เดี๋ยวนี้ผมเริ่มได้รับเชิญเป็นวิทยากรในงานเสวนาสาธารณะหรือการประชุมวิชาการ ผมก็ยินดีที่จะรับงานเหล่านี้เป็นหนึ่งในหน้าที่ของนักวิชาการ (แม้ว่าผมไม่ได้ทำงานในมหาวิทยาลัยก็ตาม) ยกเว้นในบางกรณี เช่น ผมไม่ว่างในวันที่จะจัดงาน หรือฝ่ายผู้จัดมาขอให้ผมพูดเรื่องที่ผมไม่มีความรู้ใด
ในการที่จะเป็นวิทยากร มีเรื่องหนึ่งที่มีความอ่อนไหวสูงก็คือ เรื่องค่าวิทยากร โดยส่วนตัวผมไม่สนใจว่า ฝ่ายผู้จัดจะให้เท่าไรและไม่เคยต่อรองราคาด้วย ถ้าผมได้ค่าวิทยากรเท่ากับ “ค่าน้ำมัน (ที่นับวันก็ยิ่งสูงขึ้น)+ค่าแรงขั้นต่ำ” ก็ถือว่าดีมากแล้ว หรือในเมื่อผู้จัดไม่มีงบประมาณสำหรับค่าวิทยากร ผมก็ยังยินดีที่จะไปช่วยตราบใดที่งานที่จัดนั้นจะเป็นสาธารณประโยชน์
ผมเริ่มสังเกตว่า ในงานหลาย ๆ งาน ฝ่ายผู้จัดให้ค่าวิยากร (ในซอง) และให้ผมเซ็นชื่อในใบสำคัญรับเงินที่ยังไม่ได้เขียนอะไรเลย งานที่ให้ผมเซ็นชื่อในใบสำคัญรับเงินที่ระบุจำนวนเงินแล้วเป็นส่วนน้อย คนที่เคยจัดงานเสวนาก็คงจะทราบว่าใบสำคัญรับเงินที่มีลายมือของผู้รับเงินแต่ยังไม่ได้ระบุจำนวนเงินนั้นจะหมายถึงอะไร สิ่งที่มักจะเกิดขึ้นก็คือ เขียนจำนวนเงินมากกว่าจำนวนที่ให้กับวิทยากรจริง (เช่น ผมได้รับ 1500 แต่ในใบเขียนว่า 3000) และใช้จำนวนที่ห่างกันนั้นสำหรับเป้าหมายอื่น ๆ ไม่ได้หมายความว่าฝ่ายผู้จัดงานทุกรายกระทำเช่นนี้ แต่การที่ลงชื่อในใบสำคัญรับเงินเปล่าก็เท่ากับให้โอกาสที่จะทำอะไรบางอย่างที่ขัดกับหลักจริยธรรม ผู้จัดงานส่วนใหญ่ก็ได้รับการสนับสนุนทางการเงินจากแหล่งทุนภายนอกที่มีระบบตรวจสอบ แต่เซ็นชื่อในใบสำคัญรับเงินเปล่านั้นก็ไม่ต่างจากเปิดช่องโหว่ ซึ่งอาจนำไปสู่การทุจริตก็ได้
งานที่ผมได้เข้าร่วมเป็นวิทยากรเกือบทุกงานมี “หลักการและเหตุผล” ที่อ้างถึงสาธารณประโยชน์ แต่ผมก็เชื่อว่า สาธารณประโยชน์อันแท้จริงมิอาจเกิดขึ้นในขณะที่องค์กร สถาบัน เครือข่าย ฯลฯ ที่จัดงานเสวนาสาธารณะขาดความโปร่งใสทางการเงิน ด้วยเหตุนี้ ผมขอปฏิเสธลงชื่อในเอกสารใด ๆ ที่อาจนำไปสู่ความไม่โปรงใส่ทุกประการครับ ผมชอบทำงานฟรีมากกว่าได้รับเงินที่ไม่มีโปร่งใส เพราะเงินแบบนั้นไม่น่าจะเป็นฮาลาล