Skip to main content

 

สวัสดีค่ะ

ดิฉันชื่อ นางสาวดาราวดี พานิช อายุ18ปี อาชีพ นักศึกษา

เรื่องที่จะเล่าต่อไปนี้ คือเรื่อง ดาวดวงสุดท้าย

ถ้าพูดถึงท้องฟ้า หลายคนคงนึกถึง ก้อนเมฆที่ล่องลอยไปตามสายลม ดวงอาทิตย์ที่ส่องแสงแห่งความอบอุ่น พระจันทร์ที่โดดเด่นสวยงามในยามค่ำคืน หรือแม้แต่ดวงดาวมากมายบนท้องฟ้า

ท้องฟ้ายามเช้าสำหรับหลายๆคน นั่นคือสิ่งที่ทำให้ทุกคนตื่นตัว พร้อมทำหน้าที่ของตัวเอง ให้ผ่านพ้นไปตามเป้าหมายที่ตัวเองได้ตั้งไว้ เป็นท้องฟ้าของการสร้างแรงผลักดันที่ทำให้เราก้าวไปข้างหน้า เหมือนคำพูดที่มีคนพูดกับฉันว่า "ถ้าวิ่งไม่ได้ก็ให้เดิน เดินไม่ได้ก็ให้คลาน ถ้าคลานไม่ได้ ก็ต้องทำให้ตัวเองก้าวไปข้างหน้าให้ได้" สำหรับฉันแล้ว ท้องฟ้ายามเช้าคือแรงผลักดันให้ฉันสามารถก้าวก้าวต่อไปได้แบบนั้น

แต่ในทางตรงข้ามกัน ท้องฟ้าในตอนกลางคืน นั่นคือสิ่งที่ทำให้เราเกิดความสงบ พร้อมที่จะหลับไหลไปกับความมืดที่แฝงไปด้วยความสวยงามของดวงจันทร์ หรือดวงดาวเหล่านั้น บางคนชอบดูดวงจันทร์ เพราะว่าดวงจันทร์สวยงามและโดดเด่นยามค่ำคืน บางคนชอบดูดวงดาว เพียงเพราะว่าอยากจะขอพรกับดาวตก เพื่อให้เป้าหมายของเขาเหล่านั้นเป็นจริง

สำหรับฉันแล้ว ท้องฟ้ายามกลางคืน คือโลกใบหนึ่งที่ฉันสามารถอยู่กับตัวเอง และเป็นตัวเองได้มากที่สุด โดยไม่ต้องสนใจว่าใครจะคิดอะไร ใครจะคาดหวังอะไร หรือว่าใครต้องการอะไรจากเรา มันเป็นโลกที่มีแค่ฉันกับดวงดาวพวกนั้น ที่คอยอยู่เป็นเพื่อน ที่สร้างแรงผลักดันให้ฉันก้าวต่อ ดวงดาวเหล่านั้น จะคอยย้ำเตือนฉันเสมอว่า เมื่อเปลี่ยนเป็นเช้าวันใหม่ ฉันต้องกล้าที่จะเผชิญกับปัญหาเหล่านั้นได้ โดยไม่ยอมแพ้ต่ออุปสรรคต่าง ๆที่เข้ามา

ในทุก ๆ คืนที่ท้องฟ้ามืดสนิท ฉันจะออกมาอยู่กับดวงดาวพวกนั้นเสมอ บางครั้งออกมาเพื่ออยู่กับความสบายใจ บางครั้งเพื่อให้ตัวเองหลุดพ้นจากปัญหาในตอนนั้น หรือแม้แต่การหลุดพ้นจากความคาดหวังมากมายที่เกิดขึ้น แต่ในหลายๆครั้งฉันออกมา เพื่อรอคอยดาวตก และเล่าปัญหาที่เกิดขึ้นในตอนนั้น เพียงเพื่อหวังว่าดาวตกจะพาปัญหาเหล่านั้น หายไปพร้อมกับมัน

มีคนเคยถามฉันว่า ถ้านั่นเป็นดาวดวงสุดท้ายที่สามารถขอพรได้ ฉันจะขออะไร ฉันเลยตอบเขาไปว่า ขอให้ดวงดาวเหล่านั้นยังคงอยู่ในโลกที่ฉันสามารถเป็นตัวเองอย่างแท้จริงได้ และขอให้พวกเขาอยู่เป็นเพื่อนกับฉัน ในวันที่ฉันอ่อนแอ ตลอดไป

ดาวดวงสุดท้ายก่อนการจากลา

 

 

