Skip to main content

เพื่อนฝูงหลายคนหัวเราะแกมสมเพชที่ผมอยู่บอสตันในยามหนาวเหน็บอย่างถึงที่สุด โดยเฉพาะพายุหิมะที่พัดผ่านมาให้เมืองทั้งเมืองจมอยู่ใต้กองหิมะนับเดือน

ครั้งแรกพายุหิมะยูโน (Juno) มาเมื่อเมื่อ 26-28 มกราคม แต่ส่งผลกระทบคือกองหิมะท่วมรถราที่จอดข้างถนนและท้องถนนของเมือง การจราจรเป็นอัมพาต แม้รถไฟใต้ดินก็ยังได้รับผลกระทบ

เมื่อวันอาทิตย์ 8 กุมภาพันธ์ที่ผ่านมาก็มีพายุหิมะเข้ามาอีกลูกหนึ่ง คราวนี้หิมะตกหนากว่าสองฟุต ที่ร้ายกว่านั่น ผมต้องลงมาโกยหิมะเองเป็นครั้งแรก เพราะเจ้าของบ้านพาลูกเมียและหมาหนีหนาวไป เขาเลยฝากบ้านไว้ และผมเองไม่รังเกียจอะไรที่จะลองโกยหิมะดู

การผ่านมาของพายุหิมะทำให้ต้องหยุดเรียนและกิจกรรมต่างๆ ปกติที่ผมไปทำงานช่วงสายถึงเย็นในห้องสมุดก็ต้องยกเลิกโดยปริยาย ที่สำคัญค่าไฟฟ้านั้นคงไม่ลดลงไปมาก แม้จะพยายามประหยัดก็ตาม

พายุหิมะที่ตกมานั้นสวยงาม เป็นปุยนุ่น แต่เมื่อยามมันสะสมมากๆ เข้า มันคือภัยธรรมชาติ และจัดการยาก

ล่าสุดเมืองบอสตันประกาศภาวะฉุกเฉินเพื่อจัดการกับหิมะกองเบ้อเร่อ และนี่คือข้อเท็จจริงที่มาจากสื่อ

 

1. ปริมาณหิมะที่เมืองบอสตันขนย้ายขณะนี้เทียบเท่ากับปริมาตรของสนามฟุตบอล Gillette ถึง 72 สนาม

2. ปริมาณหิมะสะสมขณะนี้น่าจะราวๆ หกฟุต เกือบเท่าความสูงของนักกีฬาอเมริกันฟุตบอลคนดังของที่นี่

3. เมืองบอสตันใช้เวลากว่า 112,881ชั่วโมงในการขนย้ายหิมะ นับถึงวันอังคารที่ 10 กุมภาพันธ์

4. เมืองบอสตันใช้เครื่องกำจัดหิมะละลายได้ราว 350 ตันต่อชั่วโมง

5. เมืองใช้รถบรรทุกขนหิมะกว่า 6000 เที่ยว

6. ใช้เกลือ 57500 ตัน เพื่อป้องกันถนนลื่น หรือเทียบน้ำหนักเท่ากับช้าง 8200 ตัว

7. บริษัทซ่อมหลังคาถูกโทรตามกว่า 300 ครั้ง เฉพาะช่วงสัปดาห์ที่ผ่านมา 

8. รถเก็บกวาดหิมะในเมืองวิ่งรวมกันกว่า 210,000 ไมล์ หรือ 52 เท่าของแม่น้ำอเมซอนที่ยาวราว 4,000 ไมล์

9. เด็กๆ หยุดเรียนมาแล้ว 9 วัน

(รายละเอียดเพิ่มเติม ดู http://abcnews.go.com/US/boston-snow-storm-facts-show-citys-dealing/story?id=28840524)

 

วันก่อนคุยกับเพื่อนเก่าบางคนเธอคงอดเหน็บแนมผมไม่ได้ว่าเขาให้มาเรียนหนังสือทำวิจัย

แต่ผมยังจำคำอาจารย์ท่านหนึ่งที่บอกว่า บัณฑิต อย่ามาเรียนแต่หนังสือ เรียนเรื่องอื่นด้วย

เรื่องหิมะ จึงไม่ใช่แค่เรื่องที่ว่าติดอยู่หิมะแล้วไปไหนมาไหนไม่ได้

แต่มันหมายถึงเรียนรู้การใช้ชีวิตอีกแบบหนึ่ง 

ใครว่าอยู่เมืองนอกสบาย?

