รักกันผ่านใจ จนแล้วจนรอด มีแฟนสวยดี นี่รักไม่จริง
หาใช่หน้าตา อยากกอดนงเยาว์ ลัคกี้ที่ยู เพราะกลัวคนพาล
คิดทุกเพลา ทิฐิถือเอา แต่รักไม่รู้ ว่าคู่ไม่งาม
บอกว่ารักเจ้า หนักเบาไม่รู้ จะอยู่ไม่นาน ยอมตามสังคม.
รูปร่างหน้าตาเธอไม่ได้สวยอะไรมากมาย แต่ผมก็ยังจะมองและชอบหยอกล้อกับเธอ เปรียบเหมือนเธอเป็นเกสร ส่วนผมเป็นแมลงที่กระหายในกลิ่นหอมเกสรและใคร่ที่จะตอมมัน ผมนึกว่าจะมีเธออยู่กับผมตลอด แต่แล้วกาลหนึ่ง ก็มีชายร่างใหญ่คล้ายกำแพงเดินได้เข้ามา ผมไม่ได้เห็นเขาในสายตาเสียเท่าไรในตอนแรก แต่หลายวันมานี้ชายคนนั้นชักจะสนิทสนมกับผู้หญิงคนนั้นเป็นพิเศษจนผมเริ่มกลัว ตอนแรกไม่รู้หรอกเพราะไม่ได้รักเธอ ผมแค่รู้สึกกลัวเหมือนเด็กที่กลัวว่าร้านขายขนมจะปิดแล้วเราจะไม่มีโอกาสได้ชิมรสชาติของหวานนานาที่เราเคยสัมผัสอีกแล้ว
แต่... พอผมพิจารณาให้ถี่ถ้วนผมก็รู้หัวใจตัวเอง ผมยังเห็นเธออยู่ตรงนั้นเป็นแสงไฟ เธออาจไม่ใช่ไฟที่ส่องสว่างนัก อาจเป็นแค่ไฟดวงเล็กๆ ในหมู่ดวงดาวเสียด้วยซ้ำ แต่อาจเพราะนั้นทำให้เหล่าบุรุษที่หาญกล้าเข้ามาหาเธอ
ผมนั่งพินิจพิเคราะห์อยู่นานว่าเหตุฉะไหน เธอถึงจึงเป็นที่นิยมนัก ผมนั่งพักหยุดคิดคล้ายมุนีที่สงสัยในกิจธรรม มอง และพิเคราะห์ จนผมได้มาซึ่งคำตอบ เพราะเธอเป็นผู้ฟังที่ดีกว่าสตรีใดที่รู้จัก เธอไม่เจี้ยวจ้าวหรือแข่งขันกันที่จะจรัสฉายแสง เธอแค่เป็นเธอไปเรื่อย ไฟดวงน้อยๆ เป็นดังอำไพที่เก็บเงียบงันในป่า เป็นบุษบาที่งามยามส่งกลิ่นหอม ผมยิ้ม เหมือนคนถูกรางวัล แต่กระนั้นผมก็ยังเศร้าใจ มีบางอย่างที่ยังเหนี่ยวรั้งผมไว้ ชายร่างใหญ่
ผมเชื่อว่าไม่นานเธอจะต้องมีคนมาเอาไป ใจก็ห่วงเธอ แต่พยายามปกปิดไว้ในคราบพี่ชายที่แสนดี ไม่มีราคีมาเจือปน แต่ก็สุดจะทน เพราะผมก็เป็นคนมิใช่ควาย แต่ควายนั้นก็ยังรู้จักรัก งั้นผมก็คงเป็นเสียยิ่งกว่าควาย ทั้งๆ ที่รู้ว่าตนรู้แล้วว่าหมายใคร ผมอยากจะจะเก็บเธอไว้ดังสิ่งของ ทั้งที่รักเธอแต่ก็ยังปรารถนาสตรีที่สง่ากว่าสตรีที่สถิตอยู่ ณ เทวาลัย
