Skip to main content


 

สา ย ล ม บ่า ย แห่งฤดูหนาวโชยพลิ้ว ณ บ้านชายทุ่งที่ ฉั น พำนักอยู่
ฉั นนั่งเขียนหนังสือท่ามกลางทุ่งฟ้ากว้าง แมลงปอสีน้ำตาลตัวเล็กพริ้มปีกบางหาอาหาร นกแซงแซวหางบ่วงสีดำบินผ่านหน้าฉั นไป
ดีใจเพราะไม่ได้เห็นเธอนานแล้ว นับตั้งแต่บ้านดินของฉั นถูกแลกเปลี่ยนไปเป็นการสร้างสนามกอล์ฟแทน เมื่อก่อนนี้ที่บ้านดินขง ฉั น มีนกแซงแซวมาก มีมาเป็น คู่ คู่

"
ทา พรุ่งนี้ช่วยซื้อปลาธรรมชาติ ปลาหลิมที่อยู่ลำน้ำมาให้ครูหน่อยนะ ครูจะเอามาปิ้งย่างกิน " ฉั น บอก
"
ทา" ชายหนุ่มลูกทุ่งพื้นบ้านแห่งบ้านท่าเกวียน อำเภอสันทราย ที่ฉันมาดำรงอยู่
"
ทา" มาทำงานรับจ้างใช้แรงงาน...ดายหญ้า และทำงานจิปะถะให้น้องสาวของฉันที่สร้างบ้านอยู่บริเวณใกล้ชิดกัน
เราสองคนพี่น้องตกลงกันว่า เราจะดำรงชีวิตแบบเรียบง่าย ณ บ้านนอก บ้านชายทุ่งตราบจนกลับคืนสู่อ้อมอกอันอบอุ่นแห่งแม่พระธรรมชาติธรรมชาติตราบนิรันดร์...
พี่ๆ ทั้งสามคนของฉั น พวกเขาขายที่ให้สนามกอล์ฟไปหมดแล้ว เพราะเขาไม่เคยชินอยู่กับสังคมบ้านนอกหรือแบบลูกทุ่ง
พวกเขาเป็นชนชั้นกลางในเมืองมานมนาน ส่วนฉันก็เคยเป็นชนชั้นกลางในเมืองเช่นกัน (เป็นชนชั้นกลางระดับต่ำประเภทพอมีสติอยู่ แต่ไม่ค่อยมีสตางค์ ฮา ไฮ้ ) ... แต่ ฉั นใฝ่ฝันอยากอยู่กับฐานที่มั่นในบ้านนอกมานานแล้ว เพราะในเมืองมีแต่มลพิษ ฯลฯ ในที่สุดฝันนั้นก็เป็นจริง!

"
ครับ ผมจะซื้อให้ครู ที่ตลาดมีเยอะแยะ เอาปลาสลิดด้วยไหมครับ?" เขาตอบด้วยใบหน้ายิ้มแย้ม
"
เอาสิ เอามาอย่างละกิโล แล้วทาช่วยฆ่าเขาให้ครูตวยเน้อ ตอนนี้ครูไม่กล้าฆ่า แต่กล้ากิน" เขาหัวเราะ รับว่าจะทำให้ในเช้าวันพรุ่งนี้

ฉั น... ตอนเป็นเด็กๆ และวัยรุ่น ฉั นเคยทำบาปมามากมาย ยิงนก ฆ่างู กบเขียด กิ้งก่า ฆ่าไก่เมือง (ไก่บ้านที่ปลอดสารพิษ) โดยเอามือจับสองขาเพื่อนน้องเพื่อนสัตว์ ไก่บ้าน เหวี่ยงเอาหัวของเขาฟาดกับต้นไม้ใหญ่ที่บ้าน เธอดิ้นรนทุกข์ทนทรมาน ...

เด็ดหางก่ำบี้ (แมลงปอ) เอาดอกหญ้าเสียบรูตูดเธอ แล้วให้เธอโบยบินดั่งเครื่องบินเฮลิคอปเตอร์ แล้วพวกเราก้หัวเราะชอบใจกับเพื่อนๆ ...

