโลก เมื่อมีวันหยุดยาวติดต่อกันหลายวัน ผู้คนจึงออกต่างจังหวัดกันมาก ถนนช่วงนั้นจึงโล่งอย่างเทศกาลใหญ่ๆ ทุกครั้ง เปิดทีวีมีแต่ข่าวขบวนแห่เทียนเข้าพรรษากันทัวประเทศ ยิ่งใหญ่เท่าไหร่ แปลกเท่าไหร่ยิ่งดี บางจังหวัดไม่เคยจัดก็สู้อุตส่าห์ซื้อช่างแกะเทียนค่าตัวแพงลิบมาจากอุบลราชธานี กลายเป็นว่าทุกวันนี้คนทำเทียนเข้าพรรษาเพื่อขายการท่องเที่ยว ไม่ได้ถวายให้พระใช้งานจริงขณะนั้นเวลา ๑๐.๓๐ น. ผมนั่งอยู่โคนต้นอโศกอินเดียภายในวัดชนะสงคราม ความคลุกคลีกับวัดวามานานจึงพาลห่างวัด…
องค์ บรรจุน
องค์ บรรจุนบทความชิ้นนี้ไม่มีเจตนาตั้งชื่อเลียน "ชัตเตอร์กดติดวิญญาณ" เพราะในภาพยนตร์นั้น เจ้าของกล้องกดชัตเตอร์ติดวิญญาณผีที่เขาขับรถชนและหนีไป ทว่าในที่สุดวิญญาณก็ตามทวงเอาชีวิต ซึ่งต่างจากบทความนี้อย่างสิ้นเชิง เนื่องจาก เจ้าของกล้องถ่ายภาพนับร้อยที่กดชัตเตอร์ใส่ผีตนหนึ่ง คล้ายมหรสพที่นักการเมืองจัดให้ชาวบ้านในฤดูหาเสียง แต่ที่ร้ายก็คือ อำนาจของชัตเตอร์กลับสะกดให้ผีตกอยู่ใต้อำนาจของมนุษย์อย่างที่ผีไม่สามารถเอาคืนได้
องค์ บรรจุน
องค์ บรรจุน แค่อ่านชื่อเรื่องหลายคนคงรู้จักคุ้นเคยกันดีว่านี่คือเนื้อเพลง “สยามเมืองยิ้ม” สำหรับคนที่เป็นคอลูกทุ่งยิ่งต้องรู้ว่า เพลงนี้ขับร้องโดยราชินีเพลงลูกทุ่งผู้ล่วงลับ พุ่มพวง ดวงจันทร์ ส่วนผู้ประพันธ์เนื้อเพลงเป็นครูเพลงคู่บุญของเธอ ลพ บุรีรัตน์ 
ได้ฟังเพลงนี้ครั้งแรกก็สัมผัสได้ถึงความยิ่งใหญ่ในความเป็นชาติ รู้สึกทันทีว่าไพเราะกินใจ ซาบซึ้งไปกับบทเพลง ยิ่งฟังยิ่งเพราะ ขนาดที่เมื่อสิบกว่าปีก่อนเคยส่งเทปจัดรายการเพลงไปประกวดดีเจทางคลื่น “สไมล์เรดิโอ” ใช้เพลง “สยามเมืองยิ้ม” เป็นเพลงปิดรายการ ได้เข้ารอบแรกเสียด้วยแต่ตกรอบ ๒๐ คนสุดท้าย เพื่อนๆ ที่รอฟังและตามลุ้นพูดเหมือนกันว่า “สมควรแล้ว…
องค์ บรรจุน
  องค์ บรรจุน คนทั่วไปสับสนเกี่ยวกับลักษณะสายพันธุ์และชื่อเรียกของ "กระเจี๊ยบ" ว่าเป็นอย่างไรและเรียกว่าอะไรกันแน่ จะมีสักกี่คนที่รู้ถึงที่มาและคุณค่ามากมายมหาศาลของกระเจี๊ยบบ้านมอญในชนบทหลายแห่งเคยมีต้นกระเจี๊ยบริมรั้ว ริมคลองหนองบึง สำรับกับข้าวเคยมีแกงกระเจี๊ยบไม่ขาด แต่ทุกวันนี้ "กระเจี๊ยบ" เริ่มเลือนหายไปจากชีวิต ชนิดที่ไม่มีใครอาลัยอาวรณ์นัก แม้แต่จะนึกถึงความหลังที่แกงกระเจี๊ยบเคยอยู่คู่ครัวมาแต่อ้อนแต่ออก
