Skip to main content

 

VERSION 1 :::  RATE  R

@ ก่อนอื่นขอ question mark (ตั้งคำถาม) ท่านผู้อ่านก่อนว่า คำว่า เศรษฐกิจพอเพียง นั้น ผู้ได๋เป็นผู้บัญญัติศัพท์ขึ้นมา เมื่อใด ?

- - - นี่ฉั นกำลังนั่งฟังเพลงใน  notebook ใต้ร่มไม้อันร่มรื่นแห่งป่าในเมืองน่ะ พร้อมกับจิบน้ำชาไปด้วย (สาบาน น้ำชาจริง จิง  Ha   Ha) หน้าหนาวท้องฟ้าไร้เมฆ ท้องฟ้าสีฟ้า ก็งดงามไปอีกแบบหนึ่ง

- - -  เท่าที่ ฉั น ยังบ่ต๋ายเข้าเฮ่ว (ป่าช้า) เตี้ย  ฉั นเพิ่งมาได้ยินคำนี้จากปากใครก่บ่ฮู้ ? จากหนังสือพิมพ์อะเป่า ?  คือคำว่า เศรษฐกิจพอเพียง นั้น คำนี้มาทีหลัง  สมัยก่อน พี่น้องชาวบ้านนอกคอกนาทั่วประเทศ และทั้งโลก เขามี เศรษฐกิจพอเพียง อยู่นมนานแล้ว ตั้งแต่ปีมะโว้แล้ว และเขาไม่ได้ใช้คำนี้ ถ้าจะเรียกให้ถูกต้องก็คือ เขามีรากเหง้าวิถีชีวิตดั้งเดิมของเขาเอง มีที่ดิน  น้ำ ป่า ฯลฯ  ให้ทำมาหากิน (เศรษฐกิจ) แบบง่ายๆ ไร้มลพิษ ไร้สารเคมี ด้วยมีสุขภาพ กาย  - จิตแสนวิเศษตวย ฯลฯ

