Skip to main content

ข้อความคิดเรื่องหลัก The King can do no wrong ในสมัยสมบูรณาญาสิทธิราชย์

พุฒิพงศ์ พงศ์เอนกกุล, รวบรวม

หมายเหตุ : ท่านที่จะนำไปใช้กรุณาให้เครดิตการค้นคว้าฐานข้อมูลดิบของผมด้วย 

๑.ขุนหลวงพระไกรสี (เทียม)

"พระเจ้าแผ่นดินทำอะไรไม่มีผิด  เพราะฉนั้นเปนผู้ที่อยู่เหนือกฎหมายอาญาแลศาลอาญาในเมืองของท่าน  โดยเหตุนี้เราไม่จำเปนจะต้องพิจารณาว่า  การที่ท่านกระทำสิ่งนั้น ๆ จะผิดกฎหมายอาญา  หรือถูกกฎหมายอาญาแต่อย่างใด  แลอีกประการหนึ่งไม่สมควรที่เราจะคาดคะเนหรือสงไสยว่า  บางทีการสิ่งนั้นที่ท่านทำจะไม่เปนการสมควร  หรือเปนสิ่งที่ไม่ถูกกฎหมาย

เมื่อกฎหมายถือว่าพระเจ้าแผ่นดินทำอะไรไม่มีผิดดังนี้ก็ดี  ยังต้องคิดถึงผู้ที่เปนเเครื่องมือของพระเจ้าแผ่นดินอยู่  เช่นข้าราชการผู้ใหญ่ผู้น้อยต่าง ๆ ที่พระเจ้าแผ่นดินได้ตั้งแต่งไว้ไปกระทำสิ่งใดลง  หรือสั่งการสิ่งใดในหน้าที่ที่ผิดกฎหมายอาญาแล้ว  ผู้ใดกระทำตามคำสั่งที่ผิดนั้นต้องมีโทษ  จะไปซัดว่าผู้ที่มาสั่งหรือใช้ให้ตนกระทำเช่นนั้น  เปนผู้ได้รับอำนาจความตั้งแต่งจากพระเจ้าแผ่นดิน  ตนจึงกระทำตามคำสั่ง  แลเมื่อตามกฎหมาย  พระเจ้าแผ่นดินเปนผู้กระทำสิ่งใดไม่มีผิด  ผู้ที่รับอำนาจความตั้งแต่งมาสั่งการตามหน้าที่  ก็คงต้องไม่มีผิด  เขาผู้กระทำตามก็ควรไม่มีผิด  จะเถียงเช่นนั้นไม่ได้  ผู้ใดกระทำตามคำสั่งหรือคำบังคับที่ผิดกฎหมายอาญาแล้ว  ต้องมีโทษตามโทษานุโทษ"

โดยดู ขุนหลวงพระไกรสี (เทียม). หลักกฎหมายอาญา : เปนคำอธิบายหัวข้อกฎหมายอาญาต่าง ๆ. พิมพ์ครั้งที่ ๒. พระนคร : โสภณพิพรรฒธนากร. รัตนโกสินทร ศก ๑๒๖. หน้า ๑๘ - ๒๐. 

_____________________________

๒.อำนาจอภิสิทธิ์ขององคาพยพของกษัตริย์

"ในการที่ศาลจะมีหมายถึงเจ้าพนักงานกรมอื่นให้ทำการอย่างใดนั้น  ขอให้ระวังบ้าง  ต่อการใดจำเปนที่เขาต้องทำตามกฎหมายจึ่งควรมีเปนหมายสั่งไป  ถ้าการสิ่งใดไม่มีกฎหมายบังคับ  ว่าเขาต้องทำตามคำสั่งของศาล ๆ ไม่ควรมีหมายไป  เพราะกระทรวงก็มีอำนาจเท่า ๆ กัน  ศาลจะบังคับเขาไม่ได้  ศาลควรแจ้งความไปตามทางราชการ...อีกอย่างหนึ่ง ก็เรื่องโจทก์ฟ้องกรมแลกระทรวงเปนจำเลย  ศาลอย่ามีหมายไปยังกรมอัยการเลย  ให้มีเปนหนังสือแจ้งความไปยังเจ้ากรมอัยการ  เพราะเขาจะมาแก้ความก็ได้ไม่มาก็ได้  ศาลบังคับกรมแลกระทรวงเหล่านั้นไม่ได้  เปนน่าที่โจทก์ต้องทูลเกล้าฯ ถวายฎีกา  ถ้ากรมแลกระทรวงจะมาแก้ความแล้วก็ได้  โดยเขาไม่ถืออำนาจ  ศาลจึ่งตัดสินได้เหมือนอย่างความธรรมดา... ขอให้เปนที่เข้าใจว่า  เขายอมให้ชำระเรื่องหนึ่ง  อย่าเข้าใจว่ายอมให้ชำระทุกเรื่อง  ต้องว่ากันเปนเรื่อง ๆ ไป"