มันออกจะเห็นแก่ตัวที่อยากจะมีเธอเป็นเพื่อนคู่คิดแต่ชีวิตยังต้องการสิ่งอื่น ไม่อยากให้แมลงใดมาตอมไฟน้อยๆ อย่างเธอ แต่ใจก็ระเริงมองแต่หญิงอื่น ผมนั่งโกรธตัวเองอยู่สักพัก และฉะงัดอยู่พักใหญ่ มีความตะขิดตะขวงอยู่ในใจ ไม่รู้ทำไม แต่กลับหงุดหงิด บางครั้งก็โกรธที่ชายร่างยักษ์มาสนิทสนมกับเธอ บางครั้งก็โกรธที่เธอไปชมชายอื่นนอกจากผม แต่ก็ได้แค่จะอดทน ผมมักจะชวนเธอออกไปเดินเล่นอยู่บ่อยๆ เพราะอยากจะแอบจับมือเธอตอนไม่มีใครเห็น อยากจะสร้างช่วงเวลาที่มีแค่สองเรา เป็นห้วงเวลาที่ศักดิ์สิทธิ์ แต่ก็ได้แค่นั้น แค่ของฆ่าเวลา... แค่นั้นเองหรือ
ความสับสนตรงนี้หลอกผมอยู่มิวายเช้า จรดเย็น ผมดื่มเบียร์เย็นๆ ให้ใจผมมันสงบ หรือบางทีก็บุหรี่บ้างเป็นบางครา สูบอัดมันเข้าไปให้เต็มปอด เชื่อว่ามันเป็นนักบุญในชุดสีขาวที่มาเปลื้องพันธนาการของผมที่มีต่อ อิสตรีที่สวย แต่นั้นละผมจะทำได้ยังไงในเมื่อใจของผมไม่ได้อยู่ที่ตัวผมแล้ว ผมนั่งครุ่นคิดสามในสี่ส่วนเป็นจินตนาการ ที่ผมได้ลูบหัวเธอ ผมกังขากับตัวเองนัก ความรู้สึกผิดที่เห็นแก่หัวท่วมทะลักทั่วทุกอณูจนยากจะปลีกตัว สูบบุหรี่นั่นจึงช่วย ปรืดแรกทำให้ตาปรือ ปรืดสองทำให้ผมมองเห็น สุดท้ายแล้วความสวยงามนั้นอยู่แค่เพียงหน้าตาหรือ หากเป็นเช่นดังกล่าวแล้ว ถ้ามีคนอื่นนอกจากผมมองเห็นจุดนี้ของเธอละ แค่คิดผมก็ได้แต่กล่าวโทษตัวเอง แต่กระนั้นผมก็ยังไม่กล้าพอ จนตอนนี้เวลานี้ ผมก็ยังคงกล้าๆ กลัวๆ ที่ทำตามความคิด
ผมนั่งเขียนงานชิ้นนี้เป็นความลับ ยากจะแยกออกระหว่างบทกลอน หรือร้อยแก้วระหว่างเขียน คล้ายบุรุษที่เมาสุรา แต่ของผมนั้นเมาในรัก ไม่อาจจะเรียกว่ารักด้วยซ้ำเพราะผมละเมออยู่ฝ่ายเดียว ความตีกันทางความคิด ไม่อาจทราบได้ถูกหรือผิด ผมแค่ปล่อยให้ใจของผมมันเล่าเรื่อง และบรรยายมันออกมา เมื่องานชิ้นนี้ออกไปอยากให้มันเป็นยาชูกำลัง ให้ผมหรือให้ใครก็ตามได้ขัดเกลาความคิดตัวเองและอย่าให้สังคมมาหลอกคุณได้ ความสุขมักอยู่ตรงหน้าแต่เราชอบไม่มองมัน