ยิงกิ้งก่าบนต้นไม้โดยกล่าวหาว่ากิ้งก่าผงกหัวท้าทายเรา (ที่แท้เป็ธรรมชาติของเขา)...สารพัด สารพัน ทำบาป โดยไม่มีจิตวิญญาณสำนึกรู้ ฯลฯ เคยเอาหนังสะติ๊กยิงนกตกลงมาจากต้นลำใย แต่เธอยังไม่ตายดี ฉันอุ้มเธอไว้ในอุ้งมือ เนื้อตัวเธออุ่นๆ ดวงตาเธอเจ็บปปวดรวดร้าว ฉั นสงสารเธอมาก รีบเอาปากเป่าที่ฮูขี้เธอ (ตูดเธอ) เพราะผู้ใหญ่บอกว่าถ้านกบาดเจ็บก็เป่าตูดเขาก็อาจฟื้นตัวได้...แต่สายไปเสียแล้วเธอพริ้มตาหลับไปตลอดกาลในอุ้งมือบาปแห่งฉัน ฉันเสียใจมาก นับแต่นั้น ฉันเก็บหนังก๋ง (หนังสะติ๊ก) เข้ากรุ ไม่ยิงนกอีกเลย!

- - -
แ ต่ ทว่า ฉั นยังอยู่ในโลกโลกียะ มิใช่ โลกโลกุตตระ ที่บรรลุธรรม...ฉันยังมีความอยากอยู่ (แม้จะพยายามจะ ลด ละ ทิ้งฯลฯ)
ฉั นก็ยังทำบาปต่อเพื่อสัตว์อยู่บ้าง เช่นไปตลาด ยลเห็นปลาพื้นบ้านก็ขอให้แม่ค้าทุบหัวฆ่าให้คนบาปอย่างฉั นเอาไปทำอาหาร...
"
แม่ค้าครับ ทุบหัวให้ตายสนิท เน้อ ผมไม่กล้าฆ่าเขา" ฉั นบอกทุกครั้ง






- - -
สา ง สา ย ยา ม เ ช้า ดวงตะวันสาดทอให้ความอบอุ่นและให้ชีวิตแต่ผองเพื่อนสรรพสิ่ง สรรพชีวิต...
"
ทา" ก็...หิ้วปลาหลิม ... ปลาช่อนมาให้ฉัน (แต่พวกผู้ดีศักดินาและพวกเด็กกระทรวงศึกษาธิการที่มันสมองไม่ยอมโตซักกะที แก่จนตายว่างั้นเถอะ กลับไปเปลี่ยนชื่อ ปลาหลิม ปลาช่อนว่าเป็น "ปลาหาง”)
หาว่าเป็นคำหยาบคาย ปัดธ่อท่านผู้ดี ตะแคงตินเดินทั้งหลาย พวกทั่นได้กำเนิดเกิดมาด้วยอวัยวะอะไรวะ ? ถ้าไม่ใช่ไอ้ช่อนและโคกโยนีของบิดามารดาของพวกเอง...ลำคลองชื่อโคกพระนางก็เสือกไปเปลี่ยนเป็นชื่ออื่นอีก แล้วเด็กๆ รุ่นลูกหลาน เหลน โหลน หลีด ลี้ ฯลฯ ของพวกเอ็ง เขาจะได้เข้าใจประวัติศาสตร์ยังไงวะ? เปลี่ยนชื่อไปเรื่อย ไร้มันสมอง
ชื่อ สถานที่ วัดวาอาราม ฯลฯ ก็เผด็จการ เสือกเปลี่ยนไปเกือบหมด ...