โดยดู กฎที่ ๖๐ ว่าด้วยการที่ศาลจะมีหมายถึงกรมแลกระทรวงต่าง ๆ. กฎให้ไว้มาณวันที่ ๒๘ พฤษภาคม รัตนโกสินทรศก ๑๒๙. โดยดู หลวงประดิษฐ์มนูธรรม (ปรีดี พนมยงค์) . ประชุมกฎหมายไทย. ภาค ๒. พิมพ์ครั้งที่ ๑. พระนคร : นิติสาส์น. หน้า ๕๔๒.

 _____________________________

๓.อำนาจอภิสิทธิ์ของญาติวงษ์กษัตริย์ในการทำผิดคดีอาญา

"ห้ามพระบรมวงษ์เธอต้องหาในคดีอาญา ให้ถือเหมือนอย่างข้าราชการชั้นสัญญาบัตร์...ให้ผู้พิพากษาทั้งปวงปฏิบัติ ให้ถูกต้องตามกระแสพระบรมราชโองการ"

โดยดู กฎที่ ๖๑ ว่าด้วยเรื่องหม่อมห้ามต้องหาในคดีอาญา. กฎให้ไว้ ณ วันที่ ๑ พฤษภาคม รัตนโกสินทรศก ๑๓๐. โดยดู หลวงประดิษฐ์มนูธรรม (ปรีดี พนมยงค์) . ประชุมกฎหมายไทย. ภาค ๒. พิมพ์ครั้งที่ ๑. พระนคร : นิติสาส์น. หน้า ๕๖๒.

_____________________________

๔.ราม ร. (พระบาทสมเด็จพระมงกุฎเกล้าเจ้าอยู่หัว) - ไม่ประกันหลักความชอบด้วยกฎหมายของนิติกรรมทางปกครอง แต่อีกนัยหนึ่งก็อาจกล่าวได้ว่า เป็นการคุ้มครองหลักความมั่นคงแห่งนิติฐานะอยู่เหมือนกัน หรืออีกนัยหนึ่ง อาจแสดงความ "ไม่ซับซ้อน" ปล่อยไปตามเรื่องตามราวของกษัตริย์ในสมัยนั้น

"เห็นว่าตามแบบธรรมเนียมแลประเพณีในกรุงสยามตามที่ได้เคยใช้มา  กฎเสนาบดีที่ได้รับพระราชทานพระบรมราชานุญาตแล้ว  ก็ต้องนับว่าเปนกฎหมาย  โดยไม่มีข้อควรสงสัยเลย ส่วนปัญหาข้อที่ว่า  กฎเสนาบดีไม่ควรบัญญัติข้อความใดขึ้นให้นอกเหนือพระราชบัญญัติ  ซึ่งกฎนั้นเปนส่วนนั้น  ว่าตามใจเราก็เห็นว่าเปนความเห็นอันควรคำนึงอยู่  แลน่าจะกำหนดลงไว้ให้ชัดเจน. จะได้ให้พิจารณาเปนส่วน ๑. แต่ตราบใดเมื่อยังมิได้มีบทบัญญัติลงไว้เปนอย่างอื่น  จะถือเอาความเห็นมาอ้างเปนข้อลบล้างตัดทอนอำนาจแห่งเสนาบดีใด ๆ นั้น ไม่เปนการสมควร  ศาลต้องพิพากษาตามบทกฎหมายและนิติประเพณีของกรุงสยามที่มีอยู่  เพราะฉนั้นให้ศาลฎีกาพิพากษาคดีไปตามกฎเสนาบดี...อันเปนบทบัญญัติในเรื่องนี้นั้นเถิดฯ"

โดยดู พระบรมราชวินิจฉัย ๒๕/๒๓๐ พระราชวังพญาไท วันที่ ๓ กันยายน พระพุทธศักราช ๒๔๖๖ ตอบหนังสือนำคำปฤกษาศาลฎีกาในคดีที่ ๔๔๐, ๖๑๗, ๖๑๘, ๖๑๙, พ.ศ. ๒๔๖๔ ลงวันที่ ๒๒ พฤษภาคม พ.ศ. ๒๔๖๖ โดยดู ธร์มสาร. เล่ม ๗ คำพิพากษาฎีกา พ.ศ.๒๔๖๖. หน้า ๒๗๑ - ๒๗๒.