- - -  ข อ
แลกเปลี่ยนตามความคิดเห็นของข้าพระพุทธเจ้า คำว่า เศรษฐกิจ นั้น ก็คือ การทำมาหากินของประชาชนชาวบ้านนั่นเอง  ส่วนที่ว่า เศรษฐกิจดีหรือไม่ดี    มันโคตรมาทีหลังว่ะ ( อ้าววววว  ขอสูมาตวย ฉั น ชักจะเป็นจิ๊กโก๋ปากซอยไปทุกที่ แต่มิใช่ตีหัวใครแล้วเผ่นเข้าบ้านเน้อ  และมิใช่เล่นหมาหมู่ ต่อยกันตัวต่อตัว มีกรรมการตวย ดังที่อ้ายแสงพ่วง  ศรัทธาเมา แห่งเวียงฝาง ว่านั่นแหละ สมัยอ้ายแสงพ่วง มีกรรมการตี๋บ่าลูกกุย เป็นพระ  โอ้มันส์ดี    ล้มแล้วห้ามซ้ำ ตอนสมัย ฉั น เป็น นักเรียนวัยรุ่น ก็เอากันตัวต่อตัว มีเพื่อนเป็นกรรมการ และมีเพื่อนๆเป็นโขยงมาดูมวยฟรี ไอ้คนที่เขม่นกันในห้อง และต่างห้อง มันท้าต่อยบ่าลูกกุยกันหลังเลิกเรียน ไอ้พวกเพื่อนนักเรียนมันรู้ว่าจะนัดต่อยกัน มันก็บอกต่อๆกันไป ใกล้โรงเรียนเลิกสี่โมง มันก็อยากให้เลิกไว ไว อยากดูมวยฟรี ตัวข้าพระพุทธเจ้า ตวย ก้ออยากดูมวยฟรี ฮะแฮ่ม    ฉั น เรียนที่โรงเรียนบูรณศักดิ์วิทยา เป็นโรงเรียนราษฏร์เอกชน มีชื่อด้านความเกเร  นักเรียนจากโรงเรียนอื่นไม่ว่าจะเป็นโรงเรียน มงฟอร์ต (ที่อ้ายทักษิณ ชินวัตร เคยเป็นศิษย์เก่า) หรือโรงเรียนปริ๊นซ์รอเยลฯ ที่ อ้าย ธเนศวร์  เจริญเมือง เคยเป็นศิษย์เก่า ทั้งสองโรงนี้เป็นโรงเรียนคริสเตียน ส่วนมากเป็นคนรวย มีเงินถึงจะเข้าได้ หรือ โรงเรียน ยุพราช วิทยาลัย (โรงเรียนรัฐบาล ฉันเข้าเรียนมัธยมปลายที่โรงเรียนนี้ )  หรือโรงเรียนอื่นๆ ที่ถูกไล่ออก ก็มาเรียนที่โรงเรียนบูรณศักดิ์นี้ รับหมดเลย จึงเป็นโรงเรียนนักเลง ร้อยพ่อพันแม่ ขนาดเข้าแถวตอนเช้า พระคุณครูให้โอวาท ก็ยังใส่บ่าลูกกุยกั๋นลุบ  ลุบ  ตีกัน จนครูที่ให้โอวาทลงมาบอกว่า ไผแน่จริงมาต่อยกะครู" ครูท่านนั้นต้องขอโทษจำชื่อท่านไม่ได้ ก้อประมาณ ปี พ.ศ.2503, 2504  นี่แหละที่ ฉั นเรียนชั้นมัธยมต้นที่นี่ นานมากจึงจำชื่อพระคุณครูบางท่านบ่ได้   ครูท่านนั้น ออกมายืนจังก้าหน้าแถว ท้าต่อยกะนักเรียนเลย มันส์มาก  แต่นักเรียนไม่กล้าออกไป เพราะครูท่านนั้นเป็นนักเลงและคงเคยเป็นนักมวยมาก่อน เกณฑ์เข้าเรียนสมัยรุ่น ฉัน อายุ แปดปี ก็ต้องเข้าเรียนชั้น ประถม ๑  ( ปัจจุบันเกณฑ์ อายุ ๖ ปี ) เพราะฉะนั้น อายุสิบปีก็ย่างเข้าวัยรุ่นแล้ว (ป. ๔ )  จบป.๔ ก็เรียนชั้นมัธยมต้นแล้ว  เมื่อมีครู นักศึกษาฝึกสอน จากวิทยาลัยครูเชียงใหม่มาฝึกสอน ( ปัจจุบันเป็น ม. ราชภัภเชียงใหม่   เอ เป๋นจ๋าใด บ่ตั้งชื่อเป็น มหาวิทยาลัยครูเชียงใหม่ น้อ หรือว่า อาจตั้งชื่อเป็น มหาวิทยาลัยช้างเผือก เพราะอยู่ในตำบลช้างเผือก และ วิทยาลัยเทคนิคภาคพายัพที่ตีนดอยสุเทพ เวลายกฐานะเป็นมหาวิทยาลัยแล้ว ทำไมไม่ตั้งชื่อเป็น  มหาวิทยาลัยภาคพายัพ ล่ะ เป็น งง งง งง  ก้อเคยบอกว่า โรงพยาบาลสวนดอก (ชื่องามจะตายไป และเป็นคำประวัติศาสตร์ดั้งเดิมให้คนรุ่นหลังได้รับรู้ที่ไปที่มา ตวย ) แล้วทำไมจึง เปลี่ยนชื่อเป็น โรงพยาบาลมหาราชด้วย?  ข้าพระพุทธเจ้าก้อเป็น งงงงงงงงงงงงงงงงงงงง  


เมื่อมีครูฝึกสอนมาสอน พวกเราก็เป็นบ่าวเป็นวัยรุ่นแล้ว  ครูฝึกสอนคนไหนสวย หมูเฮาก็พากันเมาครูฝึกสอนแล้ว (เมาหมายถึงหลงรักครูฝึกสอน) วีรกรรมของเด็กวัยรุ่นสมัยนั้นมีมากมาย มีทั้ง 
rate x …  rate r .. . (ไม่อยากเล่าไว้เจอกันตัวเป็นๆอยากรู้จะเล่าให้ฟัง)  


