(กลบทกาพย์กลอน ตี๋บ่าลูกกุยล่องโต้ง)
@ ลูกป้อจาย
เมื่อว้ายลงโต้ง
มือ หมัด ต้องมั่นคง
พร้อมลุยเหล่าอันธพาลอันมิใช่นักเลง
- - - ท้อง ทุ่งนา กว้างใหญ่ ไพศาล
เบิกบาน มิรีบเร่ง
เย็นย่ำพร้องเสียงเพลง
อันพริ้งเพราะเสนาะหทัย
- - - ตะ วั น เ ย็ น งามสาดฉาย
ลูกป้อจาย ใจฮึกเหิม สว่างสดใส
ถึงต่างถิ่น ยำเยงใคร
มิเคยพรั่น สะพรึงกลัว
- - - มหกรรมกลบท
งามช้อยชดยามระรัว
มือ หมัด ตีน พร้อมกันทั่ว
ตี๋ลูกกุยล่องโต่งกัน
- - - ตะ วั น เย็นแย้มยิ้ม
เอมอิ่มรุกรังสรรค์
“ บ่าลูกกุย “ ต้องแบ่งปัน
ตี๋ล่องโต้ง นักเลงจริง ! @
(กลบทกลอนกาพย์ : ป๊บกั๋นตี้กองกีด)
@ ใครใจนักเลงอย่าอันธพาล
เที่ยวรุกรานในทุกสิ่ง
ต้องเปิดโปงพวกทากปลิง
อภิสิทธิ์ชนเป็นฉะนี้
. . . แน่จริง อย่าตีหัวแล้วเข้าบ้าน
อันธพาลอันอัปรีย์
รุกรานข่มเหงไปทุกที่
แห่งสายพันธุ์ เ ผ ด็ จ กา ร
- - - แน่จริง เอ็ง พร้อมไหม ?
ใช่อันธพาลเที่ยวรุกรานล้างผลาญ
“กองกีด” พร้อมพบพาน
กับ “พวกชั่ว มารครองเมือง”
"ตาต่อตา … ฟันต่อฟัน"
“กองกีด” นั้น ให้ลือเลื่อง
อย่าลอบกัด กู ขัดเคือง
ประหมัด ตีน ตัวต่อตัว
- - - พบกันที่ “กองกีด”
พวกทารีดอันแสนชั่ว
ขลาดเขลา และ มัวมัว
มิหาญกล้า โคตร ตาขาว
ป ระ ชา ช น คนกล้าจักมิหนี
ชีพยอมพลีเพริศพริ้งพราว
เพื่อวิถีชีวิตอันแวววาว
แห่งช น ผ อ ง ต้อง สู้พลัน !!!
(กลบทกลอนกาพย์ :::: “ มา บ ไ ฟ ต๋า”)
@ เมื่อ ป ระ ชา ช น พร้อม
จึงโอบล้อม อภิสิทธิ ชนชั้น
กำหมัด ซัดเปรี้ยง ประจัญ
“ ดั บไ ฟ ต๋า" “ มา ร ค ร อ ง เ มื อ ง" @
ฤดูหนาว , ๕ กุมภาพันธ์ ,เฌองดอยสุเทพ , ล้านนาอิสระ, เจียงใหม่ .
( หมายเหตุ : ๑ )
* “ บ่าลูกกุย” หมายถึง หมัด กำปั้น
* “ ตี๋ล่องโต้ง” ตามความคิดของฉันคิดว่าเมื่อนักเลงมาใส่หมัดกันบนชายทุ่งแบบนักเลง >>> หากดูภาพแล้วช่างงดงามนัก ใครอยากจะตี๋ลุกกุยล่องโต้ง มาแอ่วหาอ้ายแสงดาวฯ ด๊าย จะเป็นกรรมการ จัดคู่ให้ โดยเฉพาะ พวกแดง - เหลืองสมมุติ และพวกหมู่บักเดียว สุดโต่ง บ้านอ้ายเป็นบ้านชายทุ่ง เข้ามาเลย แต่อ้ายบ่ตี๋ตวยเน้อ อ้ายจะเป๋นกั๋มก๋านฮื้อ ตี๋กั๋นเสด เฮียบฮ้อยแล้วมาดื่มด่ำตวยกั๋น ท่ามกลางราตรีที่มีพระจันทร์เต็มดวงสาดฉาย …. Ha ha
*** “ป๊บกั๋นตี้กองกีด” นักเลงสมัยก่อน(มิใช่อันธพาล) เขาท้าดวลกันเลย ถ้าคิงแน่แต๊ มาป๊บกีบฮาตี้กองกีด(บ่ไจ้ตี๋หัวแล้วเข้าบ้าน ปรากฏโฉมมะกายออกมาเลย ไม่ต้องใช้นามแฝงในโลกไซเบอร์มากเกินปายยยยยยย) อู้เล่นบ่ดายเน้อ ว่ากันไปตามดวงหฤทัยของท่าน
**** “ม๊าบไฟต๋า” หมายถึง เอาบ่าลูกกุย ชกบ่าแก่นกาง บ่าแก่นต๋าเลย สำหรับผู้กดขี่อันธพาล เมื่อโดนลู่กกุย หมัดซัดหน้า ดวงตาก้อมองเห็น ดาว เดือน ตะวัน กระจ้างจ้า งามแต๊ๆเล๊ย แต่คนที่โดนจักบอกว่า … แต่ฮาเจ๊บ ต๋าหวะ ฮาบ่เอาแย้ว ฮาเข็ดหลาบแล้ว
------------------------------------------------------------------------------
( หมายเหตุ : ๒ )
รจนา กลบทกวีนี้ ขึ้นมาก้อด้วยสนทนาธรรมด่ำดื่มกะ “ สหายดอน” อดีตนักรบประชาชนแห่ง ดอยเหนือ …เขามีเชื้อสายเผ่าพันธุ์เป็นเจ๊ก (จงภาคภูมิใจในความเป็น เจ๊ก เหมือนฉันมีความภาคภูมิใจในความเป็น ไตขืน ที่โคตรพ่อโคตรแม่มาจากเชียงตุ๋ง ) … สหาย “ดอน” เขาเป็นลูกเชื้อสายเจ๊กส่วนหนึ่ง ฉันชอบคำว่า “เจ๊ก” หว่ะ มันดูลูกทุ่งดี ดีกว่าคำว่า “จีน” สหายดอนถึงแม้เขามีเชื้อสายเจ๊ก แต่เขามีความรู้ในด้าน ล้านนาคดีศึกษา เช่นเดียวกะ อ้ายมาลา คำจันทร์ และ อ้าย ไพทูรย์ พรหมวิจิตร ฯลฯ อ้ายสหายดอนเขาเป็นนักเลงจริง เป็นนักเล่าที่มิใช่อันธพาล พูดคุย กำเมืองกะเขาอร่อยนัก ม่วนแต๊ๆๆ เขามีอารมณ์ขันตวย เล่าเจื้อได้ฮากันตรืม แต่ถ้าใครมาทำตัวเป็นเทวดาอยู่บนฟากฟ้า คุยข่มคนอื่นก้ออาจจะโดน “ม๊าบไฟต๋า” ได้ เพราะฉะนั้นทางที่ดี สนทนาธรรม กะ เขาดี ฝ่า … ha ha…..