_____________________________

๕.พระยาจินดาภิรมย์ (จิตร ณ สงขลา). พระยาเทพวิทุรฯ (บุญช่วย วณิกกุล). พระยามานราชเสวี (ปลอดวิเชียร ณ สงขลา)

"กฎหมายที่เปนบทบัญญัติ...ต้องเปนพระราชกำหนดแห่งพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว ฤๅอีกนัยหนึ่ง คือเปนบัญญัติของผู้มีอำนาจสูงสุดในแผ่นดิน... 

อนึ่ง กฎเสนาบดี  ฤๅกฎข้อบังคับใด ๆ ที่ได้ออกโดยถูกต้องตามอำนาจที่มีอยู่ในกฎหมาย  ก็เปนบทบังคับคดีได้อย่างกฎหมาย  แต่ไม่ใช่ตัวบทกฎหมาย  เพราะไม่ใช่พระราชกำหนดของพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว  เปนแต่เมื่อไดออกโดยถูกต้องแล้วมีผลในการบังคับคดีได้อย่างกฎหมาย  ข้อสำคัญที่ต่างกันก็คือ  ในส่วนกฎหมายศาลยุติธรรมไม่มีอำนาจที่จะยกขึ้นพิจารณาวินิจฉัยว่าผิดฤๅถูก  ชอบฤๅมิชอบ  ควรฤๅมิควร  แต่ในส่วนกฎเสนาบดีฤๅกฎข้อบังคับอื่น ๆ ศาลมีอำนาจวินิจฉัยว่าได้ออกโดยชอบฤๅไม่"

โดยดู พระยาจินดาภิรมย์ (จิตร ณ สงขลา). พระยาเทพวิทุรฯ (บุญช่วย วณิกกุล). พระยามานราชเสวี (ปลอดวิเชียร ณ สงขลา). คำอธิบายประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ บรรพ ๑. พิมพ์ครั้งที่ ๑. พระนคร : โสภณพิพรรฒธนากร. ๒๔๖๗. หน้า ๑๑ - ๑๒.

_____________________________ 

๖.นายจรูญ จันทรสมบูรณ์ (บิดาของ นายอมร จันทรสมบูรณ์)

"พระเจ้าแผ่นดินที่สมบูรณาญาสิทธิราช พระองค์ย่อมมีอำนาจเหนือกฎหมาย เพราะพระองค์เป็นบุคคลที่เป็นประมุขแห่งราษฎร  ไม่มีฐานะอย่างเอกชนธรรมดา  พระองค์เป็นองค์รัฐบาล  รัฐบาลจะอยู่ใต้บังคับของตนเองย่อมไม่ได้  พระเจ้าแผ่นดินได้บัญญัติกฎหมายไว้สำหรับบังคับราษฎรพลเมือง  ข้อบัญญัตินั้นจะบังคับพระองค์เองโดยกฎหมายของพระองค์เองนั้นเป็นสิ่งที่มี ไม่ได้  เปรียบประดุจข้อบังคับของอาจารย์ที่ใช้บังคับศิษย์  ข้อบังคับสำหรับศิษย์นั้นจะใช้บังคับแก่อาจารย์ไม่ได้  การจะอย่างไรก็ต้องแล้วแต่อาจารย์จะเห็นควร  มีสุภาษิตกฎหมายเกี่ยวกับข้อนี้อยู่ว่า  "กษัตริย์กระทำสิ่งที่ผิดไม่ได้" (Res non potes peccare) และ "กษัตริย์ไม่ถูกผูกพันโดยประกาศพระราชบัญญัติ  ถ้ามิได้ผูกพันกล่าวพระนามไว้ประจักษ์แจ้ง" (Roy n'est lie par ascun statute s'il ne soit expressement nosme)

เพราะเหตุที่กฎหมายมีลักษณะเช่นนี้  รัฐบาลทุกประเทศจึงมีอำนาจที่จะแก้ไขกฎหมายหรือยกโทษให้แก่นักโทษได้ในทุก ขณะที่เหมาะสมแก่รัฐประศาสนโยบาย...