 

 

 

 

 

 

 

 

บล็อกของ บัณฑิต จันทร์โรจนกิจ

บัณฑิต จันทร์โรจนกิจ
บ่ายวันหนึ่งขณะที่กำลังออกไปธุระนอกมหาวิทยาลัย เห็นอีกาตัวใหญ่กำลังถอนขนนก
บัณฑิต จันทร์โรจนกิจ
ฝนเริ่มหยุดตกไปบ้างหลังจากพายุไต้ฝุ่นเอตาวพัดผ่านพ้นไป อีกาหลายตัวออกบินหาอาหาร บ้างก็ผึ่งปีกรับแดดยาม
บัณฑิต จันทร์โรจนกิจ
ผมพยายามตั้งสถานีทำงานให้เร็วที่สุด แต่ดูเหมือนว่าระบบที่นี่จะเข้มงวดในบางเรื่องเป็นพิเศษ เช่น ระบ
บัณฑิต จันทร์โรจนกิจ
  ถ้าร่างรัฐธรรมนูญถูกคว่ำก็ไม่ใช่เรื่องแปลก เพราะมีบางคนยอมตนเป็นระเบิดพลีชีพ
บัณฑิต จันทร์โรจนกิจ
เครื่องบินลดระดับลงเรื่อยๆ จนเครื่องแท็กซี่ลงจอดได้ ผมเดินทางมากรุงโตเกียว ประเทศญี่ปุ่น เพื่อทำงานวิจัย ณ มหาวิทยาลัยโตเกียวเพื่อต่างประเทศศึกษา หรือ Tokyo University of Foreign Studies เดิมทีเรียกกันว่ามหาวิทยาลัยโตเกียวภาษาต่างประเทศ คนที่นี่เรียกอย่างย่อว่า "โตเก
บัณฑิต จันทร์โรจนกิจ
        นิวยอร์คในยามต้นฤดูใบไม้ผลิยังคงร่องรอยของความหนาวไว้บ้าง แ
บัณฑิต จันทร์โรจนกิจ
เมื่อเครื่องแตะรันเวย์ของสนามบินเมืองอัลบานี มลรัฐนิวยอร์ค ผมรับกระเป๋าและออกมารออาจารย์สุดารัตน์ มุสิกวงษ์ ที่เชื้อเชิญให้ผม
บัณฑิต จันทร์โรจนกิจ
ในการสัมมนาครบรอบ 70 ปีการปลดปล่อยและแบ่งแยกดินแดนเกาหลี และโครงการสันติทัศนศึกษา
บัณฑิต จันทร์โรจนกิจ
ในยามนี้อากาศเริ่มอบอุ่นมากขึ้น แสงแรกของวันมาถึงก็เป็นเวลาที่ผมตื่นนอนเดินทางไปสนามบินเพื่อเดินทางต่อไปยังเมืองชัททานูกา มลรัฐเทนเนสซี 
บัณฑิต จันทร์โรจนกิจ
เมื่อฝนฟ้าตกตามฤดูกาล ท้องถนนของกรุงเทพสามารถเปลี่ยนเป็นท้องน้ำในยามฝนตกเพื่อให้รถเปลี่ยนเป็นเรือได้
บัณฑิต จันทร์โรจนกิจ
       ถ้าหากจะศึกษาประวัติศาสตร์ว่าด้วยหนังสือวิชาในโลกหนังสือไทยมีนิตยสารวิชาการอยู่สองฉบ
บัณฑิต จันทร์โรจนกิจ
ว่ากันว่าชื่อเมืองชิคาโกได้มาจากการออกเสียงของชาวฝรั่งเศสจากสำเนียงพื้นถิ่น shikaakwa ซึ่งหมายถึงต้นหอมป่า ฉายาเมืองนี้ถูกเรียกว่าเป็น Windy City