Skip to main content
20080131 สัญญาที่ถืกลืม (1)

 

 

20080131 สัญญาที่ถืกลืม (2)

โอน้อ เจ้าผู้พ้วดอกอ้ม ผมพี่ดำนิน เฮียมเอย
ผมดำงามพอดูช่างตื่มสีแดงเข้ม
ดำแดงคนเขาเอี้นสองสีแตกต่าง
สังมาอยู่ฮ่วมเค้าเกสาเจ้าผู้เดียว

น้องบ่ออยากเว้าเลี้ยวเว้าล่ายความจริง
มีบ่อนอีงจริงมาจา ว่ากันตามเรื่อง
ย่อนมันเคืองคาข้อง หม้องใจน้องอุ่น
ความคิดเป็นว่าวุ้น นำอ้ายบ่าวพี่ชาย

น้องนี้หมายอยู่ซ้อนเฮียงฮ่วมชายเดียว อ้ายเอย
คนอื่นนางบ่อเหลียวม่ายตานางซ้ำ
กรรมหยังนางบ่อฮู้ มาเห็นชายจริงหวังฮ่วม
หวังอยากมาฮ่วมซ้อน นำอ้ายแต่ผู้เดียว

แต่ว่าอ้ายพัดเบี้ยว แปล เปรียนสัญญา
ว่าสิแปลงผมยอย ย่อนลงทางหน้า
ชายสิเอามันถี้ม ให้เป็นสีดำธรรมชาติ
บาดมาเห็นเทื่อนี้ หูอ้ายพัดบ๋องกลาง

หูเป็นยอยเพราะใส่ต้างใจพี่ต่างคราวหลัง
สังบ่อเป็นครืเฮาจา ว่ากันคราวนั้น
ความฝันเป็นลมแล้ง นอนสะแคงไห้จ่ม
อกระทมแทบม้าง หัวใจอ้ายช่างเปรี่ยนแปรง

แยงหมู่ดาวอยู่ฟากฟ้า ตานางส่องละเมีหา
ครืสิเห็นชายมาก่าวจา ดอมน้อง
ผมผ่องหูของอ้าย ชายก็แปรงแปลเปี่ยน
เป็นบทเฮียนแก่อ้าย ชายฮู้เมื่อคีง

หากบ่อจริงดั่งเว้า เมือตื่นจากความฝัน
อกกะสันชวงระทมผู้ขื่นขมคืรน้อง
ลมตีตองใบกร้วยปลายชานพัดวีว่ำ
อกระกรรมนั่งไห้ สัญญาฮ้างถูกลืม

มื้อใดฟ้ามืดครื้ม ฮ้องหื่มโหยหวน
ปั่นปวนในอุลานาง ฮักบ่อจางแต่มายม้าง
ทางฮักเฮาเวเวี้ง เพราะชายเวีงเวห่าง
สัญญาจริงถูกม้าง ให้เฮาฮ้างห่างกัน

ความฝันสิอยู่ซ้อน นอนเสื่อเฮียงหมอน
ครืนกเขาลาครบ่อนเดีมบ่อคืนโค้ง
เหมือนดั่งหงลาน้ำ บ่อคืนมาวังเก่า
กอดเข่าได้แต่ไห้ ใจสะอื้นอ่าวหลัง

ความหวังมาขาดสิ้น เมื่อพี่ห่างลาไกล
ใจนางม้วหมองทุข์ อั่งทวงเทกั้น
จิดกระสันฮักมาม้าง ฮักอำพางหลวงหลอก
บอกว่าฮักเท่าฟ้า ให้นางบ้าป่วงบ่อเช่า แท้น้อ

บล็อกของ แสงพูไช อินทะวีคำ

แสงพูไช อินทะวีคำ
  น้องกล่าวว่าสะพานข้ามของโยงใจรัก เชื่อมสัมพันธ์แน่นหนักสองฝั่งของ แต่อ้ายว่าสะพานขัวนั้นมันเชื่อมโยง สองฝั่งของของน้องพี่คู่เคียงกัน
แสงพูไช อินทะวีคำ
 