บล็อกของ Storytellers

Storytellers
          ความว่างเริ่มเข้ามาในหัวสมองเมื่อผมกลับมาจากการตกปลาได้สักพักหนึ่ง มันส่งเสียงบอกผมว่า “เห้ย!นายต้องหาอะไรทำได้แล้วนะ”พร้อมนึกขึ้นได้ว่า เรานัดคุยกับคุณตาไว้นี่ผมไม่รอช้ารีบเดินเข้าไปบ้านคุณตา คุณตากำลังสานตะกร้าจากไม้ไผ่ไว้ใช้เองอยู่คุณตาเห็นผมด้วยท่าทางทีใจ รี
Storytellers
          เป็นค่ำคืนที่หัวถึงหมอนแล้วรู้สึกอีกทีคือตอนตื่น ผมตื่นมาอย่างตื่นเต้นเตรียมพร้อมที่จะเดินขึ้นไปดูทะเลหมอกแต่มองออกไปก็เจอแต่ความมืดมิดของค่ำคืนที่ไม่มีไฟฟ้าและก็ไม่เห็นจะมีใครตื่นมากับเรา ในใจตอนนั้นถามว่าให้เดินขึ้นไปคนเดียวกล้าไหม ก็คงตอบอย่างมั่นใจว่าไม่กล้า
Storytellers
          พระอาทิตย์เริ่มลับขอบฟ้าเหล่านกกาบินร้องกลับรังก็ได้เวลาที่เรากลับมาที่โรงเรียน เพื่อเตรียมทำกับข้าว ซึ่งก็มีออเดิร์ฟมาเสิร์ฟเราถึงที่ เป็นหัวปลีคลุกเคล้ากับเครื่องปรุง ทอดกรอบๆ พูดแล้วก็อยากทานอีก เพราะรสชาติมันช่างกลมกล่อมลงตัวเป็นอย่างมาก โดยแม่ครัวใหญ่ของอาห
Storytellers
          เรานั่งรอคุณครูซามารับประมาณเกือบๆ 2 ชม.เพราะวันนี้ทางโรงเรียนติดส่งแขกที่เข้ามาบริจาคสิ่งของ แล้วรถของคุณครูก็มาถึงเป็นรถโฟวิลยกสูงคันใหญ่ ที่ขับมาโดยเด็กหนุ่มหน้าตาอย่างกับบอยแบรนด์เกาหลี ผมสวัสดีทักทาย ในใจก็คิดว่าสงสัยครูซาคงให้ลูกศิษย์ขับรถมาแทน แต่ก็ไม่ใช่
Storytellers
          เสียงนาฬิกาปลุกปลุกผมให้ลุกจากที่นอนรีบไปอาบน้ำ ผมสะพายเป้ ออกจากบ้านด้วยอารมณ์เรียบเฉยต่างจากวันก่อนที่อยากไปมากอย่างสิ้นเชิง คงเป็นเพราะบรรยายกาศที่มีฝนตกปรอยๆ และข้อมูลการเดินทางที่มีน้อยมาก มันเลยทำให้ผมไม่ได้คาดหวังอะไรมากจากการเดินทางครั้งนี้ผมนัดเจอกับชาต
Storytellers
หลังจากจบกิจกรรมในวันแรกเราทุกคนต้องนอนค้างด้วยกันและเช้าวันรุ่งขึ้นผมต้องรีบแหกขี้ตาขับรถกลับบ้านเพื่อแต่งตัวไปทำงาน ในขณะที่เพื่อนๆคนอื่นเตรียมตัวออกเดินทางโดยตลอดการเดินทางเราจะใช้ “APP C –Site”เพื่อติดตามเรื่องราวของกันและกัน ความรู้สึกที่เราต้องนั่งหงอยๆทำงานอยู่หน้าคอมทั้งที่เพื่อนคนอื่นออก
Storytellers
          ชีวิตในเมืองเต็มไปด้วยความวุ่นวายเร่งรีบของใครคนหนึ่ง โดยไม่รู้เลยว่าแท้จริงแล้วเขาต้องการอะไรจากเมืองกรุงแห่งนี้จนเลื่อนมือถือไปๆมาๆเจอโพสหนึ่ง “เปิดรับเยาวชนนักเล่าเรื่องที่สนใจจะไปเที่ยว!
Storytellers
ก่อนได้ไปลงพื้นที่ที่สะเนพ่องเราได้ไปค่ายนักเล่าเรื่องในที่อื่น(Storytellers in Journey) ที่มูลนิธฺเสฐียรโกเศศ-นาคะประทีปซึ่งทำให้เราได้เจอกับพี่ๆหลายๆคนและทุกๆคนน่ารักมาก แต่ในระยะเวลาที่เราได้อยู่ค่ายนั้นมันมีแค่ 2 วันคือวันที่7-8 พฤศจิกายน พ.ศ.2561 แล้วในตอนนั้นผมก็ยังมีโครงการของผมที่ยังต้องไ
Storytellers
บัติ-ใจ-สู้  สามคำที่อยากแนะนำตัวเองให้ทุกคนได้รู้จัก  “บัติ”  มาจากชื่อจริงชื่อ  สมบัติ  แก้วเนื้ออ่อน  “ใจ”  มาจากสิ่งที่เริ่มทำในชีวิตส่วนใหญ่มักเริ่มต้นมาจากความรู้สึกที่เกิดขึ้นผ่านใจ  ถ้าใจอยากทำ  ยังไงก็จะทำต่อไปจนสำเร็จให้ได้  ส่
Storytellers
ต่างคนต่างบอกเป็นเสียงเดียวกันว่า การเดินทางคือการซื้อประสบการณ์ที่ได้รับเงินทอนเป็นความสุข เป็นคำพูดที่มีความจริงเจือปนอยู่เป็นจำนวนมากแต่บางครั้งเงินทอนที่ได้รับอาจจะมาในรูปแบบที่โหดร้ายได้เหมือนกัน เพราะการเดินทางไปในแต่ละที่มักจะได้ประการณ์ที่ไม่เหมือนกัน และนี่ก็เป็นอีกประสบการณ์ที่ไม่รู้ว่า
Storytellers
          ผมได้เข้าร่วมโครงการ Storytellers in journey ซึ่งเป็นโครงการที่เปิดโอกาสให้ผมได้ออกเดินทางไปเรียนรู้อะไรใหม่ตามที่ต่างๆ และผมได้มีโอกาสเดินทางไปยังบ้านปลาบู่ จังหวัดหมาสารคาม เพื่อไปดูการจัดการธุรกิจแบบ Social Enterprise เพราะผมได้รู้มาว่าที่นั้นมีการทำธุรกิจแบบ