Skip to main content

ปกิณกะว่าด้วยการทำประชามติแก้รัฐธรรมนูญ : ปัญหาจากการเดินตามศาลรัฐธรรมนูญงดโหวตวาระสาม

พุฒิพงศ์ พงศ์เอนกกุล

๑. ข้อพิจารณาเบื้องต้น

ในคราวออกเสียงลงประชามติรับร่าง/ไม่รับร่างรัฐธรรมนูญ ๕๐ นะครับ ใช้คะแนนเสียงข้างมากของผู้มาออกเสียงประชามติ (มาตรา ๓๑ รัฐธรรมนูญแห่งราชอาณาจักรไทย(ฉบับชั่วคราว)พุทธศักราช ๒๕๔๙) นั่นคือ คิดจากฐานของ "คนที่ไปคูหา" ลงประชามติ (คนที่ไม่ไปคูหา ก็จะไม่ถูกนับรวม/ไม่ส่งผลกระทบต่อ "ผลประชามติ")
แต่ถ้าจะลงประชามติคราวนี้ ตามรัฐธรรมนูญ ๕๐ นั้น ต้องใช้เสียงข้างมากของผู้มีสิทธิออกเสียงประชามติ (มาตรา ๑๖๕ วรรคสาม รัฐธรรมนูญแห่งราชอาณาจักรไทย) นั่นคือ คิดจากฐานของ "คนที่ไปคูหาและไม่ไปคูหา" (การไม่ไปคูหา มีค่าเท่ากับ การปฏิเสธประชามติ ซึ่ง "ส่งผลกระทบต่อประชามติ")

ให้เข้าใจง่าย ๆ ก็คือ สมมติ คนมีสิทธิลงประชามติ ๑๐๐ คน

ตอนปี ๔๙ โหวตชนะด้วยคะแนน ครึ่งนึงของ "คนที่ไป" ลงประชามติ = เช่น มีคนไปลงประชามติ ๑๐ คน (ทั้ง ๆ ที่ผู้มีสิทธิลงประชามติมีทั้งสิ้น ๑๐๐ คน) โหวตชนะด้วยครึ่งหนึ่งของคนที่ไป คือต้องได้ ๖ คะแนนเป็นอย่างต่ำก็ชนะแล้ว

แต่ทว่าปี ๕๐ โหวตชนะด้วยคะแนน ครึ่งนึงของ "คนที่มีสิทธิ" = คนมีสิทธิลงประชามติ ๑๐๐ คน จะต้องมี "คนไป" มากกว่า ๕๐ คน และต้องโหวตผ่าน "มากกว่า ๕๐ คน" ด้วย เช่นนี้ประชามติจึงจะผ่าน เช่น มีคนไปลงประชามติ ๑๐ คน (ทั้ง ๆ ที่ผู้มีสิทธิลงประชามติมีทั้งสิ้น ๑๐๐ คน) ผลคือ เท่ากับประชามติไม่ผ่านความเห็นชอบ (การอยู่บ้านเฉยๆ มีค่าเท่ากับไปกาไม่เห็นด้วย)

เท่ากับว่า การลงประชามติรับรัฐธรรรมนูญตอนปี ๕๐ นั้น โหวต "รับร่างรัฐธรรมนูญ" ง่ายกว่าประชามติโยนรัฐธรรมนูญปี ๕๐ ทิ้งถังขยะ ครับ

๒. ปัญหาเรื่องผลโหวตชนะประชามติหรือไม่?

ถึงแม้จะโหวตประชามติชนะ ก็จะมีปัญหาอีกล่ะครับ : คือ รัฐบาลก็โง่เอง ที่ตนมีอำนาจในการเดินหน้าแก้รัฐธรรมนูญอยู่แล้ว ดันไปให้ลงประชามติก่อนที่จะได้ "ร่าง" ออกมา ซึ่งจะเกิดปัญหามองไปข้างหน้าว่า เมื่อผลการลงประชามติออกมาแล้ว เดี๋ยวก็จะมีการส่งเรื่องไปศาลรัฐธรรมนูญให้ตีความอีกว่า คะแนนเสียงประชามติเป็นไปตามเสียงข้างมากธรรมดา ตามฐานของมาตรา ๑๖๕ วรรคสาม ของรัฐธรรมนูญฯ หรือไม่ และถึงแม้จะได้เสียงข้างมากออกมาแล้วศาลรัฐธรรมนูญมองว่า "ไม่ผ่าน" เช่นนี้ประชามติก็เจ๊ากันไป ถือว่าไม่เคยมีประชามติเกิดขึ้น

เรื่องราวมันก็จะกวนตีนกันไปแบบนี้น่ะครับ

๓. ยุบพรรคเพื่อไทยเพราะทำประชามติ?

