แสงดาว ศรัทธามั่น
@ " บ น ถ น น หนทาง ซุปเปอร์ไฮเวย์
หนุ่มพเนจร ท่องไปกลางฝัน
ฝันของเจ้าช่างเลิศล้ำลาวัณย์
ฝัน เจ้า ฝัน ว่า โลกพิสุทธิ์ เมลืองมลัง
โอ้ยามนี้ ตะวันแดงแสงโรยรา
สกุณา เจ้าบินตัดฟ้าสู่รัง
มุ่งไปเถิด เจ้านกน้อยที่น่าชัง
ตราบชีพยัง ชีวิตเจ้า จะต้องบิน
บิน บิน บินไป บินไปเหมือนใจนี้
เสียงดนตรีบรรเลง เหมือนใจดิ้น
ถึงจะเจ็บปวดช้ำน้ำตาริน
ปีกยังบิน ตายังจ้องมองทาง
บนถนน หนทาง ซุปเปอร์ ไฮเวย์
หนุ่มพเนจร กระเป๋า เดินทาง
มุ่งไปเถิด สุดขอบฟ้า ราง ราง
โลกไม่ร้าง เพราะชีวิต เจ้ายัง บิน " @
( จากเพลง " หนุ่มพเนจร " ของ น้า"หงา คาราวาน" )
- - - ห า ก เ รา เป็นนักเดินทางในสยามประเทศ ชอบคำว่า ประเทศสยามนี้ เพราะหมายถึงประเทศที่มีความหลากหลายทางชีวภาพ ( Biodiversity ) มีทุกชนเผ่า ทุกเผ่าชน เช่น ชาวไตลื้อ ไตขืน ไตยอง ปาเกอญอ (กระเหรี่ยง ม้ง เมี่ยน (เย้า) ลาหู่ อาข่า (อีก้อ) มาบลี (ตองเหลือง ) ดาระอั้ง (ปะหล่อง) ดำรง ดำรงอยู่ มิใช่แค่มีแต่ คนกรุงภาคกลาง ภาคเหนือ ภาคใต้ ภาคอิสาน ภาคตะวันตก - ตะวันออก ฯลฯ เพียง อย่างเดียว แต่มาเปลี่ยนเป็น ประเทศไทย ในสมัย เผด็จการทหาร จอมพล ป. พิบูลย์สงคราม อัน" ล้าหลัง - คลั่งชาติ"...
. . . เมื่อเราเดินทางไกล ไปตามถนนทางหลวงสายต่างๆทั่วประเทศ ไม่ว่าจะเป็นถนน สองเลน สี่เลน ฯลฯ เราจะเห็นเกาะกลางถนน มีต้นไม้ดอกไม้ปลูกอยู่ เราอาจได้เห็น ต้น ปาล์ม ต้นสน ต้นกะบองเพ็ชร บนเกาะ และ ได้เห็นต้นไม้ ปลูกแซมอยู่บ้าง ตามความคิดเห็นของฉัน ฉันอยากเห็นเกาะกลางถนน มีต้นไม้ดอกไม้ สอดแซมสารพัดสารพัน เป็นทั้งไม้ดอก ไม้ประดับ และ ไม้ผลด้วย เช่น มะม่วง ลำใย มะปราง มะพร้าว(เตี้ย) มะเฟือง มะไฟ มะกรูด มะนาว ส้มโอ กระถิน ฯลฯ ไม้ผลเหล่านี้ใคร ผ่านไปผ่านมา ยลชมเห็นแล้ว มีเสน่ห์ จะตายไป มีประโยชน์ ด้วย คนขับรถผ่านก็สามารถจอดรถ ลงไปเอาผลไม้มากินได้ ( แต่ก็ต้องดูตาม้าตาเรือ ดูซ้าย ขวา หน้า หลังด้วย มิงั้นจะถูกรถชนเอา กะเด่ว จะหาว่า หล่อใหญ่ไม่เตือน เน้อ ห้า ห้า ห้า. ) นอกจากนั้นน้องนก น้องสัตว์ แมลง ก็ได้มากินด้วย ส่วนดอกไม้ที่ปลูก ผีเสื้อ แมลงปอ ก็จักพริ้มพลิ้วโผ "ปรบปีก" โบยบินมาดูดดื่มความหอมหวานของมวบบุปผา นานาพันธ์ โอ้ สุดแสนจะมีบรรยากาศ โรม๊านซ์ คาธอลิค จะตายไป