ขอโทษ ท่านผู้อ่านวันนี้ขอใช้ภาษาจิ๊กโก๋ นักเลงหน่อย แต่ใช้ด้วยความเมตตาเน้อ

... "
ครูครับ ได้แต่ปลาหลิม ปลาสลิดไม่มี"
เขาบอก อ้อ ฉั นจำบ่ได้แล้ว ชื่อปลาสลิด พวกไร้กิ๋นพวกนั้นเขาก็เปลี่ยนชื่อตวยเน้อ ฉันจำบ่ได้แล้ว ตอนเรียนชั้นมัธยมนั่นแหละในหลักสูตรภาษาไทยที่พวกเด็กกระทรวงฯ เปลี่ยน ใครจำได้กรุณาบอกเป็นวิทยาทานที
- - - "
ไม่เป็นไร ขอบคุณครับ " ฉันยิ้มขอบคุณ พร้อมมอบเงินจำนวนหนึ่งให้เขาเป็นสินน้ำใจ เขาเอาเงินทอนที่ฝากซื้อให้ ฉั น
.. "
ครูครับ มีตายอยู่ตัวหนึ่ง " เขาบอก

"
ทา ทุบหัวทั้งสองตัวเลยนะ ส่วนตัวที่ตาย ครูจะเอาไปปิ้งย่างตวยกั๋น เหลือตัวเป็นสองตัวขังใส่โอ่ง พรุ่งนี้ ทามาทำงานที่บ้าน ครูทาก็จัดการให้ครูเลย" ฉั นบอกเขาด้วยความอยากกระหายจะกินปลาธรรมชาติสดๆ... แล้ว ทา ก็จัดการ เขาเอาแก๋นครก (สาก) ทุบหัวปลา ฉั นเดินหนีทันที (ดัดจริตหรือเปล่าเนี่ย? ดัดจริตแน่นอน...แต่ ฉั น ไม่อยากเห็นภาพอันเวทนานี้)

- - -
อาจารย์ "เสกสรรค์ ประเสริฐกุล" เคยถูกวิจารณ์ (ด่า) จากพวกที่กล่าวหาว่าแกทำบาปเรื่องแกไปตกปลา แต่แกก็เขียนบอกทำนองว่า...
"
ไอ้พวกนี้ไม่รู้ดอกว่าด้านหนึ่งผมตกปลาเพื่ออะไร ผมเคารพเขาที่เขาเป็นอาหารให้มนุษย์เรา และผมตกปลาในอีกด้านหนึ่งก็เป็นจิตวิญญาณที่ให้ข้อคิดคำนึงของผมด้วย แล้วพวกที่วิจารณ์ผม เขาไปซื้อปลาที่ตลาดล่ะ พวกคุณบาปไหม?
ถ้าคุณไม่กระหายซื้อปลามากินก็จะไม่มีคนเอาปลามาขาย"

อ้ายเสกสรรค์ฯ วิจารณ์ (ด่า) ตอบกลับมั่ง สำหรับคนที่ดัดจริตเป็นคนใจบุญ...
ตอนนี้อ้ายเสกสรรค์ฯ พอบรรลุธรรมแล้วเขาไม่ฆ่าสัตว์แล้ว แม้แต่ยุงเขาก็ไม่ตบ ความจริงยุง แมลงวัน เขาก็เป็นเพื่อนร่วมโลกของเรา เขาก็ต้องหากิน ถ้าไม่อยากให้เพื่อนยุงกัดก็กางมุ้ง ทำมุ้งลวด ยุง แมลงวันไม่มีทางหมดไปจากโลกดอก ยิ่งใช้สารพิษ ยาฆ่าแมลง ฯลฯ ฉีด ก็ยิ่งเป็นมลพิษต่อมนุษย์ ฉันคงต้องพูดแลกเปลี่ยนกับท่านผู้อ่านต่อไป พูดถึงยุง ถ้าไม่จำเป็นฉันไม่ฆ่าไม่ตบ ยกเว้นฉันจำต้องทำบาปเมื่อยุงเข้ามาในมุ้งนอนของฉัน ฉันนั่นล่ะ ผิดเองที่ไม่ดูแลมุ้งให้ดี เมื่อฉันนอนหลับกลางคืน น้องยุ่งมาหึ่งๆ ที่หู และมาหากินดูดดื่มเลือดฉัน เสียงหึ่งๆ ทำให้ฉันนอนไม่หลับ ฉันจึงจำเป็นต้องทำบาป ตบน้องยุง! ฉันผิดเอง ขอโทษน้องยุงด้วย!