ในท้ายที่สุด ศาลรัฐธรรมนูญก็จะยุบพรรคเพื่อไทย ตามมาตราว่าด้วยการทำประชามติ (มาตรา ๑๖๕ วรรคสี่) ประกอบกับมาตรา ๖๘ ก็คือ เขาก็จะบอกว่า รัฐบาลจัดประชามติในเรื่องที่ขัดกับรัฐธรรมนูญ เพราะคุณทำประชามติในเรื่องแก้ไขรัฐธรรมนูญ ซึ่งโดยธรรมชาติของการแก้รัฐธรรมนูญย่อมเป็นการขัดรัฐธรรมนูญอยู่แล้วโดยสภาพ (ไม่ได้ทำให้รัฐธรรมนูญมีเนื้อหาเหมือนเดิม) ฉะนั้นจึงเป็นการประชามติที่ไม่ชอบด้วยรัฐธรรมนูญ และพรรคเพื่อไทยดำเนินการให้มีการใช้สิทธิเสรีภาพที่ขัดรัฐธรรมนูญเพื่อล้มล้างรัฐธรรมนูญ ต้องยุบพรรคตามมาตรา ๖๘ รัฐธรรมนูญแห่งราชอาณาจักรไทย

คือ น่าสมเพชมากๆ ปนกับความน่าสมน้ำหน้ารัฐบาลที่กลัวจัด ไปเดินตามคำแนะนำมั่ว ๆ ก็จะเจอ "เรื่องมั่ว ๆ" ไปเป็นทอด ๆ อย่างสนุกสนาน คือ คุณขว้างงูไม่พ้นคอหรอกครับ ถ้ามันจะ "เล่น" จริงๆ น่ะ

๔. บทส่งท้าย

หากว่า "รัฐธรรมนูญฉบับระบอบประชาธิปไตยอันมีพระมหากษัตริย์ทรงเป็นประมุข" ถูกห้ามแก้ไขหรือถูกตั้งเงื่อนไขจนไม่สามารถแก้ไขได้ภายในระบบปกติ สภาวะของ "สิ่งที่ต้องการเปลี่ยนแปลงไปตามโลก" ถูกหยุดยั้งจนถึงขีดสุดของการฝืนกฎธรรมชาติของสังคม ย่อมจะนำไปสู่ "การเปลี่ยนแปลงโดยวิถีทางนอกวิถีทางรัฐธรรมนูญฉบับระบอบประชาธิปไตยอันมีพระมหากษัตริย์ทรงเป็นประมุข" นั่นหมายความว่า eternity clause (บทบัญญัติที่รัฐธรรมนูญฉบับนี้ห้ามแก้ไขโดยตรงหรือโดยปริยาย) ก็จะไม่เป็นกรอบบังคับในการจัดทำรัฐธรรมนูญฉบับใหม่นั่นเอง และอาจจะนำไปสู่การวางหลักมูลฐานของประเทศเป็น "หลักมูลใหม่" ไปในที่สุด - ธรรมชาติของรัฐธรรมนูญที่แก้ไขยากมาก ๆ หรือห้ามแก้ไขเลย ก็คือแบบที่กล่าวมานี้ครับผม