- - - ส่วนที่ปลูก ต้นสน ต้นปาล์ม ต้นกะบองเพ็ชร ซึ่งเป็นต้นไม้ที่เธอออกตามชายทะเล ชายหาด และกระบองเพ็ชร ก็ออกที่ทะเลทราย ไม่เหมาะสม เอาต้นไม้ท้องถิ่นปลูกดีกว่า ดูมีรสนิยมดี มีเสน่ห์ดี
. . . ฉันผ่านทางไป บนถนนบางสายในประเทศนี้ เมื่อได้เห็นต้นไม้ที่มีประโยชน์เหล่านี้ บนเกาะกลางถนน ฉันดีใจ ชื่นใจมาก บางแห่งที่กรมทางหลวง และแขวงการทาง เขาไม่โค่นต้นไม้ใหญ่ที่มีอายุหลายๆปี เขาให้รถยนต์ วิ่งอ้อมต้นไม้ น่ารักมาก แต่ส่วนมาก หลายแห่งก็มักจะโค่นทิ้งหาว่าเกะกะ ไม่มีประโยชน์
ป๊าด ที่เมืองนอก (มิได้เห่อเมืองนอก) ถนนหลายแห่ง ทีมีต้นไม้โบราณ เขาอนุรักษ์ ไม่ตัดคับ จู่ๆมาตัดเป็นเรื่องแน่ ต้องผ่านความคิดเห็นของชุมชน ท้องถิ่นก่อน ทำประชาพิจารณ์ ก่อน แต่ของเราไม่ หลวงพ่อกรมทางหลวง ท่านใหญ่คนเดียว ดูแบบไร้กึ๋น ไร้รสนิยมฯลฯ
มีตัวอย่างรูปธรรมที่บ้านเชียงใหม่ฉันนี่แหละ ที่กาดต้นขะยอม คงมีคนรู้จัก เราถือว่า อยู่เชิงดอยสุเทพ มีต้นขะยอมมาก ถนนหน้าตลาดก็มีต้นขะยอมเรียงราย ฤดูออกดอกงาม กลิ่นหอมมาก ทางเทศบาลสมัยนั้น จำชื่อไว้ให้ดี "นายวรากร ตันตรานนท์" เอ่ยชื่อให้เป็นเกียรติประวัติอันอัปยศ เขาสั่งให้โค่นต้นขะยอม หาว่าเกะกะ กีดขวางการจราจรทำให้รถติด ทั้งๆที่ต้นขะยอมอยู่ข้างถนน แต่ถ้าจะขยายถนน ก็ได้แต่ไม่ต้องตัด ให้รถหลีกต้นขะยอมได้ ดูภาพงามจะตาย แต่เจ้าพวกคนจิตหยาบไม่คิดอย่างนั้น
... พี่น้องชาวเชียงใหม่ที่รักธรรมชาติสิ่งแวดล้อมลุกขึ้นมาต่อสู้คัดค้านแต่ก็สู้ไม่ได้เพราะมีจำนวนคนค้านน้อย นอกนั้นเป็น จ่าเฉย และหลายส่วนเห็นด้วย เป็นข่าวเกรียวกราวถ้าเรายังจำได้ ที่สุดเทศบาลบอกว่าจะไม่โค่นแต่จะขุดย้ายไปปลูกที่สวนหลวง ร. ๙ แม่ริม เอาไปปลูกแล้วที่สุดต้นพยอมก็ตายหมด ฉันไปเยือนเธอถึงกับน้ำตาไหลพราก ถ่ายภาพไว้ด้วย...
