Skip to main content

อาจารย์ยิ้มไม่เคยสอนผม แต่ผมถือว่าอาจารย์ยิ้มเป็นอาจารย์ที่น่านับถือที่สุดท่านหนึ่ง 

 

อาจารย์เป็นผู้ฟังและให้โอกาสคนอยู่เสมอ โดยเฉพาะทางวิชาการด้วยกัน

 

ผมมักเจออาจารย์ตามที่สัมมนา และบ่อยครั้งที่ได้พบกันในเวทีวิชาการเดียวกัน ถึงแม้อาจารย์จะเป็นรุ่นใหญ่ แต่ก็มาพูดคุยอย่างเป็นกันเองทุกครั้งกลั้วเสียงหัวเราะ เมื่อถึงประเด็นที่จุดเสียงหัวเราะได้ อาจารย์ก็หัวเราะออกมาอย่างสนุกสนาน

 

ผมรู้จักอาจารย์ยิ้มผ่านหนังสือ "แผนชิงชาติไทย" ซึ่งเป็นจุดเปลี่ยนทางการเมืองที่สำคัญที่สุด และเป็นจุดสิ้นสุดความรับผิดชอบของคณะราษฎร หนังสือของอาจารย์มาจากวิทยานิพนธ์ระดับปริญญาโทของอาจารย์นั่นเอง แต่เมื่อได้อ่านแล้ว ไม่เพียงแต่จะเข้าใจความสำคัญของการเปลี่ยนแปลงการปกครอง แต่ยังชี้ให้เห็นเส้นสนกลในของจุดเปลี่ยนการเมืองไทยอย่างลึกซึ้งและเป็นงานที่เป็นงานหลักที่ "ต้องอ่าน" ในการศึกษาการเมืองไทย

 

อาจารย์ยิ้มชวนผมไปพูดที่อักษรศาสตร์ จุฬาฯ ในวาระ 100 ปี กบฏ ร.ศ. 130 ถึง 80 ปีประชาธิปไตย นับเป็นเกียรติสำหรับผมมาก เพราะเป็นเวทีแรกๆ ที่ผมข้ามมาฝั่งจุฬาฯ ในฐานะนักวิชาการรุ่นเด็ก ผมตื่นเต้นและสนุกสนานอย่างมาก

 

ในวันอาทิตย์ที่ 24 กันยายน ที่ผ่านมา อาจารย์ธงชัย วินิจจะกูลเพิ่งบอกต่อสาธารณชนว่าอาจารย์ยิ้มเป็นผู้ที่เก็บรักษาและจัดระบบเอกสารของพรรคคอมมิวนิสต์แห่งประเทศไทย รอดพ้นมายาวนานจนถูกเก็บรักษาที่หอจดหมายเหตุธรรมศาสตร์

 

นี่คือจุดบรรจบหนึ่งระหว่างการเป็นนักวิชาการประวัติศาสตร์ นักกิจกรรม กับการเป็นนักรบเพื่อประชาชนที่แท้จริง

 

ในยามที่บ้านเมืองถดถอย อาจารย์ยิ้มเลือกแสดงตัวอย่างเปิดเผยว่ายืนอยู่ข้างประชาชนและประชาธิปไตย อาจารย์ใส่เสื้อสีแดงและออกอภิปรายในเวทีต่างๆ อย่างเปิดเผย ทั้งๆ ที่อยู่ในรั้วสีชมพู ขณะที่อาจารย์และนักเคลื่อนไหวยุค 14 ตุลาฯ 6 ตุลาฯ หลายคนสวมเสื้อลายพรางไปแล้ว

 

