Skip to main content

สวัสดีค่ะ ชื่อนางสาวปราดา เชียงกา อายุ 23ปี เพิ่งจบการศึกษาจากมหาวิทยาลัยศรีนครินทรวิโรฒ คณะสังคมศาสตร์ ภาควิชาบริหารธุรกิจ เอกการท่องเที่ยวและการโรงแรม วันนี้อยากมาเล่าเรื่องประสบการณ์ของตัวเองที่ได้ไปฝึกงานที่บริษัทดำน้ำ ที่เกาะช้างเป็นเวลา 4 เดือน คือ 1 เทอมสุดท้ายก่อนเรียนจบจากมหาวิทยาลัย 

ที่เลือกไปฝึกงานที่เกาะช้างเพราะว่าอยากลองหาไลฟ์สไตล์การใช้ชีวิตของตัวเอง นอกจากกทม.ดู การได้มาฝึกงานทำให้ได้ลองดำน้ำครั้งแรก และเรียนรู้เรื่องการทำธุรกิจดำน้ำ การทำการตลาด และวิถีชีวิตวัฒนธรรมคนท้องถิ่นที่นี่ ที่สำคัญคือได้พัฒนาทักษะภาษาอังกฤษของตัวเองขึ้นมาก เพราะว่าเจ้าของบริษัทเป็นชาวสวิส ครูสอนดำน้ำก็เป็นชาวแคนาดาและโปแลนด์ ทำให้ต้องปรับตัวทั้งการสื่อสารทำงานร่วมกันและพึ่งพาอาศัยกัน จนผ่านไปได้ด้วยดี นี่คือสิ่งที่ได้เรียนรู้และอยากจะแบ่งปันจากการไปฝึกงานมานะคะ

-การดำน้ำจะทำให้ได้รับประสบการณ์ในการท่องเที่ยวที่แตกต่างออกไปจากสถานที่บนบก แม้ว่าในทะเลจะมีจุดดำน้ำประจำ สำหรับจอดเรือและให้ลงไปดำน้ำแต่ว่าสิ่งมีชีวิตใต้น้ำมีการเคลื่อนไหวมีชีวิตและหมุนเวียนอยู่ตลอดเวลา ไม่สามารถคาดเดาได้เลยว่าวันนี้จะได้เห็นปลาอะไรบ้าง น้ำจะใสไหม จะได้เจอฉลามวาฬปลาตัวใหญ่ๆไหม แม้แต่สถานที่เดียวกัน ในวันเดียวกันแต่คนละเวลาฝูงปลาที่ว่ายผ่านไปมาก็เปลี่ยนชนิดกันไปหมดแล้ว และเสน่ห์ของการดำน้ำก็คือการคาดเดาสิ่งที่เราจะเห็นใต้น้ำไม่ได้

-การได้ไปสัมผัสวิถีชีวิตวรรฒนธรรมของคนไทยในอีกพื้นที่หนึ่งซึ่งเป็นสถานที่ท่องเที่ยว ก็ยังสัมผัสได้ถึงน้ำใจไมตรี จากคนในท้องที่ที่มีให้เสมอ แม้ว่าเราจะยังเป็นนักท่องเที่ยวหรือผู้มาเยือน เราก็สามารถเรียกทุกคนได้แบบคนในครอบครัว และหยิบยื่นน้ำใจรอยยิ้มให้แก่กันได้ ถึงแม้จะมีนักท่องเที่ยวชาวต่างชาติมาก แต่ร้านค้าร้านอาหารไทยๆที่ขายโดยคนไทยในพื้นที่ อาหารอร่อยๆก็ทำให้การใช้ชีวิตบนเกาะช้างไม่เหงาเกินไป