พระธรรมนูญศาลยุติธรรม ร.ศ.๑๒๗ มาตรา ๕  ซึ่งมีบัญญัติไว้ตอนหนึ่งว่า  "กล่าวโทษเสนาบดีเจ้ากระทรวงทั้งปวง  ในข้อที่เกี่ยวด้วยหน้าที่ราชการ  ห้ามไม่ให้ฟ้องยังโรงศาล" ทั้งนี้เพราะเสนาบดีเป็นผู้แทนกระทรวง  กระทรวงต่าง ๆ ย่อมเป็นส่วนหนึ่งของรัฐบาล  รัฐบาลย่อมรับผิดชอบในข้อที่เกี่ยวด้วยราชการ  ถ้ายอมให้ฟ้องเสนาบดียังโรงศาล ก็เท่ากับยอมให้ฟ้องรัฐบาลตามโรงศาลตามกฏหมาย  ซึงศาลและกฎหมายตั้งขึ้นโดยรัฐบาลเอง  ก็จะเรียกว่า รัฐบาลมีอำนาจสูงสุดไม่ได้"

โดยดู จรูญ จันทรสมบูรณ์. ว่าด้วยกฎหมาย. ภาค ๑. ตอนที่ ๒. พิมพ์ครั้งที่ ๑. ไม่ปรากฏสถานที่พิมพ์. ๒๔๗๑. หน้า ๒๑ - ๒๓.

_____________________________

๗.มหาอำมาตย์ตรี พระยาลัดพลีธรรมประคัลภ์ (วงศ์ ลัดพลี)

"จำเลยเป็นโรคเกี่ยวกับสมองและหายไม่ปกติ  ในบางเวลาจำเลยคิดว่าตัวเป็นพระเจ้าแผ่นดินมีอำนาจฆ่าคนได้ในขณะที่จำเลยมีความคิดดังนั้น  จำเลยได้จับตัวคนใช้ในบ้านของจำเลยมาลงอาชญาจนตาย  โดยคิดว่าผู้ตายเป็นกบฏต่อจำเลยซึ่งเป็นพระเจ้าแผ่นดิน...จำเลยมีสติเขวถือ ว่าเป็นพระเจ้าแผ่นดินมีอำนาจฆ่าคนกบฏได้  เมื่อเป็นเช่นนี้ตามกฎหมายอังกฤษและอินเดียถือกันว่าจำเลยไม่มีผิด

ที่ไม่เอาโทษก็เพราะถือเอาเกณฑ์ความคิดของจำเลยที่หลงคิดไปเช่นนั้นขึ้นตั้ง คือยอมสมมติว่าถ้าการได้เป็นไปจริงดังที่จำเลยคิด  จำเลยจะทำได้ไม่เป็นผิดแล้ว  กฎหมายก็ไม่เอาโทษ  แต่ถ้าแม้เป็นความจริงจำเลยก็ยังมีความผิดฉะนี้แล้วข้อวิกลจริตของจำเลยก็ไม่เป็นข้อแก้ตัวได้"

โดยดู มหาอำมาตย์ตรี พระยาลัดพลีธรรมประคัลภ์ (วงศ์ ลัดพลี). คำอธิบายกฎหมายลักษณอาชญา ภาค ๑. พิมพ์ครั้งที่ ๑. พระนคร : อักษรนิติ. ๒๔๗๕. หน้า ๑๗๓.

_____________________________

ศรีบูรพา (กุหลาบ สายประดิษฐ์) วิพากษ์ The King can do no wrong ในยุคสมบูรณาญาสิทธิราชย์?

อย่างไรก็ดี ในสมัยสมบูรณาญาสิทธิราชย์เช่นกัน กุหลาบ สายประดิษฐ์ (ศรีบูรพา - นามปากกา) กล่าวถึงเรื่องนี้ไว้น่าสนใจในบทความ "มนุษยภาพ" เผยแพร่ครั้งแรกใน หนังสือพิมพ์ศรีกรุง, วันที่ ๒๑ มกราคม พ.ศ.๒๔๗๔ บางตอนดังนี้