บล็อกของ พุฒิพงศ์ พงศ์เอนกกุล

พุฒิพงศ์ พงศ์เอนกกุล
โต้ จิตติ ติงศภัทิย์ เรื่อง "ยิ่งจริงยิ่งหมิ่นประมาท" ตามกฎหมายอาญา พุฒิพงศ์ พงศ์เอนกกุล อ.จิตติ ติงศภัทิย์ เป็นปรมาจารย์ทางกฎหมายอาญาของไทย และเป็นนักนิติศาสตร์ผู้หนึ่งซึ่งสนับสนุน  "คำพิพากษาประหารจำเลย(แพะ)ในคดีสวรรคตรัชกาลที่ ๘" [ดู หมายเหตุท้ายคำพิพากษาศาลฎีกาที่ ๑๕๔๔/๒๔๙๗]  ภายหลังท่านดำรงตำแหน่งเป็นองคมนตรี ปัจจุบันเสียชีวิตแล้ว
พุฒิพงศ์ พงศ์เอนกกุล
ถาม-ตอบ ข้อโต้แย้งเกี่ยวกับสถานะของกฎหมายมณเฑียรบาล 
พุฒิพงศ์ พงศ์เอนกกุล
ลำดับชั้นในทางกฎหมายของ "กฎมณเฑียรบาลว่าด้วยการสืบราชสันตติวงศ์" พุฒิพงศ์ พงศ์เอนกกุล
พุฒิพงศ์ พงศ์เอนกกุล
กษัตริย์และคณะรัฐประหารของไทยผ่านคำอธิบายเรื่องพระราชนิยมของวิษณุ เครืองาม พุฒิพงศ์ พงศ์เอนกกุล [บันทึกความจำ] หมายเหตุ : ขอให้ท่านใคร่ครวญค่อย ๆ อ่านดี ๆ นะครับ คำอธิบายของ "วิษณุ เครืองาม" เช่นนี้ เป็นผลดีต่อกษัตริย์หรือไม่ อย่างไร
พุฒิพงศ์ พงศ์เอนกกุล
พระราชบัญญัติธรรมนูญการปกครองแผ่นดินสยามชั่วคราวฯ : ว่าด้วยการจัดการองค์กรของรัฐสู่"ระบอบใหม่" พุฒิพงศ์ พงศ์เอนกกุล
พุฒิพงศ์ พงศ์เอนกกุล
คำว่า"ควรมิควรแล้วแต่จะโปรด" ในทรรศนะนายอุดม เฟื่องฟุ้ง ผู้บรรยายกฎหมายแห่งเนติบัณฑิตยสภาและอดีตกรรมการ คตส. (ตามประกาศ คปค.ฉบับที่ ๓๐) : พร้อมข้อสังเกต พุฒิพงศ์ พงศ์เอนกกุล
พุฒิพงศ์ พงศ์เอนกกุล
คดีคณะโต้อภิวัฒน์ (๒๔๗๘) ขับไล่รัชกาลที่ ๘-สังหารผู้สำเร็จราชการแทนพระองค์ แล้วจะอัญเชิญรัชกาลที่ ๗ ครองราชย์อีกครั้ง
พุฒิพงศ์ พงศ์เอนกกุล
โต้ธงทองฯ กรณีเทียบเคียงมาตรา ๑๑๒ กับกรณีหมิ่นประมุขต่างประเทศ, เจ้าพนักงานและศาล* พุฒิพงศ์ พงศ์เอนกกุล
พุฒิพงศ์ พงศ์เอนกกุล
ตุลาการที่ใช้อำนาจโดยมิชอบ :คติกฎหมายไทยโบราณ พร้อมบทวิจารณ์ปรีดี พนมยงค์โดยสังเขป พุฒิพงศ์ พงศ์เอนกกุล "เมื่อใดกษัตริย์ใช้อำนาจนั้นโดยมิชอบก็มีสิทธิ์เป็นเปรตได้เช่นกันตามคติของอัคคัญสูตรและพระธรรมสาสตร"
พุฒิพงศ์ พงศ์เอนกกุล
ร.๕ "ประกาศเลิกทาส" ภายหลังจากระบบไพร่ทาสได้พังพินาศไปเรียบร้อยแล้วในทางข้อเท็จจริง
พุฒิพงศ์ พงศ์เอนกกุล
รัชกาลที่๕ ตั้ง"เคาน์ซิลออฟสเตด"เพื่อกำจัดศัตรูทางการเมือง มิใช่จะตั้งศาลปกครอง/กฤษฎีกาแต่อย่างใด พุฒิพงศ์ พงศ์เอนกกุล 
พุฒิพงศ์ พงศ์เอนกกุล
อำนาจบาทใหญ่ของคณะเจ้ารัชกาลที่ ๗ ช่วงก่อน ๒๔๗๕ : เจ้าทะเลาะกับราษฎร (กรณีนายจงใจภักดิ์) พุฒิพงศ์ พงศ์เอนกกุล, ค้นคว้า-เรียบเรียง