-การทำงานเป็นอาชีพนักดำน้ำทำให้เห็นอีกมิติหนึ่งของ การหารายได้และแนวทางอาชีพใหม่ ที่ถ้าหากว่าอยู่แต่ในกทม. คงจะไม่ได้เห็นและรู้จักใกล้ชิดขนาดนี้ ครูสอนดำน้ำที่เป็นชาวต่างชาตินั้น มีการรับรองจากสถาบันดำน้ำก็สามารถเดินทางไปเป็นผู้นำเที่ยว/สอนดำน้ำได้ทั่วโลก โดยที่พวกเขาจะทำงานตามฤดูทะเลของสถานที่ต่างๆเช่นถ้าหน้าพายุ ของอ่าวไทย ก็ย้ายไปทำงานบนทะเลฝั่งอันดามันหรือไปที่ประเทศใกล้ๆแทน ได้ฟังประสบการณณ์ชีวิตที่เดินทางมากมายของครูสอนดำน้ำที่เป็นคนแคนาดา และโปแลนด์ที่มาจากค่อนทวีปและเดินทางไปเกือบทั่วโลก ทั้งประสบการณ์ดำน้ำในอียิปต์ หรือดำน้ำแข็งที่แคนาดาก็ฟังแล้วแปลกใหม่น่าตื่นเต้นมากๆ รู้สึกประทับใจคนที่มีความฝันและรักการท่องเที่ยวได้ใช้ชีวิตตามที่วางแผนไว้ สร้างแรงบันดาลใจได้มาก

-การได้อยู่ใกล้ชิดธรรมชาติและสภาพแวดล้อมที่เป็นสุข มีผลโดยตรงกับความสุขในชีวิตของมนุษย์ เมื่อเราไม่ชอบมลภาวะ รถติด และการที่ต้องใช้ชีวิตตื่นขึ้นมาและเจอกับสิ่งนั้นตลอดทำให้เกิดความเครียด เราทุกคนสามารถเลือกที่อยู่และไลฟ์สไตล์การใช้ชีวิตของตัวเองได้ หากเราวางแผนและขึ้นอยู่กับปัจจัยหลายๆอย่างในชีวิตของแต่ละคน การได้เดินทางไปทะเล ภูเขา น้ำตก เดินป่า เมื่อไหร่ก็ได้ที่ต้องการ คนไม่แออัด ไม่มีมลพิษ ไม่ต้องใช้ของแบรนด์เนมเพื่อให้เข้าสังคมได้เป็นไลฟ์สไตล์ที่น่าอิจฉามากสำหรับคนที่อยู่บนนเกาะช้าง

-แม้ว่าฝึกงานจะจบแล้ว แต่มิตรภาพดีๆประสบการณ์และความทรงจำที่ได้รับจากเกาะช้างจะยังคงอยู่ตลอดไป และนั้นทำให้ความทรงจำที่บันทึกไว้ด้วยรูปถ่าย และสมองที่หลับตานึกถึงที่ไรก็ย้อนกลับไปได้จะมคุณค่าและความหมายมากมายยิ่งกว่า การเก็บเปลือกหอย และพันธ์ปลาต่างๆกลับมาบ้านซึ่งไม่ควรเลย การอนุรักษ์และรักษาไว้ซึ่งท้องทะเลและธรรมดาที่สวยงามน่าประทับใจ ให้กลับไปหาได้ทุกครั้งที่คิดถึง รวมถึงแบ่งปันให้ผู้อื่นได้มาสัมผัสเช่นกันย่อมมีคุณค่ามากว่าเป็นไหนๆ

หวังว่าจะได้มีโอกาสเข้าร่วมโครงการนะคะ

ขอบคุณที่อ่านมาจนจบนะคะ 

 

 

ภาพจาก: https://www.pinterest.com/pin/393220611210199600/

 