"วิทยาศาสตร์ของการโกหกตอแหลกำลังก้าวหน้า...การโกหกตอแหล การหลอกลวง ได้ก่อกำเนิดจากคณะรัฐบาล และหมู่ชนชั้นสูง...และเมื่อคิดถึงว่า อำนาจเป็นสิ่งบันดาลความนิยม และอำนาจในทุกวันนี้ เราหมายกันถึงเงินกับชั้นสูง ฉะนั้นเราจะไม่เตรียมตัวไว้ตกใจกันบ้างหรือว่า วิทยาศาสตร์ของการโกหกตอแหลจะแพร่หลาย และนิยมกันทั่วไปในบ้านเรา

ข้าพเจ้าว่า อำนาจบันดาลความนิยม และอำนาจคือเงินกับชั้นสูงนั้น เป็นการแน่แท้ด้วยอะไรที่เงินหรือชนชั้นสูงกระทำ เราถือว่าเป็นถูกต้องควรนิยมทุกอย่าง จนถึงกับมีศัพท์บ้า ๆ อะไรเกิดขึ้นคำหนึ่งว่า ปาปมุติ คือผู้ไม่รู้จักมีบาป ผู้ทำอะไรไม่ผิด  หรือมิยอมให้ว่าเป็นถูก นั่นมันเป็นการที่ต่างหลอกลวง อย่างนี้ซึ่งสิ่งใดผิดถูกชอบที่จะให้ขาวเพื่อประโยชน์ของชนชั้นสูง ที่เราพากันเชื่อถืองมงายเช่นนี้ แสดงว่าเราไม่สู้หน้ากับความเป็นจริงนั้น ไม่เห็นปรากฏมีใครในโลกที่จะทำอะไรไม่ผิดเลย ถึงท่านเจ้าของลัทธิหรือศาสดาทั้งหลาย อันมีผู้เคารพสักการะทั่วโลกก็ยังปรากฏว่าได้เคยคิดหรือทำอะไรผิดมาเหมือนกัน..."

โดยดู กุหลาบ สายประดิษฐ์,  มนุษย์ไม่ได้กินแกลบ : ข้อเขียนการเมืองของ กุหลาบ สายประดิษฐ์ ในฐานะนักหนังสือพิมพ์, (สุชาติ สวัสดิ์ศรี บรรณาธิการ), กรุงเทพ : คณะกรรมการดำเนินงานจัดสร้างสวนประติมากรรมประวัติศาสตร์ "ธรรมศาสตร์กับการต่อสู้เพื่อประชาธิปไตย", ๒๕๔๘. 

 

[ยุติสำหรับส่วนนี้] 

โปรดติดตามตอนต่อไป ความคิดเรื่องหลัก The King can do no wrong ในสมัยประชาธิปไตย , เมื่อเวลาของข้าพเจ้าอำนวย.

 