- - -ความเป็นโรงเรียนนักเลงลูกทุ่ง มันเป็น   เ บ้า ห ล อ ม  ให้พวกเราตีนติดดิน  เด็กนักเรียนส่วนมากก็มาจากบ้านนอกคอกนา นั่งรถคอกหมูมาเรียนบ้าง (เป็นรถยนต์โดยสารทำด้วยไม้คล้ายคอกหมู) บางคนพ่อแม่มีกะตังค์หน่อยก็ให้มาพักอยู่ในหอพักที่ในโรงเรียนนี้แหละ แต่ไอ้เพื่อนเราบางคนก็เบี้ยวค่าหอ  ป้อแม่มันส่งค่าหอและค่าเทอมมาให้ มันก็เอาไปแอ่วไปเที่ยว ไปตีหม้อซะอีก ( สมัยก่อนวัยรุ่นรุ่นเรา ถ้าเป็นลูกผู้ชายจริงก็ต้อง มีสอง version  คือ   ตีหม้อเป็น  (เขาเรียกว่าขึ้นครู  พระคุณครูของเราก็คือ พี่ๆ ป้าๆแถว กำแพงดิน นั่นแหละ ขอบพระคุณคุณครูของหมู่เฮา     ๒ เข้าค่ายมวย …. เวลาไปเที่ยวงานวัด หรืองานฤดูหนาวกับแก๊งค์เพื่อนๆ (สมัยก่อนบ่มีดอก  ผับ ดิสโก้ คาเฟ่  คาราโอเกะ ฯลฯ  มีไนท์คลับเราก็ไปแอ่วบ่ได้เพราะบ่มีกะตังค์)   เวลาเจอพวกเพื่อนๆต่างถิ่น หรือพวกเดียวกันในงานวัด หรือในงานฤดูหนาว  มันก็จะถามว่า คิงเกยละกา ตีหม้อ หน่ะ ? เราก็ยืดอกบอกมันว่า เฮ๊ยฮาเกยแล้ว แล้วคิงล่ะ?  มันก้อตอบแบบยืดอกเหมือนกัลลลลลล์   เมื่อ ถามถึงเข้าค่ายมวย เมื่อมันถาม เราก็ยืดอกตอบมันไปว่า ฮาเข้าค่าย ยอดศิษย์พันธ์ โว๊ย ค่ายมวยที่ชื่อ ยอดศิษย์พันธ์ เป็นค่ายมวยดังในเชียงใหม่ เหมือนค่าย ยอดประเสริฐ ที่อยู่แถวประตูช้างเผือก  ค่ายมวยยอดศิษย์พันธ์อยู่แถวซอยประตูท่าแพ หัวหน้าค่ายก็คือ ศิษย์พันธ์  ยอดศรจันทร์ เป็นนักมวยดัง เป็นแชมป์นักมวยที่กรุงเทพฯ  ทั้งเวที ลุมพินี และราชดำเนิน เขาเรียกท่านว่า สิงห์เข่าโค้ง  คือเวลาตีเข่าคู่ต่อสู้ ท่านมีวิธีการลีลาตีเข่าแบบโค้งเข่า คู่ต่อสู้เจอทีเจ็บปวดมาก (เหมือน อภิเดช ศิษย์หิรัญ สมญานาม จอมเตะบางนกแขวก ที่ตีนหนักมาก เขาเตะสีข้างนักมวยดังเช่นกันคือ สมพงษ์ เจริญเมือง จอมบุก เวลาต่อยแล้วเขาบุกตลอด แต่มาเจอแข้งของ น้าอภิเดชแล้ว ล่วงเลย  ซี่โครงหักคับ นี่ละตีนหนักแค่ไหน แหมขอโทษท่านผู้อ่านพูดถึงเศรษฐกิจพอเพียง แล้วมาอู้เรื่องนักมวย ค่ายมวยแล้ว มันรู้สึกมันส์คับ ขอพูดคั่นหน่อย  กะเดี๋ยวค่อยพูดเรื่องเศรษฐกิจพอเพียงต่อ   พวกเฮาที่เรียนโรงเรียนนักเลงนี้ ชอบดูมวย ฟังการถ่ายถอดพากษ์มวยทางวิทยุ เพื่อนเอาวิทยุมาโรงเรียน ฟังกันในห้องเรียนนั่นแหละ ใส่เงินกันไป ตวย (พนันกัน ไม่มากดอก บาท สองบาท สามบาท ฯลฯ ) ลุ้นกันไป 

อภิเดชเตะ ….  อดุลย์ ตีเข่า"  คนพากษ์พากษ์มันส์มาก  อดุลย์ ฯ หมายถึง อดุลย์ ศรีโสธร นัดมวยดังมีฝีมืฉกาจฉกรรจ์เช่นกัน     มีอาวุธครบเครื่อง แต่ ฉั น จำบ่ได้แล้วว่าใคร   แป้ (ชนะ) . ใครก๊าน (แพ้)