ในยามที่อาจารย์ถูกรังแกจากอันธพาล จับอาจารย์ไปเข้าค่ายทหารที่สระบุรี ยึดหนังสืออาจารย์ ให้อาจารย์ตากแดดกลางสนามอย่างเลวร้ายและไร้มารยาทในความเป็นสุภาพบุรุษ กล่าวหาอาจารย์ว่าเป็นส่วนหนังของ "ผังล้มเจ้า" ซึ่งเป็นการกล่าวหาที่ร้ายแรงและอยุติธรรมอย่างยิ่ง เห็นแล้วยิ่งคับแค้นใจ

 

กลับเป็นอาจารย์ยิ้มเสียอีก ที่เลือกฟ้องผู้กล่าวหาอาจารย์ฯ และเมื่อคดีสิ้นสุดว่า "ผังล้มเจ้า" ก็คือ "ผังลิ้มเจ้า" อันเป็นเท็จ และถูกร่างขึ้นเพื่อใส่ร้ายทางการเมืองในข้อหาที่ร้ายแรงที่สุดข้อหาหนึ่ง กลับเป็นอาจารย์ยิ้มที่แสดงความเป็นสุภาพบุรุษนักรบ ที่ให้อภัยเขา โดยไม่เรียกร้องอะไรเลย

 

ในงาน "ยิ้มเย้ยจันทร์" ผมพานักศึกษาปริญญาเอกจากญี่ปุ่นไปร่วมงานแซยิดของอาจารย์ด้วยความเต็มใจ เพราะอาจารย์เป็นผู้ที่เป็นที่รักของพวกเรา พวกเราดื่มกินและล้อเลียนอาจารย์ด้วยความสนุกสนาน หนึ่งในพิธีกร คือ เจนวิทย์ เชื้อสาวะถี แต่งตัวเลียนแบบอาจารย์ในเอกลักษณ์สำคัญคือการยกเข็มขัดมาคาดไว้เหนือพุง เป็นอาจารย์ยิ้มที่ยืนหัวเราะและทักทายมิตรสหายจากหลากหลายวงการ

 

เมื่อย้ายมาทำงานที่จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัยก็ได้พบอาจารย์มากขึ้น แต่ก็เป็นช่วงเวลาที่อาจารย์เกษียณอายุแล้ว ผมจำไม่ได้ว่าพบอาจารย์ยิ้มครั้งสุดท้ายเมื่อไหร่ แต่คลับคล้ายคลับคลาว่าเป็นเวทีวิชาการเพื่อประชาธิปไตยหนึ่ง ยังคิดว่าอาจารย์ไม่สิ้นหวังกำลังใจในการต่อสู้เลย

 

มารู้อีกทีว่าอาจารย์ป่วยกระทันหันระหว่างท่องเที่ยวยุโรปจนต้องส่งตัวกลับมากระทันหัน คิดไว้ว่าจะเดินไปเยี่ยมอาจารย์เพราะอยู่ไม่ไกล แต่ก็ได้ยินว่าอาจารย์ต้องการพักผ่อน เลยอดใจไว้ ผัดวันประกันพรุ่งมาจนทราบข่าวร้ายว่าอาจารย์จากพวกเราไปในวันนี้

 

ผมขอรำลึกถึงอาจารย์ยิ้ม รศ. ดร. สุธาชัย ยิ้มประเสริฐ

 

นักวิชาการ นักรบ และปัญญาชนของประชาชน

 

ด้วยความคารวะอย่างสูงจากผม

 

 

