ในคำปราศรัยโดยหัวหน้าคณะกรรมการรักษาความสงบแห่งชาติเมื่อวันที่ 6 มิถุนายนที่ผ่านมา ท่าน ผบ.ทบ. กล่าวว่า “We have to make our country stronger and ready to move toward a fully functioning democratic Kingdom” สิ่งที่ทำให้ผมยิ่งงงก็คือการใช้คำว่า a fully functioning democratic Kingdom
คำว่า democratic ซึ่งหมารยถึง อันเป็นประชาธิปไตย หรือ เกี่ยวกับประชาธิปไตย และมันต้องเป็นรูปแบบที่ทำงานได้อย่างเต็มรูปแบบ (fully functioning) แต่สิ่งที่เกิดขึ้นมาก่อนหน้านี้ไม่มีสิ่งใดๆ ที่สอดคล้องกับประชาธิปไตย
ในเมื่อประเทศกำลังจะมีการเลือกตั้ง มีฝ่ายที่ไม่ปฏิบัติหน้าที่เพื่อดำเนินการเลือกตั้งอย่่างเต็มที (เช่น กกต.) นอกจากนี้ ยังมีกลุ่มคนที่ใช้ความรุนแรงเพื่อไม่ให้นักการเมืองลงสมัครหรือใช้สิทธิการเลือกตั้ง คนเหล่านี้ไม่เคยได้รับบทลงโทษใดๆ
หลังจากมีการเลือกตั้ง ซึ่งมีประชาชนกว่า 15 ล้านคนไปลงคะแนนเสียง (และในขณะเดียวกันยังมีหลายคนที่ต้องการที่จะลงคะแนนเสียง แต่ไม่สามารถใช้สิทธิ์ได้ เพราะมีการรบกวนหรือเป็นห่วงเรื่องความปลอดภัย) ก็ผลการเลือกตั้งถูกตัดสินเป็นโมฆะโดยศาลรัฐธรรมนูญ
ต่อไป รัฐบาลที่ผ่านการเลือกตั้งก็ถูกไล่ออกโดยศาลดังกล่าวอีกครั้ง เนื่องจากมีการย้ายข้าราชการชั้นสูงคนหนึ่ง (เลขาฯ สมช.)
และในสุดท้าย รัฐบาลที่ได้รับเลือโดยการเลือกตั้งก็พบกับจุดจบโดยรัฐประหารอีกครั้ง
กระบวนการ (process) ที่ได้เกิดขึ้นมาจนถึงบัดนี้บ่งชี้ว่า การมีส่วนร่วมของประชาชนทั่วไปในการเมืองระดับประเทศสยิ่งแคบลงจนถึงถูกปฏิเสธในรูปแบบรัฐประหาร นอกจากนั้นในปัจจุบัน การแสดงออกความเห็นของประชาชนก็ยังถูกจำกัดด้วย อีกนัยหนึ่ง กล่าวได้ว่าความเป็นประชาธิปไตยในสังคมถูกริดรอนอย่างเป็นขั้นตนจนถึงขั้นสุดท้าย (ณ ปัจจุบัน)
สิ่งที่น่าสังเกตุคือ แม้ว่าสถานการณ์เป็นเช่นนี้ ฝ่ายคสช. ยังใช้คำว่า ประชาธิปไตย แต่ความหมายของคำนี้ในบริบทของคำปราศัยนั้นไม่ชัดเจน
ในระบอบประชาธิปไตยตัวแทน (representative democracy) การเลือกตั้งมีความสำคัญมาก ถึงแม้ว่า การเลือกตั้งกับประชาธิปไตยไม่ใช่สิ่งเดียวกัน แต่ในโลกปัจจุบันนี้ ยังไม่มีระบอบใดๆ ที่สามารถรักษาความเป็นประชาธิปไตยได้ ในเมื่อไม่มีการเลือกตั้ง
การเลือกตั้งนั้นมีความสำคัญเพราะมันเป็นโอกาสสำหรับประชาชนทั่วไปเพื่อแสดงออกความต้องการของตนโดยเลือกตัวแทนที่ถูกใจที่สุด ไม่ว่าจะเป็นรายบุคคลหรือเป็นพรรคการเมือง และบรรดานักการเมืองที่ได้รับเลือกจะสะท้อนความต้องการของประชาชน (หรือ พลเมือง) โดยกำหนดนโยบายที่สอดคล้องกับความต้องการดังกล่าว
ในเมื่อฝ่ายที่ไม่เห็นด้วยกับการเลือกตั้งพูดถึงการเลือกตั้ง ประเด็นที่ถูกนำมาใช้คือการซื้อเสียงขายเสียง แน่นอนว่าการซื้อเสียงขายเสียงเป็นการกระทำอันตกต่ำที่สุด เพราะมันเป็นเท่กับการขายอนาคตของชาติ (ซึ่งกระทำโดยพรรคการเมืองทุกพรรค และนักการเมืองเกือบทั้งหมด) แต่การเลือกตั้งอันสมบูรณ์ไม่ใช่แค่การเลือกตั้งอันปราศจากการซื้อเสียงขายเสียงอย่างเดียว
ระบอบประชาธิปไตยเป็นระบอบที่ทำให้ทุกฝ่ายสามารถแสดงความเห็นโดยไม่จำเป็นต้องใช้ความรุนแรงในการแสดงออก ด้วยเหตุนี้เอง การปิดโอกาสแสดงความเห็นหรือการจำกัดการมีส่วนร่วมของประชาชน (พลเมือง) ไม่อาจนำไปสู่ประชาธิปไตยอันสมบูรณ์
ประชาชนต้องการระบอบประชาธิปไตยหรือไม่นั้นเรื่องการเมือง ดังนั้นการแก้ไขปัญหานี้ก็ต้องมาจากการเมือง ไม่ใช่การใช้ความรุนแรงหรือการยุดอำนาจ
สังคมไทย โดยเฉพาะฝ่ายที่ยึดอำนาจ ณ บัดนี้ ควรเข้าใจว่า ความสมบูรณ์ของประชาธิปไตย ขึ้นอยู่กับการยอมรับส่วนร่วมของคนส่วนใหญ่ในการกำหนดนโยบาย ไม่ใช่การ "ปฏิรูป" อันเป็นประโยชน์ต่อฝ่ายใดฝ่ายหนึ่งโดยเฉพาะ