บล็อกของ พุฒิพงศ์ พงศ์เอนกกุล

พุฒิพงศ์ พงศ์เอนกกุล
กระบวนการสร้างมโนทัศน์ต่อความผิดฐานหมิ่นกษัตริย์ ว่าด้วยเหตุยกเว้นความผิดพุฒิพงศ์ พงศ์เอนกกุล๑. ข้อพิจารณาเบื้องต้น
พุฒิพงศ์ พงศ์เอนกกุล
ปัญหาบางประการเกี่ยวกับความชอบด้วยกฎหมายของ(ร่าง)หลักเกณฑ์การประมูลดิจิตอลทีวี : กรณีให้เปิดเผยผู้ถือหุ้นตั้งแต่ลำดับที่ ๓ ขึ้นไปและทุกทอดตลอดสายนายพุฒิพงศ์ พงศ์เอนกกุล
พุฒิพงศ์ พงศ์เอนกกุล
วิพากษ์สุรพล นิติไกรพจน์ (ภาค ๒)๑ พุฒิพงศ์ พงศ์เอนกกุล คำอภิปรายในงานรำลึกครูกฎหมาย (อาจารย์ไพโรจน์ ชัยนาม) โดย สุรพล นิติไกรพจน์ วันนี้๒  ถ้าอย่างในคัมภีร์ก็คงได้เพียงอุทาน "โมฆะบุรุษหนอ" หรือแปลเป็นภาษาลูกทุ่ง ก็คือ "อ้ายชิบหาย" ครับ
พุฒิพงศ์ พงศ์เอนกกุล
ข้อน่าพิจารณาบางประการ : กรณีศาลฎีกายกฟ้อง"คดีถาวร เสนเนียม ฟ้องอดีต กกต."(๒๕๔๙) พุฒิพงศ์ พงศ์เอนกกุล มูลเหตุของคดีนี้เริ่มต้นเพื่อ "สนับสนุนให้รัฐประหาร ๑๙ ก.ย.๒๕๔๙" (เพื่อไม่ให้มีการเลือกตั้ง โจมตีการเลือกตั้ง) และเป็นชนวนในการสร้างสุญญากาศทางการเมือง  คดีนี้เริ่มต้น จะเห็นภาพพจน์ "ชัดแจ้งยิ่งขึ้น" เมื่อพิจารณาลำดับเหตุการณ์ก่อนพิเคราะห์รายละเอียดที่สำคัญของคดี เราจะเห็นได้ว่า "เหตุการณ์ ๒๕๔๙" นั้นเกิดขึ้นเป็นลูกระนาดเลย คร่าว ๆ ดังนี้[๑]
พุฒิพงศ์ พงศ์เอนกกุล
ถึงสมศักดิ์ เจียมธีรสกุล : เรื่องบันทึกการขออภัยโทษคดีสวรรคต พุฒิพงศ์ พงศ์เอนกกุล
พุฒิพงศ์ พงศ์เอนกกุล
จอมพล ป. ในตำแหน่ง"ผู้สำเร็จราชการแทนพระองค์และนายกรัฐมนตรี"โดยการทำรัฐประหาร พุฒิพงศ์ พงศ์เอนกกุล
พุฒิพงศ์ พงศ์เอนกกุล
โต้บวรศักดิ์ อุวรรณโณ : การนิรโทษกรรมของคณะราษฎร (๒๖ มิ.ย.๒๔๗๕) พุฒิพงศ์ พงศ์เอนกกุล
พุฒิพงศ์ พงศ์เอนกกุล
อุปสรรคในการร่าง"ประมวลกฎหมายแบบตะวันตก"ฉบับแรกของสยาม พุฒิพงศ์ พงศ์เอนกกุล
พุฒิพงศ์ พงศ์เอนกกุล
การใช้สิทธิพิทักษ์รัฐธรรมนูญครั้งแรกของไทยเมื่อ ๒๔๗๖ พุฒิพงศ์ พงศ์เอนกกุล
พุฒิพงศ์ พงศ์เอนกกุล
ชวนอ่าน "เรื่องเล่า" โดย สมเด็จพระนางเจ้าสิริกิติ์ฯ (๒๕๑๑) หมายเหตุ : บังเอิญผมได้อ่าน ข้อเขียนของ "ราชินี" (ดังที่จะคัดให้อ่านด้านล่าง) ในคราวเสด็จเยือนประเทศออสเตรเลียกับในหลวง พบว่าน่าสนใจ จึงคัดมาให้ท่านทั้งหลายได้อ่านกัน - ข้อความด้านล่างนี้เป็นข้อเขียนของ สมเด็จพระนางเจ้าสิริกิติ์ พระบรมราชินีนาถ เมื่อปี พ.ศ.๒๕๑๑ -------------------------------------------------------
พุฒิพงศ์ พงศ์เอนกกุล
บริบทของพระราชดำรัสสดวันที่ ๔ ธันวาคม ๒๕๔๘(อนุญาตให้วิจารณ์กษัตริย์?) พุฒิพงศ์ พงศ์เอนกกุล หลายท่านที่คัดค้านการบังคับใช้ "ประมวลกฎหมายอาญา มาตรา๑๑๒" มักอ้างอิง (โดยขาดบริบท) พระราชดำรัส ๔ ธันวาคม ๒๕๔๘ ซึ่งในโอกาสนั้น "ในหลวง" ตรัสเกี่ยวกับ (ทรง)อนุญาตให้ประชาชนวิจารณ์พระองค์ได้ ขอให้สังเกตพระราชดำรัสดังกล่าวในความว่า :
พุฒิพงศ์ พงศ์เอนกกุล
ดีเบตกรณีสวรรคต ร.๘ ระหว่าง จิตติ ติงศภัทิย์ vs หยุด แสงอุทัย พุฒิพงศ์ พงศ์เอนกกุล คำพิพากษาฎีกาที่ ๑๕๔๔/๒๔๙๗ (คดีสวรรคต ร.๘) กรณีนายเฉลียว จำเลย นั้น ศาลฟังข้อเท็จจริงว่า "ได้ช่วยปกปิดไม่เอาความนั้นไปร้องเรียนขึ้นจนมีเหตุบังเกิดการประทุษร้ายแด่พระองค์"