มีนักมวยอีกคนที่ฉันชอบ คือ
แก้วฟ้าน้อย  อิสรภาพ เป็นค่ายมวยอยู่ฝั่งธนบุรี  หมอนี่โคตรขุนเข่าเลย ตีเข่ามันส์นัก  มีคราหนึ่งค่ายอิสรภาพ(ชื่องามนะ ประชาชนเราต้องการอิสรภาพใช่มั๊ย?)    ยกค่ายมาลุยค่ายเชียงใหม่(ภาคใต้ก็มีนะ ฉันจำได้ เรียกว่า   ศึกไอ้ค่อม เป็นภาษาทางใต้ ฉันจำความหมายชื่อนี้ไม่ได้แล้ว พี่น้องภาคใต้อิสระกรุณาช่วยแปลความหมายให้ท่านผู้อ่านฟังหน่อย - ขอบคุณคับ"

โอ้
….  แก้วฟ้าน้อย  อิสรภาพ ก่มา ตวย  มีหรือฉันจะพลาด ขอตังค์พ่อแม่ไปดูมวยเลย เวทีมวยนี้อยู่ที่ค่ายกาวิละ ค่ายของตะหาน อยู่ที่หล่ายหน้า คือฝั่งน้ำปิงอีกฟากหนึ่งทางทิศตะวันออกของน้ำปิง โอ้โฮ  มันมากเหลือเกิน เป็นบุญตาที่ได้เห็น แก้วฟ้าน้อย  อิสรภาพ บรรเลงเพลงเข่า  ฯลฯ


- - -  เอ๊า  กลับมาพูดถึงหัวเรื่องต่อ

- - -   โ บ รา ณ นา น น ม  มาแล้ว พี่น้องชาวบ้าน ประชาชนเราเขาก็มีรากเหง้าวิถีชีวิตอย่างมีความสุขของตัวเอง มีเศรษฐกิจ (การทำมาหากิน) บนผืนดิน ที่มีทรัพยากรธรรมชาติอุดมสมบูรณ์  พืช ผัก ผลไม้ ปู ปลา กุ้ง หอย ฯลฯ  ต่อมา ในสมัยจอมพล(สมมติ) สฤษดิ์ ธนะรัชต์  นี่แหละที่ส่งเสริมธงชาติสามสี ชาติ หมายถึง  ป ระ ชา ชน (ถ้าเอ็งรักชาติ เอ็งต้องรักป ระ ชา ช น) ที่เจ้าพวก  อ ภิ สิ ท ธิ ชน เผด็จการ ผลประโยชน์ นำมาเป็น วาทกรรมให้พี่น้องประชาชน

เ มื่ อ ก่ อ น  เขาเรียกว่า   ค วา ม รุ่ ม ร ว ย  คือรุ่มรวยในน้ำจิตน้ำใจ ในรากเหง้าธรรมชาติวิถีชีวิต ของพี่น้องชาวบ้านในการทำมาหากิน(เศรษฐกิจ)  เขา
พอเพียง อยู่มากแล้ว   เข้าใจ๋   ( มีกิ๋นอะเป่า ?   หรือว่าเสแสร้งทำเป็นไม่เข้าใจเพื่อผลประโยชน์ของตัวเอง !!!  มันดู ทูเรชั่นมั๊กๆ (ทุเรศมากๆ  แต่คนที่เขารู้ทันเขารู้นาว๊อย เขาไม่ได้กินแกลบว่ะ ) @  

********  *********  *******

VERSION  2  :::  RATE  X     

เอ๊า  ต่อยกสอง
….

รัฐบาล  (ที่เสือกมาปกครองประชาชน) และพวกเผด็จการอภิสิทธิ์ชนทุกสายพันธุ์ เธออย่ามาดัดจริตใช้วาทกรรมที่ว่า  เศรษฐกิจพอเพียง มันสุดแสนที่จะทนทานได้ และสุดแสนทูเรชั่น (คือ ทุเรศ ย้ำอีกทีเป็นคำที่ฉันบัญญัติขึ้นเอง)  ประชาชนก็ต้องใช้คำศัพท์ของประชาชนเอง คือคำว่า รากเหง้าวิถีชีวิตของกู  อย่าให้พวกอภิสิทธิชนทั้งหลายมาผูกขาด เป็นอันขาด !!! 