บล็อกของ บัณฑิต จันทร์โรจนกิจ

บัณฑิต จันทร์โรจนกิจ
ณ ประเทศแห่งหนึ่งที่เพิ่งจะพ้นจากยุคเผด็จการอันแสนเลวร้ายมา พวกเขาต้องการร่างรัฐธรรมนูญใหม่เพื่อแก้ปัญหาที่สะสมหมักหมมนานนับหลายปี
บัณฑิต จันทร์โรจนกิจ
ผมมักเอ่ยถึงเวลาที่ผ่านไปอย่างรวดเร็วอยู่หลายครั้ง ด้วยความรู้สึกสามัญธรรมดาเหมือนกับหลายๆ คนที่เชื่อว่า วันเวลาแห่งความสุขช่างผ่านไปรวดเร็ว แ
บัณฑิต จันทร์โรจนกิจ
บทนำจากนิตยสารวิภาษา ฉบับที่ 61(ในการเผยแพร่ครั้งนี้ มีการแก้ไขการสะกดชื่อคุณจำกัด พลางกูร จากคำนำวิภาษาฉบับที่ 61 ที่ผมเขียนผิดเป็น "กำจัด" ต้องกราบขออภัยมา ณ ที่นี้ด้วยครับ)
บัณฑิต จันทร์โรจนกิจ
  คืนนี้หิมะโปรยลงมาตั้งแต่เย็น เป็นการฉลองวันคล้ายวันเกิดที่ห่างบ้านไม่น้อยทีเดียว แต่ก็เป็นเรื่องธรรมดา เพราะที่ผ่านมาก็เป็นแบบนี้ในหลายโอกาสเพราะวันคล้ายวันเกิดไม่มีอะไรต้องฉลองนอกเสียจากทบทวนชีวิตตัวเองว่าผ่านอะไรมาบ้าง 
บัณฑิต จันทร์โรจนกิจ
วันก่อนผมให้สัมภาษณ์กับรายการทีวีรายการหนึ่งซึ่งพาดหัวข่าวอาจจะแรงไปบ้างนะครับ ผมมีความเห็นต่อเรื่องการแต่งตั้งเครือญาติมานั่งเป็นผู้เชี่ยวชาญและผู้ช่วยปฏิบัติงานดังนี้นะครับ
บัณฑิต จันทร์โรจนกิจ
จากลิงค์และพาดหัวข่าวต่อไปนี้
บัณฑิต จันทร์โรจนกิจ
 ตารางกิจกรรมนะครับForum on Human Rights and Everyday Governance in Thailand: Past, Present and Future Friday, March 6, 2015; 9 a.m.-5 p.m.
บัณฑิต จันทร์โรจนกิจ
เมื่อวานนี้ (21 กุมภาพันธ์) หิมะยังโปรยเป็นสายลงมาไม่หยุดตั้งแต่ยามบ่าย นี่เป็นพายุหิมะระลอกที่สี่ เพียงแต่คราวนี้ไม่ยาวนานเหมือนครั้งก่อนๆ ในยามที่หิมะตกมาเป็นละอองเย็นๆ ยิ่งต้องระวัง เพราะหากสูดเข้าไปมากๆ อาจมีอาการป่วยได้ พวกเราเอง รวมทั้งผมต่างก็มีอาการป่วยกันคนละเล็กคนละน้อย เพราะสภาพอากาศที
บัณฑิต จันทร์โรจนกิจ
ผมนั่งมองปุยหิมะที่พริ้วลงมาตามสายลมตาปริบๆ บางทีสายลมเกรี้ยวกราดพัดมันปลิวเป็นสาย เลื้อยไหลตามถนนและหลืบบ้าน บางทีมันอ้อยอิ่ง ค่อยๆ พริ้วลงมา แต่ไม่มีท่าทีว่าจะหยุด 
บัณฑิต จันทร์โรจนกิจ
เพื่อนฝูงหลายคนหัวเราะแกมสมเพชที่ผมอยู่บอสตันในยามหนาวเหน็บอย่างถึงที่สุด โดยเฉพาะพายุหิมะที่พัดผ่านมาให้เมืองทั้งเมืองจมอยู่ใต้กองหิมะนับเดือน
บัณฑิต จันทร์โรจนกิจ
ผมมาอยู่ที่นี่ได้สองเดือนกว่าแล้ว ขณะที่เพื่อนๆ มาอยู่ได้ราวครึ่งปี นาฬิกาและตารางชีวิตเราจึงต่างกันบ้างด้วยความผูกพัน ภาระที่แต่ละคนพึงมี