มีตัวอย่างที่อัปยศที่เชียงใหม่อีกมาก พูดไม่หมดเดี๋ยวจะยาวไป จ้า ไว้ค่อยพูดเล่าให้ท่านฟังคราวหลัง กะเดี๋ยวจะเบื่อไปเสียก่อน เพียงแต่อยากแลกเปลี่ยนสนทนาธรรมกับพี่น้องผองเพื่อนๆ ว่า ... อะไรก็ตามอย่าไปหวังพึ่งพิงใครดังที่หวัง เราต้องช่วยเหลือตนเอง ประชาชนท้องถิ่น ชุมชนต้องหลอมชีวิตจิตวิญญาณ ช่วยเหลือตัวเอง ...
มีบทกลอนกวีบทหนึ่งของกวีลูกทุ่งคนอิสาน เขาเป็นปัญญาชนบ้านนอก แต่เรียนจบมหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ (และการเมือง) เขายืนเคียงข้างประชาชนที่ทุกข์ยากเสมอ และร่วมสู้กับเผด็จการทุกสายพันธุ์ เขาเป็น กวี นักคิด นักเขียน อดีตนักรบประชาชนในเขตป่าเขาด้วย แต่เขาได้กลับคืนสู่อ้อมอกอันอบอุ่นของแม่พระธรรมชาติไปนานแล้ว ชื่อของเขา ... " ประเสริฐ จันดำ " เพื่อนของ "สมคิด สิงสง" ( ผู้แต่งเพลง " คน กับ ควาย " อันลือเลื่อง ) แห่งหมู่บ้านซับแดง อำเภอมัญจาคีรี - อิสาน...
- - - " ฝั น ถึงวันที่ดี มีความหมาย
ก็ เลือนลางห่างหาย บ่ มาหา
ฝันถึง ฟ้า ดิน เทวดา
ก็ เปล่า ดาย ตายห่า ไปหมด แล้ว "
นี่แหละคือบทกวีลีลาลูกทุ่งของเขา ไม่ต้องพูดอ้อมค้อม ตีตรงแสกหน้า เลย ! ฉั น ท่องจำบทกวีนี้ของเขาได้ จนขึ้นใจ... และทำให้ ฉัน ไม่รีรอที่จักสอดร้อย แต่งบทกวีต่อจากของเขา - - -
@ ... " ฝั น ถึงวันที่ดี มี ความหมาย
ประชาชนทั้งหญิงชายทุกหมู่เหล่า พึงกล้าแกล้ว
หากหวังยลเห็น สังคม วับวาวแวว
หลอมพลังขบวนแถว ตราบ ค ว้ า ชัย !!! @
เย็นย่ำตัวันรอน เข้ามาแล้ว น้องยูงตัวโตๆ เยอะเหลือเกิน จะบริจาคโลหิตก็บ่ได้ เพราะอ้ายแสงดาวเป็น "นักก้าง" มิใช่ "นักกล้าม"... นั่งนอกชานสำนัก ตึกขาว อันมรต้นไม้ร่มรื่น โอบกอดใกล้ชิด ... ขัน คู คู ประชันกันยามเย็นก่อนเธอจักอำลาเราไปนิทรา " อรุณรุ่งเช้า ค่อยฟังน้อง คูขันใหม่ นะอ้าย " น้องนกเขา ขันบอก " เจ้า ลูกๆ ขอบคุณจ้า " ฉัน เอื้อนบอกพวกเธอ
ยามเย็นสวัสดิ์ คับพี่น้องผองเพื่อนๆ @
๔ กันยายน ๒๕๕๕, พรรษาฤดู , ล้านนาอิสระ , เจียงใหม่