- - -  เจ้าพวกเผด็จการทุศีลทั้งหลายเอ๋ย ถ้าแน่จริง มีความจริงใจจริง ทั้งพวกเผด็จการรัฐสภาทุนนิยมสามานย์นักธุรกิจกินเมือง โกงเมือง , เผด็จการศักดินาอมาตยา (ไม่ใช่ประชาธิปไตยดอก อย่าไปเติมคำว่า ประชาธิปไตยให้เขา), เผด็จการท็อปบูททหาร , เผด็จการข้าราชการตัวเป้งๆ ฯลฯ ซึ่งก็คือเผด็จการทุกสายพันธุ์ คือชนชั้นผู้กดขี่ขูดรีดเลือดเนื้อประชาชนนั่นเอง ฯลฯ

- - -  เอ๊า พระเดชพระคุณทั่น ถ้าเธอแน่จริง ก็เอิ้น บอกประกาศออกมาเลยว่า พี่น้องทั้งหลาย พวกเราเองนี่แหละที่กดขี่ขูดรีดพี่น้องประชาชนมานานแล้ว เราสำนึกบาปแล้ว ดังนั้นจึงขอร้องให้พวกเรากระจาย มอบที่ดินที่เรามีเป็น ร้อย พัน หมื่นไร่ ฯลฯ ให้พี่น้องประชาชนที่ตกอยู่ในโครงสร้างระบบสังคมอันโคตรห่วยแตกนี้    เสียสละให้พี่น้องกรรมกร ชาวนา ชาวไร่  ที่ไร้ที่ทำกิน  ขอทาน คนจร วณิพก โสเภณี  คนพิการ ฯลฯ  โดยสรุปก้อคือให้พี่น้องร่วมแผ่นดินของเราได้ทำมาหากิน มีเศรษฐกิจพอเพียงซะที มันเป็นไปไม่ได้ดอก ถ้าพี่น้องประชาชนไม่มีที่ดินทำกิน จะมีเศรษฐกิจพอเพียงเป็นจริงได้จาใด?"

   
เฮ๊ย วะ  ฉันอยากได้ยินคำพูดจากพวกนี้ฉิบหายเล๊ย  ปัดธ่อคำว่า เศรษฐกิจพอเพียงมันจะเป็นไปได้อย่างไร ในเมื่อพี่น้องประชาชนชาวรากหญ้าทั้งในเมืองและบ้านนอกไม่มีที่ทำกิน…. โอ้ ไม่ต้องพระเจ้า Jorge ดอก  ก่อนใช้วาทกรรมคำพูดนี้ออกมา   พะ นะ ทั่น ผู้ เฉลียวฉลาดทั้งหลาย ไม่จำเป็นต้องเอาหัวแม่ตีนตรองดู โปรดเอากึ๋นตรองดูเถิด เพื่อนมนุษย์ผู้อวิชชา และแสร้งทำเป็นอวิชชาทั้งหลาย  ฮ้าไฮ้    กีฬา กีฬา เป็นยาวิเศษ  กินแล้วก่อเหตุ ขึ้นกองล่องกอง ผลก้อโดนสากมอง  ตะ ล้า ฯลฯ… “ the end of the  world", คร๊าบ  @


ต้นฤดูร้อน , ล้านนาอิสระ , เจียงใหม่ ,  ๒๕๕๓ 

 

 

บล็อกของ แสงดาว ศรัทธามั่น

แสงดาว ศรัทธามั่น
 *--*--*{ กาพย์”ลุกขึ้นสู้” }
แสงดาว ศรัทธามั่น
{  กลอนเปล่าอิสรา  }@  ลมหนาวเหนือ พัดโชยมา…ยามต้องไล้ผิวกายร้อนที่รุ่มก็คลายกลิ่นอายเหมันตฤดู …ไม่รู้ลืม @
แสงดาว ศรัทธามั่น
 
แสงดาว ศรัทธามั่น
 ***** --*-- ***** --*-- *****@   “  ฮา  ติง จัง…จังคนมีอำนาจล้นฟ้า  แต่รังแก คนยากไจ้ อำนาจ แบบ ต๋ามใจ๋ เขา “น้องสาว  ผู้ดีงาม ใจงาม ของฉัน  แล ของโลกชีวิต อีกคนหนึ่ง