- - -
ฉั น เอาปลาสามตัวที่ "ทา" กรุณาซื้อมาให้ นำมาปิ้งย่างที่เตาถ่านใต้ถุนบ้าน ฉั น เห็นปลาตัวหนึ่งที่ไม่ตายดี เมื่อเจอความร้อน หางเธอก็กระดิกๆ ฉั นเบือนหน้าหนี รีบเดินจากไป...

*********** *********** ****** *****

- - -
ตะ วั น รุ่ ง สาดฉาย ท้องฟ้าเป็นสีเงินสีทอง ฉันตื่นขึ้นมา ลงบันไดบ้าน มองดูท้องฟ้า นกกาโบยบินตัดแสงตะวันออกหากินทางทิศตะวันตก กระยางขาวกระหยับปีกเป็นสีทองยามสะท้อนจากแสงตะวัน...

- - -
ใ น ที่ สุ ด ฉั นก็ตัดสินใจปล่อยปลาที่อยู่ในอ่างอีกสองตัว ชะโงกหน้าก้มดู

โอ้ อนิจจา ปลาหลิมนอนหงายท้องสีขาวตายไปหนี่งตัว...โธ๋ลูกเอ๋ย ลูกคงหิวอาหารทั้งวันทั้งคืน และขาดอากาศหายใจบ้าง แต่อีกตัวคงแข็งแรงยังมีชีวิตอยู่ เธอแหวกว่ายไปมา ทว่าก็ดูอ่อนระโหยโรยแรง ฉันพยายามเอามือจับเธอใส่ถังน้ำที่เตรียมไว้ จับยากเพราะเธอดิ้นรนสุดขีดเพราะคิดว่าคงถึงตาเธอแล้ว จับปลาหลิมต้องจับที่หัว ตัวเขาลื่นมาก แม้แต่หัวก็ลื่นฉันเพียรพยายามอยู่นาน ในที่สุดฉันโง่เอง เพราะน้ำในโอ่งมีมากเกินไป ฉันจึงเอียงโอ่งให้น้ำไหลออกมาเกือบหมด
แล้วก็จับเธอใส่ถังน้ำได้ ฉันรีบหิ้วเดินรี่ไปที่คูคลองหน้าประตูหน้าบ้าน แล้วปล่อยเธอให้เป็นอิสระไป!

"
ลูกเอ๋ย พ่อขอโทษที่ทำบาปกับลูกและเพื่อนพี่น้องของลูกๆ ต่อไปพ่อขอสัญญาต่อลูกว่า พ่อจะไม่ทำอีกแล้ว"
- - -
ฉัน สัญญากับตัวเองและลูกๆ ปลาว่า ต่อไป ฉั นจะไม่ชี้นิ้วให้ แม่ค้า พ่อค้า ในตลาดทุบหัวปลา ฆ่าปลาเป็นๆ อีกแล้ว
ฉั นจะซื้อแต่ปลาที่ตายแล้วจริงๆ เท่านั้น!!!

...
ขอโทษ และขอบพระคุณน้องปลาที่สั่งสอนให้ฉันได้พอบรรลุธรรมในสังคมโลกียะแห่งนี้ ...

ข อ บ พ ระ คุ ณ !!!


ต้นฤดูหนาว , ๑๘ ธันวาคม ๒๕๕๒
ล้าน นา อิ ส ระ , เ จี ย ง ใ ห ม่.

 

 

บล็อกของ แสงดาว ศรัทธามั่น

แสงดาว ศรัทธามั่น
 *--*--*{ กาพย์”ลุกขึ้นสู้” }
แสงดาว ศรัทธามั่น
{  กลอนเปล่าอิสรา  }@  ลมหนาวเหนือ พัดโชยมา…ยามต้องไล้ผิวกายร้อนที่รุ่มก็คลายกลิ่นอายเหมันตฤดู …ไม่รู้ลืม @
แสงดาว ศรัทธามั่น
 
แสงดาว ศรัทธามั่น
 ***** --*-- ***** --*-- *****@   “  ฮา  ติง จัง…จังคนมีอำนาจล้นฟ้า  แต่รังแก คนยากไจ้ อำนาจ แบบ ต๋ามใจ๋ เขา “น้องสาว  ผู้ดีงาม ใจงาม ของฉัน  แล ของโลกชีวิต อีกคนหนึ่ง