แสงพูไช อินทะวีคำ
      สุขลุลาภได้.....................ชัยประเสริฐยอถืง เลิงๆเบยบานสุข...............ทุกข์อย่าเวินมาต้อง ความหมองเหยหายเสี้ยง....เหลือเพียงความซ้อยชื่น หมื่นปีสุข์อยู่สร้าง..............ปางฟ้าสหง่างาม....ท่านเอ๋ย  
แสงพูไช อินทะวีคำ
  คนสมัยนี้ ช่างแปลกดี เปลี่ยนแปลงไป ลบทิ้งได้ ความดีงาม ที่มีอยู่ ความดีแท้ เขาสร้างสรรค์ ครารุ่นปู่ ไม่เหลืออยู่ คนรุ่นนี้ ลบทิ้งไป  
แสงพูไช อินทะวีคำ
   
แสงพูไช อินทะวีคำ
เดือนสว่างพรางแพรวแล้วแก้วตา คราตามองยังไม่ชัดดูมืดมัว ไม่ใช่ว่ากลัวผีคืนเดือนดับเป็นสลัว เพราะตามัวหรือมั้ยรู้จริงดูขรึม
แสงพูไช อินทะวีคำ
  แสงพูไชย อินทะวีคำ เขียนสุมาตร ภูลายยาว แปล  จำปีพยายามปั่นจักรยานเก่าๆ คู่ชีพของตนไปตามถนนเรื่อยๆ ทั้งวันตามคำแนะนำของป้าจำเริญ ที่หลายคนขนานนามให้แก่ว่า ‘คุณป้าแสนรู้' เพราะคนจะขายบ้านอยู่ตรงไหน ถนนใด ซอยใด คุ้มใดในขอบเขตเมืองเวียงจัน ไม่เป็นอันหลุดรอดสายตาป้าไปได้ จำปีทั้งปั่นทั้งยกมือขึ้นเอาชายเสื้อเช็ดเหงื่อที่ไหลลงมาราวกับน้ำจากรางริน เพราะความร้อนของอากาศเมืองเวียงจันในช่วงเดือน ๕ ของปี ๒๐๐๓
แสงพูไช อินทะวีคำ
เขียน: แสงพูไชย อินทะวีคำ แปล: สุมาตร ภูลายยาว แม้จะบิดเร่งคันเร่งเท่าไหร่ รถจักรยานยนต์ยังวิ่งช้าเหมือนเต่าคลาน  ที่เป็นอย่างนี้คงเพราะความเร่งรีบอย่างไปถึงไปรษณีย์ให้เร็ว เพราะชั่วโมงทำงานใกล้มาถึง มือบิดคันเร่งพอๆ กับหัวใจที่ร้อนรนกลัวไม่ทันเวลา  สายตาจึงต้องเพ่งมองไปตามถนนเพื่อหลบรถคันแล้วคันเล่าก่อนจะเลี้ยวซ้ายเข้าไปสู่ไปรษณีย์กลาง
แสงพูไช อินทะวีคำ
พระอาทิตย์ยามใกล้ค่ำสาดแสงอ่อนๆ ลอดผ่านปลายไม้ตามถนนล้านช้าง บนถนนรถยังคงแน่นขนัดวิ่งสวนกันไปมา ข้าพเจ้าประคับประคองร่างกาย ค่อยๆ ก้าวเดินไปข้างหน้าอย่าช้าๆ สายตามองสองส่องหาเศษขยะ  ปากก็กลืนน้ำลายลงคอ  สมองก็เริ่มคิดว่า ในบรรดาถังขยะเหล่านั้นจะมีสิ่งใดที่พอทำให้ข้าพเจ้ามีชีวิตรอดต่อไปอีกหนึ่งวัน
แสงพูไช อินทะวีคำ