องค์ บรรจุน
องค์ บรรจุนหลายปีก่อนผู้เขียนเคยนั่งตากลม น้ำลายบูด หันซ้ายทีขวาที อยู่กลางวงสนทนาของผู้หลักผู้ใหญ่ในวงการประวัติศาสตร์ สังคมศาสตร์ และมานุษยวิทยา ในวงนั้นมี รศ.ศรีศักร วัลลิโภดม อยู่ด้วย ท่านพูดถึงความหลากหลายทางชาติพันธุ์ในเมืองไทยไว้ประมาณว่า สังคมไทยหลอมรวมมาจากผู้คนและวัฒนธรรมของคนหลายกลุ่ม ความเป็นไทยแท้นั้นจึงเป็นเรื่องโกหก โดยเฉพาะคนไทยที่ไม่มีสายเลือดอื่นเจือปนนั้นไม่มีจริงในโลก ในวันนั้นผมได้ยินคำอาจารย์ศรีศักรชัดถ้อยชัดคำเต็มสองหูว่า "ที่ไหนมีคนไทยแท้ช่วยมาบอกที จะเหมารถไปถ่ายรูปคู่เก็บไว้เป็นที่ระลึก และจะกราบตีนงามๆ สักที อยากเห็นจริงๆ..."
องค์ บรรจุน
 องค์ บรรจุนธรรมเนียมไทยแท้แต่โบราณ "ใครถึงเรือนชานต้องต้อนรับ" หัวเรื่องที่จั่วไว้ด้านบนบทความนี้ ถือเป็นคุณสมบัติอันน่าภาคภูมิของคนไทยอย่างหนึ่ง คนไทยทั้งผองเชื่อกันว่าคนไทยมีข้อดีงามหลายอย่าง เป็นต้นว่า โอบอ้อมอารีน้ำใจ เอื้อเฟื้อเผื่อแผ่ กตัญญูรู้คุณ ซื่อสัตย์สุจริต ยิ้มสยาม หรือแม้แต่ "รักสามัคคี" และ "ไทยนี้รักสงบ..." ล้วนเป็นความดีเด่นประจำชนชาติไทยตามลัทธิอัตตานิยม "คนไทยดีที่สุดในโลก" ดังนั้นเมื่อหมอดูทำนายคนไทยหน้าไหนก็ตามว่าเป็นคนดีดังกล่าวข้างต้น จึงไม่มีใครปฏิเสธว่าหมอดูไม่แม่น
องค์ บรรจุน
ถุงผ้าไม่ได้ลดโลกร้อน เพราะการใช้ถุงผ้าตามกระแสโดยเข้าไม่ถึงหลักใหญ่ใจความ ขณะที่ปริมาณการใช้ถุงพลาสติกยังคงเดิม คงไม่ต้องไปดูไหนไกลอื่น แค่เพียงเราสำรวจดูที่บ้านว่าเรามีถุงผ้าอยู่ในครอบครองกี่ใบ แต่ละวันที่เราออกไปทำธุระนอกบ้าน หรือเวลาที่ตั้งใจไปจ่ายตลาด มีใครสักกี่คนที่เอาถุงผ้าหรือตะกร้าติดตัวไปด้วย และในบรรดาคนที่เอาถุงผ้าหรือตะกร้าติดตัวไปด้วยนั้น จะมีใครบ้างไหมที่ปฏิเสธแม่ค้าว่าไม่เอาถุงพลาสติก โดยเฉพาะแม่ค้าในตลาดสด "ไม่ต้องใส่ถุงพลาสติกชั่งน้ำหนักแล้วเทลงถุงผ้าเลย" อย่างน้อยการซื้อแกงถุงกลับบ้าน นอกจากถุงร้อนที่ใส่แกงแล้ว ยังมีถุงหูหิ้วสวมทับอีก ๑ ใบด้วยหรือไม่