บล็อกของ Storytellers

Storytellers
ปรากฏการณ์การพิทักษ์ความดีงามแห่งรัฐ คำว่า “ความดีงามแห่งรัฐ” คือ สิ่งที่รัฐมองว่าดีงามและควรค่าแก่การรักษา
Storytellers
หากเราลัดเลาะรอบกรุงรัตนโกสินทร์ สิ่งที่เห็นล้วนเต็มไปด้วยวัดวาอาราม ย่านที่เต็มไปด้วยความดีงามที่ควรแค่แก่การอนุรักษ์นำมาซึ่ง “แผนแม่บทเพื่อการอนุรักษ์และพัฒนากรุงรัตนโกสินทร์”
Storytellers
“Raising and caring for children is more like tending a garden :it involves “a lot of exhausted digging and wallowing in manure” to create a safe,nurturing space in which innovation, adaptability and resilience can thrive.”
Storytellers
หลังจากครุ่นคิดมาทั้งคืน ถึงพื้นที่การเรียนรู้ มุกได้เลือกไปที่ ชุมชนไทดำ จังหวัดสุราษฎร์ธานีค่ะ มีหลายเหตุผลมากมายในการเลือกเดินทางครั้งนี้ นั่นก็คือ อยากที่จะไปเรียนรู้ถึงวัฒนธรรม พิธีกรรม รวมถึงวิถีชีวิตต่าง ๆของคนไทดำ ว่ามีความแตกต่างกับชีวิตประจำวันของเราอย่างไร และสิ่งที่สำคัญที่สุดที่ทำให้
Storytellers
- ฉันเริ่มการสรุป สาธยาย เพ้อเจ้อ และพรรณา ณ วันที่12 ธันวาคม 2561 (12/12) เวลา 18.36 -
Storytellers
คำเตือนการพยายามร้อยเรียงเรื่องราวมันคงจะชัดเจนจนสับสนมากอ่านประโยคเดียวงงไหมคะ?ไม่ต้องพยายามเข้าใจอะไรให้มันง่ายหรอกค่ะ เดี๋ยวมันไม่สนุก ไปกันแบบงงๆกับคนงงๆดีกว่า .Pre-ช่วงประมาณกลางเดือนตุลาคม 2561
Storytellers
ตอน : การจัดการที่อยู่
Storytellers
การนำเสนอ ตั้งใจว่าจะทำเป็น จดหมาย 3 ฉบับที่เขียนในสเนพ่อง เพราะว่าในสเนพ่อง ไม่มีสัญญาณโทรศัพท์และอินเตอร์เน็ท จึงทำให้การพูดคุยสื่อสารกันด้วยจดหมายน่าจะเข้ากับการนำเสนอการเดินทางในครั้งนี้มากที่สุดค่ะ มีจดหมายฉบับที่ส้มโอเขียนให้ครูเฟริ์นและได้มอบให้ครูเฟริ์นจริงในวันสุดท้ายก่อนออกจากสเนพ่
Storytellers
หลังจากที่นอนคิดเกือบทั้งคืนว่าเราจะเก็บกระเป๋าไปพื้นที่เรียนรู้ที่ไหนดี(จากยี่สิบกว่าตัวเลือกที่ทางโครงการ storytellers in journey มีให้) เราก็ได้คำตอบสุดท้ายแล้ว พรุ่งนี้โมจะไปเสน่พ่อง!
Storytellers
           คุณเคยเห็นเวลาที่รถติดหล่มไหม มันคงใช้เวลาอยู่นานเลยนะกว่าจะหลุดพ้นจากหล่มนั้นมาได้ คงต้องใช้ทั้งเวลาทั้งแรงและปัจจัยอีกหลายๆอย่างมากมายในการหลุดออกมา การจากลาจากใครสักคนก็เหมือนกัน ความรู้สึกของการจากลามันก็เหมือนรถที่ติดหล่มที่เมื่อติดลงไปแล้วก็ทำให้ความ
Storytellers
          พบเพื่อลา มาเพื่อจาก ผมลุกจากที่นอนออกมาทำธุระส่วนตัวก็เห็นน้องๆกำลังแต่งตัวถือหนังสือเตรียมตัวกันมาเรียน มันคงเป็นการตื่นมาเรียนที่แต่ละคนดูสดชื่นไม่เหมือนกับตัวเองสมัยเด็กๆที่โรงเรียนไม่ต่างอะไรจากกรงขังที่ตีกรอบสี่เหลี่ยมให้กับเราแต่สำหรับที่นี่โรงเรียนเหมือน