ที่ร้านกาแฟเล็กๆ แห่งหนึ่ง บนริมถนนล้านช้าง เช้าเช้าอย่างนี้เป็นเวลาที่ผู้คนกำลังเดินเข้าเดินออกเพื่อที่จะมาลิ้มรสกาแฟปากช่องที่ขึ้นชื่อที่สุด ชายหนุ่มชื่อต่ายเดินไปในร้านกาแฟ แกมองซ้ายมองขวา ก่อนที่จะนั่งลง อีกไม่ถืงสามนาที ก็มีหญิงสาวอายุประมาณยี่สิบกว่านิดๆ เดินเข้ามานั่งลงม้านั่งด้านตรงกันข้าม เสียงสนทนาแว่วๆ เข้าหู "นึกว่าพี่จะไม่มา""ไม่มาได้ไง?""ขอบคุณค่ะ""ไม่เป็นไร ไหนๆ ก็ไหนๆ แล้ว""ไอ้เรื่องไหนๆ ที่พี่ว่ามีความหมายว่าอย่างไร?""ไม่มีอะไรหรอก คิดมากไป...""ถามจริงๆเถอะ...พี่ชอบหนูจริงหรือเปล่าคะ?""เรื่องนี้เราคุยกันรู้เรื่องแล้วไม่ไช่หรือ? ทำไมต้องคุยอีก""ก็กลัวพี่ไม่รักหนูจริงนี่นา"
แสงพูไช อินทะวีคำ
สมสีเป็นลูกสาวหัวแก้วหัวแหวนของพ่อเผย ชาวบ้านต่างกล่าวขานกันว่า เป็นผู้หญิงที่สวยเพียบพร้อมด้วยสมบัติบารมี ตรงตามตำราโบราณ รูปร่างสมส่วน ผิวขาวเหมือนไข่ปอก เข้ากับภาษิตที่ว่า ‘ตีนมือสวยลงน้ำหมานปลา ตีนมือหว้าลงนาหมานข้าว ไผได้เอาฮ่วมซ้อนคำไร้แม่นบ่มี’ เรื่องนี้เป็นที่รู้จักกันดีของชาวบ้านห้วยจิก วันนี้จ่อยกลับจากไปสู่ขวัญบ้านใต้ มองเห็นพ่อเผยกำลังนั่งเหลาตอกอยู่เพียงลำพัง จึงร้องทักอย่างคนคุ้นเคย “พ่อเผยเอ้ย! ข้อยขอเป็นลูกเขยได้บ่” จ่อยทั้งร้องทักทั้งส่งเสียงหัวเราะแหะๆ “บักจ่อย! มึงกล้าแต่ฮ้องใส่กูนี้แล้ว ถ้ามึงกล้าเว้ากับอี่สี แล้วมันตกลงแต่งงานกับมึง กูจะบ่ขัดทั้งสิยกให้มึงโลด”…
แสงพูไช อินทะวีคำ
พอเข้าบ้านปุ๊บ เสียงแปลกประหลาดก็วิ่งเข้าสู่รูหูทันที เสียงแบบนี้ข้าพเจ้าไม่คุ้นหูเอาเสียเลย และมันก็ไม่เคยเกิดขึ้นกับภรรยาสุดที่รักของข้าพเจ้าสักครั้ง เธอนั่งร้องไห้น้ำตาไหลพราก น้ำมูกย้อยเหมือนได้รับความระทมขมขื่นอันหาที่สิ้นสุดไม่ได้ ข้าพเจ้าสืบเท้าเข้าไปหาเธอ เพื่อถามไถ่เรื่องราวต่างๆ แต่ข้าพเจ้าต้องหยุดชะงักอยู่กับที่ เมื่อเธอชี้หน้าทำตาขวางเหมือนจะบดขยี้ข้าพเจ้าให้แหลกคามือ คำพูดที่หลุดออกมาจากปากของเธอไม่ต่างอะไรกับน้ำที่ไหลออกมาจากรางรินรับน้ำฝน ข้าพเจ้าฟังจนเกือบไม่ทัน เธอพูดว่า ''เจ้ามันบ้า! บ้าแท้ๆ! เจ้าบ่มีเวียกบ่? เดี๋ยวนี่คำเว้าของชาวบ้านแล่นเข้าหูข้อยจนล้นออกมาแล้ว…